Sunday, 5 May 2024
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ททท. ชูโครงการ ‘Thailand Holideals’ บุกตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ครั้งยิ่งใหญ่ พร้อมกระตุ้นการขายให้กับผู้ประกอบการ

(2 ..65) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. เป็นประธานในงานแถลงข่าว เปิดตัวโครงการ Thailand Holideals ตอบรับเทรนด์แห่งโลกอนาคตก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ใช้เหรียญดิจิทัลแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการท่องเที่ยว กระตุ้นตลาดด้านการท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมบุกตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อกระตุ้นการส่งเสริมการขายให้กับผู้ประกอบการในทุกช่องทางที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว และผู้เดินทาง ณ ศูนย์ปฏิบัติการศิลปกรรมดิจิทัล FAAMAI Digital Arts Hub เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เข้ามามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ส่งผลให้รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงการเปิดมิติของการทำธุรกิจและการตลาดที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบาย รวดเร็ว และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

โดยเฉพาะการเข้ามาของสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ททท. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว จึงได้ร่วมมือกับบริษัท กู๊ด มู๊ด จำกัด พร้อมจับมือกับ พันธมิตรด้านการท่องเที่ยว อาทิ MVP, KLOOK และ Ascend Travel จัดทำโครงการ “Thailand Holideals” รวบรวมแพ็กเกจ และ Voucher ท่องเที่ยวในราคาสุดพิเศษ จากผู้ประกอบการท่องเที่ยวชั้นนำทั่วเมืองไทยมาให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรร บนเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/holideals โดยครอบคลุมทุกหมวดหมู่ของการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร สปา นันทนาการ และบริษัทนำเที่ยว พร้อมทั้งสามารถเลือกชำระด้วยระบบโทเคนดิจิทัลได้ด้วย นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยกับการใช้เหรียญดิจิทัลเพื่อการจับจ่ายสินค้าท่องเที่ยวของโครงการ ตอบโจทย์การท่องเที่ยวในไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว Free Individual Traveller และ Group Individual Traveller ซึ่งต้องการประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

ทะลุเป้าปี 65!! ททท. ฉลองต่างชาติเที่ยวไทยครบ 10 ล้านคน พร้อมเดินหน้าดันยอดสู่ 20 ล้านคนในปี 66

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่งการบ้านรัฐบาล จัดงาน ‘Amazing Thailand 10 Million Celebrations’ เฉลิมฉลองโอกาสสำคัญ
ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ครบ 10 ล้านคน (ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ตามเป้าหมายส่งเสริมตลาดต่างประเทศของปี 2565 ของ ททท. ณ ท่าอากาศยานสำคัญ 7 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ สนามบินสมุย และด่านพรมแดนทางบก 2 แห่ง ได้แก่ ด่านพรมแดนสะเดา และด่านพรมแดนหนองคาย 

อีกทั้ง เป็นการขอบคุณนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่ให้ความเชื่อมั่นในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และประกาศความสำเร็จแบรนด์ Amazing Thailand ตอกย้ำความเชื่อมั่นประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในใจนักท่องเที่ยว เตรียมเดินหน้าดันยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่ 20 ล้านคนในปี 2566

ทั้งนี้ การจัดงาน ‘Amazing Thailand 10 Million Celebrations’ ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้รับเกียรติจาก นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วย นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ ททท. นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานเชียงใหม่ นายณัฐวุฒิ ทาอินต๊ะ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวเพ็ญภัสสร คงสิริ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และนายพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ เข้าร่วมให้การต้อนรับและมอบของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวเวียดนาม จำนวน 180 คน ที่เดินทางด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD 907 จากเมืองดานัง ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 12.30 น. และนักท่องเที่ยวฮ่องกง จากเขตปกครองพิเศษฮ่องกง จำนวน 180 คน ที่เดินทางด้วยสายการบินฮ่องกงเอ็กซเพรส เที่ยวบิน UO 754 จากฮ่องกง ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 18.50 น. ซึ่งวางแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง

ททท. สำนักงานกระบี่ ร่วมต้อนรับเที่ยวบินจากสายการบิน Flydubai มุ่งให้จังหวัดกระบี่เป็นตลาดที่มีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจากตะวันออกกลาง

20 มกราคม 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ ได้กำหนดจัดกิจกรรมต้อนรับเที่ยวบินจากสายการบิน Flydubai ในวันที่ 20 มกราคม 2566 เวลา 10.10 น. (เที่ยวบิน FZ1463) ณ บริเวณอาคารขาเข้าต่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ จังหวัดกระบี่ โดยมี นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกระบี่ คุณณรงค์ อรุณภาคมงคล รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ นายชัยภัทร วสุนธรา ผู้แทนนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ นางสาวมนพันธ์ นำชัยภิญโญพงศ์ ประธานนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC หอการค้าจังหวัดกระบี่ นายสมเกียรติ ขยันการ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอ่าวนาง และ นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว ร่วมให้การต้อนรับเที่ยวบินของสายการบิน Flydubai เที่ยวบิน FZ 1463 ในเส้นทางดูไบ – กระบี่ เวลา 10.10 น. ซึ่งเป็นเที่ยวบิน Regular flight ทำการบินทุกวัน โดยมีผู้โดยสารในเที่ยวบินนี้จำนวน 180 คน 

นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ กล่าวว่า เที่ยวบิน FZ 1463 สายการบิน Flydubai Airline บินตรงจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  เดินทางถึงท่าอากาศยานกระบี่ จังหวัดกระบี่ จำนวน 180 คน นับเป็นการกลับมาเปิดเส้นทางบินอีกครั้งหลังจากที่หยุดทำการบินตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2563 อันเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นโอกาสอันดีในการเชิญชวนและส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจากประเทศสหรัฐอาหรับเอเมิเรตส์ เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่อีกครั้ง พร้อมกันนี้ ททท. สำนักงานกระบี่ได้จัดกิจกรรมต้อนรับเที่ยวบิน FZ 1463 ของสายการบิน Flydubai อาทิ ของที่ระลึก การแสดงทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดกระบี่ในครั้งนี้ ซึ่งจังหวัดกระบี่มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตะวันออก กลาง เนื่องจากมีสถานประกอบการกว่า 49 แห่งที่ได้รับมาตรฐานฮาลาล กอปรกับในพื้นที่มีชมรมกระบี่ฮาลาลแอนด์มุสลิม  เฟรนด์ลี่ที่พร้อมจะช่วยเหลือและให้คำแนะนำสถานประกอบการที่ให้บริการนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางได้

‘ททท.’ ตั้ง ‘เบิร์ด ธงไชย’ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ กระตุ้นวัยเก๋า ตั้งเป้าปีนี้!! สร้างรายได้เที่ยวในประเทศ 8.8 แสนล้านบาท

(27 มี.ค. 66) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ททท.เตรียมเปิดตัวแคมเปญโฆษณาชุด โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ และเปิดตัว เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ นักร้องชื่อดัง เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในปี 2566 ททท.ได้กำหนดให้เป็นปีท่องเที่ยวไทย 2566 เพื่อเดินหน้ากระตุ้นให้มีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายทั้งปีจะต้องมีการท่องเที่ยวในประเทศ 135 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 8.8 แสนล้านบาท ตลอดทั้งปีนี้

‘ททท.’ เผย ต่างชาติทะลักเที่ยวไทยช่วงสงกรานต์ 305,000 คน ยอดจองพุ่ง!! 14,220 เที่ยวบิน คาดเงินสะพัด 1.2 แสนล้าน

(5 เม.ย.66) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม มีจำนวนสะสม อยู่ที่ 6,465,737 คน เพิ่มขึ้น 1,199% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แบ่งเป็นเดือนมกราคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,144,948 คน เดือนกุมภาพันธ์ 2,113,550 คน และเดือนมีนาคม 2,207,239 คน สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 256,194 ล้านบาท

จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมเกือบ 6.5 ล้านคนใน 3 เดือนแรกที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ 56.8% เป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออก รองลงมาคือยุโรป 26.5% และอื่นๆ อาทิ อินเดีย สหรัฐ ออสเตรเลีย อิสราเอล แคนาดา และซาอุดีอาระเบีย อีก 16.7% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย สูงสุด 5 อันดับแรก ในช่วง 3 เดือนแรก ได้แก่ 1.มาเลเซีย 902,621 คน 2.รัสเซีย 566,425 คน 3.จีน 517,242 คน 4.เกาหลีใต้ 441,028 คน และ 5.อินเดีย 320,887 คน

“ตลาดนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นพระเอกของภาคท่องเที่ยวไทยในปี 2566 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 จำนวนไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน มีแนวโน้มปิดที่ 7-8 ล้านคน ขึ้นอยู่กับปริมาณเที่ยวบินในช่วงตารางบินฤดูหนาว 2566/2567 รองลงมาคือตลาดมาเลเซีย วางเป้าหมายไว้ที่ 4 ล้านคน อินเดีย 2 ล้านคน ส่วนรัสเซียและเกาหลีใต้ คาดมีไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน” นายยุทธศักดิ์กล่าว

ต่างชาติเข้าเที่ยวไทยพุ่ง 525%
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 305,000 คน เพิ่มขึ้น 525% เทียบจากปี 2565 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 48,814 คน และเพิ่มขึ้น 58% จากปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 522,357 คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 5,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 630% จากปี 2565 ที่มีรายได้ 689 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 60% ของปี 2562 ที่มีรายได้ประมาณ 8,321 ล้านบาท

สนามบินไฟลต์ว่อนสงกรานต์
รายงานข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. แจ้งว่า ทอท.ประมาณการการจราจรทางอากาศช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2566 ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ จะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 14,220 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 59.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ ประมาณ 7,500 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 219.20% และเที่ยวบินภายในประเทศ ประมาณ 6,720 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 2.44% คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 2.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 137.48%

แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 1.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 561.76% และผู้โดยสารภายในประเทศ ประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26.08% อย่างไรก็ตาม เมื่อการจราจรทางอากาศที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 พบว่าปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารยังคงติดลบ เที่ยวบินรวมลดลง 18.47% เที่ยวบินระหว่างประเทศลดลง 20.90% เที่ยวบินภายในประเทศลดลง 15.59% ขณะที่ประมาณการผู้โดยสารรวมลดลง 17.39% ผู้โดยสารระหว่างประเทศลดลง 20.96% และผู้โดยสารภายในประเทศลดลง 11.91%

‘ท่องเที่ยวฯ’ เล่นใหญ่!! ปี 67 ดึง นทท.เข้าไทย 40 ล้านคน เล็งผนึกกำลังทำงานรอบทิศ พร้อมชูวัฒนธรรมถิ่นเป็นจุดขาย 

(18 ก.ย. 66) จากการประเมินแนวโน้มรายได้รวมจากการท่องเที่ยวต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ ตั้งแต่ปี 2566-2570 ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ไว้เมื่อกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าในปี 2570 ประเทศไทยจะมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 5,599,377 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25% ของจีดีพี โดยแบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 4,479,502 ล้านบาท และรายได้จากตลาดในประเทศ 1,119,875 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อดูเฉพาะเทรนด์การเติบโตของรายได้การท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศ จะพบว่า...
- ในปี 2566 คาดอยู่ที่ระดับ 1,620,000 ล้านบาท
- ในปี 2567 คาดอยู่ที่ระดับ 2,292,968 ล้านบาท
- ในปี 2568 คาดอยู่ที่ระดับ 2,930,723 ล้านบาท
- ในปี 2569 คาดอยู่ที่ระดับ 3,656,910 ล้านบาท
- ในปี 2570 คาดอยู่ที่ระดับ 4,479,502 ล้านบาท

