Sunday, 28 April 2024
สุชาติชมกลิ่น

‘สุชาติ’ โชว์จดหมายฉบับแรกจากพ่อ ส่งข้อความจากใจถึงลูกๆ ขณะขายแรงงานที่ซาอุ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า "ยาวหน่อย แต่อยากให้อ่านกันครับ" 

จดหมายฉบับนี้ คือฉบับแรกที่พ่อของผม เขียนตอบกลับมาให้พี่สาว ระหว่างที่พ่อไปเป็นกรรมกรในซาอุดิอาระเบีย เมื่อ 37 ปีก่อน ถึงแม้บ้านเราจะไม่ร่ำรวย แต่ความรักที่พ่อมีต่อพวกเราทั้ง 4 คน (พี่สาว 2 คน น้อง สาว 1 คน) มันสามารถทดแทน และเติมเต็มทุกความขาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

พ่อผมเรียนจบ ป.4 ที่โรงเรียนวัดแจ้งเจริญดอน (โรงเรียนเดียวกับผม) พ่อจึงสามารถอ่านออกเขียนได้ และบรรยายความรู้สึกคิดถึงที่มีต่อพี่สาวและคนในครอบครัวได้อย่างลึกซึ้ง สำหรับ ด.ญ.โสภิต ชมกลิ่น หรือ "พี่โส" ที่พ่อจ่าหน้าซองถึง คือพี่สาวคนที่ 2 ของผม 

ในวัยเด็ก "พี่โส" ต้องไปอยู่กับครอบครัวของ "ลุงสม + ป้าบล" ตั้งแต่เล็กๆ แม่ยกให้เอาไปช่วยเลี้ยง เพราะตอนนั้นบ้านเราค่อนข้างมีภาระเยอะ ซึ่ง "พี่โส" ของผมคนนี้เรียนเก่งมากๆ สร้างความภาคภูมิใจให้พ่อตามรายละเอียดใน จม. ที่เขียนมาเลยครับ สุดท้ายพี่โส ก็เรียนจบ ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

'เสี่ยเฮ้ง' หารือทูตไทยในสวีเดนดูแลคนงานไทย พร้อมเล็งเปิดตลาดใหม่ให้กับแรงงานไทย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน, พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน, นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง), นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน, นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ นางกาญจนา ภัทรโชค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในโอกาสเดินทางเยือนสวีเดนเพื่อประชุมหารือรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนรับฟังสภาพปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับแรงงานไทยในสวีเดน ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ในประเด็นการผลักดันให้แรงงานไทยในสวีเดนได้รับการคุ้มครอง สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการตามกฎหมาย ตลอดจนแนวโน้มความต้องการแรงงานต่างชาติเข้าไปทำงานในสวีเดน หรือแถบสแกนดิเนเวีย เพื่อเพิ่มโอกาสในการผลักดันให้แรงงานไทยไปทำงานในสวีเดนมากขึ้น และการขยายตลาดแรงงานไทยในสวีเดนอีกด้วย 

นายสุชาติ กล่าวว่า ผมขอขอบคุณท่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงสตอกโฮล์มที่ให้การดูแลแรงงานไทยที่มาทำงานเก็บผลไม้ป่าตามฤดูกาลเป็นอย่างดี และให้ความร่วมมือในการติดตาม ดูแลแรงงานไทยที่เดินทางมาเก็บผลไม้ป่าในสวีเดนในแต่ละฤดูกาลให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย มีสภาพความเป็นอยู่ที่ถูกสุขลักษณะ สามารถเข้าถึงระบบรักษาสุขภาพหากเกิดกรณีเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุขณะทำงานอยู่ในสวีเดน

'เสี่ยเฮ้ง' ปัดวิจารณ์ 'ธรรมนัส' จ่อหวนคืน พปชร. โฟกัสชัดเจน ขอเชียร์แต่ลุงตู่ เพราะชอบสไตล์นี้

