Thursday, 2 May 2024
เมืองไทย

ชุมพร - ชู 'Sand Dune' เนินทรายงาม แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ หนึ่งเดียวของเมืองไทย!!

จังหวัดชุมพรชู  'Sand Dune' หรือเนินทรายงามแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่หนึ่งเดียวของเมืองไทยพลิกภาพจากเมืองผ่านสู่เมืองต้องแวะที่อุดมด้วยแหล่งท่องเที่ยวและของดีครบวงจร ในอดีตจังหวัดชุมพรที่เป็นประตูสู่ภาคใต้มักจะเป็นเมืองที่มาไม่ถึง หรือไม่เป็นเมืองผ่านเพื่อไปสู่จังหวัด ยอดนิยมทำให้พลาดโอกาสสัมผัสความงดงามและเสน่ห์ของเนินทรายชุมพร ยุคสมัยก่อนต่างมองว่าขุมพรเป็น เมืองป่าเมืองดงห่างไกลความเจริญเป็นแค่ทางผ่าน แม้แต่บทเพลงชื่อดังยุคนั้นอย่าง "ไอ้หนุ่มชุมพร'ยังบันทึกไว้ ว่าหนุ่มจากชุมพรอุตส่าห์ดั้นด้นไปจีบสาวถึงสุราษฎรธานี ที่ยังโดนสาวบ้านดอนสาวเกาะสมุยหักอกจนชอกช้ำไม่มี ชิ้นดีต้องชมซานกลับบ้านเก่า แต่ปัจจุบันนี้ชุมพรเปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจที่ กำลังเจียระไนไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังวิกฤตโควิด-19 นี้ในการท่องเที่ยววิถีใหม่

วันนี้ (12 ต.ค. 64) นายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ร่วมประชุมเพื่อประชาสัมพันธ์การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเนินทรายงาม (Sand Dune) อำเภอ ปะทิว จังหวัดชุมพร โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็น ณ โรงแรมเอ เต้ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร และเชื่อมต่อกับผู้เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์  ณ ร้าน  Helio Beach Club อำเภอ ปะทิว ร่วมแสดงความคิดเห็น

โดยกรมการท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้บริษัท เทสโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาดำเนินการโครงการ จัดทำ แผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเนินทรายงาม (Sand Dune ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศต้นแบบเพื่อรองรับการ ท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal ตามเส้นทาง Scenic Route บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเชื่อมโยง กับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งในจังหวัดชุมพร และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเนินทรายงาม (Sand Dune) อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นแหล่งท่องเที่ยวเนิน ทรายแห่งเดียวในประเทศไทย เกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ประกอบเข้าด้วยกันหลาย ๆ ปัจจัย คือ การยกตัวของ ชายฝั่งอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน การขึ้นลงของระดับน้ำทะเล การตั้งอยู่ในพื้นที่กระแสลมแรง เม็ด ทรายชายทะเลที่มีขนาดเล็กมากและน้ำหนักเบาสามารถล่องลอยตามกระแสลมพัดพาไปสะสมในระยะไกล ๆ ได้ ทำ ให้มีความหลากหลายของพันธุ์ไม้ ทั้งพันธุ์ไม้ประจำถิ่น และพันธุ์ไม้จากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เนินทรายงามดังกล่าว มีความเป็นเอกลักษณ์ มีพันธุ์พืชที่ขึ้นอยู่ในระบบนิเวศป่าเนินทราย ซึ่งหาดูได้ยากในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทย

ประกอบกับแหล่งท่องเที่ยวเนินทรายงามตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศอื่น ๆ ทั้งในเขตจังหวัด ชุมพร และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อาทิ โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จังหวัดชุมพร ธนาคารปู แหล่งดำน้ำเกาะร้าน เป็ดร้านไก่ หาดบางเบิด หาดทุ่งวัวแล่น ซึ่งล้วนแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ ได้รับความนิยมบนเส้นทาง Scenic Route เลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทย

