“บิ๊กแก้ว” ระบุ เหล่าทัพ เตรียมรับมือ แรงงานทะลักเข้าไทยหลังเปิดประเทศ ต้องเร่งสกัด ยกกรณีผู้หนีภัยสงครามตกค้างศูนย์อพยพหนับหมื่น รับชายแดนเมียนมาร์ตรวจยาก เหตุปัญหาชาติพันธ์-คนกลุ่มน้อย ไร้เอกสารประชากร 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทสส.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) แถลงภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่า ในที่ประชุมได้มีการพูดถึงภารกิจการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติต่างๆ รวมถึงการช่วยเหลือรัฐบาลแก้ไขปัญหาแพร่ระบาดโควิด-19ให้ลดสภาพปัญหาลง แก้ไขปัญหายาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองเป็นต้น  

โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดน นายกฯ และรมช.กลาโหม ย้ำในเรื่องนี้   จากข้อมูลของกระทรวงแรงงานในช่วง 3-4 เดือนสถานประกอบการในประเทศมีความต้องการแรงงานถึง 4 แสนคน ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่สามารถเปิดรับแรงงานอย่างถูกกฎหมายได้  จึงเป็นหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองสกัดกั้นตามแนวชายแดนได้ โดยลักษณะการปฏิบัติหน้างานชายแดน ทางกัมพูชา ได้รับความร่วมมือจากกองทัพกัมพูชาเป็นอย่างดี ในการให้ข้อมูลว่ามีคนกัมพูชาลักลอบเข้ามา มีผลทำให้เราจับกุมได้มากและส่งกลับ การปฏิบัติงานค่อนข้างมี ประสิทธิภาพ 

ขณะที่เมียนมาร์เป็นปัญหาภายใน ทั้งเรื่องชาติพันธ์ และชนกลุ่มน้อย ที่บางกลุ่มในประเทศเมียนมาร์ไม่ถูกยอมรับว่าเป็นชาวเมียนมาร์ทำให้หลักฐานของคนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นไม่สามารถบันทึกเป็นหลักฐานบุคคลได้ ทาง ตร. ได้พัฒนาเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล สามารถบ่งบอกบุคคลได้ว่าคนนี้คือใคร นอกจากบัตรที่เขาแสดงตน  เราก็ปฏิบัติภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนและความปลอดภัยของประเทศ บางส่วนก็ส่งกลับไป เป็นการดำเนินาการโดยไม่ให้แรงงานใหม่เข้ามา คาดว่าอีกไม่นานน่าจะรับแบบถูกกฎหมายได้ สำหรับข้อห่วงใยจากสถานการณ์ความรุนแรง อาจจะมีผู้หนีภัยจากความไม่สงบ เราได้ร่วมกับ จังหวัด และอำเภอที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว เป็นการเตรียมพร้อมให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนบนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประเทศด้วย เพราะเราก็มีบทเรียนจากผู้หนีภัยจากการสู้รบที่ผ่านมา ปัจจุบันยังอยู่ในศูนย์พักพิงหลายหมื่นคน คิดว่าพอพัฒนาการพัฒนาไปแล้วปัญหาต่างๆ ไม่ได้กคลี่คลายโดยง่ายองค์กรต่างประเทศ สุดท้ายก็เป็นส่วนทีเราก็ต้องดูแลต่อไป 
 

เมื่อถามว่า ในช่วงเปิดประเทศมีแรงงานเตรียมเข้าประเทศจำนวนมากนั้น  พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า ขณะนี้ภาพรวมถสถานการณ์ของแรงงานต่างด้าว ปริมาณลักลอบใกล้เคียง เม.ย. – พ.ค.64 ตอนนั้นกิจการเริ่มปิด ทำให้แรงงานกลับประเทศ ช่วงปลายปี 2563 ครม.มีมติผ่อนคลาย มีการผ่อนผันแรงงานผิดกฎหมายกรณีฉุกเฉิน เปิดลงทะเบียนเดือน กพ. และหลังจากนั้นก็เปิดให้ลงทะเบียน มีผู้ประกอบการลงทะเบียนประมาณ 6 แสนคน ช่วงนั้นมีการนำข้อมูลแรงงานที่กลับประเทศมาลงทะเบียนแต่ตัวอย่างต่างประเทศ ทำให้ เม.ย.-พค.มีการลักลอบเข้ามาจำนวนมาก สถานการณ์ตอนนี้ก็ใกล้เคียงกัน เมื่อครม.มีมติ 28 กย.65 ให้สามารถทำงานได้ยาวถึง กพ.66 ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ก็เข้มงวดตามแนวชายแดนมากกว่าปติ เพราะน่าจะมีแนวโน้ม 

ในส่วนภาพรวมของกองทัพในการสนับสนุนรัฐบาลเตรียมพร้อมเปิดประเทศ  ก็คงเป็นบทบาทของ ศปม. ซึ่งยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ได้เตรียมพร้อมในส่วนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง  ภายใต้แนวคิด หลักปฏิบัติในการอำนวยความสะดวก ภายใต้ข้อกำหนดตามมาตรการของรัฐบาล