Saturday, 15 March 2025
TodaySpecial

21 มกราคม ของทุกปี วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน หยุดความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

คณะรัฐมนตรี (ครม.) ลงมติ ให้วันที่ 21 มกราคม ของทุกปีเป็น "วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน" ตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เสนอ หลังเกิดกรณีของหมอกระต่าย พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล ถูกบิ๊กไบค์ชนจนเสียชีวิต โดยมีเป้าหมายเพื่อหยุดยั้งความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนและป้องกันเหตุการณ์รถชนคนข้ามทางม้าลายซ้ำรอย พร้อมทั้งกระตุ้นให้ผู้ใช้ถนนทุกเพศทุกวัยและผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทมีจิตสำนึกในการรักษาความปลอดภัย และส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

การกำหนด "วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน" จะเป็นการรณรงค์เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและเพิ่มความตระหนักในหมู่ผู้ใช้ถนน โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดแนวทางและมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยเน้นมาตรฐานการปฏิบัติที่ชัดเจนและความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดการกระทำผิดซ้ำและสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน

นอกจากนี้ยังจะมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถลดอุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิตบนท้องถนนได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

22 มกราคม 2486 รัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ประกาศให้คำว่า ‘สวัสดี’ เป็นคำทักทาย

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2486 รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงครามได้ประกาศให้ใช้คำว่า 'สวัสดี' เป็นคำทักทายเมื่อพบกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการ

คำว่า 'สวัสดี' ได้รับการบัญญัติขึ้นโดยพระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) และเริ่มใช้งานครั้งแรกในปี 2476 ขณะที่ท่านเป็นอาจารย์ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยนำคำนี้ทดลองใช้ในกลุ่มนิสิตก่อนที่จะได้รับการนำมาใช้ในวงกว้างและได้รับการยอมรับจากสังคมในภายหลัง หลังจากนั้น 62 ปี จอมพล ป. พิบูลสงครามจึงได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการในยุคของการส่งเสริมชาตินิยม

คำว่า 'สวัสดี' มาจากรากศัพท์ 'โสตฺถิ' ในภาษาบาลี และ 'สวัสดิ' ในภาษาสันสกฤต ซึ่งใช้ในวรรณคดีไทยและบทสวดมนต์มาช้านาน

นอกจากคำว่า สวัสดี แล้ว ในยุคของจอมพล ป. พิบูลสงครามยังมีคำทักทายอื่น ๆ ที่ใช้กันตามเวลา ได้แก่ อรุณสวัสดิ์ ในตอนเช้า (แปลจากคำว่า Good Morning) ทิวาสวัสดิ์ ในตอนบ่าย (แปลจากคำว่า Good Afternoon) 'สายัณห์สวัสดิ์' ในตอนเย็น (แปลจากคำว่า Good Evening) และ ราตรีสวัสดิ์ เมื่อก่อนนอน (แปลจากคำว่า Good Night)

23 มกราคม 2425 วันประสูติ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระบิดาแห่งกิจการรถไฟสมัยใหม่

พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระบิดาแห่งกิจการรถไฟสมัยใหม่ ทรงมีพระนามเดิมว่า 'พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร' และทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 35 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กับเจ้าจอมมารดาวาด พระองค์ประสูติเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2424

ในปี 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้รวมกรมรถไฟสายเหนือกับสายใต้เป็นกรมเดียวกัน ภายใต้ชื่อ 'กรมรถไฟหลวง' และโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง นอกเหนือจากหน้าที่ทางทหาร ซึ่งการบริหารงานด้านกิจการรถไฟในช่วงนั้น ทรงนำวิทยาการสมัยใหม่มาใช้ในการพัฒนา และทรงได้รับการขนานพระนามว่า 'พระบิดาแห่งกิจการรถไฟสมัยใหม่'

