Friday, 17 May 2024
เมืองไทย

'หนุ่มมาเลเซีย' รีวิวประสบการณ์เที่ยวเมืองไทย 'กิน-เที่ยว-ใช้ชีวิต' แสนสุขใจ 'คุณยังต้องการอะไรอีก?"

(11 ก.ย. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ถึงไวรัลดังในโซเชียลมีเดียประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อหนุ่มมาเลเซีย 'รีวิวประสบการณ์เที่ยวเมืองไทย' โดนใจชาวมาเลเซียเป็นจำนวนมาก จนคนช่วยกันแชร์ไปแล้วกว่า 4 พันแชร์ กระหน่ำไลก์อีกกว่า 6 พัน ว่า...

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชี 'Ahmad Nazrul' ซึ่งเป็นชาวมาเลเซีย ได้โพสต์รูปถ่ายที่อ่าวนาง จังหวัดกระบี่ 1 รูป พร้อมรีวิวประสบการณ์ท่องเที่ยวของตัวเองไว้ ซึ่งเป็นความประทับใจของเขาที่มีต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย 

ปรากฏว่า รีวิวสั้นๆ เป็นประเด็นที่ตรงใจ โดนใจชาวมาเลเซียหลายคนที่มีประสบการณ์ประทับใจตรงกัน จนทำให้โพสต์ของ Ahmad Nazrul มีคนเข้ามากดไลค์ชื่นชอบกว่า 6 พันคน แชร์ต่อกันไปอีกกว่า 4 พันแชร์ และเข้ามาแสดงความเห็นแลกเปลี่ยนกันจำนวนมาก

ทั้งนี้ เนื้อหารีวิวของ Ahmad Nazrul ได้โพสต์ไว้เป็นภาษามาเลย์ ซึ่งแปลความหมายคร่าวๆ ได้ว่า....

ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าเที่ยว

อาหารในเมืองไทยมีราคาถูก ถ้าคุณรับประทานอาหาร 10 คน บิลค่าใช้จ่ายออกมาไม่ถึง 300 ริงกิต (ประมาณ 2,300 บาท) แม้ว่าโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารก็ตาม

หากคุณรับประทานอาหารคนเดียว โดยปกติจะอยู่ที่ 10 ริงกิต (ประมาณ 76 บาท) ข้าวผัดปลาหมึกสดและกุ้งสดเพียง 7 ริงกิต (54 บาท) กุ้งตัวใหญ่ๆ ตัวละ 50 ริงกิต (380 บาท)

ในประเทศไทยอาหารอร่อยทุกอย่าง ถ้าทำงานเกี่ยวกับอาหาร-เครื่องดื่มก็คงดี ลองนึกดูสิ ชาเย็นในร้าน 7-Eleven ยังอร่อย ยังไม่รวมเบอร์เกอร์นะ

อาหารในไทยอร่อยแตกต่างและหาไม่ได้ในมาเลเซีย อาหารทะเลสดมาก ปลาหมึกยักษ์ กุ้งตัวใหญ่

ประเทศไทยมีความสะอาด แม้ถังขยะจะหายาก ถ้าเรากินของเล็กๆ ควรเก็บถุงพลาสติกไว้ในกระเป๋าและโยนเข้าห้องพักในโรงแรม แต่คุณจะไม่พบขยะตามถนนหนทาง

ราคาโรงแรมในประเทศไทย ก็ราคาถูก ตั้งแต่ 60 - 150 ริงกิต (ประมาณ 460-1140 บาท) พร้อมอาหารเช้าด้วยนะ สระว่ายน้ำก็เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าราคาตั้งแต่ 200 ริงกิตขึ้นไป (1,520 บาท) ก็เหมือนโรงแรม 5 ดาวเลย ส่วนโฮมสเตย์ในประเทศไทย หลังนึงก็มักมีราคาน้อยกว่า 150 ริงกิต (1,140 บาท)

ถนนเมืองไทยสวยมาก ยากที่จะหาถนนที่มีหลุมหรือชำรุด ถ้าขับรถยนต์ก็ไม่มีปัญหาแม้ว่าทำความเร็วถึง 200 กม./ชม. ก็ตาม แต่ถ้าคุณขี่มอเตอร์ไซค์ ก็เหาะไปได้เลยภายใน 5 ชั่วโมง

