Monday, 29 April 2024
ลดค่าไฟ

'ก.พลังงาน' เปิดแนวทางช่วยเหลือ 2 กลุ่มผู้ใช้ไฟ ลดสูงสุด 92.04 สต./หน่วย นาน 4 เดือน

กระทรวงพลังงาน เปิดแนวทางช่วยเหลือ 2 กลุ่มผู้ใช้ไฟ ลดสูงสุด 92.04 สต./หน่วย นาน 4 เดือน คาดใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานว่า ที่ประชุม ได้มีการพิจารณา การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคา LPG 

โดยมีโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) จาก 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เพิ่มขึ้นอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ซึ่งเดิมมีกำหนดสิ้นสุดโครงการฯ วันที่ 30 กันยายน 2565 นั้น ในที่ประชุม กบง. ได้มีการติดตามความคืบหน้าของโครงการฯ พบว่า...

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – 14 สิงหาคม 2565 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 3,741,994 ราย อย่างไรก็ดีเนื่องจากราคา LPG ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ที่ประชุม กบง. จึงมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกประมาณ 3 เดือนโดยจะเริ่มประมาณกลางเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม 2565 

จากนั้นได้มอบหมายให้ กรมธุรกิจพลังงานนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาโครงการฯ และจัดทำคำขอรับงบประมาณเพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการฯ เสนอสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้จากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยได้รับผลกระทบ กระทรวงพลังงานเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการจูงใจให้ภาคประชาชนมีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด 

ดังนั้น ที่ประชุม กบง. จึงได้มีการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และมีมติเห็นชอบแนวทางช่วยเหลือ ดังนี้...

(1) กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าที่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน 

โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565
- ธันวาคม 2565 (ประกอบด้วยส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนพฤษภาคม 2565 – สิงหาคม 2565 จำนวน 23.38 สตางค์ต่อหน่วย และส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนกันยายน 2565 – ธันวาคม 2565 จำนวน 68.66 สตางค์ต่อหน่วย) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากนโยบายของรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 วันที่ 19 เมษายน 2565 และวันที่ 10 พฤษภาคม 2565

(2) กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่นกัน โดยการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนกันยายน 2565 – ธันวาคม 2565 แบบขั้นบันไดในอัตรา 15 -75 %

ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการตามแนวทางช่วยเหลือกลุ่ม (1) และ (2) ซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของ กฟน. และ กฟภ. จะครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 80% ของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ หรือคิดเป็น  89% ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย 

สำหรับการดำเนินการให้ครอบคลุมบ้านที่อยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของ กฟผ. และผู้ใช้ไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวม 2,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 8,000  ล้านบาท สำหรับ 4 เดือน โดยพร้อมมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับสนับสนุนแหล่งงบประมาณในการดำเนินมาตรการดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง. ยังได้มีการพิจารณาปรับปรุงกรอบหลักเกณฑ์การคัดเลือกโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) (กลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม) สำหรับปี 2565 – 2573

‘เพื่อไทย’ จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา 'ค่าไฟ-เงินเฟ้อ' โวลั่น นโยบายพรรคลดราคา น้ำมัน - ค่าไฟ ทำได้จริง

โฆษกทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยห่วงเงินเฟ้อทำประชาชนเดือนร้อน ชี้ค่าไฟฟ้าที่แพงยิ่งทำเงินเฟ้อเพิ่ม จี้รัฐอย่าซื้อเวลาเร่งแก้ไข โวนโยบายพรรคลดแหลกทั้งน้ำมัน-ก๊าซ-ค่าไฟทำได้จริง

(12 ม.ค. 66) น.ส.จุฑาพร เกตุราทร โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้เหลือเพียง 1.7% จากเดิม 3% และเตือนว่าเศรษฐกิจโลกอยู่บนความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยก่อนหน้านี้องค์การการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงเหลือ 2.7% จาก 2.9% ซึ่งเป็นไปตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้คาดการณ์ไว้แล้ว โดยหวังว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจะไม่ย่ำแย่และจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง โดยไอเอ็มเอฟยังลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2566 ลงเหลือเพียง 3.7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 4% ในขณะที่ธนาคารโลกลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยเหลือ 3.6% จากที่คาดการณ์ไว้ 4.3% ซึ่งปรับลดค่อนข้างมาก ซึ่งหากยังบริหารแบบเดิม ๆ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยก็จะถูกปรับลดการเติบโตลงเรื่อย ๆ เหมือนตลอด 8 ปีที่ผ่านมาที่ประเทศไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาโดยตลอดจากที่ไอเอ็มเอฟและเวิลด์แบงก์วิเคราะห์ไว้เอง ซึ่งปีนี้การส่งออกของไทยจะขยายตัวได้น้อยมากและอาจจะถึงกับติดลบได้เลย จากที่การส่งออกได้ติดลบในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนของปีที่แล้ว