พระองค์ทรงขยายเส้นทางรถไฟจากเหนือสู่ใต้ รวมทั้งสร้างเส้นทางรถไฟจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี และจากฉะเชิงเทราถึงอรัญประเทศ นอกจากนี้ยังทรงสั่งซื้อรถจักรดีเซลคันแรกในทวีปเอเชียจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จำนวน 2 คัน ในปี พ.ศ. 2471 ซึ่งมีกำลัง 180 แรงม้า เพื่อแทนที่รถจักรไอน้ำที่ไม่สะดวกและไม่ประหยัด

นอกจากนี้ พระองค์ยังได้ทรงรับผิดชอบงานสร้างถนนและสะพานต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น สะพานกษัตริย์ศึก สะพานรัษฎาภิเศก และสะพานพระพุทธยอดฟ้า รวมทั้งได้ริเริ่มการสำรวจหาน้ำมันดิบในพื้นที่บ่อหลวง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการใช้เครื่องเจาะสำรวจธรณีวิทยา ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการสำรวจแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2464

24 มกราคม ของทุกปี วันการศึกษาสากล วันที่ระลึกถึงความสำคัญของการศึกษา

ทุกวันที่ 24 มกราคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น วันการศึกษาสากล (International Day of Education) โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อย้ำถึงความสำคัญของการศึกษา ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสันติภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืน การศึกษาที่มีคุณภาพไม่เพียงช่วยให้แต่ละบุคคลพัฒนาตนเอง แต่ยังขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติด้วย

การศึกษาถือเป็นสะพานสู่โลกกว้าง ช่วยให้ผู้คนสามารถคิดวิเคราะห์และเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ดียิ่งขึ้น หากปราศจากโอกาสทางการศึกษา ย่อมทำให้ยากที่จะตามทันโลกและผู้อื่น

การศึกษามีประโยชน์ในหลายมิติ เช่น ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความเป็นมนุษย์ ส่งเสริมความรู้และความสามารถในการประกอบอาชีพ ทำให้พลเมืองมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติ เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากองค์กรระดับโลกสะท้อนปัญหาที่น่าห่วงใยเกี่ยวกับการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนทั่วโลก โดยพบว่า เด็กและเยาวชนจำนวน 258 ล้านคน ยังไม่เคยเข้าเรียน เด็กและวัยรุ่น 617 ล้านคน ไม่สามารถอ่านหนังสือหรือทำคณิตศาสตร์พื้นฐานได้ ในภูมิภาคทะเลทรายซาฮารา เด็กผู้หญิงน้อยกว่า 40% จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ขณะที่มีผู้ลี้ภัยและเด็กประมาณ 4 ล้านคน ไม่ได้เข้าถึงการศึกษา

25 มกราคม 2502 ในหลวงร.9 เสด็จฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ทรงเปิดพระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

เมื่อพุทธศักราช 2456 ได้มีการค้นพบพระเจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างขึ้น ณ ดอนพระเจดีย์ แขวงเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทรงชนะในยุทธหัตถี และในปีเดียวกันนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระเจดีย์แห่งนี้ เพื่อทรงนมัสการและโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างพระเจดีย์ขึ้นใหม่ ทว่าการก่อสร้างประสบปัญหาขัดข้องเรื่องงบประมาณ

จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช การบูรณะฟื้นฟูพระเจดีย์ได้สำเร็จลุล่วง ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม พุทธศักราช 2502 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีเปิดพระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ตำบลดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ตามหมายกำหนดการที่ 1/2502

เวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเสด็จเข้าสู่พิธีมณฑล ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมาประจำรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงศีลและทรงฟังคำกราบบังคมทูลรายงาน ก่อนที่จะมีพระราชดำรัส จากนั้นพระองค์ทรงเปิดพระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระสงฆ์ 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา ขณะเดียวกันชาวพนักงานได้ประโคมฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาะว์ มโหระทึก แตร และดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ

หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเสด็จไปทรงพระสุหร่ายสรงพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะ ก่อนจะประทับพระราชอาสน์ในพิธีมณฑล พระสงฆ์ถวายอดิเรก และเสด็จพระราชดำเนินกลับ

26 มกราคม 2525 ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานชื่อ 'ค่ายจุฬาภรณ์' จังหวัดนราธิวาส