 

'พงศ์พรหม' เน้น 95% ความสกปรก 'กทม.-เมืองไทย' ไม่ใช่ความห่วยของภาครัฐที่เราด่าเขาทั้งวัน

'พงศ์พรหม' ชี้!! ทุกครั้งที่คนไทยไปต่างประเทศ แทบทุกคนจะเอาสิ่งดี ๆ ในต่างประเทศมาเปรียบเทียบกับไทย แล้ว 'ด่า' ทั้งที่บางเรื่องเกิดจากพฤติกรรมคนไทยทั้งนั้น

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat ระบุว่า..

ผมไม่ได้ออกนอกประเทศมาร่วม ๆ 4 ปี

ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ผมมีมุมมองเมืองไทยที่เปลี่ยนไปเยอะ ที่อยากชวนเพื่อนๆ มาแบ่งปันกัน

เวลาเราไปต่างประเทศ แทบทุกคนจะเอาสิ่งดี ๆ ในต่างประเทศมาเปรียบเทียบกับไทย

ผมก็เป็น!!

เวลาเราบอกว่า ญี่ปุ่นสะอาด เยอรมันการเดินทางดี สิงคโปร์มีต้นไม้เยอะ

พอมองย้อนกลับมาไทย เรามักจะเริ่มต้นด้วยการด่า

ด่า ด่า ด่า ด่า ด่า ด่า 

เอาแค่ถนนในญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน (เช่นเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง) แม้แต่มาเลเซีย ที่สะอาดกว่ากรุงเทพมาก

เวลาเราด่า เราด่าใคร?
1. กทม.ห่วย ไม่ดูแลให้ดี
2. คนที่อยู่ในกรุงเทพนี่แหละ

แน่นอน กทม.โดนประจำแหละครับ ผมเองก็ด่าเขาบ่อย ซึ่งก็จะด่าไปเรื่อยๆ นะ

แต่เหตุใหญ่มันคือ 'คุณภาพ และความรับผิดชอบของประชาชน' ครับ

ถ้าไม่มีขยะบนถนนซะอย่าง กทม.เค้าก็ไม่ต้องมาตามเก็บทั้งวัน

ผมนั่งสังเกตที่ USJ (Universal Studio Japan) ที่คนแน่นคลั่ก

ตลอด 3 ชั่วโมง ผมเห็นคนทำความสะอาดคนเดียว!!

เพราะที่ตามถนนมันสะอาดได้ เพราะคนญี่ปุ่นไม่ทิ้งขยะเรี่ยราด

นั่นคือสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเขาสะอาด

'ดร.สมเกียรติ' โพสต์ 14 เหตุผลส่วนตัว ที่ทำให้ประเทศไทยน่าอยู่ที่สุดในโลก

(28 พ.ย. 65) ด้าน ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เหตุผลส่วนตัว 14 ข้อที่สะท้อนประเทศไทยน่าอยู่ที่สุดในโลก ว่า...

หนื่ง ผมชอบกินอาหารไทยทุกภาค ถ้าจะกินอาหารชาติต่าง ๆ ตอนนี้เมืองไทยมีหมด ยกเว้นอาหารเอสกิโม แนวแมวน้ำซึ่งผมไม่กิน อยู่ต่างประเทศไม่สะดวกครับ

สอง เมืองไทยอากาศกำลังดี ไม่มีหน้าหนาวที่โหด หน้าร้อนที่ทารุณ ยกเว้นภาคอีสาน แต่ก็แก้ไขได้โดยฟังลำเพลิน ลำซิ่ง โปงลาง ตอนกลางคืน เมืองไทยผลิตแอร์ขายอันดับต้นของโลกด้วย ไม่มีปัญหา

สาม อากาศระดับนี้ ผมไม่ต้องใส่โอเวอร์โค้ตหนักสี่ห้ากิโลไปโน่นนี่ ประหยัดพลังงานเยอะ หายใจสบายมาก ต่างจากอากาศที่เมืองจีน