ปั๊มน้ำมันในเมืองไทยใหญ่เวอร์มาก ในปั๊มน้ำมัน มีทั้ง 7-Eleven ที่ละหมาด และมีห้องน้ำอยู่เสมอ

แล้วใน 7-Eleven ก็ใหญ่มากๆ ไม่เหมือนกับที่มาเลเซีย อาหารในนั้นอร่อยทุกอย่าง มีการแยกอาหารฮาลาลและฮารอมไว้แล้ว เครื่องสำอางก็มีเยอะมากใน 7-Eleven เข้า 7-Eleven แล้วแทบจะบ้าได้ อาหารและเครื่องดื่มน่าลองไปหมด เข้าไปก็พร้อมชอปปิงเครื่องสำอางกันอีกแล้ว

ห้องน้ำในประเทศไทยมีความสะอาด ผมไม่เคยพบห้องน้ำเหม็นหรือสกปรกที่ไม่สามารถกดชักโครกได้เลย

ไม่เคยเจอก้นบุหรี่ด้วย สะอาดมากและห้องน้ำก็มีเอกลักษณ์และไม่ค่อยพบในมาเลเซีย

มีต้นไม้ มีต้นไผ่อยู่ในห้องน้ำ อากาศในห้องน้ำยังดีเลยนะ

หากไปรับประทานอาหารในร้านอาหารเมืองไทย ไม่มีใครเค้าสูบบุหรี่ในร้านกัน ถ้ามีแสดงว่าเป็นมาเลเซีย

อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยใช้ 5G ผมขับรถมา 5 ชั่วโมงสัญญาณไม่ตกเลย สัญญาณเต็มครอบคลุม แล้วก็ราคาถูก แค่ 25 ริงกิต (ประมาณ 190 บาท)

คนไทย เป็นคนสบายๆ ทุกคนที่ผมพบล้วนเป็นมิตร พนักงานเสิร์ฟนี่ดีที่สุด โค้งคำนับและพูดเบาๆ แม้จะสื่อสารกันยากสักหน่อย เพราะไม่ค่อยพูดภาษาอื่นนอกจากภาษาไทย แต่ก็ไม่มีปัญหา แค่ติดตั้งแอปฯ Google แปลภาษา

ไม่ต้องพิมพ์ เพียงแค่กดเสียงแล้วแอปฯ ก็จะแปลเป็นภาษาไทยให้โดยอัตโนมัติ

ในเมืองไทยไม่ค่อยเจอท่อไอเสีย เสียงดัง ไม่พบรถบรรทุกที่มีท่อไอเสียขนาดใหญ่ มีรถ 4x4 เยอะ และไม่ค่อยมีสิ่งกีดขวางบนถนนแบบในมาเลเซีย คุณไม่ต้องกังวลหากไม่สวมหมวกกันน็อก มอเตอร์ไซค์ไม่มี กระจกมองข้าง หรือป้ายทะเบียนแฟนซี นั่นเป็นเหตุผลที่กลุ่มไบเกอร์จำนวนมากไปเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศไทย บิดไปได้โดยไม่ต้องลังเล

ที่นั่นเราไม่เห็นขอทานตามบนถนนหรือตามสัญญาณไฟจราจร ผมไม่แน่ใจว่ากลุ่มนี้อยู่หรือเปล่า เพราะไม่เคยเจอเลยแม้แต่ในตัวเมือง

ส่วนตำรวจมีอยู่ทุกที่ มีตำรวจเป็นจำนวนมาก ทำการในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้รู้สึกปลอดภัยที่จะเดินหรือชอปปิงอย่างแน่นอน

มีอีกมากที่จะเขียน หากคุณต้องการไปเที่ยวพักผ่อน อยากให้ลองไปประเทศไทย ไม่ยากเลยที่จะไปที่นั่น ถ้าไป 3 วัน 2 คืน พาครอบครัวมา 5 คน รวมค่าอาหาร ที่พัก ไม่ถึง 1,000 ริงกิต (ประมาณ 7,600 บาท) และยังได้เดินไปยังสถานที่ที่น่าสนใจอีกด้วย ค่าเข้าชมสถานที่ ก็ราคาถูกส่วนมากต่ำกว่า 10 ริงกิต (76 บาท) 