ครั้งเมื่อสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเป็นนายทหารเรือหญิง พรรคนาวิกโยธินพระองค์แรก นาวาเอก สงบ ศรลัมพ์ จึงได้ยื่นหนังสือถึงกรมนาวิกโยธินเพื่อขอพระราชทานชื่อค่ายดังกล่าว โดยได้รับการเห็นชอบจาก พลเรือโท ยุธยา เชิดบุญเมือง ผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธิน และได้ส่งหนังสือไปยังกองทัพเรือเพื่อขอพระราชทานชื่อ "ค่ายจุฬาภรณ์" ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด และกระทรวงกลาโหมตามลำดับ

ในวันที่ 24 ธันวาคม 2524 พลอากาศเอก พะเนียง กานตรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กราบบังคมทูลนายกรัฐมนตรีเพื่อขอพระราชทานชื่อค่ายทหารของกองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กรมนาวิกโยธิน และกองพันทหารราบที่ 9 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 3 กรมนาวิกโยธิน โดยชื่อค่ายได้รับการยืนยันเป็น "ค่ายจุฬาภรณ์" หรือ "CHULABHORN CAMP" ในภาษาอังกฤษ

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2525 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่า สำนักเลขาธิการรัฐมนตรีได้นำเรื่องกราบบังคมทูลพระกรุณาและได้รับพระราชทานชื่อค่ายตามที่ขอ

ในวันที่ 24 กันยายน 2526  พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเรือเอกหญิงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี (พระยศในขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินเปิด "ค่ายจุฬาภรณ์" ที่กรมทหารราบที่ 3 กรมนาวิกโยธิน บ้านทอน ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยมีพลเรือเอก สมบูรณ์ เชื้อพิบูลย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พลเรือเอก โสภณ สุญาณเศรษฐกร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ, พลเรือโท ยุธยา เชิดบุญเมือง ผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธิน, และนายทหารผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ร่วมพิธีเปิดค่ายอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสและแขกผู้มีเกียรติจำนวนมาก

27 มกราคม 2501 วันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันเริ่มต้นของนายร้อย 4 เหล่า

โรงเรียนเตรียมทหาร หรือ Armed Forces Academies Preparatory School เป็นสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสถาบันวิชาการป้องกันประเทศกองบัญชาการกองทัพไทย และเป็นสถาบันการศึกษาแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เป็นศูนย์รวมเบื้องต้นสำหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, โรงเรียนนายเรือ, โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ

โดยผู้ที่ศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร เรียกว่านักเรียนเตรียมทหาร (นตท.)

การรับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้น โรงเรียนเตรียมทหารมิได้เป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหารด้วยตนเอง หากแต่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, โรงเรียนนายเรือ, โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือก

โดยในแต่ละปีจะมีการกำหนดจำนวนรับนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากนั้นแต่ละเหล่าทัพจะส่งผู้ผ่านการสอบคัดเลือกมาเรียนรวมกันที่โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นเวลา 2 ปี

ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว นักเรียนเตรียมทหารเหล่านี้จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเหล่าทัพ (โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, โรงเรียนนายเรือ, โรงเรียนนายเรืออากาศและโรงเรียนนายร้อยตำรวจ) ตามที่นักเรียนได้สมัครและผ่านการสอบคัดเลือก

เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเหล่าทัพแล้ว นักเรียนนายร้อยเหล่านี้ จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นนายทหาร และนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร พร้อมทั้งเข้ารับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เสด็จแทนพระองค์

สำหรับประวัติการก่อตั้งและสถาปนามีว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2500 จอมพลถนอม กิตติขจร ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอดำริต่อสภากลาโหมว่า หากจะรวมโรงเรียนที่อยู่ในระดับการศึกษาเดียวกันจากกองทัพต่าง ๆ เป็นสถาบันเดียวกันก็จะเป็นการประหยัดงบประมาณของชาติ