น.ส.จุฑาพรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 5.89% ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีของปี 2565 อยู่ที่ 6.08% เป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 24 ปี แสดงถึงราคาข้าวของที่แพงขึ้นอย่างมาก ประชาชนน่าจะต้องเดือดร้อนกันมาก เพราะรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย อีกทั้งรัฐบาลได้ขึ้นค่าไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.นี้ จะยิ่งทำให้เงินเฟ้อมากยิ่งขึ้น ยังดีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้ทักท้วงไว้ทำให้รัฐบาลไม่กล้าขึ้นค่าไฟฟ้าไปถึงหน่วยละ 5.72 บาท แต่การขึ้นมาที่ หน่วยละ 5.33 บาทก็ต้องถือว่าหนักมากแล้ว โดยควรต้องหาทางลดค่าไฟฟ้าลงโดยแก้ไขที่สาเหตุ ไม่ใช่แค่ซื้อเวลาเพื่อรอเวลาที่จะขึ้นราคาอีก โดยคาดการณ์กันว่าเงินเฟ้อในปี 2566 นี้จะอยู่ที่ประมาณ 3.1% ซึ่งก็ยังสูงมากพอควร

ผู้ใช้ไฟบ้านไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เฮ!! ครม.เคาะมาตรการช่วยค่าไฟ นาน 4 เดือน

ครม. อนุมัติ 3.1 พันล้านบาท ให้ กฟน.และ กฟภ.สำหรับส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟบ้านไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ประจำเดือนมกราคม - เมษายน 2566

(7 มี.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติวงเงิน 3,191,740,000 ล้านบาท ให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนมกราคม - เมษายน 2566 เพื่อให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยเป็นกรอบวงเงินของการไฟฟ้านครหลวงจำนวน 517,950,000 บาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำนวน 2,673,790,000 บาท เพื่อบรรเทาผลกระทบในการลดภาระค่าครองชีพให้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นกลุ่มเปราะบาง

‘ภูมิใจไทย’ ชูนโยบาย ‘ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์’ มั่นใจ!! ช่วยลดค่าไฟ 450 บาท/หลังคาเรือน

(22 มี.ค.66) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวในเวทีเสวนาออนไลน์ : ล้านหลังคา ล้านโซล่าเซลล์ จัดโดย สภาองค์กรของผู้บริโภค โดยนำเสนอว่า พรรคภูมิใจไทย มี ‘นโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ ลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อน เดือนละ 100 บาท 60 งวด’ โดยคาดว่าจะมีการติด โซล่าเซลล์ 21 ล้านหลังคาเรือน เราคิดว่าจะติดให้ฟรีทุกครัวเรือน เป็นเรื่องที่สามารถทำได้จริง โดยแหล่งเงินจะมาจากการทำกองทุนขายพันธบัตร ระดมทุนให้สามารถติดโซล่าเซลล์ ได้ทุกหลังคาเรือน

“ทำเหมือนกับการเปลี่ยนระบบโทรทัศน์จากระบบอนาล็อก ไปเป็นโทรทัศน์ระบบดิจิตอล เมื่อไม่นานที่ผ่านมา  เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ให้สามารถทำฐานการผลิตโซล่าเซลล์ ในประเทศไทย คิดดูว่าจะทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมหาศาล คิดดูว่า 21 ล้านหลังคาเรือน จะมีการจ้างงานเท่าไหร่ ในปีที่ผ่านมา เรื่องหลังคาโซล่าเซลล์ เติบโตเพียง 1% ประเทศไทยไม่มีโรงงานผลิตโซล่าเซลล์ หากการติดโซล่าเซลล์ 20 ล้านหลังคาเรือน เกิดขึ้น เราจะเป็นฐานโรงงานผลิตโซล่าเซลล์ และเกิดกาจ้างงานมหาศาล และผลิตไฟฟ้า ได้ประมาณครึ่ง ของพลังงานที่ผลิตในประเทศ เป็นพลังงานสะอาด” นายสิริพงศ์ กล่าว