จากข้อมูลดังกล่าว นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้เตรียมตั้งเป้าหมายเชิงท้าทาย เพื่อสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศ 4 ล้านล้านบาทให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยแบ่งเป็นรายได้การท่องเที่ยวเฉพาะตลาดต่างประเทศ 3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.8% จากปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดซึ่งมีสร้างรายได้ 1.9 ล้านล้านบาท ส่วนรายได้ตลาดในประเทศวางเป้าไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท

“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง และคณะรัฐมนตรี ต่างเห็นตรงกันว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นกระทรวงสร้างรายได้เข้าประเทศได้รวดเร็ว เป็นควิกวินของเศรษฐกิจไทย โดยนายกฯ เศรษฐา เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ บูรณาการความร่วมมือกับทุกกระทรวง เห็นได้จากนโยบายยกเว้นวีซ่า (วีซ่า-ฟรี) เป็นการชั่วคราวนานประมาณ 5 เดือนแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 - 29 ก.พ. 2567 ตามที่ ครม.เพิ่งมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 ก.ย. สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว”

รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผลที่นำร่องมาตรการวีซ่า-ฟรีเป็นการชั่วคราวกับตลาดจีนก่อน เนื่องจากในยุคก่อนโควิด-19 ระบาดเมื่อปี 2562 ตลาดจีนถือเป็นฐานลูกค้าหลัก เดินทางเข้าประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1 จำนวนกว่า 11 ล้านคน แต่พอเข้าสู่ยุคหลังโควิด-19 พบว่าตั้งแต่ต้นปี 2566 เดินทางเข้ามาน้อยกว่าที่คาดไว้ จากข้อจำกัดเรื่องกระบวนการขอวีซ่า และกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียที่มีการเผยแพร่ข่าวลือเชิงลบของประเทศไทย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งกระตุ้นและทำตลาด สร้างความเชื่อมั่นในการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง

“เบื้องต้นกระทรวงการท่องเที่ยวฯ คาดการณ์ว่าช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2566 ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนคนต่อเดือน จากนั้นจะประเมินผลการดำเนินมาตรการและอาจพิจารณาเพิ่มประเทศเป้าหมายในการออกมาตรการวีซ่า-ฟรี”

รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยอีกว่า ในปีหน้ามีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2567 ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 100% เทียบกับรายได้รวมปี 2562 จากเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 40 ล้านคน ปรับเพิ่มจากเป้าเดิมที่ ททท. ตั้งไว้ว่าจะดึงเข้ามาไม่น้อยกว่า 35 ล้านคน

ขณะที่เป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2566 ตั้งเป้าไว้ที่ 2.38 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 80% ของปี 2562 โดยจากแนวโน้มตลอดปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 28 ล้านคน โดยหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นฮับบันเทิงแห่งเอเชีย (Entertainment Hub of Asia) แนวทางส่งเสริมการจัดอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงและกีฬาในประเทศไทย จะต้องเป็นงานที่แปลก ใหญ่ ต่อเนื่อง สร้างสรรค์ และใช้พลังของซอฟต์เพาเวอร์ เพื่อแข่งขันกับประเทศสิงคโปร์ ในการชิงเจ้าฮับบันเทิงของเอเชีย ซึ่งต้องบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มความสะดวกด้านการเดินทางไปยังสถานที่จัดงาน

ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2567 เป็น 40 ล้านคน จากเป้าเดิมที่ ททท.ตั้งไว้อย่างน้อย 35 ล้านคน มองว่าเป้าหมายดังกล่าวเป็นไปได้ เพราะทั้งนายกฯ เศรษฐา รวมถึงทุกกระทรวงพร้อมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ททท.จึงพร้อมพุ่งเป้าการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย 40 ล้านคน