'สุชาติ' ไม่ขอวิจารณ์ 'ธรรมนัส' จ่อหวนคืน พปชร. บอกข้อมูลยังไม่ชัดเจน มอง 'หญิงอ้อ' ออกงานเพื่อไทยที่เชียงใหม่ เพราะอยากให้กำลังใจลูกสาว ย้ำพา 'ทักษิณ' กลับไทยไม่ง่าย ประกาศขอเชียร์ลุงตู่ เพราะชอบสไตล์นี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าว ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะหวนคืนพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนไม่กล้าพูดเรื่องนี้ เพราะไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เเต่เห็นรัฐมนตรีหลายคนในพรรคให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อยู่ จึงไม่มั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นไปได้หรือไม่ 

เมื่อถามว่าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง จะสามารถอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ นายสุชาติ หัวเราะ พร้อมตอบว่าตอนนี้ยังไม่เกิด ไม่รู้จะพูดอย่างไร และเรื่องนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันในพรรค แต่ส่วนตัวคิดว่าคงเป็นเรื่องยาก 

ส่วนการที่ ร้อยเอก ธรรมนัส กลับมา จะเป็นการช่วยเสริมกำลังให้พรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ หลัง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกว่าจะหลีกทางให้ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเพิ่งดูจากข่าว ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เรื่องการเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าข้อมูลไม่จริง พูดอะไรไปแล้วมันจะเป็นคำพูดที่ไม่ดี ขอให้เป็นข้อมูลที่ชัดเจนก่อน แต่เรื่องงานตอบได้เลย เพราะทำเอง ถ้าเรื่องการเมืองต้องอาศัยหลาย ๆ คนคุยกัน 

ส่วนกรณี คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา อดีตนายกฯ ทักษิน ชินวัตร มาร่วมงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือ พรรคเพื่อไทย ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังยุบพรรคไทยรักไทยนั้น นายสุชาติ มองว่า เป็นเรื่องปกติที่คุณหญิงพจมาน จะมาให้กำลังใจลูกสาวที่เข้ามาทำงานการเมือง เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และอาจถูกวางเป็นนายกฯ ก็อาจจะต้องอาศัยความอบอุ่นของครอบครัว ต้องอาศัยกำลังใจจากพ่อและเเม่ ถือเป็นเรื่องปกติ

'สุชาติ' ตอกกลับ!! แคนดิเดตนายกฯ พปชร.เป็นเรื่องในพรรค ชี้!! วันนี้ 'บิ๊กตู่' กลับ!! ทุกคนมีพลัง สนใจจะทำแต่งาน

'รมต.สุชาติ' บอก 'บิ๊กแป๊ะ' แคนดิเดตนายกฯ ต้องมาจากมติพรรค ยันวันนี้มีพลัง หลัง 'บิ๊กตู่' กลับมาทำงาน เย้ยเพื่อไทยจะชู 'หมอชลน่าน' ชิงนายกฯ หรือไม่

(5 ต.ค. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคว่า เรื่องนี้ต้องคุยกันในพรรค ไม่ควรพูดในที่สาธารณะ และการที่ นพ.ชลน่านพูด ก็คล้ายกับพรรคเพื่อไทยจะเสนอ นพ.ชลน่านเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยก็ได้ ต้องถามไปที่พรรคจะเสนอชื่อ นพ.ชลน่านเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่

เมื่อถามว่า พปชร. จะเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 ชื่อเลยหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนเองไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจในการตัดสินใจ

รมว.สุชาติ ชื่นชมเยาวชนไทย-ผู้สนับสนุน หลังเด็กไทยคว้า 7 เหรียญแข่งขันฝีมือโลก

รมว.แรงงาน มอบรางวัลผู้เข้าแข่งขัน WorldSkills ครั้งที่ 46 พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณผู้สนับสนุนการแข่งขัน ดันเยาวชนไทยคว้า 1 เหรียญเงิน 6 เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผมขอแสดงความยินดีกับผู้เข้าแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 46 ที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลในเวทีระดับโลกมาได้ นี่คือความสำเร็จในการแสดงความสามารถและศักยภาพของเยาวชนไทย ที่มีทักษะฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้แตกต่างจากการแข่งขันในครั้งที่ผ่านมา โดยแยกสนามแข่งขันถึง 15 ประเทศแข่งขันทั้งหมด 62 สาขา ระหว่างเดือนกันยายน - ตุลาคม 2565  ประเทศไทยส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 12 สาขา รวม 13 คน  มีประเภททีม 1 สาขา 