คนคิดว่าการเข้าประเทศไทยเป็นเรื่องยาก จริงๆ แล้วไม่ยากถ้ามีวิธี ถ้ามาเมืองไทยแล้ว รับรองว่าในวันหยุดคุณจะไม่ดูที่เที่ยวที่อื่นๆ อีกเลยในมาเลเซีย 

- อาหารอร่อย
- ทุกอย่างมีราคาถูก
- สถานที่น่าสนใจ
- ผู้คนใจดี
- คุณยังต้องการอะไรอีก?

ประเทศไทยมีกฎหมายแตกต่างบางประการในมาเลเซีย แต่เราต้องเชื่อฟังและเคารพ ผมจะแบ่งปันในโพสต์ถัดไปของฉันในภายหลัง

ป.ล. นี่คือประสบการณ์ของผมนะ ถ้าประสบการณ์เราไม่เหมือนกันอย่าหาว่า ผมโกหกเพราะวันและเวลาที่เราไปอาจจะไม่เหมือนกัน

‘ทีน สราวุฒิ’ แวะบุรีรัมย์เยี่ยมสุสาน ‘ปอ ทฤษฎี’ บอกเล่าภาพรวมประเทศไทย ‘เละเทะทุกวงการ’

เพื่อนรักเพื่อนกันตลอดกาลจริง ๆ สำหรับ ‘ทีน สราวุฒิ พุ่มทอง’ กับพระเอกดังที่จากโลกนี้ไปนานแล้วอย่าง ‘ปอ ทฤษฎี’ ซึ่งหลายครั้งที่หนุ่ม ‘ทีน’ เดินทางไปบุรีรัมย์ก็จะต้องแวะเวียนไปเยี่ยมเพื่อนที่สุสานเสมอมา ล่าสุดเจ้าตัวได้ไปหา ‘ปอ’ พร้อมบอกกล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองไทยในขณะนี้ว่า…

“ตามสัญญา ถ้ามาบุรีรัมย์ กูต้องแวะมาหามึง : Wrap up สั้น ๆ ของปี 66 ทุกวงการ ทุกสายงานอาชีพอย่างกับหนังสงครามเลยนะมึง ตีกันไปตีกันมา ละคงละครแทบไม่ต้องดูแล้ว แค่ตามข่าวในแต่ละวันแต่ละเรื่องก็เหนื่อยแย่แล้วววว เละเทะบอกเลย คิดถึงเหมือนเดิมเพิ่มคือกูแก่ขึ้น #ว่าแล้วก็ไป”

'นทท.ต่างชาติ' ขอบคุณทั้งน้ำตาหลังได้กล้องคืน ลั่น!! "ตำรวจไทย คือ ตำรวจที่ดีที่สุดในโลก"

(16 ต.ค. 66) "กล้อง ผมซื้อใหม่ได้ แต่รูปภาพพวกนี้ ผมจะหาได้จากที่ไหนอีก" นักท่องเที่ยวชาวสเปนกล่าวทั้งน้ำตา หลังได้รับ E-Mail จากสืบดอนเมืองให้มารับกระเป๋ากล้อง และเมื่อเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจสอบของมีค่าด้านใน ปรากฏว่าสิ่งของภายในอยู่ครบหมด ไม่มีหายเลยสักชิ้น ทั้งกล้องและเมมโมรี่การ์ดและอื่น ๆ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล 

โดยคลิปดังกล่าวนี้กลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืน หลังจากผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งที่ชื่อว่า @vikkipatara หรือ หมวดไวกิ้ง ได้แชร์คลิปนักท่องเที่ยวชายชาวสเปนรายหนึ่งที่ได้กระเป๋ากล้องคืนหลังทำหายไป โดยทางนักท่องเที่ยวชายรายนี้ดีใจมากที่เมมโมรี่การ์ดของเขายังอยู่ เพราะเขารู้สึกว่าต่อให้กล้องจะหายไป เขายังสามารถเก็บเงินซื้อได้ใหม่ แต่หากเมมโมรี่การ์ดในกล้องที่บันทึกภาพความสวยงามของเมืองไทยนั้นหายไป เขาคงเสียใจเป็นอย่างมาก