โดยได้วางยุทธศาสตร์ ‘PASS’ ขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยวซึ่งกำลังถูกจับจ้องในฐานะ ‘ควิกวินเศรษฐกิจ’ ไทยตอนนี้ ประกอบด้วย…

1. Partnership 360 ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

2. Accelerate Access to Digital Worldพัฒนาองค์กรบนพื้นฐานการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัล

3. Sub-Culture Movementการลงลึกถึงระดับความเคลื่อนไหวของกลุ่มวัฒนธรรมย่อย แม้ประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจการท่องเที่ยว แต่การแข่งขันช่วงชิงนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้นสิ่งที่เคยทำอย่างการทำตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มกระแสหลักและกลุ่มความสนใจเฉพาะยังต้องเดินหน้า แต่ต้องเจาะกลุ่มความเคลื่อนไหวของวัฒนธรรมย่อยด้วย เพื่อสร้างความแตกต่างแก่ทั้งองคาพยพท่องเที่ยวไทย จำเป็นต้องลงลึกถึงระดับดีเอ็นเอความชอบของนักท่องเที่ยวที่มีเหมือน ๆ กัน

4. Sustainably NOWมุ่งสู่ความยั่งยืนแบบทันที เพราะความยั่งยืนไม่ใช่เทรนด์ แต่ต้องเดินเข้าหา ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถยืนอยู่บนโลกธุรกิจได้ เช่น ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย นับเป็นต้นทุนที่มีเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัส แต่เมื่อเกิดภาวะโลกร้อน อย่างภาวะไฟป่าใน จ.เชียงใหม่ ทำให้ไม่สามารถท่องเที่ยวได้หลายเดือน นี่คือสิ่งที่กระทบชัดเจนต่อภาคการท่องเที่ยว

พร้อมกันนี้ ยังได้ดำเนินกลยุทธ์ ‘The LINK : Local to Global’ เชื่อมการทำงานแบบบูรณาการของสำนักงาน ททท.ทั้งตลาดในและต่างประเทศ ด้วยแนวคิดLocal Experience, Innovation, Networking และ Keep Character อีกด้วย

“เทรนด์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในตอนนี้ ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในแง่ความยั่งยืนอย่างมาก ทำให้ ททท.วางเป้าหมายปี 2567 มุ่งเปลี่ยนกรอบความคิด (Mindset) ของนักท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศไทย สู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่มีคุณค่าสูงและความยั่งยืน (High Value and Sustainable Tourism Destination) เพื่อยืนยันว่าภาคท่องเที่ยวไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำลายโลก” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว

‘ททท.’ ชี้ เที่ยวไทยทางราง ตอบโจทย์ความยั่งยืน ชูจุดเด่น ‘ปล่อยคาร์บอนฯ น้อย-กระจายรายได้สู่ชุมชน’

(6 พ.ย. 66) นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. เล็งเห็นประโยชน์ของการต่อยอดการท่องเที่ยวโดยรถไฟซึ่งมีมนต์เสน่ห์เฉพาะตัวที่สามารถเติมเต็มประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยว

ททท. จึงจัดโครงการ The story of Railway Journey ‘เที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง’ ขึ้น เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวผ่านทางรถไฟ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มคนเจน Z

โดยการเดินทางผ่านทางรถไฟจะสามารถกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ผ่านรวมทั้งส่งเสริมรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Tourism) ผ่านการเชื่อมโยงกับระบบคมนาคมขนส่งหลักของประเทศ เช่น รถไฟ รถโดยสารสาธารณะ ไปยังชุมชนในพื้นที่ ทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ฐานรากอย่างทั่วถึงต่อไป

อย่างไรก็ดี เมื่อสอบถามว่าการจัดโครงการดังกล่าวจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทางรถไฟมากน้อยเพียงใด นายอภิชัย ให้ข้อมูลว่า โครงการดังกล่าวยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และยังต้องมีการกำหนดเครื่องมือชี้วัดในลำดับต่อไป

