Friday, 3 May 2024
ยึดทรัพย์

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำกำลังเข้าตรวจค้นยึดทรัพย์เครือข่ายผู้ต้องหา คดีร่วมกันทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ ในพื้นที่ 9 จังหวัด 74 จุด เกือบ 700 ล้านบาท

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์จังหวัดพัทลุง ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ช่วยติดตามคดีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวที่เป็นสมาชิกได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และคดีนี้ยังมีความสลับซับซ้อน แม้มีเจ้าหน้าที่หลายคนถูกพบว่ากระทำผิด แต่ยังสามารถทำงานในสหกรณ์ได้ ซึ่งอาจทำให้พยานหลักฐานต่าง ๆ สูญหายหรือถูกแก้ไขไปอีก ความเสียหายโดยรวมมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.เร่งสืบสวนและสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น  และได้ออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 293/2565 ลงวันที่ 22 มิ.ย.65  แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งดังกล่าว มีอำนาจในการสืบสวนคดีร่วมกันทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์พัทลุง จำกัด เพื่อเร่งคลี่คลายคดีและติดตามทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายกลับคืนให้กลุ่มผู้เสียหาย

จากการสืบสวนพบว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2563 หลังจากที่ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด ได้มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการสหกรณ์และคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ รวมทั้งได้มีการตรวจสอบการดำเนินการทางบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง ผลปรากฏว่า มีการพบความผิดปกติทางบัญชี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริตของคณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกรวมหลายราย จึงได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย  และจากการสอบสวนพยานบุคคล และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏพบกลุ่มผู้ต้องหา ประกอบไปด้วยคณะกรรมการดำเนินการ ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด และบุคคลภายนอก จำนวน 25 คน มีพฤติการณ์ในการร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ และลงมือกระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระต่างกัน เป็นเวลาต่อเนื่องกันมาเป็นเวลายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จนถึงปี พ.ศ.2563  โดยมีรูปแบบการกระทำความผิดมากกว่า 10 วิธี เช่น การตกแต่งบัญชีของสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิก การตกแต่งบัญชีลูกหนี้และลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตน หรือตกแต่งบัญชีเกินความเป็นจริง การปลอมใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ  1,577,836,978.14 บาท
ต่อมา ในห้วงระหว่างวันที่ 6-8 มิ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 25 คน ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง  ประกอบด้วย
1. นางสาวสุภา อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาที่ 1
 2. นางสุพร อายุ 62 ปี  ผู้ต้องหาที่ 2
 3. นางสุชาดา อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาที่ 3
 4. นางสาวจุฑารัตน์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่ 4
 5. นางสาวนันทิยา อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาที่ 5
 6. นางอัมพร อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ 6
 7. นางพัชราภรณ์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาที่ 7
 8. นางสาวสุกัญญา อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาที่ 8
 9. นางสาวปาณิศา อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 9
 10. นางสาวสุวนันท์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาที่ 10
 11. นางสาวกชกร อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาที่ 11
 12. นายไกรศิริ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ 12
 13. พ.ต.ท.วิเชียร อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 13
 14. ร.ต.ต.พันธ์ชัย อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ 14
 15. ด.ต.ชุณฐกฤตม์ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาที่ 15
 16. พ.ต.อ.ชำนาญ อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาที่ 16
 17. ร.ต.ท.อรุชา  อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาที่ 17
 18. ร.ต.อ.ธนเวทย์ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 18
 19. ด.ต.วิชา อายุ 75 ปี ผู้ต้องหาที่ 19
 20. นางสารภี อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาที่ 20
 21. นายศิรัฐโรจ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 21
 22. นางมณฑา อายุ 75 ปี ผู้ต้องหาที่ 22
 23. นายวิเชียร อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 23
 24. นางพรศรี อายุ 74 ปี ผู้ต้องหาที่ 24
 25. นางสาวพัชรา อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 25

โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้าง, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ พบว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ไปยังเครือญาติใกล้ชิดของกลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหา ในเขตพื้นที่ 9 จังหวัด จึงได้ทำการอายัดบัญชีธนาคารและในวันนี้ (22 ส.ค.65) ได้ขออนุมัติหมายค้นศาลอาญา เพื่อเข้าตรวจค้น 74 เป้าหมายในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง, ภูเก็ต, นครศรีธรรมราช, ตรัง, กระบี่, ประจวบคีรีขันธ์, จันทบุรี, ระยอง และกรุงเทพมหานคร โดยผลการตรวจค้น สรุปการดำเนินการ ดังนี้

'เลขา ป.ป.ส.' สั่ง ขยายผล คดีจับยาบ้า 1 ล้านเม็ด เผย เฉพาะ 4 เดือน ยอดยึดทรัพย์กว่า 2 หมื่นล้านบาท!!

(17 ก.พ. 66) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่ ตร.บก.สส.ภ.9 จับกุมผู้ต้องหาชาวอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวม 3 คน คือ นายสรายุทธ เศรษฐรินทร์ อายุ 37 ปี, นายวีรยุทธ วิรัชวรกร อายุ 39 ปี และนายทรงพล โสภาสิทธิ์ อายุ 35 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1 ล้านเม็ด เหตุเกิดที่ริมถนนเพชรเกษมขาเข้าหาดใหญ่ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กลางดึกของคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “คดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ตรวจสอบในฐานข้อมูลการข่าวของ ป.ป.ส. พบว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จ.สงขลา ค้ายาเสพติดมาเป็นระยะเวลานาน และล้วนแต่มีประวัติเคยถูกจับกุมคดียาเสพติดมาก่อน ทั้งยังมีสมาชิกเครือข่ายอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ทำหน้าที่กระจายยาเสพติด และดำเนินการเรื่องการเงินและทรัพย์สิน บางรายในอดีตเคยต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ แต่ยังลักลอบใช้โทรศัพท์ติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดจำนวนมาก จากนักค้าในประเทศเพื่อนบ้านและพื้นที่ภาคเหนือ ลงไปกระจายจำหน่ายใน จ.สงขลา, จ.สตูล และจังหวัดใกล้เคียง

26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ศาลสั่งยึดทรัพย์ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ รวมมูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท

วันนี้ เมื่อ 13 ปีก่อน ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายึดทรัพย์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 46,373 ล้านบาท คืนเงิน 30,247 ล้านบาท

องค์คณะผู้พิพากษาเริ่มอ่านคำพิพากษาในเวลา 13.30 น.ใช้เวลาอ่านคำฟ้องของอัยการ 1 ช.ม.อ่านคำคัดค้านการยึดทรัพย์ของผู้ถูกร้อง (จำเลย) 1.30 ช.ม. เริ่มเข้าสู่การพิจารณาในแต่ละประเด็น 16.00 น.

1. องค์คณะผู้พิพากษามีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯมีอำนาจพิจารณาคดีนี้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะคดีนี้ไม่ใช่คดีความผิดทางละเมิดของศาลปกครอง หรือ คดีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

2. มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ผู้ร้อง ทั้งอัยการ, ป.ป.ช., คตส. มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ 7.66 หมื่นล้าน ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะ

2.1 พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. ปี 42 ไม่ได้สิ้นสุดลงตาม รธน.40 จากการยึดอำนาจ 19 ก.ย.49
2.2 คตส.จึงสามารถใช้อำนาจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบการทุจริต ตามประกาศ คปค.ได้

2.3 การที่ พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.กำหนดให้การฟ้องคดีร่ำรวยผิดปกติ ต้องทำในสมัยที่นักการเมืองคนนั้น อยู่ในตำแหน่ง ไม่สามารถนำมาบังคับใช้กับการตรวจสอบของ คตส.ที่มีการบัญญัติไว้เป็น กม.เฉพาะได้

