Monday, 6 May 2024
เสียชีวิต

‘สมบัติ เมทะนี’ พระเอกตลอดกาล เสียชีวิตแล้ว ในวัย 85 ปี

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม รอง เค้ามูลคดี ได้โพสต์เฟซบุ๊กอาลัยต่อการจากไปของนักแสดงรุ่นใหญ่ 'สมบัติ เมทะนี' หรือพี่แอ๊ด น้าแอ๊ด ของคนในวงการบันเทิง ในวัย 85 ปี

โดยระบุว่า “ขอให้พี่ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะครับ” “ข่าวน่าเสียใจอย่างยิ่ง กับการจากไปของพี่แอ๊ด สมบัติ เมทะนี เช้านี้ครับ หลับไปเฉยๆ ครับ ขอพี่แอ๊ดสู่สุคติบนสรวงสวรรค์ด้วยครับ”

ทั้งนี้ สมบัติ เมทะนี หรือ แอ๊ด เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี 2559 ถือเป็นนักแสดง และผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง โดย กินเนสบุ๊คยังบันทึกไว้ว่าเป็นนักแสดงที่รับบทเป็นพระเอกมากที่สุดในโลก โดยแสดงเป็นพระเอกถึง 617 เรื่อง

สมบัติ จบการศึกษาจาก โรงเรียนเทพศิรินทร์ ก่อนเข้าศึกษาต่อ ระดับอนุปริญญาที่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย

ชีวิตส่วนตัว สมรสกับ กาญจนา เมทะนี มีบุตรด้วยกัน 5 คน


ที่มา : https://www.matichon.co.th/entertainment/thai-entertainment/news_3513279

ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบเหตุตำรวจ ตชด.ภ.2 ยิงกันเสียชีวิต กำชับดำเนินคดีตามกฎหมาย ดูแลเยียวยาผู้เสียชีวิต

วันนี้ (5 ธ.ค.2565 ) เวลา 13.00 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยถึงกรณี ตำรวจ ตชด.ภาค 2 ยิงตำรวจ ตชด. สังกัดเดียวกัน เสียชีวิตที่บริเวณป้อมยามทางเข้าบ้านพัก ตชด.ภาค 2 จ.ขอนแก่นว่า

จากการได้รับรายงานในเบื้องต้นทราบว่า เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 08.45 น. ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับรายงานว่ามีเหตุตำรวจยิงกันเสียชีวิต บริเวณป้อมยามทางเข้าบ้านพัก ตชด.ภาค 2 จึงเดินทางไปตรวจสอบ 

พบผู้ก่อเหตุ คือ ด.ต.ชูชาติ ปลวกเขียว อายุ 49 ปี สังกัด ตชด.ภาค 2 ได้ก่อเหตุยิง ด.ต.พิชิต แสนขันธ์ อายุ 44 ปี สังกัดเดียวกัน ด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 3 นัด จน ด.ต.พิชิตฯ เสียชีวิต 

‘สุชาติ’ เสียใจ เหตุเครื่องย่อยยางบดร่างแรงงานดับ สั่ง ‘กสร.-สปส.’ ตรวจสอบเหตุ-ช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต

รมว.แรงงาน ห่วงเหตุลูกจ้างถูกเครื่องบดย่อยยางดึงร่างเข้าไปทำให้เสียชีวิต จังหวัดบุรีรัมย์ สั่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุ และเร่งช่วยเหลือให้ญาติได้รับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมาย โดยเชิญนายจ้างสอบ 12 มกราคมนี้

(11 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงอุบัติเหตุลูกจ้างถูกเครื่องจักรซึ่งเป็นเครื่องบดย่อยยางดึงร่างเข้าไปทำให้เสียชีวิต ว่า ทันทีที่ทราบข่าว ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวลูกจ้างผู้เสียชีวิต พร้อมได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งพนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ และศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 3 (นครราชสีมา) ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ ตรวจสอบหาสาเหตุ และเร่งดำเนินการช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายทันที 

เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 22.30 น. สถานที่เกิดเหตุสถานประกอบกิจการในอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายยางพารา มีลูกจ้างประมาณ 1,092 คน ทำงานประจำแผนกเครื่องจักร จำนวน 47 คน โดยมีนายศุภชัย ศรีผง อายุ 31 ปี ลูกจ้างผู้เสียชีวิต กำลังปฏิบัติงานที่แผนกเครื่องจักรอยู่ ขณะเกิดเหตุได้นำแผ่นยางเพื่อใส่เครื่องบดย่อยยาง ซึ่งแผ่นยางได้ติดค้างที่เครื่องบดย่อยยาง นายศุภชัยฯ จึงได้โน้มตัวเข้าไปดึงแผ่นยางออก โดยไม่ได้ปิดสวิตช์หยุดเครื่องจักร ทำให้ตัวนายศุภชัยฯ ถูกเครื่องบดย่อยยางดึงเข้าไปในเครื่องพร้อมแผ่นยางเป็นเหตุให้เสียชีวิตทันที ซึ่งพนักงานตรวจความปลอดภัย สสค.บุรีรัมย์ ได้มีหนังสือเชิญนายจ้าง และ ผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในวันที่ 12 มกราคม 2566 และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ญาติลูกจ้างผู้เสียชีวิตพึงได้รับตามกฎหมายต่อไป

'ลิซา มารี เพรสลีย์' ทายาท 'เอลวิส' เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี

‘ลิซา มารี เพรสลีย์’ ทายาทราชาร็อกแอนด์โรล ‘เอลวิส เพรสลีย์’ เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี

(13 ม.ค. 66) สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอข่าว Lisa Marie Presley, daughter of Elvis, dies aged 54 ระบุว่า ลิซา มารี เพรสลีย์ (Lisa Marie Presley) ลูกสาวของ เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ศิลปินในตำนานเจ้าของฉายา 'ราชาร็อกแอนด์โรล' เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี โดยอ้างการเปิดเผยของ พริสซิลลา เพรสลีย์ (Priscilla Presley) ภรรยาของเอลวิส และมารดาของลิซา แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม

“เธอเป็นผู้หญิงที่หลงใหล แข็งแกร่ง และน่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จักมา เราขอความเป็นส่วนตัวในขณะที่เราพยายามจัดการกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้” พริสซิลลา กล่าว

ลิซา มารี ถูกหามส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา หลังพบในสภาพหมดสติที่บ้านพักในเมืองคาลาบาซัส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เธอเกิดในปี 2511 และเดินตามรอยบิดาในฐานะศิลปินนักร้อง มีผลงาน 3 อัลบั้ม โดยอัลบั้มแรกเปิดตัวในปี 2546 ทำยอดขายได้หลายแสนชุดและใด้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกโดยทั่วไป

โซเชียลอาลัย ‘ส.ต.อ เศรษฐการ ลอยขามป้อม’ ถูกเก๋งพุ่งชนเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่

(24 ก.พ. 66) โซเชียลแห่แชร์คลิปภาพระทึก รถเก๋งคันหนึ่งซิ่งชนรถจักรยานยนต์ตำรวจทางหลวงเสียชีวิต บนทางต่างระดับลำลูกกา มุ่งหน้าบางปะอิน โดยหลังเกิดเหตุคนขับได้จอดรถทิ้งไว้แล้วหนีไป ซึ่งจากลักษณะเบี่ยงรถหักหัวเข้าหารถตำรวจทางหลวงนายนี้แล้วพุ่งชน ลักษณะเหมือนจงใจขับชนหรือไม่

นี่เป็นคลิปภาพที่ได้มาจากกล้องติดหมวกของ สิบตำรวจเอก เศรษฐการ ลอยขามป้อม ผู้บังคับหมู่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง บันทึกเอาไว้ได้ตั้งแต่ช่วงแรกที่ สิบตำรวจเอก เศรษฐการ ขอตรวจค้น แต่คนขับไม่ยอมหยุดรถให้ตรวจ กลับเร่งเครื่องขับหลบหนีอย่างรวดเร็ว เรื่อยมาจนถึงบริเวณสะพานต่างระดับ บนถนนกาญจนาภิเษก ด้านตะวันออก (บางปะอิน-บางพลี) หรือมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 30 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา โดย รถเก๋ง สีดำ ได้ขับเบียดแล้วหักหัวรถพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ สิบตำรวจเอก เศรษฐการ ขี่มาจนล้มคว่ำ เป็นเหตุให้เสียชีวิตทันที เหตุการณ์เกิดช่วงเย็นเมื่อวานนี้

หลังเกิดเหตุตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ พบร่าง สิบตำรวจเอก เศรษฐการ สวมเครื่องแบบตำรวจ นอนหงายหน้าอยู่บนพื้นถนนน สภาพที่ศีรษะมีบาดแผลฉีกขาด และห่างไปประมาณ 100 เมตร พบรถจักรยานยนต์ สีขาว ซึ่งเป็นรถที่ตำรวจนายนี้ขี่มาก่อนจะถูกชน ด้านหน้าพังเสียหาย และอีกจุดไม่ไกลกันพบรถเก๋ง สีดำ คันก่อเหตุถูกจอดทิ้งไว้ แต่ไม่พบตัวคนขับ โดยมีพยานเห็นว่า คนขับเป็นผู้ชาย สวมเสื้อสีดำ ลงรถแล้ววิ่งหนีไปทางถนนลำลูกกา จากนั้นตำรวจเข้าตรวจภายในรถเจอขวดเบียร์ สภาพถูกเปิดฝาดื่มแล้ว แต่ยังดื่มไม่หมดขวด

เบื้องต้นได้สอบถามข้อมูลจากพนักงานของกรมทางหลวง ซึ่งเป็นคนที่โทรศัพท์แจ้งเหตุกับตำรวจ เล่าว่า ขณะพวกตนปฏิบัติงานอยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม ก็ได้ยินเสียงคล้ายรถชนกัน เมื่อหันมามองเห็นฝุ่นตลบและมีรถเก๋งสีดำ จอดอยู่ 1 คัน จึงขับรถวนมาตรวจสอบถึงได้เห็นตำรวจนายนี้นอนเสียชีวิตแล้ว 

ระหว่างตำรวจกำลังสืบสวนควานหาตัวคนขับรถเก๋ง สีดำ ปรากฏว่าเวลาประมาณ 20.30 น. เมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) นายกิตติรัช คนขับรถเก๋ง สีดำ ที่ขับชนรถจักรยานต์ของ สิบตำรวจเอก เศรษฐการ เสียชีวิต โผล่เข้ามอบตัวกับตำรวจที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยตลอดช่วงที่ถูกสอบปากคำนานเกือบ 4 ชั่วโมง สังเกตว่าผู้ก่อเหตุมีสีหน้าเคร่งเครียด เบื้องต้นเจ้าตัวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุจอดรถไว้ริมมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 เพื่อตกปลาในหนองน้ำ ระหว่างนั้นมีตำรวจทางหลวงมาไล่ เพราะเป็นจุดที่ไม่ให้จอด แต่เมื่อตำรวจพยายามขอตรวจค้น จึงพยายามขับรถหนี เพราะมีขวดเบียร์ และบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในรถ จึงกลัวว่าจะถูกจับดำเนินคดี ส่วนสาเหตุที่ตนเองหักรถชนรถตำรวจนั้น นายกิตติรัช ผู้ก่อเหตุอ้างว่าตกใจ และพยายามขับรถหนี ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ส่วนผลการตรวจแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายของผู้ก่อเหตุเบื้องต้นยังไม่พบ

ขณะที่ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบเก็บหลักฐานรถเก๋งของผู้ก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ของตำรวจที่เสียชีวิต เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าในรถเก๋งมีนามบัตรของผู้ก่อเหตุ ระบุว่ามีอาชีพเป็นครูสอนขับรถ ส่วนขวดเบียร์และบุหรี่ไฟฟ้าที่พบในรถเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานไปก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา ดำเนินคดีต่อเลยทันทีเมื่อคืนนี้