เขากล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจดอนเมืองทั้งน้ำตา พร้อมกับบอกอีกว่าเมื่อเขากลับสเปน เขาจะไปบอกกับชาวสเปนทุกคนว่า ‘ตำรวจไทย’ ดีขนาดไหน สำหรับใครที่จะมาเที่ยวเมืองไทย จะได้รู้สึกปลอดภัย และย้ำอีกว่า "พวกคุณคือตำรวจที่ดีที่สุดในโลก" งานนี้เล่นเอาคุณตำรวจในคลิปถึงกับซึ้งจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว

‘ท่านอ้น’ เตรียมเยือนไทยครั้งที่ 2 พรุ่งนี้ เผย เป็นการเดินทางมาแบบส่วนตัว

(3 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่านวัชเรศร วิวัชรวงศ์ หรือ ‘ท่านอ้น’ โอรสคนที่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเดินทางมายังประเทศไทย ในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ ซึ่งมีการยืนยันว่าเป็นการเดินทางมาเป็นการส่วนตัว ในการมาไทยเป็นครั้งที่ 2 ของ ‘ท่านอ้น’

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ท่านอ้นได้เดินทางมาไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ซึ่งถือเป็นการมาไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี ก่อนที่ ‘ท่านอ่อง’ นายแพทย์จักรีวัชร วิวัชรวงศ์ น้องชาย เดินทางมาสมทบในวันที่ 13 สิงหาคม ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาพร้อมกัน ในวันที่ 14 สิงหาคม

‘ดาวติ๊กต็อกจีน’ ทำคอนเทนต์ ‘ซอยนานา’ ไม่ปลอดภัย ชาวเน็ตจวก!! ใส่ร้ายเมืองไทย ทั้งที่ก็หากินในแผ่นดินไทย

(7 ธ.ค. 66) เป็นเรื่องอีกครั้ง หลังดาวติ๊กต็อกสาวชาวจีนที่เคยทำคลิปเมืองไทยไม่ปลอดภัย จนโดนทัวร์ลงไปรอบหนึ่ง ล่าสุดแต่งตัวนุ่งสั้นมาแกล้งยืนริมทางตอนกลางคืน เพื่อถ่ายคอนเทนต์สื่อว่า ‘ซอยนานา’ อันตรายสำหรับผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองตั้งใจแต่งตัวมาทำให้ผู้ชายที่เดินผ่านไปมามอง เพื่อทำคอนเทนต์ดิสเครดิตเมืองไทยว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย

โดยทางเพจเฟซบุ๊ก ‘ลุยจีน’ ได้ลงโพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ดาว Douyin ชื่อคล้ายร้านสะดวกซื้อแห่งนึง พูดกับกล้อง “วันนี้ฉันขอเอาตัวมาลองเสี่ยงดูเพื่อจะบอกกับผู้หญิงทุกคนค่ะว่า ถ้าคุณมาที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น”

👉ภาพตัดมาที่ซอยนานา เวลา 23.30 น. เธอเดินไปทางซอย มีกล้องซูมหน้าพวกชาวต่างชาติที่เหลือบมามองเธอ พร้อมข้อความ “ฉันเดินซอยนี้อย่างอกสั่นขวัญแขวน”

👉แล้วเธอก็แอบมาพูดกับกล้องว่า “เดี๋ยวฉันจะยืนอยู่ที่ซอยนี้นะคะ รอดูว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต่อจากนี้” แล้วเธอก็ยืนริมทางเท้า มีผู้ชายร่างท้วมคนนึงยืนอยู่ข้างหลัง (ในคลิปบอกว่าเป็นบอดีการ์ดเผื่อเกิดเหตุไม่ดี)

👉เธอยืนรอไปเรื่อย ๆ กล้องแพนไปหลาย ๆ มุม จนสักพักมีชายชาวต่างชาติคนนึงเดินเข้ามาหาเหมือนพูดอะไรบางอย่างกับเธอ แล้วเธอก็โบกมือปฏิเสธพูด Sorry แล้วเดินออกมา