2.4 การตั้งนายกล้าณรงค์ จันทิก , นายบรรเจิด สิงคเนติ , นายแก้วสรร อติโพธิ เป็นอนุกรรมการตรวจสอบชอบด้วย กม.ไม่ได้มีอคติ หรือ เป็นปรปักษ์กับผู้ถูกกล่าวหา เพราะการไปฟังกลุ่มพันธมิตรฯปราศรัย , การแสดงความเห็นตรงข้ามกับผู้ถูกกล่าวหา เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในฐานะประชาชนทั่วไป , นักวิชาการ และ ส.ว. ไม่ได้มีเรื่องโกรธแค้นเป็นการส่วนตัวกับผู้ถูกกล่าวหา

2.5 ป.ป.ช.ชุดนี้ตั้งตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 19 ซึ่งชอบด้วย กม.แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ ปธ.วุฒิสภา รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง

2.6 คดีนี้เป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีแพ่งประกอบคดีอาญา ที่ต้องรอผลทางอาญาก่อน ตาม ป.วิ อาญา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาได้ โดยไม่ต้องรอให้มีคำพิพากษาในส่วนที่เป็นคดีอาญาก่อน

3. องค์คณะผู้พิพากษามีมติเป็นเอกฉันท์ว่า คำร้องขอให้ยึดทรัพย์ 7.66 หมื่นล้าน มีความชัดเจนไม่คลุมเครือ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือหุ้นชินคอร์ปผ่านเครือญาติ และนิติบุคคลที่ตัวเองตั้งขึ้น

ถอนลึกถึงราก!! ‘บิ๊กเด่น’ ลุยหน้า! กวาดล้าง ‘ซัว มาเฟียฯ’ ออกหมายจับ - ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 1.4 พันล้าน

(3 มี.ค.66) ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ดำเนินการตรวจสอบคดี พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว อดีตข้าราชการตำรวจ หลังจากมีประเด็นกรณีเป็นเจ้าของเครือข่ายพนันออนไลน์รายใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป จำนวน 55 บริษัท มีพฤติการณ์ในการสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องในสังกัดตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ดำเนินการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากข้อมูลการสืบสวนพบว่า สารวัตรซัว และบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเครือข่ายการพนันออนไลน์ เบื้องต้นเชื่อว่า มีบริษัทกว่า 30 บริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ปที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทผลิตเกมส์, ผลิตโปรแกรม, พัฒนาซอฟแวร์, จัดการบัญชี, จดทะเบียนพาณิชย์, จัดการเงิน, แลกเปลี่ยนเงิน และทำการตลาด

นอกจากนี้ ยังพบว่า เมื่อปี พ.ศ.2555 ได้มีภาพซึ่งปรากฎข้อความที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ติดอยู่บริเวณหน้าบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป จากข้อมูลดังกล่าวจึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า สารวัตรซัว น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ มาตั้งเเต่ปี พ.ศ.2555  เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยจากการสืบสวนพบมูลคดีที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ของสารวัตรซัวเป็นจำนวนหลายคดี ซึ่งอยู่ระหว่างทำการสืบสวน
 

‘สาวใหญ่’ หลงคารมหนุ่มสายบุญ ให้ยืมเงิน-ซื้อรถป้ายแดง สุดท้ายโดนชิ่ง เจอหมายศาลยึดทรัพย์ ส่งถึงหน้าบ้าน

กำลังถูกยึดทรัพย์ หลงคารมหนุ่มสายบุญ เจอหมายศาลถึงบ้าน โทรไปถามแถไม่หยุด

(19 มี.ค.66) นางเอ (นามสมมติ) อายุ 57 ปี พนักงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐาน และหมายศาลที่ถูกฟ้องยึดทรัพย์ มาร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าว หลังถูก นายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 42 ปี พ่อค้าขายเครื่องราง หลอกยืมเงิน 2 แสนบาท และยังหลอกให้เช่าซื้อรถป้ายแดงให้ สุดท้ายกำลังจะถูกยึดทรัพย์

