Saturday, 27 April 2024
ธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ

‘ธนาธร’ นำเงินกองทุนราษฎรประสงค์ 2 เเสนบาทยื่นประกัน ‘เบนจา’ เรียกร้องสังคมอย่าให้เขายืนอยู่ลำพัง ยันไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จวกรัฐ อย่าใช้ 112 เป็นเครื่องมือปิดปากประชาชน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ตุลาคม 64 ที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมนายวีนันท์ ฮวดศรี ทนายความ นำหลักทรัพย์เป็นเงิน 2 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ มายื่นประกันตัว นางสาวเบนจา อะปัญ แกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ กรณีอ่านแถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และชุมนุม หน้าอาคารซิโนทัยทาวเวอร์ ถนนอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา 

โดยนายธนาธร กล่าวว่า วันนี้มาเป็นนายประกัน ให้น.ส.เบนจา เนื่องจากเห็นถึงความไม่ยุติธรรมและต้องการแสดงให้เห็นว่ายังมีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับความอยุติธรรมในสังคมจากกรณีที่นางสาวเบนจาไม่ได้สิทธิประกันตัว โดยศาลให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรงและอาจมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งในอดีตคดี 112 เคยมีการให้ประกันตัวมาแล้วหลายคดี จึงมองว่า การพิจารณาคดีมีหลายมาตรฐานเกินไป ส่วนกรณีกลัวเกิดการหลบหนี ธนาธร ระบุว่า น.ส. เบนจา เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นรุ่นน้องของตน มีผลการเรียนดี เป็นอนาคตของชาติ เป็นว่าที่นักบินอวกาศ และจะมีสอบปลายภาคในเดือนธันวาคม จึงควรได้รับสิทธิประกันตัวเพื่อเตรียมสอบและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน 

‘อัษฎางค์’ ถาม ‘ธนาธร’ ใช้วิถีของอภิสิทธิ์ชน จนลืมข้อเรียกร้องความเท่าเทียมไปแล้วหรือ?

10 ม.ค. 65 - นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค เรื่อง “วิถีของอภิสิทธิ์ชนกับความเท่าเทียมแบบเทียมๆ” ธนาธร ผู้ทรงไว้ซึ่งทรัพย์ เป็นธนาธร ที่ไม่ต้องทอน รวยแล้วไม่โกง จริงหรือ? ระบุว่า 18 มกราคม 2564 นายธนาธรตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 และการเข้ามาเกี่ยวข้องของ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวว่า เหตุที่เขาออกมาตั้งข้อสังเกตในเรื่องนโยบายและแนวทางการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลเป็นเพราะ…. ***การได้วัคซีนล่าช้าและ ***ไม่ครอบคลุมกลุ่มประชากรส่วนใหญ่

ในเวลาต่อมา….29 พฤษภาคม 2564 สื่อได้รายงานข่าวจากที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊ก ใจความตอนหนึ่งว่าหากยังจำกันได้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมได้ออกมาแสดงความกังวลเรื่องแผนการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าการจัดการแบบนี้ ช้า ไม่ทันการณ์ แทงม้าตัวเดียว เสี่ยงต่อการที่วัคซีนจะมาช้า และ***ไม่หลากหลายเพียงพอกับความต้องการของประชาชน***การลงทะเบียนรับวัคซีน ที่ในตอนแรก รัฐบาลประกาศให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อมเพียงช่องทางเดียว เริ่ม 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เมื่อเกิดปัญหาแอปล่ม 
*** ประชาชนเข้าไม่ถึง
*** ท่ามกลางความสับสนอลหม่านนี้ ผลลัพธ์สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นก็คือ ไทย
*** ได้วัคซีนน้อย ช้า

‘ส.ส.สมเกียรติ-ก้าวไกล’ ตอกกลับ 'ธนาธร' เคยคุยกันแค่ครั้งเดียว และไม่เคยหยามน้ำใจใคร

จากกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.บางนา-พระโขนง ของพรรคก้าวไกลเมื่อไม่นานมานี้นั้น

ล่าสุด (21 ก.ย. 65) นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงต่อกรณีที่นายธนาธรกล่าวถึงหลายประเด็น ว่า…

จากที่คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวถึงประเด็นผม และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางนา-พระโขนง จากพรรคก้าวไกลในสมัยหน้านั้น 

ผมขอชี้แจงว่า ทางคุณธนาธร ได้โทรมาสอบถามผมในช่วงตอนพรรคอนาคตใหม่ จะถูกยุบหรือถูกยุบแล้ว (จำไม่ได้ ไม่แน่ใจแต่อยู่ในช่วงนั้น) เพียง 1 ครั้ง ว่าจะไปต่อ กับพรรคไหม

ผมก็ตอบกลับไปว่า ผมขอดูก่อนว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ในพรรคใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมควรรู้ถึงอนาคตของตัวเองและความเป็นไปของพรรคใหม่ที่จะไปอยู่ต่อด้วย

ส่วนที่คุณธนาธร ระบุว่า เรามีการพูดคุยกันหลายครั้ง ขอชี้แจงว่าในช่วงนั้น ผมและคุณธนาธร ได้พูดคุยกันแค่ครั้งเดียวครั้งนั้นเท่านั้น

และหลังจากนั้นผมก็เข้าเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล พร้อมกับเพื่อน ๆ อดีตส.ส.พรรคอนาคตใหม่

‘ธนกร’ ฟาด ‘ธนาธร’ แคร์สัญชาติตัวเองบ้าง อย่ามโนสร้างชุดข้อมูลมั่ว บอกกับต่างชาติ

‘ธนกร’ เดือด อัด ‘ธนาธร’ จ้องแต่จะชักศึกเข้าบ้าน อัดถ้าจะให้แต่ข้อมูลผิดๆ กับต่างชาติ ก็ควรแคร์สัญชาติตัวเองที่ถืออยู่บ้าง เย้ยอ้างหนุ่มสาวประท้วงยุบ ‘อนาคตใหม่’ ถ้าฝันอยู่ก็ลืมตาตื่นได้แล้ว 

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า การมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจากการรัฐประหารในปี 2557 และยังคงสืบทอดอำนาจมาได้ถึง 8 ปีวันนี้ คือผลจากความล้มเหลวในการปกป้องประชาธิปไตยว่า คงเป็นแค่ความคิดของนายธนาธรและพรรคพวกเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาประชาชนเองก็รับรู้และรับทราบความจริงหมดแล้วว่า ท่านนายกฯ เข้ามาเพื่อรักษาความสงบและขจัดความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันเอง ต่อมาก็มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย นายกก็เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งตามปกติและเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่พรรคพวกนายธนาธรต่างหาก ที่ปรากฏภาพตามสื่ออยู่หลายครั้งว่า เข้าไปร่วมกับม็อบบนท้องถนน ม็อบจาบจ้วงสถาบันอยู่หลายครั้งหลายคราใช่หรือไม่ 

ส่วนกรณีที่ระบุว่าการขึ้นมาของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ที่ไม่สมดุล เอียงข้างไปทางจีนมากขึ้นทั้งในทางการทูต เศรษฐกิจ และการทหารนั้น ไม่แน่ใจว่านายธนาธรพยายามจะสื่ออะไร หรือกำลังพยายามจะชักศึกเข้าบ้าน คิดเอง มโนเองว่าเอียงเข้าข้างประเทศนั้นประเทศนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีมูลความจริงใด ๆ เลย เป็นการมโนด้วยชุดข้อมูลมั่ว ๆ แล้วคิดว่าคนอื่นเขาจะตามไม่ทัน วันนี้ประชาชนฉลาดพอที่จะเลือกไม่รับข้อมูลผิด ๆ จากนายธนาธรอีกต่อไปแล้ว 