ระหว่างที่ตำรวจควบคุมตัว ผู้ก่อเหตุออกจากอาคารมาเจอกลุ่มคนขี่รถบิกไบก์จำนวนนับ 10 คน ซึ่งคนเหล่านี้ทราบว่าเป็นเพื่อนร่วมก๊วนขี่รถบิกไบก์และเคยเข้าร่วมอบรมการขับขี่ปลอดภัยกับตำรวจที่เสียชีวิตนายนี้ด้วย โดยมายืนรอดูหน้าผู้ก่อเหตุ ทันทีที่เห็นหน้าวิ่งกรูเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ มีรายงานข่าวตำรวจนายนี้กำลังจะแต่งงานกับแฟนสาวอีกด้วย    

ตำรวจเกาหลีใต้ พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทย คาดเสียชีวิตเพราะควันจากก่อไฟคลายหนาว

(25 ก.พ.66) เพจเฟซบุ๊ก 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' โพสต์ข้อความรายงานว่า...

พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทยที่ไปทำงานประเทศเกาหลีใต้ เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักเขตโกชาง ซ็อลลาเหนือ โดยทั้งคู่เข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย

สำหรับ 2 คนไทยที่เสียชีวิต (ขาดอากาศหายใจในบ้านพัก) ในเขต โกชาง ซ็อลลาเหนือ พบศพชาวไทย คู่สามี ภรรยา ชายไทยวัย 55 ปี และ ภรรยาวัย 57 ปีเสียชีวิตในบ้านบ่ายพฤหัสบดี ทั้งคู่เข้าเมืองผิดกฏหมาย พบร่างทั้งคู่นอนอยู่บนพื้นห้อง และฟืนที่เหลืออยู่บางส่วน ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ติดระบบทำความร้อน

พวกเขาก่อไฟในห้องเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยพิษของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ทั้งคู่จ่ายเงิน 300,000 วอน ($230) เป็นค่าเช่ารายปี ตามที่ตำรวจระบุ

ตำรวจและเพื่อนบ้านเสริมว่าทั้งคู่มาที่เกาหลีเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนด้วยความหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า 'ความฝันแบบเกาหลี' ทั้งคู่อยู่ในเขตชนบททำไร่ทำนาใช้ชีวิตลำบาก และมีรายงานว่าพวกเขาส่งเงินที่ได้มาให้ลูก ๆ ในประเทศไทยตลอด


ที่มา: https://www.facebook.com/WorldForumTh/posts/749508343404837

'ดีเจวิว' เจ้าของวลีดัง “เอ้า ไปไป-อะฮิฮิฮิ” เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

(28 ก.พ. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘Sarayut Iammongkhon’ ซึ่งเป็นผู้จัดการดีเจวิว ดีเจเด็กชื่อดัง เผยข่าวเศร้าว่า…

“ธัญยธรณ์ โพธิ์มณี หรือ ‘ดีเจวิว’ เจ้าของวลีดัง “เอ้า ไปไป”, “อะฮิฮิฮิ” เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อช่วงเวลาตี 1 ของวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา”

ก่อนหน้านี้ ทางผู้จัดการของน้องวิวยังระบุว่า…

“จากที่ดีเจวิว ได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผม ผจก.ดีเจวิว ขออัปเดตอาการล่าสุดให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้องๆ ทราบครับ ดีเจวิวหมดสติขณะนำส่งโรงพยาบาล อยู่ในความดูเเลอย่างใกล้ชิดของเเพทย์ครับ ขอกำลังใจจากทุกคนที่รู้จักน้อง ขอให้น้องผ่านพ้นขีดอันตรายนี้ไปได้ ขอปฏิหาริย์จงเกิดกับน้องครับ”

โลกออนไลน์ร่วมส่งกำลังใจให้ ‘เฌอปราง BNK48’ หลังสูญเสีย ‘ฌาน อารีย์กุล’ น้องชายเพียงคนเดียว

