(20 เม.ย.66) ร้องกันขรม 'ค่าไฟแพงโหด' แล้วก็ถล่มกันใหญ่
รัฐบาลลุงตู่นั่นแหละตัวการ ลุงตู่กินนอก-กินในกับนายทุนพลังงาน 5,000 เมกะวัตต์
ลุงตู่นอกจากไม่แก้ปัญหาและแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว
ลุงตู่ยังให้ 'ขึ้นค่าไฟ' ซ้ำเติมชาวบ้าน!
ลุงตู่นี่ "เป็นที่สุดของแจ้" จริงๆ ...........
เป็นทั้งเผด็จการ ทั้งยาสามัญประจำบ้าน ทั้งกระโถนท้องพระโรง ทั้งส้วมสาธารณะ
เพราะฉะนั้น ลุงตู่ถือว่ามีบุญ เป็นทั้งถนน เป็นทั้งสะพาน เป็นทั้งฐาน เป็นทั้งยอดพระเจดีย์ ใครอยากขี้รด-ขี้ ใครอยากปิดทอง-ปิด
จะว่าไป ก็น่าอิจฉานะ!
เรื่องค่าไฟแพงชนิดก้าวกระโดดนี้ ทุกคนรู้คร่าวๆ ว่า มาจากการประมูลกำลังผลิตไฟฟ้าเอกชน 5,000 เมกะวัตต์ ที่ กฟผ.ทำสัญญาซื้อขายกับเอกชน
ต้นทุน-กำไรมันก็สะท้อนออกมาเป็นค่าไฟ ตามสูตร 'ปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ' ที่เราเรียกค่า Ft แล้วไอ้ 5 พันเมกะวัตต์นี้ มันมายังไงกัน? ความจริงไม่ใช่เรื่องลึกลับ........
เราไม่จำกันเอง มันก็มาตะเภาเดียวกับ 'จำนำทุกเมล็ด-โกงทุกเมล็ด' นั่นแหละ
ไอ้พวกนักการเมืองขี้โกง มันรู้จุดอ่อนคนไทย จำอะไรไม่ค่อยได้ 'ลืมง่าย' จึงเท่ากับ 'หลอกง่าย'!
ฉะนั้น เวลาตอโผล่ ไอ้นักการเมืองตัวการ จะทำเฉไฉ ไม่รู้-ไม่ชี้ เรื่องนี้...ไม่ใช่ข้า แถมหาเสียงผสมโรงด่ารัฐบาลหน้าเสื่อมันไปซะเลย
ถ้างั้น วันนี้ มารู้ให้ชัดกันไปซะที ว่าโรงไฟฟ้าเอกชน 5 พันเมกะวัตต์ ต้นเหตุค่าไฟแพงนี้ มันเป็นมาไงกัน? จากข่าวมีเยอะ แต่เดี๋ยวจะว่า เอียงข้างโน้น-ข้างนี้ ฉะนั้น ผมจะนำเนื้อหาจาก 'วิทยานิพนธ์' มาให้เรียนกันเลย
เรื่อง 'มาตรการทางกฎหมายในการปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าของประเทศไทยเพื่อป้องกันการทุจริต'
ผู้ทำวิทยานิพนธ์ฉบับนี้คือ 'นางสาวรพีพร อภิภัทรางกูร'
เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร 'นิติศาสตรมหาบัณฑิต' สาขากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีการศึกษา 2560
ในหัวข้อ 2.3.1 ปัญหาทุจริตเชิงนโยบาย เฉพาะ 'บางส่วน-บางตอน' จากหน้าที่ 33 ดังนี้
2.3.1 ปัญหาทุจริตเชิงนโยบาย
กรณีที่เคยปรากฏเป็นข้อกังขาของสังคมเกิดขึ้นในช่วงเวลาการปรับปรุงแผน PDP สมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาและมีมติเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2555 เห็นชอบตามมติ กพช. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2555 เรื่องการปรับปรุงแผน PDP 2010 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3
ประเด็นที่เป็นความเคลือบแคลงสงสัย ในเรื่องความไม่โปร่งใสจากการปรับปรุงแผน PDP ฉบับดังกล่าว ที่ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึง และมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจนกระทั่งปัจจุบัน คือ กรณีที่แผน PDP ได้กำหนดให้มีการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชน IPP ในปริมาณ 5,400 เมกะวัตต์
โดยระบุว่า.... "จะต้องเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงเป็นก๊าซธรรมชาติทั้งหมด" ทำให้ กกพ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน-เปลว) ซึ่งมีหน้าที่ออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ตามที่ มาตรา 11 (4) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 กำหนดไว้ ต้องไปดำเนินการ ออกระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการจัดหาไฟฟ้าและออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชน โดย กกพ.ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดหากำลังการผลิตไฟฟ้า เพื่อทำหน้าที่ศึกษาและจัดทำระเบียบ หลักเกณฑ์ในการจัดหาไฟฟ้า ประเมินและคัดเลือกข้อเสนอของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ซึ่งเป็นที่มาของการออกประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (IPP) ปริมาณ 5,400 เมกะวัตต์ เมื่อปี พ.ศ. 2556 โดยคณะอนุกรรมการการจัดหากำลังการผลิตไฟฟ้าได้จัดทำเอกสารรายละเอียดการยื่นประมูล (Request for Proposal: RFP) สำหรับกำหนดการผลิตในช่วงปี พ.ศ. 2564-2569
ซึ่งในการออกประกาศเชิญชวนครั้งดังกล่าว มีผู้ผลิตให้ความสนใจและซื้อเอกสาร RFP จำนวน 89 ราย อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเปิดซองข้อเสนอด้านเทคนิค คงเหลือผู้ยื่นข้อเสนอโครงการรวมทั้งสิ้น 9 ราย จาก 5 กลุ่มบริษัท ท้ายที่สุดแล้ว ได้ผู้ชนะการประมูลคือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเอกชนรายเดียวที่ได้กำลังผลิตไฟฟ้าปริมาณกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ไปครอบครองแต่เพียงผู้เดียว และได้เข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ. ในฐานะผู้ได้รับการคัดเลือกจากการประกาศรับซื้อไฟฟ้าของ กกพ. ซึ่งผูกพันระยะเวลานานกว่า 25 ปี การชนะประมูลของเอกชนรายดังกล่าว จนหลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความไม่โปร่งใส อันมีที่มาจากการปรับปรุงแผน PDP ของรัฐบาล