สี่ เมื่ออายุมากขึ้น ผมชินกับการนอนบ้าน อยากไปไหนก็ขับรถออกไป ตีสอง ตีสาม ตีสี่ก็ได้ กรุงเทพไม่เคยหลับ ผมทำอย่างนี้ในประเทศอื่นไม่ได้ ไปทำแบบนี้แถวสิงคโปร์ มาเลย์มีโดนขอดูพาสปอร์ต นอนโรงแรมเมืองนอกตื่นขื้นมาไม่รู้จะทำอะไร เป็นท่าฝืนธรรมชาติ แก่เข้า ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นมากนัก

ห้า ที่สำคัญผมติดนวดสองอาทิตย์ครั้ง นวดแนวสาธารณสุขนี่ประเทศอื่นไม่มี มีโรงพยาบาลที่ผมรู้จัก เดินเข้าร้านขายยาเองก็ได้ สบายจัง ผมมีเพื่อนเป็นหมอเยอะ ปรึกษาได้ทุกเรื่อง คิดว่าคุยกับหมอต่างชาติลำบาก รักษาผิดโรคล่ะแย่เลย ต่างชาติยังต้องมาเมืองไทยกัน

หก เมืองไทยไฟฟ้าดี น้ำใช้ดี น้ำดื่มมีขายทั่วไป ยกเว้นตอนน้ำท่วมใหญ่ ซื้อน้ำในต่างประเทศแถวยุโรป สิงคโปร์ดื่ม จ้าก ทำไมมันแพงมาก 

เจ็ด แม้กรุงเทพรถจะติด ผมก็ยังเห็นที่อื่นที่ติดมากกว่าที่นี่ และประเทศไทยสวยงาม มีอะไรเพลิน ๆ ให้ดู ถ้าออกจากบ้านตีห้าสบายมาก กลับเร็วหน่อย หรือดึกหน่อย ก็ลงตัว แล้วยังมีวันหยุดยาวเยอะ ช่วงนั้นเดินเล่นแถบสีลมไปอัสสัมบรรยากาศอลังมาก

แปด ที่เมืองไทยผมมีเพื่อนเยอะ ทั้งเพื่อนนักเรียน มหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมงานเก่า เพื่อนเฟส เพื่อนบ้าน เพื่อนภูมิลำเนา เพื่อนร่วมเมือง ร่วมชุมชน ร่วมประเทศ เพื่อนร้านกาแฟ ฟิตเนส ชาววัด คนรู้จักตามสถานที่ต่าง ๆ อบอุ่นมาก อยู่ในต่างประเทศ เราจะขาดสิ่งนี้

เก้า ผมรู้จักประเเทศไทยดี ผมไม่ต้องหาความรู้อะไรเพิ่ม กินที่ไหน เที่ยวที่ไหน ไปวัดไหน มีอะไรอยู่ที่ไหน อยู่ต่างประเทศมันเหนื่อยหาข้อมูลพวกนี้ วัฒนธรรม การกินอยู่ เราต้องเรียนรู้หมด มันเหนื่อย ผิดธรรมชาติ ยกเว้นว่าอยู่นานเป็นพลเมืองไปเลย

ครอบครัวชาวแคนาดา รับ!! หลงรักไทยเข้าให้แล้ว ยกประเทศนี้ เป็นมิตรที่สุดในโลก

“เมืองไทยมีดีเพราะมีคนไทยอยู่” ครอบครัวพ่อแม่ลูกชาวแคนาดา 5 คน เผยเรื่องราวสุดประทับใจหลังมาท่องเที่ยวที่เมืองไทย ที่รู้แล้วต้องใจฟู!