'โซเชียล' แซะ Hyperllop อนาคตใหม่ที่ 'ธนาธร' เคยชู เร็วกว่าถูกกว่ารถไฟความเร็วสูง สุดท้ายเป็นที่จอดรถ

(11 พ.ย.65) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Samanya Akkawootwanich ได้โพสต์แชร์มุมมองในฐานะคนเรียนฟิสิกส์เกี่ยวกับโครงการ Hyperloop ของ Space X (อีลอน มัสก์) ที่กำลังถูกรื้อถอน เพื่อใช้พื้นที่ทำเป็นลานจอดรถ กระทบชิ่งไปถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยกล่าวถึงโครงการนี้ว่าเป็นอนาคตใหม่แห่งการเดินทางที่ดีกว่ารถไฟความเร็วสูง ว่า...

ในฐานะคนเรียนฟิสิกส์

Hyperloop ตามความคิดของ Elon Musk เขาลืมคิดถึงหลักสำคัญไปอย่างหนึ่ง คือ...

แรงดึงดูดของโลก Gravity แรงเสียดทาน Friction  มีผลต่อการถ่วงความเร็ว มากกว่าอากาศมาก

หลักแรงผลักของแม่เหล็กไฟฟ้าที่ดันให้รถไฟความเร็วสูงลอยบนรางคือ หลักการที่มีประสิทธิภาพที่สุด 

'ธนาธร' ชี้!! กลุ่มทุนใหญ่น่ารังเกียจ เกาะอำนาจรัฐเอื้อตัวเอง  โว!! นั่นจึงเป็นเหตุที่ต้องมี 'ก้าวไกล' ไปอยู่ในสภาฯ

'ธนาธร' ร่วมวงสมาชิกสัมพันธ์ก้าวไกลขอนแก่น ชี้กลุ่มทุนไม่ได้น่ารังเกียจถ้าสร้างนวัตกรรม แต่น่ารังเกียจที่ยึดเกาะอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ตัวเอง 

(3 ธ.ค.65) ที่ Jump Space จ.ขอนแก่น ศรายุทธ ใจหลัก ผู้อำนวยการพรรคก้าวไกล และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมงานประชุมสมาชิกพรรคก้าวไกล เพื่อพบปะสมาชิกพรรคและรณรงค์การขยายฐานสมาชิกให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง

ศรายุทธ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลวันนี้มีสมาชิกพรรคทั่วประเทศ 57,544 คน เฉพาะที่ขอนแก่นมีสมาชิกพรรค 2,250 คน ในวันต่อ ๆ ไป เราจะเพิ่มจำนวนสมาชิกพรรคในขอนแก่นให้มากขึ้น เป็น 5,000 คน 10,000 คน และไปให้ถึง 1,000,000 คน เช่นเดียวกับทุก ๆ จังหวัด เพื่อทำให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งจากฐานสมาชิก เป็นหัวหอกนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่โครงสร้างสังคม การเมือง และเศรษฐกิจไทย ตนจึงขอเชิญชวนประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ให้มาร่วมสร้างฐานสมาชิก ร่วมสร้างพรรคไปด้วยกัน

ด้านธนาธร กล่าวว่า พรรคการเมืองหนึ่ง ๆ จะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากแนวอุดมการณ์และแนวนโยบายที่แต่ละคนเห็นตรงกันว่าอยากให้ประเทศไทยไปทางไหน ปัจจุบันปัญหาสำคัญของประเทศไทย คือเรื่องความเหลื่อมล้ำ เวลาเราบอกว่าเศรษฐกิจโตเท่าไหร่ จีดีพีโตกี่เปอร์เซ็นต์ มันไม่เคยบอกว่าที่โตนั้น ไปโตที่ใคร นี่คือเหตุผลที่เราไม่พอใจว่าการเติบโตของเศรษฐกิจมันช้าเกินไป และที่ออกดอกออกผลเติบโต ก็ไปโตที่บางคนเท่านั้น ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และเรื่องนี้แยกไม่ออกกับโครงสร้างการพัฒนาการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าใครพูดเรื่องความเหลื่อมล้ำ แต่ไม่พูดเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองที่ผิดเพี้ยน คนนั้นก็กำลังหลอกตัวเองอยู่

