Saturday, 4 May 2024
ชายแดน

“บิ๊กแก้ว” ระบุ เหล่าทัพ เตรียมรับมือ แรงงานทะลักเข้าไทยหลังเปิดประเทศ ต้องเร่งสกัด ยกกรณีผู้หนีภัยสงครามตกค้างศูนย์อพยพหนับหมื่น รับชายแดนเมียนมาร์ตรวจยาก เหตุปัญหาชาติพันธ์-คนกลุ่มน้อย ไร้เอกสารประชากร 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทสส.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) แถลงภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่า ในที่ประชุมได้มีการพูดถึงภารกิจการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติต่างๆ รวมถึงการช่วยเหลือรัฐบาลแก้ไขปัญหาแพร่ระบาดโควิด-19ให้ลดสภาพปัญหาลง แก้ไขปัญหายาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองเป็นต้น  

โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดน นายกฯ และรมช.กลาโหม ย้ำในเรื่องนี้   จากข้อมูลของกระทรวงแรงงานในช่วง 3-4 เดือนสถานประกอบการในประเทศมีความต้องการแรงงานถึง 4 แสนคน ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่สามารถเปิดรับแรงงานอย่างถูกกฎหมายได้  จึงเป็นหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองสกัดกั้นตามแนวชายแดนได้ โดยลักษณะการปฏิบัติหน้างานชายแดน ทางกัมพูชา ได้รับความร่วมมือจากกองทัพกัมพูชาเป็นอย่างดี ในการให้ข้อมูลว่ามีคนกัมพูชาลักลอบเข้ามา มีผลทำให้เราจับกุมได้มากและส่งกลับ การปฏิบัติงานค่อนข้างมี ประสิทธิภาพ 

ขณะที่เมียนมาร์เป็นปัญหาภายใน ทั้งเรื่องชาติพันธ์ และชนกลุ่มน้อย ที่บางกลุ่มในประเทศเมียนมาร์ไม่ถูกยอมรับว่าเป็นชาวเมียนมาร์ทำให้หลักฐานของคนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นไม่สามารถบันทึกเป็นหลักฐานบุคคลได้ ทาง ตร. ได้พัฒนาเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล สามารถบ่งบอกบุคคลได้ว่าคนนี้คือใคร นอกจากบัตรที่เขาแสดงตน  เราก็ปฏิบัติภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนและความปลอดภัยของประเทศ บางส่วนก็ส่งกลับไป เป็นการดำเนินาการโดยไม่ให้แรงงานใหม่เข้ามา คาดว่าอีกไม่นานน่าจะรับแบบถูกกฎหมายได้ สำหรับข้อห่วงใยจากสถานการณ์ความรุนแรง อาจจะมีผู้หนีภัยจากความไม่สงบ เราได้ร่วมกับ จังหวัด และอำเภอที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว เป็นการเตรียมพร้อมให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนบนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประเทศด้วย เพราะเราก็มีบทเรียนจากผู้หนีภัยจากการสู้รบที่ผ่านมา ปัจจุบันยังอยู่ในศูนย์พักพิงหลายหมื่นคน คิดว่าพอพัฒนาการพัฒนาไปแล้วปัญหาต่างๆ ไม่ได้กคลี่คลายโดยง่ายองค์กรต่างประเทศ สุดท้ายก็เป็นส่วนทีเราก็ต้องดูแลต่อไป 
 

กห.สั่งทหารเฝ้าระวังชายแดน หลังรัฐบาลพม่าปราบหนักหลังฤดูฝน ช่วงเปิดประเทศ กห.เรียกร้องทุกหน่วยร่วมมือป้องกันลักลอบเข้าเมืองผิดกม. ยกสมการ ความมั่นคงไม่นิ่งก็อย่าหวังเศรษฐกิจ-ด้านอื่นนิ่ง

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังประชุมสภากลาโหมว่า ภาพรวมในการเปิดประเทศเราได้มองกันหลายมิติ ทางด้านเมียนมาร์ มีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและชนกลุ่มน้อย คาดการณ์ว่าหลังฝนทางรัฐบาลทหารอาจมีการใช้ ความรุนแรง ก็จะมีปัญหาเศรษฐกิจตามมาด้วยนอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องแรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามารองรับภาคอุตสาหกรรมของไทย ส่งผลให้เกิดปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทั้งทางบกและทางน้ำ