ถ้ามีใครบอกว่า “ประเทศไทย” เป็นประเทศที่เป็นมิตรที่สุดในโลก ผมก็คงบอกได้เลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะเรื่องราวสุดประทับใจของครอบครัวชาวแคนาดา 5 ชีวิต ได้ยืนยันไว้หมดแล้ว กับเหตุผลว่าทำไมคนทั่วโลกถึงต่างหลงรักประเทศไทยกันขนาดนี้

ช่อง 'OUR CALL TO ADVENTURE' เป็นช่อง VLOG ครอบครัวหนึ่ง ที่ตัดสินใจแพ็กกระเป๋า หอบลูกเล็กไปท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อทิ้งชีวิตเคร่งเครียด และถ่ายชีวิตประจำวันของครอบครัวเขาเองเก็บไว้เป็นความทรงจำ ซึ่งครอบครัวของพวกเขาก็ประกอบไปด้วย พ่อ Dan แม่ Jessica ลูกชายคนโต 8 ขวบ Nolan คนรอง Everett และลูกสาวเล็กสุด 4 ขวบ น้อง Hannah

โดยจุดเริ่มต้นของครอบครัวนี้ พวกเขาเริ่มไปที่ประเทศอินโดนีเซียก่อน ต่อมาก็มาเลเซีย และบินไปต่อที่ฟิลิปปินส์ จนมาถึงจุดหมายต่อไปที่พวกเขาประทับใจนั่นก็คือ 'ประเทศไทย' นั่นเอง

เริ่มกันที่ วันแรกที่พวกเขามาถึง 'ประเทศไทย' เขาพูดเลยว่า ที่ไทยมีปัญหาการสื่อสารมากกว่าทุกประเทศ แต่คนไทยเป็นมิตรช่วยเหลือ พยายามสื่อสารตลอดเลยทำให้การใช้ชีวิตที่นี่ไม่ยากนัก นี่คือความประทับใจแรกของพวกเขา

ต่อมาพวกเขาก็ได้ลิ้มลองกับ 'อาหารสตรีทฟู้ด' ที่ทุกอย่างที่เค้าซื้อ มันช่างอร่อยไปหมด แถมถูกมาก จนคุณแม่เจสถามว่าเท่านี้จริงเหรอๆ ไปตลอดทาง เลยทีเดียว แถมในวันต่อมาพวกเขาย้ายที่พักไปอยู่โฮสเทล และต้องตะลึงกับสภาพห้องในราคา 650 บาท เพราะมันมีทุกอย่างครบครันยังกับโรงแรมเลยทีเดียว จนพวกเขาถ่ายวิดีโอแบบยิ้มไม่หุบเลย

ในตอนค่ำครอบครัวนี้ก็พากันไปเดินตลาดกลางคืน จนเจอสุภาพบุรษชายไทยท่านหนึ่ง ที่ขายน้ำอยู่แถวนั้น เอาน้ำมาให้พวกเราดื่มฟรีไม่คิดเงิน พอพวกเขาจะกลับไปอุดหนุน เขาก็ให้น้ำเราเพิ่มอีกรอบ และไม่ยอมรับเงิน จนลูกชายคนโตเข้ามาบอกเลยว่า “He is absolutely a LEGEND!”

'โบวี่' แจงโพสต์ "ไป ตปท. กลับมารักเมืองไทยกว่าเดิม" หลัง 'โซเชียล' ดรามาใส่ "ไม่เคยลำบากหรือเปล่า?"

กลายเป็นประเด็นดรามาบนโลกโซเชียล หลังจากที่นักแสดงสาว โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความระบุว่า "ไป ตปท. มา เกือบ 1 เดือน กลับมารู้สึก รักเมืองไทยกว่าเดิม #ของดีที่อยู่ใกล้มือ"

งานนี้หลังจากที่เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความไปนั้น ปรากฏว่ามีชาวเน็ตได้เข้ามาคอมเมนต์กันอย่างหลากหลาย พร้อมกับตั้งคำถามว่าไม่เคยลำบากหรือเปล่า และบางคอมเมนต์ได้บอกว่าหรืออยู่ที่เมืองไทยมีอภิสิทธิ์เยอะ

