Thursday, 2 May 2024
Thailand

เชียงใหม่ - ‘เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี’ ได้รับรางวัลเกียรติยศ!! Hall of Fame ประเภทแหล่งท่องที่ยวในการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (รางวัลกินรี) ครั้งที่ 13

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (รางวัลกินรี) หรือ Thailand Tourism Awards ครั้งที่ 13 ประจำปี 2564 โดยได้รับเกียรติจาก ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธี และทรงพระราชทานรางวัลเกียรติยศ  Hall of Fame ประเภทแหล่งท่องที่ยว แก่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี  โดยมี นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นผู้รับมอบ ผ่านระบบ ZOOM  ในรูปแบบ Virtual Live ซึ่งมี นายยุทธศักดิ์ สุภัสสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าร่วมด้วย

นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า การได้รับรางวัลในครั้งนี้  เป็นการได้รับรางวัลอันสูงสุดจากการเข้าร่วมประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (รางวัลกินรี) หรือ Thailand Tourism Awards  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 รวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง โดยในปีนี้ได้รับรางวัลกินรีทองยอดเยี่ยม สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้  ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 (ปี 2560, ปี 2562 และ ปี 2564) ทำให้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้รับรางวัลเกียรติยศ  Hall of Fame สาขาท่องเที่ยว และได้รับการยกย่องเชิดชูจารึกชื่อไว้ในหอเกียรติยศ  ซึ่งถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่ยิ่งใหญ่ ตอกย้ำคุณภาพสินค้าและบริการที่สร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สร้างความภาคภูมิใจ และเป็นกำลังใจให้กับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นอย่างยิ่ง

ท่องเที่ยวอุ่นใจและปลอดภัย ไปกับ ตร.ท่องเที่ยว!! ด้วยแอปพลิเคชัน “Tourist Police i lert u”

วันนี้ 15 ธ.ค.64 พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวร่วมการแถลงข่าวเปิดตัวแพลตฟอร์ม “ระบบการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Traveling)” อันเป็นการขานรับนโยบายการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวบนเว็บไซต์ Entry Thailand มุ่งหวังจะช่วยอำนวยความสะดวกและบูรณาการการปฏิบัติต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

ในการนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล โดยได้ร่วมมือกับบริษัท เอนนี่แวร์ ทู โก จำกัด พัฒนาแอปพลิเคชันในการรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน รวมถึงการขอความช่วยเหลือจากนักท่องเที่ยว ผ่านแอปพลิเคชัน Tourist  Police i lert u บน Smartphone โดยใช้ระบบ Global positioning System หรือ GPS การใช้งานเพียงนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ กดปุ่มขอความช่วยเหลือ

พร้อมกับ “ข้อความขอความช่วยเหลือและภาพถ่าย” ระบบจะส่งตำแหน่งสถานที่จุดเกิดเหตุ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องของนักท่องเที่ยวที่ขอความช่วยเหลือ ส่งไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 1155 และเจ้าหน้าที่อยู่บนพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ Call Center 1155 จะติดต่อกลับไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่นักท่องเที่ยวได้แจ้งไว้ตามที่ลงทะเบียนในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน โดยจะใช้การสื่อสารด้วยภาษาเดียวกันกับนักท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันสายด่วน 1155 สามารถรองรับได้ 5 ภาษา คือ อังกฤษ, จีน, รัสเซีย, ญี่ปุ่น และเกาหลี และจะเพิ่มการให้บริการในภาษาฝรั่งเศส, เยอรมัน, อาเซียน และอาหรับ รวมเป็น 9 ภาษาในปี 2565

 

‘ดร.ซก ซกกรัดทะยา’ (ดร.แซม) ที่ปรึกษาส่วนตัวของ ‘สมเด็จ เตโช ฮุน เซน’ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมงาน "Amazing Thailand Countdown 2022, Amazing New Chapters @Phuket"