ซึ่งรวมถึงแรงงานข้ามชาติประกอบไปด้วยผู้หนีภัยจากการสู้รบที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงรวมถึงผู้ลี้ภัยทางการเมือง ปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์. การลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามา สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กองกำลังป้องกันชายแดนทั้งทางบกทางน้ำลาดตระเวนเฝ้าตรวจเข้มข้น ทั้งพื้นที่ชายแดนทั้งด้านนอกด้านในทำงานข่าวเชิงลึกประสานการทำงานร่วมกันโดยพื้นที่ชั้นในเป็นหน้าที่ของตำรวจ

พล.อ.คงชีพ กล่าวว่าในส่วนของ  ศบค. ในการเปิดประเทศ เรามีกลไก ศปม.ทำหน้าที่ของการบูรณาการหน่วยความมั่นคง ทั้งมหาดไทย ตำรวจ ทหารในการเฝ้าระวัง รวมถึงการที่เราต้องเตรียมพร้อมในการรับมือความรุนแรงตามแนวชายแดนที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยการการอพยพประชาชนเข้าพื้นที่ที่ปลอดภัยเมื่อเกิดปัญหา ดูแลช่วยเหลือตามพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชน ของพรุ่งนี้ภัยจากการสู้รบซึ่งหน่วยงานความมั่นคงต้องทำงานหนักร่วมกัน ซึ่งเราตระหนักในเรื่องนี้ดี   

“ผบ.ทบ.” ลงพื้นที่ชายแดนตะวันตก หลังแรงงานเมียนมาทะลัก รับเปิดประเทศ 

พ.อ.ญ ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางตรวจเยี่ยมชายแดนทางด้านตะวันตกไทย-เมียนมา ด้าน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรสีห์ เพื่อติดตามภารกิจป้องกันชายแดน สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายและไม่ผ่านการคัดกรองโรค ซึ่งเป็นไปตามบัญชาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ให้เหล่าทัพบูรณาการร่วมกับส่วนราชการที่รับผิดชอบ เตรียมความพร้อมรับการเปิดประเทศใน พ.ย.นี้ 

โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้ตรวจเยี่ยมรับทราบผลการปฏิบัติงาน พร้อมกับให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ณ ฐานปฏิบัติการตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา หลายแห่ง ของหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ซึ่งภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชัน เส้นทางเข้า-ออก ยากลำบาก เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายและการลักลอบเข้าเมือง ได้แก่ จุดผ่อนปรนช่องทางตะโกบน, จุดตรวจแปดเหลี่ยม ในความรับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 1109 และจุดตรวจบูรณาการร่วมของส่วนราชการ อ.สวนผึ้ง ได้พบปะให้กำลังใจกับตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัครสาธารณสุขและอาสาสมัครหมู่บ้าน  

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่าแนวโน้มการลักลอบเข้าเมืองในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น ทำให้การปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ยากลำบากยิ่งขึ้น ขอให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง และนำยุทโธปกรณ์พิเศษมาใช้ในการเฝ้าตรวจ ติดตั้งไฟส่องสว่างเพื่อช่วยตรวจการณ์ในเวลากลางคืน วางเครื่องกีดขวางปิดกั้นช่องทางธรรมชาติ รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในจังหวัดอย่างใกล้ชิด รวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน และติดตามการปฏิบัติทุกขั้นตอน นำไปสู่ต้นตอของขบวนการนำพา และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนในการดูแลพื้นที่ชายแดน ให้ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังเพื่อประเทศชาติ 

ทั้งที่ ในปี 64 ที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์ ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและผู้นำพา ได้ 3,036 คน สถิติล่าสุดตั้งแต่ 1-25 ต.ค.64 ตรวจพบการลักลอบ 61 ครั้ง 
ผู้หลบหนีเข้าเมือง 928 คนและผู้นําพา 33 คน ซึ่งมีแนวโน้มที่สูงขึ้นจึงต้องเฝ้าระวัง และเพิ่ม มาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด ส่วนการติดตามการดําเนินคดีกับผู้นําพา ตั้งแต่ 1 ต.ค.63 ถึง ปัจจุบัน มีจํานวน 83 คดี และศาลตัดสินแล้ว จํานวน 25 คดี ถือเป็นการปฏิบัติงานของกองกำลังป้องกันชายแดน ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองด้วยกระบวนการตามกฎหมายอย่างเป็นระบบ

ยะลา-เบตง ผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ตชด. ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย

พ.อ.ฐนิตพนธ์ หงส์วิไล ผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน (ผบ.ชค.ปชด.) พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม เจ้าหน้าที่ ตชด.ชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4405 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการที่บ้านกาแป๊ะฮูลู ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ ตชด. โดยมี ร.ต.อ.อาทิตย์ อินทรสกุล รอง ผบ.ศฝด.441 สย.1 (รรท.ผบ.ร้อย ตชด.445), ร.อ.เอกชัย ไชยสาลี ผบ.ร้อย ปชด.1 , ร.ต.ท.ณัฐธีร์ ปัญจสิริวิทย์ หัวหน้าชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4405 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด.4405 ให้การต้อนรับ และรายงานบรรยายสรุปถึงสถานการณ์ปัญหาต่างในพื้นที่รับผิดชอบ  

พ.อ.ฐนิตพนธ์ หงส์วิไล ผบ.ชค.ปชด. เปิดเผยว่า การมาตรวจเยี่ยมกำลังเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย พื้นที่ อ.เบตง จ. ยะลา ในวันนี้ เพื่อพบปะพูดคุยสอบถามปัญหาอุปสรรคต่างๆในการปฏิบัติงานในพื้นที่ และเป็นการสร้างขวัญให้กำลังใจ กับเจ้าหน้าที่ซึ่งเสียสละ อดทน ในการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนด้วยความยากรำบาก ทั้งนี้ได้เน้นย้ำการปฏิบัติงาน ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายสั่งการของ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค4 /ผอ.กอ.รมน.ภาค4 อย่างเคร่งครัด ให้มีความเข้มงวดในมาตรการป้องกันโควิด19 เน้นย้ำกำลังพลไม่ให้เข้าไปข้องเกี่ยวกับ อบายมุข สิ่งผิดกฎหมาย และเรื่องยาเสพติด, มาตรการป้องกันฐานที่ตั้ง และให้บูรณาการการทำงาน ทั้งด้านการข่าว การปฏิบัติ กับหน่วยกำลังข้างเคียง ในการลาดตระเวนตรวจดูแนวชายแดนตามช่องทางธรรมชาติ ไม่ให้มีสิ่งผิดกฎหมาย บุคคลต่างด้าว ลักลอบเข้ามา ซึ่งก็จะเป็นการป้องกันไวรัสโควิด19 ได้อีกทางหนึ่งด้วย  

“รองโฆษกรัฐบาล” ชี้ ดัชนีความเชื่อมั่นจชต.ขยับดี เร่ง การค้าชายแดนเปิดด่านเพิ่ม คู่เดินหน้าแผนบูรณาการสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ภาคใต้ ว่า ความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนใต้ปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยสำนักงานโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนใต้ไตรมาสที่ 3 ปี 2564 จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ประมาณ 34,000 คน ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล ความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 51.87 ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 50.90 จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและด้านสังคมที่มีมากขึ้น

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกฯยินดีกับผลการสำรวจดังกล่าว เนื่องจากผลการดำเนินนโยบายรัฐ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มุ่งเน้นทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)และ สำนักงานโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ตลอดจนหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน เพื่อดำเนินงานตามแผนบูรณาการที่หนุนเสริมใน 2 มิติ คือ 1.การพัฒนาตามศักยภาพพื้นที่ ในระดับฐานราก 290 ตำบล 

มุ่งเน้นการแก้ปัญหาความยากจนตามฐานข้อมูล คือ ด้านสุขภาพ ,ความเป็นอยู่ ,การศึกษา,รายได้ และด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน 2.การพัฒนาเสริมสร้างความมั่นคง มุ่งเน้น 3 ด้าน คือ ด้านการสร้างความเข้มแข็งสังคมพหุวัฒนธรรม ส่งเสริมให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการดำเนินชีวิตตามหลักความเชื่อ ศาสนา การประกอบศาสนกิจ การจัดงานประเพณีวัฒนธรรมต่าง และสร้างความเป็นธรรมและความเท่าเทียม ด้านการเยียวยา มุ่งเน้นเยียวยาทั้งร่างกาย จิตใจ และความสูญเสียทางทรัพย์สินต่อผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบอย่างทั่วถึงเป็นธรรม และด้านการเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ในการสร้างความร่วมมืออันดีจากองค์กรต่าง ๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ

“บิ๊กบี้” เยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ พร้อมตรวจชายแดนอีสานเหนือ เน้นย้ำนโยบายสกัดกั้นสิ่งผิดกม. เข้าประเทศ 

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยทหารในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร เพื่อเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ รับทราบภารกิจด้านความมั่นคง ขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล และการดูแลคุณภาพชีวิตของกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน

โดยเริ่มจากที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ได้เยี่ยมให้กำลังใจทหารกองประจำการผลัด 2/2564   ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 210 ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทหารใหม่กำลังอยู่ในช่วงการกักตัวก่อนรับการฝึก ตามมาตรการป้องกันโควิดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ใช้การฝึกอบรมด้วยระบบออนไลน์ หรือการจัดห้องเรียนแบบไม่แออัด อบรมวิชาความรู้พื้นฐาน อาทิ แบบธรรมเนียมทหาร ประวัติศาสตร์ชาติไทย การใช้สื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ เป็นต้น ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกเน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยดำเนินการทางธุรการ ดูแลให้ทหารใหม่ได้รับสวัสดิการตามสิทธิอย่างเหมาะสม ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงการตรวจคัดกรองโควิด-19 เมื่อมีอาการต้องสงสัย และส่งเข้ารักษาพยาบาลทันที เมื่อมีอาการเจ็บป่วย 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้ตรวจเยี่ยมโครงการช่วยเหลือสวัสดิการ ของ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 การดูแลครอบครัวครูฝึกทหารใหม่  โครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง ที่หน่วยดำเนินการให้กำลังพลได้บริโภคผักปลอดภัย    ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ชมผลิตภัณฑ์สินค้าจากสมาคมแม่บ้าน พร้อมร่วมรับประทานอาหารมื้อกลางวันกับทหารกองประจำการอีกด้วย 

จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยม กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเป็นกำลังป้องกันชายแดนไทย–ลาว ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตามลำแม่น้ำโขง โดยพบปะให้กำลังใจกำลังพล หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 อ.เมือง จ.มุกดาหาร ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 และ สถานีเรือธาตุพนม  หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม

ที้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันสกัดกั้นสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาทำร้ายพี่น้องคนไทยในประเทศ     เน้นย้ำการบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานของจังหวัดชายแดนที่รับผิดชอบ เพื่อดูแลพื้นที่  ดูแลประชาชน รวมทั้งได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของฐานปฏิบัติการป้องกันชายแดน ให้สะดวกต่อการปฏิบัติภารกิจ 

ศบค.รับทราบ ศบค.ส่วนหน้า บูรณาการ ลดติดเชื้อ จชต. ด้าน "นายกฯ” ขอบคุณทุกฝ่าย  ช่วยทำงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 )หรือศบค.แถลงผลประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมรับทราบการรายงานผลดำเนินการของศบค.ส่วนหน้า ตามที่พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ผอ.ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบค.ส่วนหน้า)รายงานความคืบหน้าการทำงาน เป็นไปได้ด้วยดี จากการพบกับผู้นำศาสนาพุทธ มุสลิม เพื่อบูรณาการการป้องกันการแพร่ระบาดพบว่าแนวโน้มการติดเชื้อดีขึ้น

ซึ่งเป็นผลจากการที่ทุกภาคส่วนในพื้นที่ร่วมมือกันทำงานอย่างดี โดยนายกฯขอบคุณประชาชนทุกศาสนาที่ร่วมมือกัน และพบว่าการฉีดวัคซีนในช่วงเดือนต.ค.มีมากขึ้น จนถึงเดือนพ.ย.ที่การฉีดเข็มหนึ่งเป็นสีเขียวมากขึ้น ดังนั้นการฉีดในเข็ม2ขอให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีนให้เต็มที่ เพราะวัคซีนเป็นทางรอดและทางเลือกไม่ให้ป่วย หรือเสียชีวิต และยังลดการใช้ทรัพยากรของกระทรวงสาธารณสุข 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เส้นกราฟการติดเชื้อเป็นที่น่าพอใจ เป็นผลจากการร่วมใจสู้ภัยโควิดของคนใต้ เป็นภาพที่น่าประทับใจ ให้เห็นว่าเราอยู่บนแผ่นเดียวกัน ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นใครชาติไหนภาษาไหน หรือคนของเราไปอยู่ต่างประเทศเราอยากให้เขาดูแลอย่างไร เราก็ต้องดูแลคนในประเทศของเรา ให้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับคนต่างด้าว ที่จะเข้ามาก็ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

เข้าทุกทิศ…!!! กองกำลังบูรพา จับกุมชาวกัมพูชา​ 20​ คน​ ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย บริเวณชายแดน​จว.สระแก้ว