นางเอ เล่าว่า ตนรู้จักกับ นายเอ็ม เพราะชอบเข้าวัดทำบุญเหมือนกัน ก่อนนับถือเป็นพี่น้อง จากนั้นเมื่อปี 64 นายเอ็ม มาขอยืมเงินตน 200,000 บาท และต้นปี 2565 ก็หลอกให้ใช้ชื่อเช่าซื้อรถยนต์ป้ายแดงให้ โดยอ้างว่าชื่อตัวเองติดแบล็กลิส เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพิษโควิดทำให้ขายของไม่ได้ จนถูกยึดรถยนต์ที่มีอยู่ ทั้งประสบปัญหาขาดทุนขายของไม่ได้ครอบครัวเดือดร้อนไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกน้อยกิน

ด้วยความสงสารจึงยอมให้ยืมเงินและใช้ชื่อเช่าซื้อรถให้ ทั้งเห็นว่าเป็นคนชอบทำบุญจึงเชื่อใจ ประกอบกับ นายเอ็ม รับปากว่าจะรีบหาเงินมาคืนและผ่อนจ่ายค่างวดโดยไม่ให้มีปัญหาแน่นอน แต่เมื่อเดือน พ.ย.65 ก็ได้รับหมายศาลจังหวัดนางรอง เนื่องจากถูกธนาคาร และบริษัทที่ตนใช้ชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ยื่นฟ้องเรียกรถยนต์คืน หากไม่มีรถคืนก็ให้จ่ายเป็นเงินแทน เนื่องจาก นายเอ็ม ที่หลอกให้ตนใช้ชื่อเช่าซื้อรถยนต์ราคาเกือบล้านบาท ไม่ยอมชำระค่างวด หากตนไม่มีรถไปคืนบริษัทหรือหาเงินไปชำระตามหมายศาล ก็จะถูกยึดทรัพย์

บช.ปส. เปิด “ยุทธการสยบไพรีปราบสมุทร (Poseidon 1) ตามแผนปฏิบัติการตามล่า100เครือข่าย ยึดทรัพย์ 140 ล้าน”

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นการใช้ทุกมาตรการทางกฎหมายเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติด และยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งเน้นในการเร่งรัดดำเนินการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ เนื่องจากปัญหายาเสพติดอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและเป็นภัยสังคม  

ล่าสุด วันนี้ 26 ธ.ค.66 เวลา 09.00 น.  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์  หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. /รอง ผอ.ศอ.ปส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงเปิด“ยุทธการสยบไพรีปราบสมุทร (Poseidon 1) ตามแผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย” ยึดทรัพย์สินเครือข่ายได้กว่า 140 ล้านบาท 

สืบเนื่องเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 เวลาประมาณ 20.00 น. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดย บก.ปส.3, บก.ขส., บก.สกส. และ บก.ปส.1 ได้สืบสวนและจับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติขณะกำลังขนยาเสพติดจากรถยนต์กระบะตู้ทึบลงเรือศรีมงคลทรัพย์ ที่บริเวณท่าเรือของบริษัทท่าเรือบางประกงจำกัด ต.บางประกง อ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา พบยาเสพติดเป็นไอซ์แพ็กอัดแน่นอยู่ในถุงผลไม้อบแห้งใส่ในกล่อง ๆ ละ 24 ถุง รวมจำนวน 52 กล่อง และคีตามีนบรรจุแพ็กอัดแน่นในถุงชาใส่ในกล่อง ๆ ละ 25 ถุง จำนวน 48 กล่อง รวมน้ำหนักทั้งหมดประมาณ 2,200 กก. พร้อมควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งบนเรือและบนท่าเรือ จำนวน 14 คน จากพฤติกรรมที่พบขณะจับกุมและการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว พบผู้ร่วมกระทำความผิดขณะเกิดเหตุ จำนวน 6 คน แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ 1)กลุ่มขับรถยนต์ลำเลียง รวม 3 คน จับกุม 2 คน หลบหนีไป 1 คน  2) กลุ่มการ์ดบนเรือ จำนวน 3 คน จับกุมได้ 2 คน หลบหนีไป 1 คน ในส่วนคนที่เหลืออีก 8 คนในที่เกิดเหตุนั้น จากการสอบสวนแล้วทำหน้าที่เป็นกัปตันเรือ ลูกเรือและช่างซ่อมเรือ มีหลักฐานการรับจ้างทำงานถูกต้อง ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

