'อิ๊งค์' ผงาด!! นำทีมเปิดชุดนโยบายเศรษฐกิจ ชูโรดแมปบันได 4 ขั้น พาเพื่อไทยชนะแบบแลนด์สไลด์

(9 ต.ค. 65) ที่ ThinkLab พรรคเพื่อไทย (พท.) ชั้น 1 แกนนำพรรคพท.ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคพท. นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานด้านการขจัดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรค และประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคและคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคและประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เปิดตัวนโยบายเพื่อไทย เพื่อชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ ในงานฟอรั่มนโยบายครั้งที่ 1

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ จะเป็นกุญแจดอกเดียวที่จะช่วยพี่น้องประชาชนให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นและลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง พรรคพท.ได้เตรียม 3 เสาหลักสู่ชีวิตใหม่ของประชาชนพร้อมแล้วคือ 1. ผู้แทนราษฎรที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน 2. นโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาและทำได้จริงตามที่สัญญาไว้ และ 3. ผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีศักยภาพและความสามารถ ประชาชนสามารถฝากความหวังและมอบความไว้วางใจนำพาประเทศพ้นวิกฤต ซึ่งพท.จัดงานขึ้นเพื่อเปิดตัวเสาหลักนโยบายชุดนโยบายชุดเศรษฐกิจภายใต้แนวคิด “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อรายได้ใหม่ของประชาชน” ส่วนนโยบายชุดอื่น ๆ จะมีการเปิดตัวในลำดับถัดไป ประชาชนไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤต ประชาชนเป็นทุกข์เพราะรายได้น้อย เป็นหนี้ ไม่มีกำลังซื้อ ร้านค้าขายของไม่ได้ โรงงานผลิตไม่ได้ ไม่จ้างงาน รัฐก็เก็บภาษีไม่ได้ รัฐบาลประยุทธ์แก้หนี้ด้วยการสร้างหนี้ แต่เพื่อไทยคิดต่าง เราจะทำให้เศรษฐกิจดีด้วยรายได้ใหม่ เราจะแก้หนี้ด้วยการสร้างรายได้ และรายได้นั้นจะต้องเป็นรายได้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นให้กับคนทุกกลุ่ม ประเทศและประชาชนจะต้องถูกปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย พท.วางทิศโดยมีเป้าเพื่อกอบกู้สถานการณ์ย่ำแย่ของประเทศไทย ขอให้เชื่อมั่นว่าพท.ทำได้จริง เพราะเราทำสำเร็จมาแล้วในอดีต ประชาชนไทยจะต้องอยู่ดีกินดีอีกครั้ง

นายวิสุทธิ์ กล่าวนำเสนอนโยบายผ่าตัดเกษตรกรรม รดน้ำที่ราก สร้างเงินจากดิน พลิกเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรให้หายจนอย่างถาวรว่า การเกษตรจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ด้วยหลักการตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ คือผลิตสิ่งที่ตลาดต้องการ ใช้ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต พร้อมหาโอกาสใหม่ ๆ เช่น ใช้ความรู้สมัยใหม่เพิ่มผลผลิตจากพืชที่ปลูกอยู่แล้ว อาทิ ข้าว และยาง ผลิต และพืชอาหารสัตว์ อาทิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง เพื่อทดแทนการนำเข้าและขยายการส่งออกด้วยโครงการโคขุนเงินล้าน สำหรับการบรรเทาทุกข์ระยะเร่งด่วน นโยบายพักหนี้เกษตรกร พร้อม ๆ กับการสร้างรายได้จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยโครงการบำนาญเกษตรกร ซึ่งจะทำเพื่อดูแลเกษตรกรรุ่นบุกเบิกและดึงดูดเกษตรกรรุ่นใหม่ เปลี่ยนเงินให้เปล่าเป็นต้นทุนสร้างชีวิตผลิตรายได้ให้เกษตรไทยอย่างยั่งยืน โดยมีหลักทำงานคือ ดินนำ น้ำดี มีต้นพันธุ์ ยืนยันราคา จัดหาแหล่งทุน สนับสนุนกรรมสิทธิ์ มีเป้าเปลี่ยนผืนแผ่นดินเดิมจากที่เคยสร้างรายได้ 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี

นายเผ่าภูมิ กล่าวนำเสนอนโยบายเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone; NBZ) ดึงเงินนอก ปลุกเงินใน เปลี่ยนเงินที่หลับใหลเป็นเงินที่สร้างเงิน ด้วยเขตธุรกิจใหม่ 4 แห่ง คือ เชียงใหม่, กรุงเทพ, ขอนแก่น, และหาดใหญ่ โดยพรรคพท.จะเดินหน้าสร้างกุญแจ 3 ดอกให้กับประเทศ คือกุญแจดอกที่ 1 กฎหมายธุรกิจชุดใหม่ เพื่อปลดล็อกปัญหาการทำธุรกิจในทุกมิติ รวมถึงดึงการลงทุนจากต่างชาติ เข้าแก้ปัญหาทั้งด้านใบอนุญาต แรงงาน นำเข้าส่งออก และการธุรกรรมระหว่างประเทศ กุญแจดอกที่ 2 สิทธิประโยชน์ใหม่ ภาษีจากกำไร ภาษีเงินได้ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีนำเข้าจะได้สิทธิประโยชน์ไม่แพ้ที่ใดในโลก กุญแจดอกที่ 3 ระบบนิเวศน์ใหม่ โดยการสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ระบบการศึกษาและการผลิตคนใหม่ และระบบธนาคารใหม่ เป็นกองหลังเพื่อผลักกองหน้าซึ่งได้แก่ภาคเอกชนให้ขับเคลื่อนได้ โดยกุญแจทั้ง 3 ดอกจะถูกสร้างขึ้นในเขตธุรกิจใหม่ และรายได้ใหม่จะถูกสร้างให้กับประชาชน