ผลการแข่งขันในครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจ ที่ไทยสามารถคว้ามาได้ 1 เหรียญเงิน 6 เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม เหรียญเงินจากสาขาเครื่องจักรกล CNC (เครื่องกลึง) มีนายณัฐวุฒิ เพ็ชรงาม เป็นตัวแทน เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม 6 เหรียญ จากสาขาเครื่องจักรกล CNC (เครื่องกัด) มีนายสุทธิศักดิ์ อู่เล็ก เป็นตัวแทน  สาขาเมคคาทรอนิกส์ (ประเภททีม 2 คน) มีนายณัฐวัสส์ ทองพินิจกุล และ นายชุติเดช ทองพินิจกุล เป็นตัวแทน สาขาการออกแบบเกมเชิงสามมิติ มีนายเจษฎาภรณ์ แก่นนอก เป็นตัวแทน สาขาการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย มีนางสาวศิริพร ทรปราณี เป็นตัวแทน สาขาการประกอบอาหาร มีนายภูริพัฒน์ วุฒิพัฒนานนท์ เป็นตัวแทน และสาขาการบริการอาหารและเครื่องดื่ม มีนางสาวจุฑารัตน์ บุญนาค เป็นตัวแทน 

นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า รางวัลที่ได้รับช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการผลิตแรงงานที่มีคุณภาพได้มาตรฐานในระดับสากล  สร้างการยอมรับจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงเปิดโอกาสให้แรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศได้มากขึ้นด้วย สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และภายใต้การกำกับดูแลของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นให้แรงงานไทยมีทักษะฝีมือได้มาตรฐานสากล ส่งเสริมการมีงานทำและมีรายได้ที่มั่นคง  

ซึ่งการแข่งขันฝีมือแรงงานช่วยยกระดับให้เป็นแรงงานคุณภาพ (Super Worker) นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศบนเวทีโลก และเป็นการสร้างมิตรภาพและความเข้าใจอันดีต่อกันและส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานในระดับนานาชาติต่อไป สำหรับเยาวชนที่เข้าแข่งขันในสาขาอื่น ๆ ที่ไม่ได้เหรียญรางวัล ผมขอเป็นกำลังใจให้ด้วยเช่นกัน เพราะการก้าวไปสู่เวทีระดับโลกได้ ถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก จึงขอให้นำประสบการณ์ที่ได้รับไปพัฒนาปรับปรุงทักษะฝีมือของตนเองให้มากขึ้น และนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อวิชาชีพและการทำงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต

'รมว.เฮ้ง' พบปะลูกจ้างสหภาพเด็นโซ่ โชว์แผนวางรากฐาน-พัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติและกล่าวปาฐกถาในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 44/2565 สหภาพแรงงานเด็นโซ่ ประเทศไทย โดยมี นายกิตติศักดิ์ อธิสกุลทรัพย์ ประธานสหภาพแรงงาน เด็นโซ่ ประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดชลบุรี และผู้นำแรงงาน ให้การต้อนรับ ณ อาคารศาลาประชาคม เทศบาลเมืองบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี 

นายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสําคัญกับการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องผู้ใช้แรงงานเพราะทุกท่านมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ ช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ทุกท่านถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนและผนึกกำลังกันเพื่อก้าวข้ามจนมาถึงวันนี้ 