วันที่ 7 ธ.ค.66 จากการขยายผล พนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา และศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดจำนวน 3 คน ได้แก่ นายชานนท์ฯ หัวหน้าทีมขับรถยนต์ลำเลียง, นายศิริทรัพย์ฯ ทีมการ์ดบนเรือ (ต่อมานายศิริทรัพย์ได้เข้ามามอบตัวแล้ว) และผู้สั่งการคือนายชาญชัยฯ หรือกัปตันตุ้ย อดีตกัปตันเรือเรือที่มีชื่อเสียงระดับท็อปของประเทศไทย ที่ผันตัวมาเปิดบริษัทเดินเรือ โดยเป็นผู้บริหารจัดการลำเลียงยาเสพติดทางเรือ ครั้งนี้ได้เช่าเรือศรีมงคลทรัพย์ไปส่งยาเสพติดในน่านน้ำสากลและพบว่าเคยมีการลักลอบลำเลียงมาแล้วถึง 7 ครั้ง ในช่วงเดือน มิ.ย.-ธ.ค.66 โดยอ้างว่ามี “พ่อเลี้ยง” เป็นคนสั่งการใหญ่ที่จะเป็นผู้สั่งการนายชาญชัยฯ และทีมงานทั้งหมดนี้ และออกหมายจับนายอนุรุตฯ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญอีกคนหนึ่ง โดยเป็นลูกน้องของนายชาญชัยฯ ทำหน้าที่ในการประสานงานกับหัวหน้าการ์ดบนเรือ รวมทั้งกับพ่อเลี้ยงและนายชาญชัยฯ

ต่อมาในห้วงวันที่ 9 - 20 ธ.ค.66 บก.ปส.3, บก.ขส.และสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกันเปิด “ยุทธการสยบไพรีปราบสมุทร(Poseidon 1) ภายใต้แผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย” เพื่อปิดล้อมตรวจค้นจับกุม รวบรวมพยานหลักฐานและยึดทรัพย์ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 3 คน มีเป้าหมายจุดปิดล้อมจำนวน 10 จุด ผลการปฏิบัติ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 คนคือนายอนุรุตฯ และยึดทรัพย์สินของนายชาญชัยฯ กับพวกทั้งหมด มีทั้งที่ดินและกิจการของนายชาญชัยฯ เช่น ร้านอาหารตำทะลวงและกิจการเดินเรือและกิจการอื่น ๆ เงินสด ทองแท่งและทองรูปพรรณ พระเครื่อง รถยนต์และรถจักรยานยนต์จำนวนมาก  รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ทาง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ตรวจสอบเพื่อตรวจยึดทรัพย์สินตามมูลค่ารวมประมาณ 140 ล้านบาท 

ด้าน พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ระบุว่า ภายหลังการจับกุม ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สืบสวนขยายผลกันมาอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มเครือข่ายนี้มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดปริมาณมากออกไปยังต่างประเทศโดยทางเรือมาแล้วหลายครั้ง ปลายทาง ได้แก่ ประเทศไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการลักลอบลำเลียง โดยเครือข่ายนี้มีลักษณะการทำงานเป็นองค์กรอาชญากรรม มีการแบ่งหน้าที่ในการทำงานซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก  ซึ่งขณะนี้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดกำลังทำการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์เครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งระดับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ในประเทศและต่างประเทศต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top