ทั้งยังทำให้ผู้ศึกษามีโอกาสได้รู้จักคุ้นเคย มีความสนิทสนมกลมเกลียว มีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความคิดจิตใจร่วมกันแต่เยาว์วัย ซึ่งจะส่งผลให้บุคคลเหล่านี้สามารถประสานงานกันได้ด้วยดีและปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่สุด สภากลาโหมได้เห็นชอบในดำรินี้เป็นเอกฉันท์ ในขั้นแรกให้รวมโรงเรียนเตรียมนายร้อย โรงเรียนเตรียมนายเรือ และโรงเรียนเตรียมนายเรืออากาศ เป็นโรงเรียนเตรียมทหาร สังกัดกรมการศึกษาวิจัย กองบัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501

จึงถือว่าวันที่ 27 มกราคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร  และในปี 2506 กรมตำรวจได้ขอให้โรงเรียนเตรียมทหารรับนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วย โรงเรียนเตรียมทหารจึงเป็นศูนย์รวมเบื้องต้นสำหรับนายทหาร นายตำรวจ โดยสมบูรณ์

28 มกราคม 2529 รำลึก โศกนาฏกรรม 'ยานชาเลนเจอร์' ระเบิดกลางฟ้า นักบินอวกาศ 7 ชีวิตสูญเสีย

วันนี้เมื่อ 39 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์ที่ช็อคโลก เมื่อกระสวยอวกาศ ‘ชาเลนเจอร์’ เกิดระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า หลังจากถูกปล่อยขึ้นไปเพียงไม่กี่นาที

ย้อนไปถึงที่มาของ ‘ยานชาเลนเจอร์’ เป็นกระสวยอวกาศขององค์การนาซ่าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการสำรวจอวกาศ ก่อนเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ยานชาเลนเจอร์เคยบินไปในอวกาศมาแล้ว 9 ครั้ง แต่ในการบินครั้งที่ 10 หลังจากถูกปล่อยออกไป ท่ามกลางผู้ชมหลายล้านคนที่ติดตามชมผ่านหน้าจอโทรทัศน์ เพียง 73 วินาทีเท่านั้น ยานก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด

อุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้มีนักบินอวกาศเสียชีวิต 7 คน หนึ่งในนั้นคือ คริสตินา แมคคอลิฟ อดีตครูประถมที่มีความฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ แม้เธอจะได้มาเป็นนักบินอวกาศในที่สุด แต่เธอก็ต้องเสียชีวิตอย่างกะทันหันในเหตุการณ์นี้

การสอบสวนภายหลังพบว่า สาเหตุของอุบัติเหตุเกิดจากชิ้นยางวงแหวนที่ใช้ปิดกั้นแก๊สระหว่างรอยต่อในจรวดไม่สามารถยืดหยุ่นได้ดี เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็น ทำให้เกิดการรั่วไหลของแก๊สที่ไปกระทบกับถังเชื้อเพลิงระหว่างจรวดขับดัน ซึ่งส่งผลให้เกิดการระเบิดฉีกตัวยานและจรวดออกเป็นชิ้นๆ

โศกนาฏกรรมยานชาเลนเจอร์ถือเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุดในโครงการขนส่งอวกาศของสหรัฐฯ และส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องหยุดโครงการขนส่งอวกาศไปนานเกือบ 3 ปี แม้เวลาจะผ่านไปแล้วกว่า 35 ปี แต่ความสูญเสียในครั้งนั้นยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของผู้คนเสมอมา

29 มกราคม 2519 สวนสนุกแดนเนรมิต เปิดทำการครั้งแรก สร้างประวัติศาสตร์ มีผู้มาเที่ยวชมกว่า 80,000 คน

สวนสนุกแดนเนรมิต เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2519 และสร้างประวัติศาสตร์ด้วยจำนวนผู้เข้าชมมากกว่า 80,000 คนในวันแรก ซึ่งสร้างความสุขให้กับนักท่องเที่ยวมาอย่างยาวนานกว่า 25 ปี ก่อนที่จะปิดตัวลงในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 เนื่องจากหมดสัญญาเช่าระยะเวลา 25 ปีและไม่สามารถต่อสัญญาได้ โดยพื้นที่ของสวนสนุกกลายเป็นพื้นที่ในเมืองที่ไม่เหมาะกับการดำเนินกิจการสวนสนุกอีกต่อไป หลังจากนั้น เจ้าของกิจการได้พัฒนาและสร้างสวนสนุกแห่งใหม่ในย่านรังสิต คือ ดรีมเวิลด์