‘พปชร.’ ประกาศ ‘ไฟฟ้าประชาชน’ มั่นใจ!! ลดฮวบ ‘ไฟบ้าน’ เหลือ 2.50 บาท ‘ไฟอุตฯ’ เหลือ 2.70 บาท

(18 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธานโดยที่ประชุมได้ข้อสรุปการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ รวมไปถึงการลดราคาน้ำมันและค่าแก๊ส และการลดค่าไฟฟ้า เป็นเวลา 1 ปี

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมาจาก 4 แห่งใหญ่ คือ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จากนั้นจ่ายผ่านการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไปยังธุรกิจอุตสาหกรรม และประชาชน ซึ่งคนไทยทั้งประเทศใช้ไฟฟ้าประมาณ 200,000 ล้านหน่วยต่อปี โดยกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ใช้ไฟมากกว่า 60% 

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า โครงสร้างราคาไฟฟ้า คือ ค่าไฟฟ้าฐาน และ ค่า FT มาบวกกัน ถึงออกมาเป็นค่าไฟฟ้าต่อหน่วย โดยปัจจุบันนี้อัตราค่าไฟของประเทศในอาเซียน ประเทศไทยถือว่าแพง พรรค พปชร.จึงต้องแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยรื้อและปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ภายใต้กรอบวินัยการเงิน และการคลัง 

‘กรณ์’ จี้ รัฐฯ ยกเลิกค่าเอฟที ช่วง 3 เดือนที่ร้อนที่สุดทันที ชี้ ทำได้ เพราะต้นทุนก๊าซลดลง ลั่น!! ต้องรื้อโครงสร้างอตุฯ ไฟฟ้า

(21 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า การแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง คือ รัฐบาลต้องยกเลิกค่าเอฟที ในช่วง 3 เดือนนี้ทันที ทำได้เลย เพราะต้นทุน กฟผ. ลดลงมากจากราคาก๊าซ LNG ที่ถูกลงมาตลอด โดยพรรคชาติพัฒนากล้าเสนอว่า ต้องรื้อโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้า เนื่องจากเวลานี้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของบ้านเราใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่เป็นฟอสซิล ในปริมาณที่สูงเกินกว่า 50% นอกจากนั้น ยังมีถ่านหิน และน้ำมัน ซึ่งมีต้นทุนราว 5 บาท ส่วนที่เป็นพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์เราใช้ไม่ถึง 10% ทั้งที่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 2 บาท กลับเลือกใช้น้อยที่สุด

ต่อข้อถามที่ว่าเรื่องนี้ขัดประโยชน์ของใคร นายกรณ์ กล่าวว่า นั่นเป็นประเด็นสำคัญว่า การจะแก้ปัญหาจะต้องมีความกล้าทางการเมือง ที่จะรื้อโครงสร้างไฟฟ้า โดยต้องเปิดเสรีให้กับประชาชนมีสิทธิเป็นผู้ลงทุน ซึ่งมีความแตกต่างกับปัจจุบันคือเราไม่ต้องพึ่งทุนใหญ่กับรัฐวิสาหกิจ เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

“วันนี้การลงทุนครั้งใหญ่ในการสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าให้ต้นทุนถูกลง คือเราต้องปลดแอกให้ประชาชนทุกคนที่มีหลังคาเรือน สามารถเข้าถึงเงินทุนที่จะเข้าถึงแผงโซล่า และให้สิทธิในการขายไฟส่วนเกินคืนให้กับรัฐ ในราคาเดียวกันกับราคาค่าไฟที่ซื้อจากรัฐฯ ซื้อ 5 บาท แต่ปัจจุบันขายคืนในราคา 2.20 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การลงทุน โดยภาคประชาชน ภาคเอกชน มันไม่เกิด” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว

นายกรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความเหลื่อมล้ำที่ชัดเจนในแง่ของโอกาสซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของทุนใหญ่ เราควรเปิดเสรีเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเป็นผู้ลงทุนในส่วนนี้ได้ เพราะเทคโนโลยีไปถึงจุดนั้นแล้ว แต่อุปสรรคสำคัญคือ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของนโยบาย แต่อีกส่วนคือเรื่องของแหล่งทุน เพราะฉะนั้น เราจึงเสนอแหล่งทุนเพื่อให้ ทุกครัวเรือนสามารถติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เองได้โดยปลอดดอกเบี้ย ส่วนต้นทุนคือเงินที่ต้องใช้ในการติดตั้ง สามารถผ่อนจ่ายด้วยเม็ดเงินที่ประหยัดจากค่าไฟ ซึ่งคำนวณมาแล้วไม่เกิน 5 ปี ก็คืนทุน หลังจากนั้น ประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีเลย ซึ่งตรงนี้เราสามารถทำได้ทันทีหลายล้านครัวเรือน และการติดตั้งก็ใช้เวลาไม่นานด้วย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานรับลูก  กฟผ. เคาะลดค่าไฟ 'พ.ค.- ส.ค.' เหลือ 4.70 บาท ส่วนงวดใหม่รอเช็กปริมาณก๊าซ

(24 เม.ย.66) นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นัดพิเศษวันนี้ พิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ FT งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอ พร้อมรับภาระค่าเอฟทีลดลง 7 สต.ทำให้ค่าไฟฟ้า ค่าเอฟทีลดลงจากเดิมที่ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 4.77 บาทต่อหน่วย เป็นอัตราเอฟทีใหม่ที่ 91.19 สตางค์ หรือค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4.70 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้ในการดำเนินการดังกล่าวตามมติ กกพ. จะมีผลทันทีโดยไม่ต้องรับฟังความเห็นประชาชนรอบใหม่ เนื่องจากสมมุติฐานอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลง 

ส่วนกรณีการแสดงความเห็นในช่วงนี้ว่าค่าไฟแพงนั้น นายคมกฤช ยอมรับว่า ค่าไฟฟ้าปัจจุบัน งวดเดือน มี.ค. –เม.ย. ยังไม่ได้ปรับขึ้น โดยยังคิดที่เฉลี่ย 4.72 บาทต่อหน่วย แต่ด้วยอากาศร้อน และมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนัก จึงทำให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันค่าไฟฟ้าเป็นอัตราก้าวหน้า ยิ่งใช้มากก็ยิ่งต้องจ่ายมาก หากใช้เงิน 300 หน่วยต่อเดือน ก็ไม่มีส่วนลดจากรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้หลายคนเจอกับปัญหาค่าไฟแพงด้วย

‘สมาคมทนาย’ ติง กกต. ปรับปรุงการทำงานให้โปร่งใส-เป็นกลาง ชี้!! ใช้งบกลางอุ้มค่าไฟไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน เเต่เป็นการใช้หาเสียง

(3 พ.ค. 66) นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ระบุว่า…

ตามที่ได้เกิดปัญหาความผิดพลาดเกี่ยวกับการทำงานและการจัดการเลือกตั้ง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดังปรากฏข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนออย่างแพร่หลายนั้น สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า กกต.มีเวลาในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเพียงพอ เพราะเป็นการยุบสภาฯ และจัดการเลือกตั้งช้ากว่ากำหนดเดิมที่ กกต.เคยประกาศในกรณีรัฐบาลอยู่จนครบวาระ คือ ในวันที่ 7 พ.ค.2566 ถึง 7 วัน กกต.จึงมีเวลาอย่างเพียงพอที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

แต่ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกลับปรากฏว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ เต็มไปด้วยความผิดพลาด โดยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เช่น การพิมพ์ชื่อผู้สมัคร สัญลักษณ์ หรือชื่อพรรคการเมืองผิด ซึ่งเกิดกับผู้สมัครและพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลทั้งสิ้น ประกอบกับเคยมีความผิดพลาดจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ได้แก่ การนับคะแนนที่ส่งมาจากต่างประเทศไม่ทัน หรือการนับคะแนนแบบบัตรเขย่ง จนทำให้ฝ่ายที่เคยแพ้กลับมาชนะเลือกตั้ง จนได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ยิ่งทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในความเป็นกลางของ กกต.