นางสาววัลย์ณัฐ บุญประเสริฐ เลขาธิการสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) กล่าวว่า การท่องเที่ยวผ่านทางรถไฟเป็นการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์แนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จากการที่เดินทางผ่านขบวนรถไฟอาจมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าการเดินทางรูปแบบอื่น

ขณะที่นายพล เวชการ รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ด้านปฏิบัติการ กล่าวว่า การท่องเที่ยวผ่านทางรถไฟสามารถตอบโจทย์ที่หลากหลาย ด้วยเส้นทางของรถไฟที่ผ่านหลายพื้นที่ของประเทศ ประกอบกับในอนาคตระบบคมนาคมทางรางของไทยจะพัฒนามากขึ้น จากการก่อสร้างรถไฟทางคู่ จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากขึ้น

รายงานจากททท. ระบุว่า ภายใต้โครงการดังกล่าว ททท. ได้ผนึกกับพันธมิตร เปิดพื้นที่ให้เหล่านักท่องเที่ยวมืออาชีพร่วมสร้างสรรค์ และนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟแบบไม่จำกัดไอเดีย ภายใต้ โครงการ The story of Railway Journey ‘เที่ยวแบบสับ (จับเรื่อง) ราง’ ออกแบบสร้างสรรค์สื่อนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโดยรถไฟ และเพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 100,000 แสนบาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณจาก ททท. โดยผลการแข่งขัน มีดังนี้

-รางวัลชนะเลิศ : ทีม Touch And Go
-รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : ทีม Freeland
-รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : ทีมเปรี้ยวกับป้า
-รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ ทีม The Couple  และทีมสับราง team

‘ททท.’ ชู!! บิ๊กอีเวนต์ ‘เคาต์ดาวน์’ กระตุ้นท่องเที่ยว-ศก.ส่งท้ายปี 66 มุ่งดัน ‘ไทย’ สู่แลนด์มาร์กเคาต์ดาวน์โลก คาดเงินสะพัดกว่า 5 หมื่นลบ.

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 66 นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การจัดงาน ‘Amazing Thailand Countdown 2024’ ประเทศไทย ถือเป็นบิ๊กอีเวนต์สำคัญภายใต้โครงการ ‘Thailand Winter Festivals’ ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มแรงส่งกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2566

ทั้งสอดคล้องกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กรุงเทพมหานคร เป็นแลนด์มาร์กและ ‘Global Countdown Destination’ จุดเคาต์ดาวน์ระดับโลกที่นักท่องเที่ยวต้องนึกถึงและมาเยือนอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า การจัดงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จะสร้างรายได้หมุนเวียนรวม 5.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565

“ททท.เชื่อมั่นว่า การจัดงานในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยว ช่วยขยายเวลาการท่องเที่ยวในช่วงกลางคืน และเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่องในพื้นที่ของการจัดกิจกรรม เช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และผู้ให้บริการล่องเรือรับประทานอาหาร” นายอภิชัย กล่าว

นายอภิชัย กล่าวว่า ททท.ได้ร่วมจัดกิจกรรมใน จ.นครราชสีมา และสนับสนุนงาน ‘Amazing Thailand Countdown 2024’ ประเทศไทย กิจกรรมเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 ที่ ททท.ดำเนินการจัดกิจกรรมและร่วมจัดกิจกรรม แต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์และกิจกรรมในการจัดงานที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1.) งาน ‘Amazing Thailand Countdown 2024 วิจิตร อรุณ’ จัดงานวันที่ 31 ธันวาคม 2566-1 มกราคม 2567 พื้นที่จัดงาน สวนนาคราภิรมย์ กรุงเทพมหานคร ถือเป็นไฮไลต์ของกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในเดือนธันวาคม 2566 ต่อเนื่องจากงาน VIJIT CHAO PHRAYA 2023