‘ธนาธร’ ชี้ ‘กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น’ มีผลดีมหาศาล ช่วยขับเคลื่อน ศก.-เกิดการจ้างงาน-ลดความเหลื่อมล้ำ

(3 เม.ย. 66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย ชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และวสันต์ เหลืองประภัสร์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมวงเสวนาวิชาการ ‘30 ปี ข้อถกเถียงเรื่องการกระจายอำนาจ กับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดของไทย’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแถลงข่าว โดย สันติสุข กาญจนประกร บรรณาธิการ The Voters ที่กำลังเปิดการรณรงค์ล่ารายชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศ

ธนาธร ระบุว่าการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในประเทศไทยนั้นยังเป็นโจทย์ที่ต้องมาพูดคุยกันในรายละเอียดอีกมาก แต่หลักการสำคัญที่สุดที่ไม่อาจขาดได้ คือการทำให้หน่วยการปกครองที่มีอำนาจสูงสุดทั้งในระดับจังหวัดและในระดับท้องถิ่นพื้นฐานอย่างเทศบาล และ อบต. ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งไม่ใช่รูปแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของการปกครองท้องถิ่น ภายใต้กลไกราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคแน่ ๆ

การจัดความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของอำนาจและงบประมาณ ที่เต็มไปด้วย ‘งบฝาก’ ให้ท้องถิ่นทำภารกิจที่ไม่ใช่เรื่องของท้องถิ่น แต่แทบไม่มีงบประมาณให้ท้องถิ่นได้ทำเรื่องของตัวเองจริงๆ กลายเป็นอุปสรรคที่บดบังเจตนารมณ์ของประชาชนที่จะสร้างบ้านสร้างเมืองของตัวเอง ทำให้ประชาธิปไตยไม่มีความหมาย ทำให้การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้ชีวิตดีได้อย่างมีนัยสำคัญ

ธนาธรกล่าวต่อไปว่า ในด้านหนึ่งการรวมศูนย์เช่นนี้คือต้นเหตุหนึ่งของความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงมากในประเทศไทย ที่สะท้อนออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดในต่างจังหวัด งานและรายได้ที่กระจุกตัวอยู่แต่เฉพาะตามเมืองใหญ่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ระบบราชการรวมศูนย์ยังเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งด้วย นั่นเป็นเพราะภายใต้โครงสร้างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การอนุมัติโครงการใด ๆ แม้กระทั่งการสร้างสะพานลอยสักเส้นหนึ่งในตำบลหนึ่ง ล้วนแต่เป็นเรื่องของส่วนกลาง ต้องรอให้ถูกหยิบยกมาพิจารณาแล้วรอการอนุมัติ ทำให้ทุกการแก้ปัญหาเป็นเรื่องล่าช้า

เรื่องของอำนาจท้องถิ่นจึงเป็นเรื่องที่ส่งผลโดยตรงในทุกมิติของชีวิตประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง และได้เกิดข้อพิสูจน์มาแล้วว่าการกระจายอำนาจสามารถระเบิดพลังทางเศรษฐกิจได้จริง อย่างเช่นที่ญี่ปุ่น ที่ในปลายทศวรรษที่ 1980 เมื่อเผชิญกับวิกฤติฟองสบู่แตก ต้องหา new s-curve (อุตสาหกรรมใหม่) ที่จะพาประเทศไปข้างหน้าได้ สิ่งที่ญี่ปุ่นทำคือการกระจายอำนาจอย่างเต็มรูปแบบ เกิดการยกเลิกกฎหมายกว่า 100 ฉบับที่เดิมเคยให้ส่วนกลางเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในทุกเรื่องของท้องถิ่น เปลี่ยนมาเป็นการให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็ม จนแต่ละเมืองเริ่มมีการผลักดันสถานที่ท่องเที่ยว สินค้าและผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นขึ้นมาเป็นจุดขายใหม่ ออกแบบระบบขนส่งสาธารณะ และบริการสาธารณะต่าง ๆ ของตัวเองขึ้นมา