🔥จังหวะนี้เธอทำหน้าเหวอ พูดกับกล้องว่า “เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นมาทักทายฉันว่า How are you today? ค่ะ แต่บอกเลยถ้าจังหวะนั้น เขาดึงตัวฉันขึ้นมารับรองว่าฉันไหวตัวไม่ทันแน่ ๆ เพราะงั้นผู้หญิงที่มาที่นี่ถ้าอยู่ดี ๆ คุณโดนเข้าถึงตัว...รับรองว่าคุณหนีไม่ทัน”

🔥🔥เธอย้ำหน้ากล้องว่า “ฉันว่าที่นี่ผู้หญิงตัวคนเดียวห้ามมาเลยค่ะ เพราะอันตรายมาก ๆ เพราะคุณไม่รู้เลยว่าคุณเดิน ๆไปจะเจอกับคนอะไรแบบไหน”

🔥🔥🔥ประโยคสุดท้ายคือไฮไลท์ 📌 “คนที่มาเดินถนนเส้นนี้ 99% ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกค่ะ” 来这边的99%的人他都不正经

งานนี้ทำเอาชาวเน็ตไทยเดือดไม่ใช่น้อย เพราะคอนเทนต์ที่เธอทำนั้น ค่อนข้างชัดเจนว่าจงใจจะดิสเครดิต ‘ซอยนานา’ เพราะพฤติกรรมของเธอแสดงออกมาให้คนรอบข้างต้องมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น และอาจจะคิดว่าเธอเป็นสาวไซด์ไลน์

อีกทั้งในคลิปเธอยังมีการซูมหน้าผู้ชายต่างชาติที่เดินผ่านไปผ่านมา พร้อมใส่ทำนองเพลงให้ดูว่าพวกเขาเป็นคนที่มีเจตนาไม่ดี ทั้ง ๆ ที่แค่เดินผ่านกัน และก็เป็นตัวเธอเองที่แต่งตัวจัดเต็มชวนให้พวกเขาต้องมอง

ชาวโซเชียลจึงไม่พอใจที่เธอทำคอนเทนต์ที่ดูโอเวอร์จนเกินไป ไม่ต่างจากครั้งที่เธอเคยทำคอนเทนต์เมืองไทยไม่ปลอดภัย จนโดนทัวร์ลงอย่างหนักไปแล้ว

ซึ่งครั้งนี้ไม่เพียงแต่คนไทยจะไม่พอใจ ชาวเน็ตจีนที่รู้ว่าเธอมาขายพระเครื่องอยู่ในไทย ยังบอกอีกว่า “ตัวก็หากินอยู่กับเมืองไทย แต่ก็ชอบที่จะนำเสนอจุดด้อยของเมืองไทย กินบนเรือนขี้บนหลังคา!”

ส่อง 5 อันดับต่างชาติเที่ยวไทย ‘มากที่สุด’ ตั้งแต่ 1-7 ม.ค. 67

เมื่อวานนี้ (10 ม.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1-7 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 605,537 คน โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่เปิดศักราชใหม่มาได้เพียง 7 วัน ประเทศไทยมีสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจมาท่องเที่ยวกว่า 6 แสนคน และนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ถือเป็นข่าวดีของการท่องเที่ยวไทย พร้อมย้ำเดินหน้ากระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยตลอดปีด้วยมาตรการวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ มั่นใจจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทยในปี 2567  

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงรายงานของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 605,537 คน นั้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 

อันดับ 1 จีน 81,854 คน 
อันดับ 2 มาเลเซีย 64,053 คน 
อันดับ 3 รัสเซีย 51,467 คน 
อันดับ 4 เกาหลีใต้ 43,894 คน 
อันดับ 5 อินเดีย 30,203 คน 

ด้านภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาลดลง 184,106 คน หรือลดลง 23.32 % จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงของนักท่องเที่ยวเกือบทุกตลาด เนื่องจากเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ในสัปดาห์ก่อนหน้า รวมถึงนักท่องเที่ยวตลาดหลักที่ลดลงด้วยเช่นกัน สำหรับสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน การขยายเวลาพำนักแก่นักท่องเที่ยวรัสเซีย และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลในกลุ่มที่เดินทางหลังเทศกาลปีใหม่

“รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะผลักดันและขับเคลื่อนให้เกิดการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักและเป็นความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยนายกรัฐมนตรีได้ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2567 ให้ได้ 3.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ 1.2 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย 205 ล้านคน-ครั้ง และรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.3 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 35 ล้านคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนชาวไทย ร่วมกันผลักดันให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จ 

โดยในส่วนเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น รัฐบาลจะเดินหน้ากระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ด้วยมาตรการวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง จากปี 2566 ที่รัฐบาลออกมาตรการวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจาก 60 ประเทศ/ดินแดน และในปี 2567 คาดว่าจำนวนประเทศ/ดินแดนที่ได้รับวีซ่าฟรีจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการอำนวยความสะดวกการเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย และดึงดูดใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการวีซ่าฟรีจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยตลอดปี 2567” นายชัย กล่าวทิ้งท้าย

'ฝรั่ง' งอแง!! ตกหลุมรักเมืองไทยสุดหัวใจ โพสต์ภาพอ้อน ไม่อยากอำลากลับบ้านเกิด

(18 ม.ค.67) กลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืน เมื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนหนึ่งได้เดินทางมาใช้ช่วงเวลาสุดพิเศษไปกับการท่องเที่ยวเมืองไทย มีความสุขแฮปปี้ แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันต้องเลิกรา เมื่อวันที่ต้องเดินทางกลับมาถึง โดยคุณ Paul O'Connor ได้อัปรูปภาพตัวเองกำลังทำหน้างอแงลงในกลุ่ม ‘Love Thailand’ พร้อมกับแคปชัน “Don’t wanna go home” (ยังไม่อยากกลับบ้าน) 

ก่อนที่อีกภาพถัดมาจะเป็นภาพสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับแคปชัน Most painful thing to see wen leaving Thailand 🇹🇭 (สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือต้องเห็นการจากลาประเทศไทย 🇹🇭) แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวรายนี้ตกหลุมรักประเทศไทยมากแค่ไหน จนไม่อยากกลับประเทศบ้านเกิดของตัวเองเลยทีเดียว

‘สาว’ ตัดพ้อ!! คิดถึงเมืองไทย หลังย้ายมาอยู่ต่างประเทศ ไม่มีความสุข เจอปัญหาสารพัด แถมไม่มีที่ฮีลใจเหมือนบ้านเรา

(22 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม ‘โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย’ ที่มีสมาชิกมากกว่า 1.1 ล้าน บอกเล่าประสบการณ์ในการย้ายไปอยู่ต่างประเทศ โดยระบุว่า

เราออกมาอยู่ต่างประเทศแล้ว มากันทั้งครอบครัว แต่เราอยากกลับบ้านทุกวันเลย เรารู้สึกไม่มีความสุข ร้องไห้ทุกวันทั้งที่ปกติไม่ใช่คนร้องไห้ เรารู้สึกว่าประเทศที่อยู่ไม่มีอะไรน่าสนุกเลย ไม่มีที่ที่ฮีลใจเราได้เลยอะ เป็นทุกข์มากๆ เลยค่ะ

แฟนไปทำงานร้านอาหาร กลับมาเหนื่อย นอนพัก วันรุ่งขึ้นตื่นไปทำงาน วันๆ นึงแทบไม่ได้คุยกันเลย

ลูกไปโรงเรียนกลับมาบ้านเงียบเหงา ไม่รู้จะไปไหน ไม่มีที่สนุกๆ ให้ไปเลย ออกไปก็เสียเงินแล้ว ต้องอยู่แบบประหยัด

เราไม่สบาย ลูกก็ไม่สบาย แฟนไปทำงานก็ไม่สบาย กว่าจะหาย หมอก็ไม่ได้ไปหา ซื้อยากินเอง เศร้าใจอะ ถ้าไม่สบายบ่อยๆ จะทำยังไง