ด้านสาว โบวี่ หลังได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ จึงได้เข้ามาชี้แจงใต้โพสต์ดังกล่าวว่า "การรักประเทศไทย ไม่ได้หมายความว่า เราจะหยุดพัฒนาประเทศแต่ยิ่งเรารักประเทศ เราก็ยิ่งอยากจะพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น (ตามความสามารถที่เราทำได้) ประเทศไทยเรายังมีส่วนที่พัฒนาได้มากกว่านี้อีกเยอะแต่เสน่ห์ดี ๆ ที่เรามีและน่ารักษาไว้ ก็มีมากมายเช่นกัน"

พร้อมกับบอกเพิ่มเติมว่า "ตัวโบเองก็ไม่ได้เกิดมาสบายนะเคยสมัครเป็น พนักงานเซเว่นแต่เขาไม่รับ มาแล้วเหมือนกันพ่อแม่โบเข้ามาจาก ตจว. อยู่บ้านเช่ารวม ๆ กันกับญาติตอนเด็ก ๆ เห็นพ่อแม่ลำบากดิ้นรน ก็คิดว่าจะทำยังไงดีที่จะช่วยให้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้จึง 'พยายาม' พัฒนาตัวเอง พยายามตั้งใจเรียน เพื่อจะได้มีความรู้ความสามารถไปทำงานที่ดี ได้เงินเดือนที่ดีช่วงจบ ม.6 เคยไปสมัครเป็น พนักงานเซเว่น แต่เขาไม่รับเพราะอายุไม่ถึง เลยไปทำงานเป็นพนังงานยืนเฝ้าร้านขายของในห้าง วันนึงได้ประมาณ 250 บาท นั่งรถเมล์ไปทำงาน หลับน้ำลายยืดบนรถเมลล์เพราะรถติดมาก และเราก็เหนื่อยพอเข้ามหาวิทยาลัยได้"

‘ฟูจิอิ คาเซะ’ นักร้องดังชาวญี่ปุ่น อวดรูปเที่ยวไทยรัวๆ พร้อมบอก “เกินบรรยายความรักที่มีให้เมืองไทย”

(5 ก.ค. 66) ทำเอาแฟนคลับชาวไทยปลื้มปริ่มสุด ๆ หลังนักร้องชื่อดังชาวญี่ปุ่น ‘Fujii Kaze’ หรือ ‘ฟูจิอิ คาเซะ’ ที่แสดงคอนเสิร์ตในไทยเสร็จสิ้นไปเมื่อ 1-2 ก.ค. ที่ผ่านมา และทันทีที่จบงาน Fujii Kaze ได้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น วัดพระแก้ว และบริเวณรอบ ๆ กำแพงวัง นอกยังมีภาพที่เขาโพสต์ภาพอย่างสนุกสนานกับรถตุ๊กตุ๊ก รวมถึงใส่กางเกงช้างและกางเกงมวยไทย ที่เป็นหนึ่งในไอเท็มยอดฮิตที่หากชาวต่างชาติมาจะต้องใส่กันทุกคนแน่นอน

โดย Fujii Kaze ได้ลงภาพขณะที่ตัวเขาท่องเที่ยวในเมืองไทย ผ่านทางอินสตราแกรมและเฟซบุ๊กของเขา และเขียนข้อความว่า..

“Asia Tour in Bangkok 🇹🇭
คำพูดไม่สามารถอธิบายความรักของฉันสำหรับประเทศไทย 🙏 words cannot describe my love for Thailand.”

