Sunday, 19 May 2024
สุชาติชมกลิ่น

'รมว.เฮ้ง' สั่ง สปส. เร่งหาข้อเท็จจริงจากญาติผู้เสียชีวิต กรณีหักหัวคิวเงินชดเชยต่างด้าว เหตุเรือระเบิดที่แม่กลอง

(21 ก.พ. 66) นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวจากเพจเฟซบุ๊กปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านเกี่ยวกับการเรียกหัวคิวพม่า 40% แลกเดินเรื่องเงินชดเชยแปดแสนบาทกรณีเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันระเบิดกลางแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมานั้น ในเรื่องนี้ ทันทีที่ทราบข่าวท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานลงพื้นที่ไปสอบข้อเท็จจริงกับญาติของแรงงานที่เสียชีวิตด้วยตนเอง เพื่อสัมภาษณ์ข้อเท็จจริงหากพบข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับผลประโยชน์ตามข่าวจริง ก็จะถูกส่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะถ้ามีคนทำนาบนหลังคนเดือดร้อน จะต้องรับโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

นายบุญสงค์ กล่าวต่อว่า "ในส่วนของสำนักงานประกันสังคม ผมได้รับรายงานจากนางสาวชณิการ์ โกวะประดิษฐ์ ประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาครว่า กรณีนี้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร ได้ดำเนินการจ่ายเงินค่าทำศพให้กับญาติที่มีชื่ออยู่ในหลักฐานการจัดการศพทั้ง 7 รายๆ ละ 50,000 บาท เรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินที่เหลือเป็นเงินค่าทดแทนการตายและเงินบำเหน็จชราภาพ รายละประมาณ 7 แสนกว่าบาท ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนรอหลักฐานของทายาท ซึ่งได้สอบสวนข้อเท็จจริงแล้วว่ามีผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายและได้ชี้แจงให้ญาติทราบแล้ว 

"เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ได้มีนาย THUREIN TUN ทูตแรงงานเมียนมา และนาย Sai Soe ล่ามของสถานฑูตเมียนมา พร้อมกับ คุณกนกพร บุญโต ผู้รับมอบอำนาจของนายจ้าง และญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย มาพบเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งทางสำนักงานฯ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และหลักฐาน โดยทางสถานทูตรับเรื่องไปประสานงานและช่วยเหลือในเรื่องการออกพาสปอร์ต หนังสือรับรองยืนยันตัวตนของผู้มีสิทธิ บันทึกถ้อยคำของทายาท และหลักฐานอื่นๆ เช่น ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส เป็นต้น 

"และในวันนี้ ผมได้มอบหมายให้นางนงลักษณ์ กอวรกุล ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสงคราม ลงพื้นที่ พร้อมด้วย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจากญาติของผู้เสียชีวิตที่จังหวัดสมุทรสงคราม"

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย พบว่า มี ญาติ 1 ราย ให้ข้อมูลว่า มีผู้มาติดต่อ ณ ที่พักอาศัย จำนวน 4 คน โดยเสนอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการเบิกเงินจากสำนักงานประกันสังคมแลกกับการจ่ายเงินค่าเดินเรื่องดังกล่าว แต่ญาติปฏิเสธข้อเสนอเนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากสถานทูตเมียนมาร์และกระทรวงแรงงานโดยสำนักงานประกันสังคมแล้ว และมีความมั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 

อย่าหลงเชื่อ ‘รมว.เฮ้ง’ สั่ง กรมจัดหางานเร่งตรวจสอบนายหน้าเถื่อน หลังหลอกคนไทยทำงาน 'ญี่ปุ่น-มัลดีฟส์' ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว

(1 มี.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรณีผู้เสียหายจากหลายจังหวัดร่วม 20 คน ถูกเฟซบุ๊กรายหนึ่งแอบอ้างพาไปทำงานตำแหน่ง พนักงานต้อนรับ ประเทศมัลดีฟส์ รายได้ 80,000-90,000 บาท และตำแหน่งคนงานสวน ประเทศญี่ปุ่น รายได้ 72,000 บาท โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเข้าประเทศ สุดท้ายถูกหลอกลวงสูญเงินรายละ 50,000-85,000 บาท และเลื่อนการเดินทางออกไปเรื่อย ๆ พร้อมบ่ายเบี่ยงไม่คืนเงิน จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน  บก.ปคม. เพื่อตรวจสอบดำเนินคดี ซึ่งตนทราบเรื่องแล้วไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการไปยังอธิบดีกรมการจัดหางาน เร่งติดตาม ช่วยเหลือ และร่วมฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้มีพฤติการณ์หลอกลวงคนไทยไปทำงานต่างประเทศตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 

ล่าสุดกรมการจัดหางานตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ทางทะเบียนระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์แล้ว พบว่า สาย-นายหน้ากลุ่มดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศและไม่ได้จดทะเบียนเป็นลูกจ้าง หรือตัวแทนจัดหางานของผู้รับอนุญาต ซึ่งมีความผิด ตามมาตรา 66 ข้อหาการโฆษณาการจัดหางานไม่เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 91 ตรี ข้อหา "หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ซึ่งต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังมีความผิดฐานนำเข้าข้อมูลเท็จตามพ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ” 

'หม่อมปลื้ม' ยก 'เสี่ยเฮ้ง' คว้าความสำเร็จได้ในสังคมปากกัดตีนถีบ เกิดมาโดยไม่มี 'สิทธิพิเศษ' แต่ดิ้นรนจนก้าวถึง 'รัฐมนตรี'

จากรายการ The Daily Dose โลกการเมือง ดำเนินรายการโดย หม่อมหลวง ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ได้มีการพูดถึง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ว่า...

'สุชาติ' เกิดมาโดยไม่มี 'สิทธิพิเศษ'
เค้าดิ้นรนเรียน ทำงาน
และวันนี้ ได้เป็น 'รัฐมนตรี'

ผมคิดว่า 'สุชาติ ชมกลิ่น' เป็นเรื่องราวที่ประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องราวของการเติบโตขึ้นมาในสังคม ในการทำธุรกิจ ในการไต่เต้าทางการเมือง ที่น่าเป็นต้นแบบ

ไม่ให้ตั้งตัว!! ‘เสี่ยเฮ้ง’ แถลงกวาดล้างต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย สุ่มตรวจทั่วประเทศกว่า 2 แสนราย พบกระทำผิดอื้อ!!

(13 มี.ค.66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีพบคนต่างชาติเร่ขายสินค้า ตามแหล่งท่องเที่ยวและย่านการค้าซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนกระทบต่อบรรดาผู้ประกอบการในพื้นที่ นั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบเรื่องแล้วรู้สึกห่วงใยพ่อค้าแม่ค้าคนไทยจะถูกแรงงานต่างชาติแย่งอาชีพครไทย แย่งรายได้อย่างมาก จึงสั่งการให้กระทรวงแรงงานกวาดล้างแรงงานต่างชาติที่แย่งอาชีพคนไทย รวมถึงแรงงานต่างชาติที่ทำงานผิดกฎหมาย ไม่มีใบอนุญาตทำงาน โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรับข้อสั่งการแล้วไม่เคยนิ่งนอนใจ ใช้มาตรการลงพื้นที่สุ่มตรวจโดยไม่แจ้งล่วงหน้าในทุกจังหวัด 

“จากผลการดำเนินการปีงบประมาณ 2566 (วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 12 มีนาคม 2566) มีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 18,966 แห่ง ดำเนินคดี 685 แห่ง และตรวจสอบคนต่างชาติ จำนวน 240,918 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 177,134 คน กัมพูชา 40,750 คน ลาว 12,311 คน เวียดนาม 140 คน และสัญชาติอื่น ๆ 10,583 คน มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 1,550 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 846 คน กัมพูชา 245 คน ลาว 269 คน เวียดนาม 65 คน และสัญชาติอื่น ๆ 125 คน ซึ่งพบเป็นการแย่งอาชีพคนไทย ทั้งสิ้น 883 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 392 คน กัมพูชา 195 คน ลาว 139 คน เวียดนาม 55 คน อินเดีย 68 คน และสัญชาติอื่น ๆ 34 คน โดยอาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด ตามลำดับ” รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดี คนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายฯ ของกรมการจัดหางาน และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ รับข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปูพรมตรวจสอบทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก ทั้งกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ ที่เป็นแหล่งประกอบอาชีพของคนไทย และย่านการค้าแหล่งเศรษฐกิจสำคัญที่พบเห็นแรงงานต่างชาติทำงานจำนวนมาก อย่างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เยาวราช ห้วยขวาง ปากคลองตลาด และจังหวัดปริมณฑล อาทิ สมุทรสาคร นครปฐม สระบุรี ปทุมธานี ซึ่งหากตรวจสอบพบมีความผิดจะดำเนินคดีตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่มีข้อยกเว้น 