รถก็ไม่มี สอบใบขับขี่ก็ไม่ผ่าน

อยู่เมืองไทย บ้านเราก็มี รถก็มี ทำงานเหนื่อยก็พักใจ กินข้าวอร่อยๆ พาลูกไปเที่ยวเสาร์อาทิตย์ สั่งของช็อปปี้แป๊ปเดียวมาส่ง เราคิดถึงบ้าน

เราก็ใช้เวลาทบทวนอยู่ตลอด หรือยังปรับตัวไม่ได้ เพราะมาได้หลายเดือน หรือเรา home sick คิดถึงบ้าน

มีใครเคยเป็นแบบเราบ้าง แล้วจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงบ้างคะ เราจะไม่ไหวแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเจ้าของโพสต์เป็นจำนวนมาก

ส่อง 10 เมืองยอดฮิต นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก ปี 2023

‘กรุงเทพฯ’ เมืองหลวงของไทย กลายเป็นเมืองที่ผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมเยือนมากที่สุดในโลก ประจำปี 2023 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีประมาณ 22.78 ล้านคน ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ อยู่ในลำดับที่ 5 

'นักเขียนซีไรต์' แชร์ประสบการณ์ความหนาวเข้ากระดูกในนิวยอร์ก ชวนให้นึกถึงเมษายนเมืองไทย เจอร้อนจัดๆ คงดีเหลือประมาณ

เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.67) นายวินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรต์ และ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า…

วันนี้ออกไปทำธุระนอกบ้านหลายชั่วโมง ตั้งแต่ก่อนเที่ยงจนบ่าย รับพลังงานแสงอาทิตย์มาหลายกิโลวัตต์ มองดูตัวเอง คล้าย ๆ เนื้อแดดเดียว ถ้ามีข้าวเหนียวด้วยก็ลงตัว

ผมไม่ได้ฟังพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา จึงไม่รู้ว่าเราผ่านจุดร้อนสุดมาแล้วยัง แต่ไอร้อนตอนนี้มันคล้ายอยู่บนดาวซานถี่ ตอนดวงอาทิตย์ขึ้นสามดวงพร้อมกัน

คนไทยที่เจอไอร้อนระดับนี้อาจบ่นอู้ แต่หากเคยผ่านความหนาวของเมืองนอกระดับติดลบ และฮีตเตอร์ไม่ทำงาน จะต้องเปลี่ยนความคิด เห็นว่าร้อนดีกว่า

สมัยผมเรียนและทำงานที่นิวยอร์ก ผมเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่กับเพื่อนคนไทยและฝรั่งอีกคน เจ้าของตึกเป็นยิว และประพฤติตนเหมือนตัวละครไชล็อกที่เราเรียนในเรื่อง เวนิสวาณิช ทุกประการ 

ยิวแสบคนนี้ปิดฮีตเตอร์ตึกเป็นประจำ โดยเฉพาะตอนที่ทุกคนนอนหลับไปแล้ว เรื่องนี้ผิดกฎหมาย แต่ไชล็อกโนสนโนแคร์ เพราะรู้ว่ารายงานไป ทางการนิวยอร์กก็ไม่ทำอะไร เพราะแต่ละวันมีคนหลายร้อยหลายพันคนโดนแบบนี้

ในเมืองร้อน หากเราไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ มันก็ร้อนเท่านั้น แต่ในเมืองหนาว ตึกที่ไม่เปิดฮีตเตอร์ก็คือ การอยู่ในช่องฟรีซเซอร์ตู้เย็น เราต้องสวมเสื้อกันหนาวเต็มยศนอน คล้ายพวกปีนเขาเอเวอเรสต์ มันหนาวเข้าในกระดูก หนาวจนป่วย

ตอนหนาวจัด ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้นั้นเอง ผมนึกถึงเดือนเมษายนในเมืองไทย ผมจินตนาการว่าถ้าได้อยู่ในเมืองไทยตอนร้อนจัด ๆ คงดีเหลือประมาณ

ดังนั้นทุกครั้งที่เจออากาศร้อนจัดในเมืองไทย ผมมักนึกถึงคืนที่สวมชุดกันหนาวนอนบนเตียงตัวเอง ในอพาร์ตเมนต์ของไอ้เวรไชล็อก

แล้วความร้อนในเมืองไทยก็คือสวรรค์ดี ๆ นี่เอง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top