‘หนุ่มญี่ปุ่น’ ตั้งใจบินมาไทย ซื้อ ‘กระบอกตั๋วรถเมล์’ ชาวเน็ตแห่แซว ยกเป็น ‘ของฝากใหม่จากเมืองไทย’

กลายเป็นไวรัลสนั่นทวิตเตอร์ เมื่อหนุ่มชาวญี่ปุ่นตั้งใจบินมาประเทศไทย และปักหมุดไปย่านเทเวศร์ เพื่อซื้อ ‘กระบอกตั๋ว’ อุปกรณ์คู่กายกระเป๋ารถเมล์

จุดเริ่มต้นของเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อ หนุ่มชาวญี่ปุ่นทวีตข้อความผ่าน ทวิตเตอร์ @Kouhei50 ว่าตั้งใจบินมาที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย เพื่อซื้อ ‘กระบอกตั๋วรถเมล์’ โดยเฉพาะ ซึ่งเจ้าตัวได้ทวีตเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลเป็นไทยคร่าว ๆ ได้ว่า

“ในที่สุดก็ได้แล้ว!! ฉันมากรุงเทพก็เพื่อซื้อสิ่งนี้ ราคา 650 บาท (ประมาณ 2,600 เยน) แพงกว่าที่คิดไว้ แต่คิดซะว่าซื้อเป็นของฝากให้ตัวเอง นี่คือกระบอกเก็บค่าโดยสารที่พนักงานรถเมล์ถือไว้”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวแพร่ออกไป ต่างมีคนให้ความสนใจจำนวนมากจนกลายเป็นภาพไวรัล ด้านชาวเน็ตในญี่ปุ่นต่างรู้สึกสนใจกับกระบอกตั๋วรถเมล์และอยากจะได้มันมาบ้าง เจ้าของทวิตเตอร์จึงได้ปักหมุดไปว่าสามารถมาซื้อได้ที่ย่านเทเวศร์

งานนี้เรียกว่าได้เปิดตัว ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ น้องใหม่ของไทยขึ้นมาแล้ว ไม่แน่ว่าต่อไป ‘กระบอกตั๋วรถเมล์’ อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งของฝากขึ้นชื่อ ที่หากใครมาเที่ยวไทย ต้องซื้อกลับไปก็เป็นได้ เหมือน กางเกงช้าง, ยมดมยาหม่อง และน้ำมันสมุนไพรต่างๆ

เหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศ ที่ ‘ชาวต่างชาติ’ อยากมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุดในโลก

(21 ก.ค.66) ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ประเทศไทยติดหนึ่งใน 10 ประเทศที่ ‘ชาวต่างชาติ’ อยากมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุดในโลก 

มีแฟนเพจถามว่า สถิติพวกนี้จริงหรือ? ประเทศเราดีขนาดนั้นจริงหรือ?

เรื่องนี้จริงครับ คนต่างประเทศที่อยากย้ายถิ่นมาอยู่เมืองไทยมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

ไม่ใช่แค่ ชาวยุโรป หรือชาวอเมริกัน

แม้แต่ จีน เมียนมา ลาว เวียดนาม ที่มีเงินก็มาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

จากประสบการณ์ที่ผมเคยไปอยู่มาหลายประเทศ ผมคิดว่าประเทศไทยน่าอยู่มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เพราะว่า...

1.) คนไทยใจดี
2.) ค่าครองชีพไม่สูงเลย เมื่อเทียบกับสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ อินเตอร์เน็ต ซึ่งดีมาก 
3.) ความปลอดภัยสูง ไม่มีแผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติแบบรุนแรง 
4.) และที่ ดีมากๆ คือ สาธารณสุขดีเยี่ยมครับ

'อดีตคนไทยในสวิตเซอร์แลนด์' แชร์ความจริงเรื่องภาษี ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ แม้เสียภาษีปีละ 1.2 ล้านบาท

ไม่นานมานี้ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้แชร์คลิปวิดีโอ TikTok บัญชี @user4986690179211 ซึ่งเป็นอดีตคนไทยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องของ ‘ภาษี’ ขณะที่ตนได้อาศัยอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงรัฐสวัสดิการต่างๆ ที่ล้วนได้มาจากการเสียภาษีในมูลค่าที่สูง และไม่อยากให้คนไทยต้องมาด้อยค่าประเทศของตัวเองเวลาพูดถึงสวัสดิการต่างๆ โดยระบุว่า...