เปิดเบื้องลึก 'ส.ส.เป้า สิงห์โตทอง' จับมือ 'รทสช.' สู้กลุ่ม 'สนธยา' เพราะคำพูดแมนๆ จากผู้ชายแมนๆ ที่ชื่อ 'สุชาติ ชมกลิ่น'

ดุเดือดแน่นอนกับสนามเลือกตั้งเมืองชลหนนี้ เมื่อ 'ส.ส.เป้า' นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง อดีตส.ส.ชลบุรี ได้แต่งองค์ทรงเครื่องมาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เขตพื้นที่ อ.บ้านบึง อ.บ่อทอง อ.หนองใหญ่ ตามคำชวนของนายสุชาติ ชมกลิ่น

การร่วมกับ รทสช. ของ ส.ส.เป้า นั้นมีความน่าสนใจ โดยเจ้าตัวได้เปิดใจถึงเบื้องลึกในการย้ายออกจากพรรคเพื่อไทย, พรรคก้าวไกล ไปทำงานการเมืองร่วมกับ 'กลุ่มบ้านใหม่' ของ 'รมต.เฮ้ง' นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลงสู้ศึกเลือกตั้งสนามส.ส.ชลบุรี ว่า...

เจ๊แดง บอกว่าถ้าจะลงเล่นการเมืองในนามพรรคเพื่อไทย จ.ชลบุรี เป้า ต้องไปขอกับท่านสนธยา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะเรา (กลุ่มก้าวหน้า) เพิ่งแข่งกับเขาในสนาม อบจ.ชลบุรี และสนามเมืองพัทยา และคนอย่างผมต้องไปขอสนธยา เพื่อจะมาลง ส.ส.ชลบุรี เขต 3 ผมคิดว่าแล้วว่ามันเสียศักดิ์ศรี ก็กลับมานั่งคุยกันอยู่ที่สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเกษตรชลบุรี บอกกับคนในสมาคมฟังว่าตระกูล 'สิงห์โตทอง' คงจะไม่มีการได้ลงเลือกตั้งแล้ว เราอยู่สายประชาธิปไตยมานาน สายก้าวไกล ก็ปฏิเสธ สายเพื่อไทยก็ปฏิเสธ

ก็เลยมาคุยกันว่าการเลือกตั้งชลบุรีคงไม่มีตระกูล 'สิงห์โตทอง' ลงแข่งขัน แต่พอดีคนในกลุ่มที่คุยกัน เขาเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับ รมต.เฮ้ง นายสุชาติ ชมกลิ่น สมัยเรียนชลชาย เขาก็เลยโทรศัพท์ไปหา รมต.เฮ้ง บอกว่างวดนี้พี่เป้าเขาไม่ลงเลือกตั้ง พรรคก้าวไกล ก็ไม่เอา พรรคเพื่อไทยก็ไม่เอา แต่ที่ไม่เอา เพราะเขาต้องให้ผมไปขอ ผมก็ไม่ขอ เพราะผมถือว่าต้องลดตระกูล ลดตัวเองไปขอ ผมก็ไม่เอา หลังจากนั้น รมต.เฮ้ง เขาก็ส่งญาติผม ซึ่งเป็นอดีตนายพลตำรวจในชลบุรี ก็ได้คุยกันหลังจากนั้นเขาก็ให้ผมคุยกับ รมต.เฮ้ง ก็คุยกัน รมต.เฮ้งบอกว่า “พี่เป้า ลุงซุ้ย (ดร.ดรงค์ สิงห์โตทอง พ่อผม) เป็น ส.ส.ชลบุรี มา 4 สมัย ทำการเมืองให้กับชลบุรี ในเรื่องสายเกษตร ทุกครั้งที่มีการอภิปรายในสภาฯ คำพูดเรื่องแรกก็จะพูดเรื่องอ้อยเรื่องมันอย่างเดียว ลุงซุ้ย ก็ทำเรื่องนี้มาตลอด ไม่อยากจะให้เสียเรื่องตรงนี้ไปเพราะมันกระทบต่ออาชีพเกษตรกรที่ปลูกอ้อย ปลูกมัน ปลูกปาล์ม

‘รมว.เฮ้ง’ ชวนคนหางานผ่านเว็บไซต์ ‘ไทยมีงานทำ’ รวบรวมอาชีพ-ตำแหน่งงานครบวงจรกว่า 250,000 อัตรา!!