ซึ่งในห้วงดังกล่าว รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือนายจ้างและพี่น้องแรงงานในหลาย ๆ ด้าน เช่น ในปี 2564 เปิดจุดตรวจโควิดแบบประจำจุดและตรวจเชิงรุกในโรงงาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกจ้างเพื่อให้ภาคเอกชนยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป ผลตรวจโควิด 409,972 คน แรงงานไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จึงขอรับการสนับสนุนวัคซีนให้แก่ผู้ใช้แรงงานกว่า 11 ล้านคน และได้ฉีดวัคซีนให้แรงงานแล้ว 3,962,206 โดส โรงงานปิดตัวลงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในโรงงาน กระทรวงแรงงานจัดโครงการแฟคทอรี่ แซนบ๊อก บนฐานแนวคิดเศรษฐศาสตร์และสาธารณสุข มุ่งเป้าภาคการผลิตส่งออกสำคัญ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในพื้นที่ 12 จังหวัด 730 โรงงาน แรงงานเข้าร่วม 407,770 คน ตรวจ RT- PCR พบผู้ติดเชื้อ 11,298 คน โดยทั้งหมดได้เข้าสู่กระบวนการรักษา และได้ฉีดวัคซีนให้ทุกคน 

ผลสัมฤทธิ์จากโครงการทำให้โรงงานไม่มีการปิดตัวลง ภาคการผลิตส่งออกสูงสุดในรอบ 30 ปี  จัดหาโรงพยาบาล Hospitel ในเครือข่ายประกันสังคม รองรับผู้ป่วย 61,046 คน ลดเงินสมทบให้นายจ้างและผู้ประกันตนรวมกว่า 6 ครั้ง เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 146,448 ล้านบาท 

โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ในพื้นที่ 29 จังหวัด นายจ้าง จำนวน 192,951 ราย ผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 3.75 ล้านราย รวมเป็นเงิน 32,542.27 ล้านบาท 

โครงการเยียวยาผู้ประกันตน ม.39 และ ม. 40 ม.39 จำนวน 1.37 ล้านราย ม. 40 จำนวน 7.21 ล้านราย รวมเป็นเงิน 71,214.63 ล้านบาท 

โครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงฯ ม.33 ม.39 และ ม.40 จำนวน 147,720 ราย รวมเป็นเงิน 738.60 ล้านบาท 

การให้ความช่วยเหลือ SMEs เพื่อรักษาการจ้างงานให้ยังคงอยู่ โดยรัฐบาลอุดหนุนจำนวน 235,933 แห่ง ส่งเสริมการจ้างงานใหม่ของนายจ้าง 66,201 แห่ง ลูกจ้างได้รับการจ้างงาน มากกว่า 3.2 ล้านคน รวมเงินอุดหนุน มากกว่า 27 ล้านบาท ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคสูงขึ้น ให้พี่น้องแรงงานสามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งได้ประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยการอนุญาตให้ทำงานกว่า 174,179 คน 

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงภารกิจที่กระทรวงแรงงานจะดำเนินการในอนาคตว่าผมยังได้วางรากฐานเพื่อความมั่นคงให้แก่พี่น้องแรงงานในอนาคต ดังนี้ 

เร่งผลักดันแก้ไขกฎหมายประกันสังคม 3 ขอ 'ขอเลือก ขอคืน ขอกู้' ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างกฎหมายแล้ว และอยู่ระหว่างตรวจพิจารณาในวาระ 2 

‘รมว.เฮ้ง’ มอบ 10 นโยบายให้สปส. ดูแลผู้ประกันตน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต-สร้างหลักประกันที่มั่นคงยั่งยืน

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการให้กับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมประชุม โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม อำพล สิงหโกวินท์ ชั้น 6 อาคารอำนวยการ สำนักงานประกันสังคม