“เคยได้ยินวลี ‘ภาษีกู’ ไหม? วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง สำหรับคําว่า ‘ภาษีกู’ ที่สมควรจะพูดจริงๆ สำหรับดิฉันที่ไปอยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มา 5 ปีกว่า อยากจะบอกพวกคุณว่า คําว่า ‘ภาษีกู’ เนี่ย ที่เมืองไทยเสียน้อยมาก

“พวกคุณรู้ไหม? ว่าที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดิฉันกับสามีต้องเสียภาษี หากตีเป็นเงินไทย รวมแล้วต้องเสียภาษีปีหนึ่งล้านสอง

“ยิ่งไปกว่านั้น หากดิฉันจะไปจับปลาหลังบ้าน (สวิตเซอร์แลนด์) เพราะหลังบ้านติดน้ำ แต่ดันตกไม่ได้ เพราะมีตํารวจน้ำคอยขับเรือตรวจ สามีดิฉันยังบอกเลยว่า “อย่าทํานะ เขาปรับเธอนะ” แต่ที่เมืองไทยแค่คิดจะทอดแห หว่านแหตรงไหนก็ทําได้เลย ถ้าไม่ใช่พื้นที่ส่วนบุคคล เนี่ย!! สิ่งนี้คือ ภาษีเรา!!

ที่คุณเห็นว่าประเทศเขาเจริญดูสะอาดหูสะอาดตา มันมีราคาที่ต้องจ่ายทั้งนั้นแหละ แต่คุณจะจ่ายไหวกันไหม? อย่างเรื่องขยะ ตอนที่ดิฉันอยู่รัฐซูริก ต้องซื้อถุงขยะเป็นม้วนๆ คุณจะมาใส่ถุงก๊อปแก๊ปไปทิ้งไม่ได้นะ เขาจับคุณได้เลยนะ คุณต้องซื้อถุงที่เขาใช้สําหรับทิ้งขยะ ซึ่งตรงส่วนนี้เราต้องจ่ายเงินนะ แล้วม้วนหนึ่งมันมีราคาที่แพงมาก คุณไหวไหม?

“อ้อ!! แล้วก่อนที่ดิฉันจะย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยในช่วง 2 ปีหลังมานี้ ก็มีบิลมาที่บ้าน เก็บค่าฟังวิทยุของดิฉันกับสามี หัวละ 300 ฟรังก์สวิสฯ หากตีเป็นเงินไทยก็ประมาณหมื่นกว่าบาท หรือคิดเป็นรายวัน จะตกวันละ 30 กว่าบาท ซึ่งดิฉันได้โทรไปถามว่า ดิฉันไม่ได้ฟังวิทยุนะ แต่เขาดันตอบว่าวิทยุมันก็มีอยู่ในรถของคุณ อ้าว!! ดิฉันจึงถามเขากลับไปว่า ถ้าดิฉันฟังไม่รู้เรื่อง ทําไมดิฉันต้องจ่าย? เขาจึงถามกลับมาว่า “เธอใช้อินเตอร์เน็ตไหม?” ดิฉันจึงตอบกลับว่า “ใช้ ซึ่งดิฉันก็จ่ายรายเดือนแยกต่างหากอยู่แล้ว” เขาเลยบอกว่า “อ๋อ… เพราะเธอได้รับข่าวสารจากตรงนี้ด้วย เลยต้องจ่าย” เมื่อถามว่าแล้วถ้าดิฉันไม่จ่ายล่ะ เขาตอบกลับมาว่า “ก็จะมีบิลเรียกเก็บเงินมาอีก และมันก็จะเพิ่มจํานวนเงินขึ้นไปอีกเรื่อยๆ และหากยังไม่จ่ายอีกก็จะเจอหมายเรียก”