นายสุทิน กล่าวนำเสนอนโยบายเงินโอน คนสร้างตัว (Earned Income Tax; EIT) ว่า พรรคพท.ต่อสู้กับความจนเพื่อประชาชนมาอย่างยาวนาน นโยบายของพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนจนมาถึงเพื่อไทยพิสูจน์แล้ว ว่าได้ช่วยลดความยากจนลงได้อย่างต่อเนื่อง เราเริ่มคิดจากนโยบายที่ทำได้จริง โดยเงินโอน คนสร้างตัวจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยเกินกว่าจะดำรงชีพ จะได้รับเงินภาษีแทนการจ่ายเงินภาษี จนกระทั่งมีความมั่นคงและสร้างตัวได้ ส่วนการจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงิน จะเน้นไปที่กลุ่มที่มีความจำเป็นมากที่สุด ซึ่งประเด็นสำคัญที่สุดของนโยบายนี้ คือการสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานเข้ามาในระบบและมีโอกาสพัฒนาสร้างตัวเองไปด้วย

น.ส.ณหทัย กล่าวนำเสนอนโยบายเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่าย ตลอดชีวิต (Lifelong Learning Lifelong Earning) ว่า พท.จะสร้างแพลตฟอร์มจับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด สร้างรายได้ที่ดีที่สุด โดยในแพลตฟอร์มนี้ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่หลากหลายได้ตลอดเวลา สะสมเครดิตการเรียน และเทียบคุณวุฒิเพื่อไปต่อยอดการทำงานโดยไม่มีวันหมดอายุ นอกจากนี้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มนี้จะถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างไม่ด้อยกว่าชาติใด นอกจากนี้เราจะฟื้นนโยบายแจกแทปเล็ตเพื่อการศึกษาและอินเทอร์เน็ตตำบลในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาใช้อีกครั้ง

ด้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นโยบายของพรรคพท.จะดำเนินการด้วยโรดแมป “บันได 4 ขั้นเพื่อหมุดหมายชีวิตใหม่ของประชาชน” ดังนี้...

บันไดขั้นที่ 1 'เพื่อศักยภาพใหม่' ของประเทศและประชาชนไทย ผ่านนโยบาย “1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ ซอฟต์พาวเวอร์” (One Family One Soft power; OFOS) ว่า คือการสร้างเงินจากสมองและสองมือ หากพท.เป็นรัฐบาล เราจะทำสิ่งสำคัญ 3 อย่างคือ 1. พัฒนาศักยภาพคนไทยผ่านศูนย์บ่มเพาะที่อยู่ในชุมชน ทักษะต่าง ๆ เช่น อาหาร แฟชั่น กีฬา ศิลปะ ดนตรี การเขียนโปรแกรม และความสามารถทาง E-sport จะถูกถ่ายทอดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมส่งเสริมผลักดันให้ความสามารถนั้นออกไปสู่เวทีใหญ่จนก้าวไปถึงระดับนานาชาติ 2. สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ แก้กฎหมายที่ปิดกั้นโอกาส สร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้มากพอ และเชื่อมภาครัฐ ภาคเอกชนเข้ากับภาคประชาชน หรือคือการเชื่อมผู้ผลิตเข้ากับแหล่งวัตถุดิบ จะทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด และ3. ออกแบบนโยบายต่างประเทศ เน้นการส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม ใช้การทูตขยายอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้วยการเปิดตลาดใหม่ ๆ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะศักยภาพของทุกคนสามารถสร้างเป็นรายได้อย่างไม่สิ้นสุด

บันไดขั้นที่ 2 'เพื่อรายได้ใหม่' แก้หนี้สินด้วยการเพิ่มพูนรายได้ทวีคูณ ให้เศรษฐกิจประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจใหม่ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง 

บันไดขั้นที่ 3 'เพื่อสังคมใหม่' ความมั่นคงคือความปลอดภัยของทุกคนอย่างเท่าเทียม 

และบันไดขั้นที่ 4 'เพื่อการเมืองใหม่' ที่หลักนิติรัฐนิติธรรมเข้มแข็ง รัฐธรรมนูญต้องมีที่มาจากประชาชน วุฒิสภาต้องไม่มีอำนาจในการเลือกนายกฯ และรัฐของราชการต้องถูกเปลี่ยนเป็นรัฐของประชาชนอย่างแท้จริง กลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

“เรายังมีนโยบายอีกมากมายที่เราจะเล่าให้ประชาชนฟัง เราจะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ต่อเนื่องและครอบคลุม วันนี้เวลาของประยุทธ์หมดแล้ว ถึงเวลานับถอยหลังสู่ความเข้มแข็งของประชาชน และความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาลพรรคพท.” น.ส.แพทองธาร กล่าว