นายสุชาติ กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมทุกท่าน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ทำงานหนัก ทุ่มเท เสียสละ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในเรื่องการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยมีเป้าหมาย สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำ ในทุกมิติ และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน และผมมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันนโยบายด้านแรงงานต่าง ๆ การพัฒนาระบบประกันสังคมและสิทธิประโยชน์เพื่อช่วยเหลือพี่น้องลูกจ้าง ผู้ประกันตน และผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 และภาวะทางเศรษฐกิจที่ถดถอย จนกระทั่งก้าวผ่านพ้นวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปได้ ซึ่งในวันนี้ ถือเป็นโอกาสอันดี ที่ตนได้มีโอกาสมาประชุมพร้อมตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการดำเนินงานให้กับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประกันสังคม ทุกภาคส่วนได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงแนวทางการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม 
เพื่อขับเคลื่อนงานประกันสังคมให้มีความเข้มแข็ง เป็นที่ยอมรับของลูกจ้าง ผู้ประกันตนและสังคมโดยรวมในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1.) พัฒนาสิทธิประโยชน์ โดยแก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 โดยเพิ่มหลักการ 3 ขอ คือให้ผู้ประกันตนสามารถ 
(1) ‘ขอเลือก’ รับเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญชราภาพได้ 
(2) ‘ขอคืน’ ในกรณีเกิดเหตุการณ์อันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของผู้ประกันตน ให้สามารถนำเงินสะสมกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อนได้
(3) ‘ขอกู้’ โดยการนำเงินสะสมกรณีชราภาพไปเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินได้และมีการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นๆ อาทิ เพิ่มเงินสงเคราะห์เพื่อการคลอดบุตรเป็น 98 วัน (เดิม 90 วัน) และเพิ่มเงินทดแทนกรณีทุพพลภาพเป็นร้อยละ 70 (เดิม ร้อยละ 50)

2.) การเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านที่อยู่อาศัยให้ผู้ประกันตน โดยขอให้ศึกษาความเป็นไปได้และสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกันตน เพื่อกำหนดแนวทางในการสร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประกันตนที่เกษียณอายุ

3.) จัดตั้งสถาบันการแพทย์เฉพาะทางสำหรับผู้ประกันตน รวมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงการรักษาให้กับผู้ประกันตน สำหรับโรคเฉพาะทาง โดยไม่ต้องไปรอการรักษาโรงพยาบาลตามสิทธิ โดยใช้โมเดลเดียวกันกับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์

4.) การส่งเสริมสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ เพื่อให้การดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเข้าถึงได้โดยง่าย โดยให้คำแนะนำและคำปรึกษาการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเสี่ยง และป้องกันการเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

5.) ขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานอิสระภาคสมัครใจ สร้างการรับรู้ให้ผู้ประกันตนให้ความสำคัญในการส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มช่องทางชำระเงินสมทบ

‘รมว.เฮ้ง’ เผย ชุมชนมุสลิมปลื้ม ‘บิ๊กตู่’ หลังฟื้นสัมพันธ์ ‘ไทย-ซาอุดิอาระเบีย’ ได้สำเร็จ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ‘วันรวมใจ สู่นูรุ้ลฮิดายะห์ (แสงประทีป)’ โดยมี นายมีศักดิ์ อิทธิธนากุลชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร ดร.จำลอง ช่วยรอด คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และคณะกรรมการจัดงาน ให้การต้อนรับ ณ มัสยิดนูรุ้ลฮิดายะห์ (แสงประทีป) ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 

นายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบที่มีอยู่กว่า 22 ล้านคน เพราะแรงงานทุกคนถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า 

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามผลักดันโครงการเยียวยาต่าง ๆ ให้ครอบคลุมแรงงานทุกกลุ่มทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งในส่วนของแรงงานนอกระบบได้มีโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง แท็กซี่ หาบเร่แผงลอย นักร้อง นักดนตรี ผู้ที่ทำงานในกิจการสถานบันเทิงฯ ใน 29 จังหวัด คนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 2 เดือน เป็นเงินเกือบ 60,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ.…ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 9) มีกองทุนเพื่อแรงงานนอกระบบใช้เพื่อเป็นแหล่งเงินกู้มีทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ ซึ่งจะทำให้พี่น้องแรงงานนอกระบบมีหลักประกันทางสังคมและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งการจัดงานในวันนี้ถือว่าเป็นการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนให้มีความเข้มแข็ง อันจะเป็นการยกระดับให้ชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