กระทรวงแรงงาน ชวนคนหางานใช้บริการเว็บไซต์ ‘ไทยมีงานทำ.doe.go.th’ และแอปฯ ‘ไทยมีงานทำ’ ให้บริการฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย รวมตำแหน่งงานภาครัฐ เอกชน และตำแหน่งงานจากบริษัทจัดหางานเพื่อผู้หางาน

(16 มี.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน เตรียมตำแหน่งงานว่าง จำนวน 255,885 อัตรา รองรับผู้ว่างงาน ผู้จบการศึกษาใหม่ ผู้สูงอายุ กลุ่มผู้เปราะบาง และทุกคนที่ต้องการมีงานทำ โดยพร้อมให้บริการประชาชนผ่านระบบออนไลน์ บนแพลตฟอร์ม ‘ไทยมีงานทำ’ ซึ่งให้บริการทั้ง Web Application และ Mobile Application ประชาชนสามารถหางาน เข้าถึงตำแหน่งงานที่สนใจเหมาะสมกับตนเอง และสมัครหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มโอกาสการมีงานทำ

ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งงาน (Active ในระบบ) จากทั่วประเทศ จำนวน 255,885 อัตรา โดยตำแหน่งงาน 5 อันดับแรกที่มีความต้องการมากที่สุด ได้แก่

1.) แรงงานด้านการประกอบ
2.) แรงงานบรรจุผลิตภัณฑ์
3.) พนักงานขายของหน้าร้านและสาธิตสินค้า
4.) พนักงานขายโฆษณาและตัวแทนนายหน้าขาย
5.) ตัวแทนฝ่ายขายด้านเทคนิคและการค้า

“รัฐบาลโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับปัญหาการว่างงานอย่างยิ่ง เพราะเป็นปัญหาเริ่มต้นที่กระทบต่อการดำเนินชีวิต การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของภาคครัวเรือน ตลอดจนเศรษฐกิจในระดับประเทศเป็นลูกโซ่ จึงได้กำชับกระทรวงแรงงานสำรวจและเตรียมตำแหน่งงานไว้เพื่อรองรับคนไทยทุกคนที่ต้องการมีงานทำ” นายสุชาติ รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า แพลตฟอร์ม ‘ไทยมีงานทำ’ เป็นเว็บไซต์สำหรับคนหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานภาครัฐ เชื่อมโยงข้อมูลจากสำนักงาน ก.พ. ซึ่งมีตำแหน่งงานจากหน่วยงานราชการกว่า 300 หน่วยงาน ภาคเอกชน จากนายจ้าง สถานประกอบการที่เข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์ม ‘ไทยมีงานทำ’ และได้แจ้งตำแหน่งงานว่างไว้ และตำแหน่งงานจากบริษัทจัดหางานชั้นนำที่เป็นพันธมิตร ความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำกับกรมการจัดหางาน อาทิ บริษัท จัดหางาน จ๊อบบีเคเค ดอท คอม จำกัด บริษัท จัดหางานจ็อบท็อปกัน จำกัด บริษัท จัดหางาน อเด็คโก้ (ประเทศไทย) จำกัด โดยคนหางานสามารถค้นหาข้อมูลตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับตัวเอง

‘เสี่ยเฮ้ง’ เตือนแรงงานไทยหางานต่างประเทศ ระวังถูกล้วงข้อมูลส่วนตัว ผ่านการลงทะเบียนออนไลน์

(21 มี.ค.66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีปรากฏเป็นข่าวทางสื่อต่าง ๆ ว่ามีแพลตฟอร์มเปิดให้บริการจัดหางานออนไลน์ของประเทศซาอุดีอาระเบีย ในหลายตำแหน่ง ได้แก่ แม่บ้าน ผู้ดูแลเด็ก ผู้ดูแลคนสูงอายุ ผู้ดูแลสวน พ่อครัว แม่ครัว และคนขับรถ เป็นต้น โดยอ้างว่าสามารถสมัครได้ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน เพียงทำการฝากประวัติออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มไม่กี่ขั้นตอน ก็สามารถสัมภาษณ์กับนายจ้างด้วยวิธีการวีดีโอคอลกับนายจ้างได้ ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงเร่งสั่งการกรมการจัดหางานตรวจสอบข้อมูล เพราะห่วงแรงงานไทยจะถูกหลอกลวง ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวไม่ได้เป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งคนหางานไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบียจากกรมการจัดหางาน 

ดังนั้นการฝากประวัติส่วนตัวลงในแพลตฟอร์มอาจจะเป็นการถูกหลอกเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อนำไปใช้ในทางที่มิชอบได้ จึงฝากถึงคนไทยที่ต้องการไปทำงานในต่างประเทศไม่ว่าประเทศใด ต้องรู้ว่าการโฆษณาจัดหางานเพื่อพาคนไปทำงานต่างประเทศ สามารถทำได้เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางานเท่านั้น หากตรวจสอบที่มาแล้วมิใช่ ถือว่าท่านมีโอกาสถูกหลอกลวง

‘เสี่ยเฮ้ง’ ชี้แจง กรณีสาวโรงงานถูกโฟล์คลิฟท์ชนบาดเจ็บ เผย ส่งหน่วยงานเข้าความช่วยเหลือ-เยียวยาเบื้องต้นแล้ว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหายห่วง กรณีลูกจ้างสาวถูกโฟล์คลิฟท์ชนได้รับบาดเจ็บ หลังส่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ พบได้รับการรักษา ได้รับค่าจ้างและไม่ได้ถูกเลิกจ้างตามข่าว

(23 มี.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยกรณีมีสื่อนำเสนอข่าว ลูกจ้างโพสต์ผ่านสื่อออนไลน์ ว่าได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน นายจ้างไม่ดูแล และถูกเลิกจ้างนั้น ผมได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคมลงพื้นที่สอบถามข้อเท็จจริงจากนายจ้างและลูกจ้าง

“เบื้องต้นได้รับรายงานว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงงานย่านสามพราน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ลูกจ้างหญิงผู้โพสต์ ซึ่งทำงานเป็นพนักงานฝ่ายผลิตกำลังเดินอยู่บริเวณถนนระหว่างอาคารผลิตกับอาคารคลังสินค้า ถูกรถโฟล์คลิฟท์ชนจนได้รับบาดเจ็บ นายจ้างได้ส่งตัวลูกจ้างเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว แพทย์ได้ทำการรักษาและให้หยุดรักษาตัวเป็นเวลา 45 วัน โดยนายจ้างเป็นผู้จ่ายค่าจ้างให้ และนายจ้างยืนยันว่าไม่ได้เลิกจ้าง เจ้าหน้าที่ได้ไปเยี่ยมลูกจ้างที่บ้านพัก ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ ทราบว่านายจ้างพร้อมให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานเมื่อหายดีแล้ว แต่ลูกจ้างยังไม่ตัดสินใจ เจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครปฐม และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐม สาขาสามพราน ได้ชี้แจงให้ลูกจ้างทราบถึงสิทธิประโยชน์พึงได้รับตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามผมได้กำชับให้ทั้งสองหน่วยงานเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์กรณีนี้อย่างใกล้ชิด” นายสุชาติ กล่าว

‘เสี่ยเฮ้ง’ แจง ไม่ลงเขต 1 ชลบุรี ขยับขึ้นปาร์ตี้ลิสต์แทน เตรียมลุยสู้ศึกหาเสียง หนุน ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯ อีกสมัย

‘สุชาติ’ แจงส่งน้องเมียลงเขต 1 ชลบุรี รทสช.แทน เหตุ ‘สนธยา’ ไม่รับคำท้าศึกช้างชนช้าง เลือกขึ้นปาร์ตี้ลิสต์พท. เลยตัดสินใจขยับไปบัญชีรายชื่อ ลุยสู้ศึกใหญ่ โซนตะวันตก-กลาง-ตะวันออก หนุน ‘ประยุทธ์’ นั่งนายกฯต่อ ลั่นต้องชนะสงครามเลือกตั้ง ไม่แค่ชนะศึกเขตที่เป็นแชมป์เก่า

(27 มี.ค.66) เมื่อวานนี้นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ แทนการลงสมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 1 ซึ่งเป็นแชมป์เก่า ว่า ตนไม่เพียงแต่รับผิดชอบพื้นที่ จ.ชลบุรี หรือภาคตะวันออกเท่านั้น แต่ยังต้องดูแลพื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคกลาง และภาคตะวันตก ให้กับพรรคด้วย การลงในแบบบัญชีรายชื่อจะสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า