กองทัพภาคที่​ 1​  กกล.บูรพา​ พล.ร.2​ รอ. โดย ชค.ทพ.12 ฉก.ตาพระยา ออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจพบชาวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ  จำนวน 11 ราย (ช.5,ญ.5,ดช.1) บริเวณ บ้านภูน้ำเกลี้ยง ม.5 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากการสอบถามทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.เสียมราฐ, จ.พระตะบอง, จ.ไพรแวง, จ.กระแจะ และ จ.ตาแก้ว ประเทศกัมพูชา ต้องการเดินทางไปทำงานในพื้นที่ จ.สระแก้ว  จนท. จึงได้ควบคุมตัวส่งให้ สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โฆษกทบ. ยืนยันกองทัพบกร่วมกับจังหวัดชายแดนพร้อมรองรับปัญหาผู้หนีภัยจากการสู้รบ ตามแนวชายแดนไทยเมียนมาพร้อมย้ำเหตุการณ์ปะทะใกล้ชายแดนจังหวัดตากยุติแล้ว ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านทยอยเดินทางกลับแล้ว

พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบกระบุถึงเหตุปะทะ บริเวณแนวชายแดนจังหวัดตาก ทำให้มีประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามมาฝั่งไทยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลา 10 นาฬิกาเมื่อวานนี้ บริเวณพื้นที่ตรงข้ามอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก

โดยเป็นการปะทะกันของกำลังประเทศเพื่อนบ้านในระยะที่ติดกับแนวชายแดนทำให้ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านส่วนหนึ่งข้ามมายังฝั่งไทยเพราะคิดว่ามีความปลอดภัย 

สำหรับแนวทางปฏิบัติตามแนวชายแดนจะมีพื้นที่ความปลอดภัยรองรับให้ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านในจุดต่างๆ โดยการปฏิบัติตามหลักการมนุษยธรรม แต่ส่วนใหญ่แล้วเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านก็จะเดินทางกลับไปอย่างเช่นในกรณีที่เกิดขึ้นปะทะเมื่อวานนี้ใกล้ชายแดนจังหวัดตาห ประชาชนไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาพักค้างแรมในฝั่งไทย เพียงแค่เข้ามาเพื่อต้องการพื้นที่ปลอดภัย และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็ทยอยเดินทางกลับ ซึ่งจากการติดตามเหตุปะทะเมื่อวานนี้สิ้นลงในเวลา 17 นาฬิกา และ ไม่มีการสูญเสียใดๆ

สำหรับการตรวจสอบและแยกการดำเนินระหว่างกรณีผู้หนีภัยจากการสู้รบ กับผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ถ้าเป็นเรื่องของการฉีดวัคซีนนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลโดยตรง ซึ่งจะให้ความสำคัญกับคนในประเทศเป็นลำดับแรก ส่วนการดูแลประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านก็จะเป็นลักษณะของการดูแลตามหลักมนุษยธรรมเป็นหลัก

“ประวิตร” สั่งเข้มฝ่ายมั่นคง ชายแดนฝั่งตะวันตก เตรียมรับมือผู้หลบหนีภัยสู้รบชายแดนเมียนมา 

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำฝ่ายความมั่นคง ให้ความสำคัญ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมาที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยให้ยังคุมเข้มมาตรการชายแดน ทั้งการผ่าน เข้า-ออก ของบุคคลและสินค้าตามช่องทางผ่านแดนที่กำหนด รวมทั้งเพิ่มความเข้มข้นกวดขันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของแรงงาน สินค้า รวมทั้งอาวุธสงครามและยาเสพติดที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะการสู้รบตามแนวชายแดนระหว่าง ทหารเมียนมา กับ กกล.ชนกลุ่มน้อย ที่มีการปะทะกันด้วยอาวุธหนักและซุ่มโจมตีกัน ส่งผลให้ประชาชนทั้งสองฝั่งได้รับผลกระทบและยังไม่มีแนวโน้มหรือท่าทีเจรจากัน

สำหรับการสู้รบดังกล่าว เริ่มรุนแรงขึ้นหลังสิ้นฤดูฝน โดยเฉพาะพื้นที่รัฐกระเหรี่ยงชายแดน ด้านเมียวดี - แม่สอด จว.ตาก ซึ่งมีการอพยพชาวเมียนมาที่หลบหนีภัยจากการสู้รบ กว่า 3,000 คน เข้ามาอยู่ในพื้นที่ชายแดน ตรงข้าม อ.แม่สอด และมีกระสุนจากอาวุธหนักพลัดตกเข้ามาฝั่งไทย ในพื้นที่ บ.ดอนไชย  บ.แม่หละ ซึ่งกองกำลังป้องกันชายแดนทหาร ตำรวจ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ด้วยการแจ้งเตือนผ่านกลไกชายแดนและตอบโต้ด้วยกระสุนควัน และร่วมกับฝ่ายปกครองดูแลอพยพคนไทยในพื้นที่เสี่ยงออกไปยังที่ปลอดภัยที่ผ่านมา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top