‘แรงงาน’ เนื้อเต้น ‘รมว.เฮ้ง’ จับมือ AOT เปิดพื้นที่หางาน จัดตลาดนัดแรงงานที่สุวรรณภูมิ ร่วม 1,500 อัตรา

(8 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 คลี่คลาย แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อัตราการว่างงานลดลง ประชาชนมีงานทำมากขึ้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างทยอยเพิ่มการจ้างงานให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ที่ผลักดันนโยบายรักษาการจ้างงานตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ในส่วนกระทรวงแรงงานขานรับข้อสั่งการเดินหน้าส่งเสริมการมีงานทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นการให้บริการจัดหางานออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม 'ไทยมีงานทำ' เพื่อคนหางานยุคใหม่เข้าถึงได้ทุกเวลา ควบคู่กับการลงพื้นที่บูรณาการร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงตำแหน่งงานแก่ประชาชนทุกพื้นที่ ล่าสุดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (AOT) มีกำหนดจัดงาน 'ตลาดนัดแรงงาน' ณ ศูนย์การขนส่งสาธารณะ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างวันที่ 9 -11 พฤศจิกายน 2565 กรมการจัดหางาน โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการ จึงได้เตรียมกิจกรรมตามภารกิจเพื่อให้บริการแก่ประชาชนที่มาร่วมงานด้วย

“การจัดตลาดนัดแรงงาน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการสมัครงาน คนหางานได้คัดเลือกตำแหน่งงานว่างที่ตรงกับความรู้ความสามารถ โดยสามารถสมัครงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการจำนวนมากในคราวเดียว ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดี ที่นายจ้าง/สถานประกอบการและผู้สมัครงานจะได้พบและพิจารณาคัดเลือกกันโดยตรง ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเชื่อว่ากิจกรรมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์แก่คนที่กำลังมองหางาน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

‘รมว.เฮ้ง’ ห่วงแรงงานไทยถูกลวงทำงานที่ญี่ปุ่น สั่ง ‘กรมการจัดหางาน’ เร่งตรวจสอบ-ช่วยเหลือ

(10 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณี คนไทย 27 ราย ยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อพล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานวุฒิสภา ขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกหลอกลวงจากนายหน้าจัดหางาน ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย อ้างว่าสามารถพาไปทำงานประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ ‘วีซ่าทักษะเฉพาะทาง’ Specified skilled Worker จนทำให้แรงงานไทยที่หลงเชื่อสูญเงินค่าบริการจัดหางานไปแล้วรายละ 20,000 - 70,000 บาท สุดท้ายถูกเลื่อนกำหนดเดินทางไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นพิรุธ ขอเงินคืนกลับถูกนายหน้าบ่ายเบี่ยง ทำให้บางรายเสียทั้งเงินและงาน เนื่องจากแจ้งลาออกจากงานล่วงหน้า เพื่อเตรียมเดินทางไปทำงานที่ใหม่ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เป็นมูลค่าความเสียหายรวม 5 ล้านบาท ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรับทราบเรื่องแล้วไม่นิ่งนอนใจ ได้สั่งการกรมการจัดหางานเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวทันที

“ผมได้สั่งการอธิบดีกรมการจัดหางาน เร่งตรวจสอบแล้วพบว่า นายซังคิวและพวก ที่ถูกแรงงานไทย 27 คน รวมตัวกันร้องเรียนนั้น ไม่ได้รับใบอนุญาตให้จัดหางานจากกรมการจัดหางาน จึงไม่สามารถรับสมัครและจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศได้ ซึ่งกรมการจัดหางานจะเร่งดำเนินคดีต่อไป ในส่วนโรงเรียนสอนภาษาดังกล่าว ได้ประสานหน่วยงานเจ้าของเรื่องรับไปดำเนินการต่อ สุดท้ายผมขอฝากความห่วงใยถึงคนไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ก่อนหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ใด ขอให้ตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานกับกรมการจัดหางานก่อน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานมีศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ทำหน้าที่ติดตาม เฝ้าระวัง การโฆษณาจัดหางานบนสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเข้มงวด หากพบผู้ใดโฆษณาจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน ถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top