(1 มี.ค. 66) จากกรณี พบศพ นายฌาน อารีย์กุล หรือ ‘ฌาณ’ อายุ 19 ปี อดีตนักกีฬาโบว์ลิ่งเยาวชนทีมชาติ และเป็นน้องชายแท้ ๆ ของ น.ส.เฌอปราง อารีย์กุล หรือ ‘เฌอปราง’ ผู้จัดการวง BNK48 พลัดตกจากที่สูงภายในคอนโดมิเนียม เขตคลองสาน กทม. เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา

ล่าสุด พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8 เผยถึงความคืบหน้าว่า ทางพนักงานสอบสวน ได้เรียกญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางเข้ามาให้ปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นผู้ปกครอง ได้ดูภาพที่กล้องวงจรปิดของทางคอนโดมิเนียมบันทึกได้เป็นที่เรียบร้อย โดยไม่สงสัยสาเหตุการตาย เนื่องจากกล้องบันทึกภาพไว้ชัดเจน ขณะก่อนเกิดเหตุ ซึ่งตามปกติผู้ตายพักอยู่ในห้องบนชั้นที่ 9 แต่ขึ้นไปบนชั้นที่ 27 และกระโดดลงมา โดยไม่มีใครอยู่ด้วยในขณะนั้น

จากการสอบสวนเพื่อนหญิง ที่อยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้าย ได้ให้การว่า ผู้ตายมีปัญหากับแฟนสาวเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับช่วงเวลาเกิดเหตุ เพื่อนสาวได้เข้าห้องน้ำอยู่ และเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบตัวผู้ตาย จึงออกจากห้องไปตามหา และมาทราบในภายหลังว่า ผู้ตายเสียชีวิตแล้ว

ส่วนสาเหตุทราบข้อมูลจากทางญาติเพียงคร่าว ๆ ว่า ผู้ตายน่าจะมีปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องความรัก ซึ่งตนได้สั่งให้พนักงานสอบสวน เร่งดำเนินการเรื่องผลชันสูตรพลิกศพ และออกเอกสารให้ญาตินำไปขอรับศพที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ กรณีนำร่างผู้เสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบผู้ตายเดินออกจากห้องพักชั้น 9 ก่อนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 27 แล้วเดินไปที่ดาดฟ้า ก่อนนั่งริมระเบียงประมาณ 5 นาที จากนั้นก็หงายหลังตกตึกลงมาเสียชีวิต ส่วนการตรวจสอบประวัติการรักษาทางการแพทย์ต่าง ๆ ของผู้ตายนั้น ขณะนี้รายละเอียดยังอยู่ในสำนวน

ด้าน น.ส.เฌอปราง อารีย์กุล อดีตกัปตัน ที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการวงไอดอลชื่อดังอย่าง BNK48 ได้โพสต์ข้อความบนพื้นหลังสีดำ ว่า

“วันนี้เฌอไม่ได้ไปร่วมงานนะคะ (Admin A)”

โดยงานที่ น.ส.เฌอปรางกล่าวถึง เมื่ออ้างอิงตามตารางงาน วันนี้ (1 มี.ค. 66) เฌอปรางมีกำหนดเข้าร่วมงาน แฟชั่นโชว์แบรนด์กระเป๋าเดินทาง ที่แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน ในเวลาประมาณ 14.00 น.เป็นต้นไป

‘ซิโก้’ นำอัฐิของ ‘น้องดอม’ สมาชิกทีมหมูป่า กลับถึงไทยแล้ว ด้านครอบครัวเตรียมนำไปประกอบพิธีฯ ที่วัดพระธาตุดอยเว้า

(4 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.30 น. ที่ผ่านมา ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หรือ ‘ซิโก้’ ประธานมูลนิธิซิโก้ ได้นำอัฐิของ ‘น้องดอม’ หรือ นายดวงเพชร พรหมเทพ หนึ่งในทีมหมูป่า อะคาเดมี ที่เสียชีวิตที่ประเทศอังกฤษ กลับมายังประเทศไทย ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG911 โดยมี นางธนพร พรหมเทพ แม่ของน้องดอม และครอบครัว จากจังหวัดเชียงราย เดินทางมารับอัฐิของน้องดอมที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลทางพิธีศาสนาที่จังหวัดเชียงรายต่อไป

โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งนี้ครอบครัวของน้องดอม จะเดินทางกลับจังหวัดเชียงรายทันที ในช่วงเที่ยงของวันนี้

สิ้นชีพต่างแดน!! ‘แรงงานไทย’ เสียชีวิตปริศนาในฟาร์มหมู เกาหลีใต้ นายจ้างกลัวความผิด จัดฉากอำพลางศพทิ้งบนภูเขา

(8 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงาน เพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ รายงานพบศพแรงงานไทย วัย 60 ปี ในฟาร์มหมู ถูกนำไปทิ้งเชิงเขาตามรายงานของสถานีตำรวจโพชอนเมื่อวันที่ 6 และวันที่ 4.03.2023 คนงานไทยอายุ 60 ปี ถูกพบเสียชีวิตที่ฟาร์มหมูบนเนินเขาในยองบุก-มยอน เมืองโพชอน จุดที่พบศพอยู่บริเวณเชิงเขาห่างจากที่พักประมาณ 200 เมตร

ในวันที่ 4/03 ตำรวจได้รับแจ้งจากแรงงานไทยอีกคนว่าไม่พบเพื่อนคนไทยชื่อ นาย B (ชื่อสมมติ) ทำงานที่ฟาร์มหมูแห่งนี้มาเกือบ 10 ปี เป็นผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย

ตำรวจพบศพชายสัญชาติไทยนาย B อายุ 60 ปี บนเนินเขาใกล้กับฟาร์มหมูในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน 4/03 ตำรวจได้ออกหมายจับเจ้าของฟาร์มหมููชื่อนาย A (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจกล้องที่เกิดเหตุพบรถไถของเจ้าของฟาร์ม A กำลังเคลื่อนที่อยู่ในบริเวณนั้นคาดว่านำศพไปทิ้ง ตำรวจเชื่อว่านาย A อาจลงมือก่อเหตุเพราะกลัวว่าเขาจ้างคนเข้าเมืองผิดกฎหมายทำงาน กลัวถูกค้นพบ และกำลังสืบสวนค่าจ้างและสภาพการทำงานของฟาร์มต่าง ๆ

นอกจากนี้ ตำรวจยังได้สอบสวนลูกชายเจ้าของฟาร์มว่ามีส่วนร่วมในการก่อหตุหรือไม่ ข่าวในวันที่ 7/03 ผลการชันสูตรโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ไม่พบข้อสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรมในร่างกายของแรงงานไทย องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจและกระทรวงการจ้างงานและแรงงานกำลังตรวจสอบ สภาพแวดล้อมการทำงานโดยรวมและการค้างค่าจ้างของฟาร์ม

อีกประเด็น คือ ความเป็นอยู่ของแรงงาน นอนข้างเล้าหมูกลิ่นเหม็น ชื้น และห้องพักไม่ถูกสุขอนามัยขนาด 3X3 มีขยะ ผู้เสียชีวิตทำงานที่ฟาร์มนี้มา 10 ปี ดูแลหมู 1,000 ตัวกวาดล้างมูลสุกรหรือดูแลสุกรในตอนกลางคืน ทำวันละหลายชั่วโมง และผู้เสียชีวิตติดต่อทางบ้านที่ประเทศไทยบ่อย แต่ในชีวิตจริงเขาปลีกตัวอยู่คนเดียวภายในห้องนอน ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น

ส่วนประเด็นสาเหตุการเสียชีวิต 1. ฆาตกรรม /น่าจะถูกตัดออก ผลนิติออก 7/03 ไม่มีร่องรอย 2.ทิ้งศพ หนีความผิดจ้างแรงงานเถื่อน 3.ความเป็นอยู่ ทำให้เสียชีวิต (อาทิ หนาว เชื้อโรค อากาศกลิ่น ไม่ถูกสุขอนามัย) 4.ค้างค่าจ้างหรือไม่ และ 5.ประเด็นอื่น ๆ รอตำรวจสรุปหาสาเหตุการเสียชีวิต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top