ธนาธรกล่าวต่อไป ว่า new s-curve คือสิ่งที่ประเทศไทยก็กำลังพยายามแสวงหาอยู่เช่นกัน เพราะอุตสาหกรรมที่เป็นเสาหลักของประเทศไทยมาโดยตลอดอย่างยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ มาถึงจุดอิ่มตัวของมันเองแล้ว แม้จะเพิ่มการลงทุนในรูปแบบเม็ดเงินใหม่ได้ แต่ไม่อาจเพิ่มกำลังการผลิต ไม่สามารถนำไปสู่การจ้างงานใหม่ ๆ ได้อีกต่อไป เรียกได้ว่าอุตสาหกรรมทั้งยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ จบที่ยุคนี้แล้ว

‘ธนาธร’ ปล่อยไก่ หาเสียงให้พรรคก้าวไกล แต่ดันพูดชื่อ ‘เพื่อไทย’ เต็มปากเด็มคำ

เรียกว่าโป๊ะ แบบโบ๊ะบ๊ะ ขำลั่นกันทั้งรถ เมื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นรถหาเสียง ส่งเสียงขายนโยบาย แต่พูดไปพูดมากลายเป็นขอคะแนนเสียงให้เพื่อไทยซะงั้น…
 

‘ธนาธร-ณัฐชา’ ยิ้มแห้ง!! ก่อนโดนพี่วินฯ ตั้งคำถาม “ประชาชนจะได้อะไรจากการแก้ไข ม.112”

เมื่อมานานมานี้ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เขตบางขุนเทียน ได้ออกเดินทางหาเสียงพร้อมกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล โดยในระหว่างการเดินหาเสียงนั้น มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ท่านหนึ่งได้เข้ามทตั้งคำถามกับทั้งสอง โดยถามว่า “ม.112 แก้แล้ว ตัวเขาเองที่ประกอบอาชีพขับรถวินมอเตอร์ไซค์นั้นจะได้อะไร”

นายณัฐชา ตอบกลับว่า “การแก้ ม.112 นั้นเป็นการแก้ไขเพื่อการหยุดกลั่นแกล้งทางการเมือง” ซึ่งพี่วินคนดังกล่าวก็ได้ตั้งคำถามกลับว่า “พวกเขาเหล่านั้นลบหลู่สถาบัน ก็ต้องมีการแจ้งความ เพราะมันแจ้งความไม่ได้ถ้าหากไม่มีการด่าทอสถาบันก่อน”

พี่วินยังเสริมอีกว่า “ผมเกิดมา 47 ปี ผมยังไม่เคยโดนข้อหา ม.112 เลยอยากถามว่าแก้ ม.112 ไปแล้วพวกผมได้อะไร เพราะจากที่ดูในสภาไม่เห็นพรรคก้าวไกลนั้นพูดถึงการแก้ปัญหาอื่นๆ ให้ประชาชนเลย พูดแต่เรื่องแก้ ม.112 แถมยังสนับสนุนม็อบ และม็อบเหล่านั้นเวลาถูกจับ ก็ไม่ได้โดนจับจากเรื่องม.112 แต่ถูกจับเพราะเรื่องพ่นสี ไปด่าคนอื่น ” 

พี่วินยังตั้งคำถามอีกว่า “ถ้าหากตนด่าถึงพ่อ ถึงแม่ จะโกรธไหม ถ้าโกรธก็ต้องแจ้งความจับตน ก็เหมือนกันการที่คนชอบหมิ่นสถาบันที่เป็นประมุข”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top