‘ธนาธร’ ซัด ‘สุชาติ’ หลังเคลมว่างงานลดลงเป็นผลงานรัฐบาล อัดนักการเมือง ถูก ปชช.เลือกมาแท้ๆ แต่ไม่เคารพประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 66 ระหว่างการประชันวิสัยทัศน์ระหว่างตัวแทนพรรคการเมือง 8 พรรค ในรายการสด ‘DEBATE ประเทศไทย เปิดเวทีภาคตะวันออก’ โดยสำนักข่าว Nation ในช่วงหนึ่ง สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และตัวแทนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวถึงผลงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระบุว่าช่วงที่เกิดโควิด รัฐบาลได้เป็นผู้ประคับประคองอุตสาหกรรมส่งออกและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จนสถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในการควบคุม

ทำให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภายานยนต์แห่งประเทศไทยได้ตกลงโบนัสพนักงานในระดับที่น่าพอใจ เช่น อิซุสุ ให้ 8.5 เท่า บวกเงินอีก 3.5 หมื่นบาท โตโยต้า ให้ 7.5 เท่าบวกเงินอีก 3.8 หมื่นบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ เกิดจากโครงการ Factory Sandbox ที่ตรวจโควิดฟรี เช่าโรงแรมให้กักตัว ฉีดวัคซีนให้หมด 100% และห้ามปิดโรงงาน ทำให้บริษัทต่าง ๆ ยังคงผลิตตามออเดอร์ส่งออกได้ตลอดเวลา จนบริษัทในไทยหลายบริษัท ยังคงทำกำไรและรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้ และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราว่างงานต่ำที่สุดในโลก อยู่ที่แค่กว่า 1% เกิดจากรัฐบาลรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้

ซึ่งในช่วงต่อมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้ใช้โอกาสแจกแจงข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยระบุว่า ตนไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะบริษัท โตโยต้า และอิซุสุ จ่ายโบนัสระดับ 8 - 10 เดือนให้พนักงานมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว อีกทั้งการว่างงานก็ยืนอยู่ที่ระดับ 0.75 -1.5% เป็นสิบ ๆ ปีมาแล้วเช่นกัน ไม่ใช่ผลงานของใครคนใดคนหนึ่งแน่ ๆ

ทำให้นายสุชาติ ใช้สิทธิพาดพิงลุกขึ้นตอบโต้ โดยระบุว่า นายธนาธรไม่ได้อยู่แบบตน อาจจะฟังมาผิด เพราะถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาโควิด ไม่รักษาการจ้างงาน ไม่รักษาออเดอร์ส่งออก ก็ไม่มีวันนี้

ขณะที่นายธนาธรเอง ก็ตอบโต้อย่างทันควันเช่นกัน โดยระบุว่า ตนอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 20 ปี นายสุชาติไม่รู้สู้ตนแน่ ๆ ส่วนอัตราการว่างงานของประเทศไทย ต้องย้ำอีกครั้งยืนอยู่ระดับนี้มาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วที่ 0.75 - 1.5% แม้แต่ช่วงโควิดก็เพิ่มขึ้นไปไม่ถึง 2% แล้ววันนี้ตกมาสู่ระดับเดิมแล้ว ทั้งนี้ไม่ต้องเชื่อตนก็ได้ ทุกคนสามารถไปหาดูเองได้จากเว็บไซต์หน่วยงานรัฐทั่วไป

หลังจากนั้น ในช่วงท้ายของการดีเบต พิธีกรได้ให้ตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองได้พูดทิ้งท้ายสั้น ๆ ซึ่งหลายพรรคการเมืองได้เน้นย้ำถึงการไม่ทะเลาะขัดแย้งกัน ทว่าในส่วนของนายธนาธร ได้กล่าวในช่วงของตนว่าอนาคตของประเทศไม่ใช่เรื่องของการที่ใครจะทะเลาะกับใครหรือไม่ แต่คือการยืนยันเรื่องพื้นฐานที่สุด นั่นคือการที่ประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตย ให้ไม่มีการรัฐประหารอีกในอนาคต จะทะเลาะกันหรือไม่ต้องยืนยันหลักการพื้นฐานเหล่านี้

“แต่ที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตยไม่ได้ มีรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เพราะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งยังฝักใฝ่รับใช้เผด็จการ ถ้าไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เป็นนั่งร้านหรือรับใช้พวกเขาตรงๆ  การมีนักการเมืองอย่างนี้ทำให้เผด็จการไม่สูญหายไปจากประเทศไทยเสียที” นายธนาธร กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top