หนึ่งในความโดดเด่นของแดนเนรมิตคือปราสาทเทพนิยายที่ตั้งอยู่หน้าสวนสนุก ซึ่งสร้างขึ้นโดยการผสมผสานระหว่างปราสาทเทพนิยายของดิสนีย์แลนด์และปราสาทนอยส์ชวานสไตน์ของเยอรมนี ภายในสวนสนุกมีเครื่องเล่นหลากหลาย เช่น รถไฟเหาะ, เครื่องเล่นรถไฟรางเดี่ยว, เรือไวกิ้ง และส่วนจัดแสดงสัตว์โลกล้านปี นอกจากนี้ยังมีพาเหรดแฟนตาซีที่ออกเดินไปตามถนนรอบสวนสนุก พร้อมกิจกรรมพิเศษอย่างการจัดคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง และการแสดงจากต่างประเทศ เช่น ประติมากรรมปราสาทน้ำแข็งจากประเทศจีน, กายกรรมจากเวียดนาม และ ซูเปอร์ด็อก บ๊อก บ๊อก โชว์จากสหรัฐอเมริกา

สวนสนุกแดนเนรมิตตั้งอยู่บนพื้นที่ 33 ไร่ โดยใช้เงินลงทุนกว่า 70-80 ล้านบาท มีเครื่องเล่นจากต่างประเทศกว่า 30 ชนิดและได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเวลาที่เปิดให้บริการ

เมื่อปิดกิจการในปี 2543 เครื่องเล่นบางส่วนถูกย้ายไปยังดรีมเวิลด์ และยังคงเหลือเพียงปราสาทเทพนิยายที่เป็นสัญลักษณ์ของแดนเนรมิต ซึ่งได้กลายเป็นที่รู้จักและเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำในประวัติศาสตร์สวนสนุกของไทย

30 มกราคม 2491 การลอบสังหาร 'มหาตมา คานธี' นักต่อสู้อหิงสาเพื่อเอกราชของอินเดีย

มหาตมะ คานธี เกิดเมื่อปี 1869 ในครอบครัวชนชั้นพ่อค้าและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายทางศาสนา ซึ่งมีผลต่อทัศนคติและการดำเนินชีวิตของเขา พ่อของเขานับถือศาสนาฮินดูและบูชาเทพวิษณุ ขณะที่แม่ของเขานับถือนิกายที่ผสมผสานระหว่างฮินดูกับมุสลิม จึงมีการปฏิบัติประเพณีอดอาหารตามคำสอนของศาสนาแม่ที่มีอิทธิพลต่อเขาอย่างมาก เมื่อคานธีอายุครบ 18 ปี เขาถูกส่งไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษในสาขากฎหมาย

ในปี 1930 คานธีนำประชาชนอินเดียเดินขบวนต่อต้านภาษีเกลือของอังกฤษ โดยการเดินทางระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร และในปี 1947 เขากลายเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดียโดยใช้หลักอหิงสา (การต่อต้านโดยไม่ใช้ความรุนแรง) ซึ่งนำไปสู่ชัยชนะในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 มกราคม 1948 นาถูราม โคทเส ได้ยิงคานธี 3 นัดที่หน้าอกในระยะใกล้ สาเหตุเกิดจากความไม่พอใจที่คานธีมีแนวคิดเป็นมิตรกับชาวมุสลิมและปากีสถาน

หลังจากการยิงโคทเสไม่ได้หลบหนีและถูกจับกุม ต่อมาศาลสูงของรัฐปัญจาบพิพากษาประหารชีวิตเขาด้วยการแขวนคอในวันที่ 15 พฤศจิกายน 1949 พร้อมกับผู้ร่วมสมคบคิดอีกคนหนึ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top