“นี่คือ ภาษีที่ดิฉันต้องจ่าย ทุกอย่างที่คุณเห็นว่าสวยงาม มันมีราคาที่ต้องจ่ายหมดทุกอย่าง ดังนั้น ดิฉันไม่อยากให้คนไทยต้องด้อยค่าประเทศตัวเองให้มันมากนัก ดิฉันบอกเลยว่าที่ดิฉันไปอยู่มันก็เจริญจริงๆ แต่เขาก็เก็บเงินกับทุกอย่างเลยเหมือนกัน”

หลังจากที่คนไทยคนดังกล่าวได้เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับภาษีเสร็จ ก็ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกับตั้งคำถามว่า “ต้องเสียภาษีเยอะๆ ถึงจะมีสิทธิ์พูด ‘ภาษีกู’ ได้งั้นเหรอ? จะเสียบาทสองบาท มันก็ภาษีเราทั้งนั้นแหละ” เจ้าของคลิปคนไทยจึงได้ตอบกลับคอมเมนต์นั้นว่า…

“คุณพูดเหมือนกับว่า คุณไม่เคยได้อะไรจากประเทศนี้เลย (ไทย) คุณคิดว่าที่โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการจ้างหมอ จ้างพยาบาล หรือแม้แต่ค่ายา คุณคิดว่าเขามาทํางานให้ฟรีเหรอ? อย่างถนนหนทางที่เขามาทําเป็นถนนลาดยาง หรือตอนที่คุณซื้อรถ คุณก็เสียภาษีนะ คุณเสียภาษีรายปี ใช่ นั่นคือภาษีของคุณ แต่คุณก็ไม่ได้ใช้ทางเดินควายขับรถนี่… 

“รัฐบาลก็เหมือนนักธุรกิจที่ต้องหาเงิน อันนี้ที่ดิฉันเปรียบเทียบให้ฟัง ดิฉันพูดถึงเมืองนอก ว่าระบบกลไกของรัฐบาลเขาเป็นอย่างไร ทำไมเขาถึงมีเงินมาให้ประชาชนในประเทศเขาใช้ตอนเกษียณ เพราะเขาหักคุณไปเท่าไหร่ อันนั้นก็ต้องจ่าย อันนี้ก็ต้องจ่าย ซึ่งตรงนี้ดิฉันเปรียบเทียบให้ฟัง แต่ถ้าฟังแล้วมันไม่เข้าหู ดิฉันก็ต้องขอโทษด้วย”

ต่อมาได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นอีกเป็นจำนวนมาก โดยระบุว่า “ผิดประเด็นแล้ว ภาษีที่เขาว่า คือภาษีที่เสียไปกับ…ทั้งทางตรงและทางอ้อม” เจ้าของคลิปจึงได้ตอบกลับคอมเมนต์นั้นว่า…

“คุณไปดูกราฟอะไรมา คุณเสียภาษีเท่าไหร่? ขอถามหน่อย แล้วสิ่งที่คุณได้ไป มันไม่คุ้มเหรอ? แล้วคุณเสียภาษีปีหนึ่งเท่าไหร่? อย่างถ้าคุณเป็นเกษตรกร ภาษีมันก็ไม่ได้เยอะมากมายขนาดนั้น หรืออย่างชาวนาถ้าไปลงทะเบียนข้าวนาปี รัฐฯ เขาก็ยังช่วย แล้วภาษีที่คุณทํางาน คุณเสียเท่าไหร่? เวลาคุณหรือครอบครัวคุณจะไปรักษาตัว คุณเสียครั้งละเท่าไหร่ คุณจ่ายไปเท่าไหร่? คุณถือแค่บัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลัก ที่แสดงตัวตนว่าคุณเป็นคนไทย แล้วคุณได้รับการรักษา คุณยังคิดว่ามันไม่ดีพออีกเหรอ? 

“ดิฉันไม่ได้เป็นคนคลั่ง แต่อยากให้ลองพิจารณาตัวเองว่า ทุกวันนี้คุณเสียภาษีไปเท่าไหร่ แล้วได้กลับคืนมาเท่าไหร่” เจ้าของคลิปกล่าวทิ้งท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top