‘ครม.’ เคาะลดค่าไฟอีก 4 เดือน ‘กฟน.’ แนะ เช็กยอด พ.ค. หากชำระบิลแล้วจะคืนส่วนลดให้ในเดือนถัดไป

(19 พ.ค. 66) จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากราคาไฟฟ้า ตามที่ ครม. เสนอโดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าต่อเนื่อง 4 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค. – ส.ค. 2566 แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน และส่วนลดค่าไฟฟ้า (เพิ่มเติม) สำหรับงวดเดือน พ.ค. 2566 จำนวน 150 บาทต่อราย ให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ทั้งนี้กำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น

นายอนุชา กล่าวว่า การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งว่า สำหรับใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือน พ.ค. 2566 ที่จดหน่วยและส่งใบแจ้งค่าไฟฟ้าในวันที่ 14 – 17 พ.ค. 2566 ที่ยังไม่มีส่วนลด MEA จะปรับปรุงในระบบรับชำระเงินค่าไฟฟ้า โดยผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถตรวจสอบยอดเงินค่าไฟฟ้าประจำเดือน พ.ค. 2566 ที่มีการปรับปรุงแล้วได้ที่แอปพลิเคชัน MEA Smart life หรือที่ทำการ MEA ทั้ง 18 เขต หากผู้ใช้ไฟฟ้าที่ชำระค่าไฟฟ้าแล้ว MEA จะคืนเงินส่วนลดดังกล่าวให้ในเดือนถัดไป ทั้งนี้ ใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนพ.ค. 2566 จะเป็นการจดหน่วยในวันใดวันหนึ่งระหว่างวันที่ 14 พ.ค. — 13 มิ.ย. 2566

นายอนุชา กล่าวต่อว่า ตามที่มีประชาชนได้รับข้อความแอบอ้างหน่วยงาน MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง เพื่อหลอกเก็บเงินค่าบริการต่าง ๆ นอกสถานที่ทำการ MEA รวมถึงเพื่อล่อลวงให้รับบริการผ่านระบบออนไลน์ หรือคลิกลิงก์ต่าง ๆ จนมีความเสี่ยงทำให้เหยื่อเสียทรัพย์สินนั้น MEA มีความห่วงใยต่อกรณีดังกล่าว

โดยได้แจ้งวิธีสังเกต SMS ของ MEA ที่ถูกต้อง ขอให้ประชาชนสังเกตบริเวณชื่อบุคคลผู้ส่ง โดยจะต้องระบุชื่อเป็น ‘MEA’ เท่านั้น หากพบชื่อผู้ส่งเป็นตัวเลขเบอร์โทรศัพท์ หรือตัวอักษรที่ไม่ใช่การสะกดตามคำว่า ‘MEA’ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อความดังกล่าว ทั้งนี้ MEA ยืนยันว่าจะไม่ส่ง SMS ให้กับบุคคลทั่วไป ยกเว้นเป็นผู้ที่กำลังติดต่อธุรกรรมกับ MEA หรือรับบริการ MEA e-Bill อยู่เท่านั้น

นายอนุชา กล่าวด้วยว่า สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของการใช้งาน Line ของ MEA ประชาชนสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้โดยการดูความถูกต้องของชื่อ Line ต้องระบุเป็น “MEA Connect” โดยระบุชื่อ Line id เป็น @meathailand และด้านหน้าชื่อต้องมีสัญลักษณ์โล่สีเขียว ซึ่งแสดงถึงสถานะที่เป็นทางการ

ส่วนกรณีเว็บไซต์ MEA นั้น ประชาชนสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้โดยการดูความถูกต้องของชื่อเว็บไซต์ ซึ่งต้องระบุเป็น https://www.mea.or.th รวมถึง MEA ยืนยันว่า ปัจจุบัน MEA ไม่มีนโยบายให้พนักงาน หรือตัวแทนพนักงาน รับชำระค่าไฟฟ้า หรือค่าบริการใด ๆ นอกสถานที่ทำการของ MEA อีกด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า MEA ขอให้ประชาชนระมัดระวังการรับข้อมูลจากช่องทางการสื่อสารในสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งอาจมีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ ซึ่งประชาชนสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสามารถสอบถามข้อมูลค่าไฟฟ้าได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของ MEA ได้แก่ Facebook: การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : @meathailand, Twitter : @mea_news, และ MEA Call Center โทร 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top