และ 2.) งาน ‘Korat Winter Festival & Countdown 2024’ จัดงานวันที่ 22 ธันวาคม 2566-2 มกราคม 2567 พื้นที่จัดงาน บริเวณสนามหน้าศาลากลาง จ.นครราชสีมา ครบรอบ 555 ปี ในรูปแบบ ‘งานมหกรรมสวนสนุกนานาชาติ’ ภายในงานพบกับสวนสนุกขนาดใหญ่ เสิร์ฟความสุขต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2566-14 มกราคม 2567

‘ททท.’ เชิญชวนเขียนคำอวยพรผ่าน ‘จอยการ์ด’ ททท. ส่งมอบความรัก-ความปรารถนาดีให้กันช่วงคริสต์มาส

(25 ธ.ค. 66) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมเขียนคำอวยพรผ่าน ‘joycard’ ของ ททท. เพื่อส่งคำอวยพรดี ๆ ให้คนที่รักหรือปรารถนาดี ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งถือเป็นการส่งการ์ดอวยพรในรูปแบบออนไลน์ 

โดยจอยการ์ดของ ททท. จะมี 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ การ์ดรูปวัด การ์ดทะเล และการ์ดรูปช้างไทย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกสติกเตอร์สุดน่ารักประกอบในจอยการ์ดได้อีกด้วย

สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้ามาเขียนคำอวยพรได้ที่ https://joycard.chom.dev/th มีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

1.กรอกข้อความในช่อง ‘หัวเรื่อง’
2.กรอกข้อความอวยพรลงในช่อง ‘ข้อความเนื้อหาจอยการ์ด’
3.เลือกรูปแบบพื้นหลัง
4.เลือกรูปแบบสติกเกอร์
5.กด ‘ดูตัวอย่างจอยการ์ด’
6.กดแชร์ ‘จอยการ์ด’ ไปยังโซเชียลมีเดียช่องทางอื่นๆ ได้ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ (X) หรือสามารถคัดลอกลิงก์และส่งให้เพื่อน ๆ ทางช่องทางโซเชียลที่ต้องการ

เพียงเท่านี้ก็สามารถส่งมอบคำอวยพรดี ๆ น่ารัก ๆ ให้แก่คนที่รักได้แล้ว อย่าลืมไปลองเล่นกันนะ!!

ปักธง!! 'เมืองรอง 10 จังหวัด' จาก 5 ภูมิภาค นายกฯ พร้อมเปิดตัว ม.ค.67 ลุยกระตุ้น ศก.ไทย

(27 ธ.ค.66) แหล่งข่าวกล่าวว่า ตามที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ผลักดันเมืองรองที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ ทั้งมิติการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ให้เป็นเมืองหลัก

ล่าสุดได้ข้อสรุปรายชื่อ 10 จังหวัด จากทั้ง 5 ภูมิภาคที่ได้รับการคัดเลือกจากหอการค้าไทยกับ ททท. ที่จะร่วมกันโปรโมตนำร่องแล้ว ได้แก่

1. แพร่
2. ลำปาง
3. นครสวรรค์
4. นครพนม
5.  ศรีสะเกษ
6. จันทบุรี
7. ราชบุรี
8. กาญจนบุรี
9. นครศรีธรรมราช
10. ตรัง

แม้บางจังหวัดอย่างกาญจนบุรีจะเป็นเมืองหลักอยู่แล้ว แต่มองว่าควรส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้วให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีกำหนดเปิดตัวในเดือน ม.ค. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นประธานในการแถลงข่าว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยว 4 ด้าน ดึงศักยภาพของทุกจังหวัดสู่สากล เพื่อกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศให้คึกคัก ผลักดันรายได้จาก 4 ด้าน ซึ่งล้วนเป็นโจทย์สำคัญในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของไทย ดังนี้

1.ส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง
2.ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายไฮซีซันตลอดทั้งปี
3.เร่งพัฒนาการบริการด้านข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น
4.เพิ่มค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่อทริป และเพิ่มระยะเข้าพักเพื่อให้นักท่องเที่ยวพำนักนานขึ้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top