ที่เกาะภูเก็ต บรรยากาศงานเลี้ยงปีใหม่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไปพักผ่อนที่รีสอร์ทริมชายหาดในจังหวัดภูเก็ต การเฉลิมฉลองวันปีใหม่โลกเรียกว่า "Amazing Thailand Countdown 2022, Amazing New Chapters @Phuket" ซึ่งมีการแสดงคอนเสิร์ตระดับนานาชาติโดยเพลงอุปรากรชาวอิตาลี ชื่อดังของ Andrea Bocelli พร้อมทั้งจุดพลุดอกไม้ไฟอันตระการตากว่า 20,000 ดอก

บรรยากาศอบอุ่น จากการต้อนรับของ นายยุทธศักดิ์สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

เกาะภูเก็ต ประเทศไทย ภูเก็ตเป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของประเทศไทย พร้อมเยี่ยมชมรีสอร์ทขนาดใหญ่ Sri Pasnwa & Blue Lagoon Resort ที่ได้รับการพัฒนาตามแนวชายฝั่งและมีนวัตกรรมสูงสำหรับที่พักและนันทนาการที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ได้หารือเกี่ยวกับแผนและกลยุทธ์บางประการ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยหลังวิกฤตโควิด-19

ในโอกาสนี้ ดร.ซก ซกกรัดทะยา หรือดร.แซม ยังได้แนะนำนักธุรกิจท่องเที่ยวไทยเกี่ยวกับศักยภาพของการท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา ซึ่งอุดมไปด้วยการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวชายฝั่ง และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  และยังได้ร่างยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่กัมพูชา

University Ranking จะเลือกเรียนตามอันดับ หรือ เลือกคิดอย่างลุ่มลึก

ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัย โดยแบ่งตามสาขาวิชาจาก QS University Ranking by Subject 2022 น่าจะช่วยให้ผู้สนใจเรื่องการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของโลก ภายใต้ ‘การรับรู้’ คุณสมบัติ ดีกรี ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยดังๆ ในโลก ได้เปิดใจมองเห็นภาพที่แตกต่างว่า เราควรเลือกเรียน เพราะ ‘อยากรู้’ ในศาสตร์หรือสาขาที่เยี่ยมยอดแค่ไหนมากขึ้น ภายหลังจาก ‘วิทยาลัยดุริยางคศิลป์’ (College of Music) มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการจัดอันดับเข้า Top 50 เป็นครั้งแรก

ผมกำลังหมายถึงอะไร?

การจัดอันดับมหาวิทยาลัยในโลกนั้น ใช้ตัวแปรหลายอย่าง ทั้งจำนวนสาขาวิชาที่เปิด / ความเพียบพร้อมทางเทคโนโลยี / อัตราส่วนอาจารย์และนักศึกษา / จำนวนงานวิจัย / บัณฑิตในระดับปราชญ์ชั้นสูงที่ผลิตได้ / ความหลากหลายทางเชื้อชาติ และอีกหลายมิติ นั่นจึงทำให้บรรดาสถาบันที่ทำการจัดอันดับ จึงมักจะประกาศผลการจัดอันดับที่ไม่ตรงกันเท่าไรนัก

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในทุกประเทศทั่วโลก ที่มีมากกว่า 31,097 แห่งนั้น จะมีวิธีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ด้วยการประกาศอันดับที่ Top 500 หรือมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด 500 อันดับแรก และมหาวิทยาลัยที่ ไม่ติดอยู่ใน Top 10 หรือ Top 20 ก็อาจถูกมองว่า ‘ไม่ดีจริง’ ในสายตาของผู้ที่คุ้นเคยกับการจัดอันดับที่ใช้แค่หลักสิบ

อย่างไรก็ตาม จำนวนมหาวิทยาลัย 500 แห่ง ก็ถือว่าเป็นดีกรีที่ไม่เลว เพราะถือเป็นสัดส่วนราว 1.6% หากวัดจากจำนวนมหาวิทยาลัยทั่วโลกกว่า 3 หมื่นแห่ง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจในระดับหนึ่ง

แต่ผมก็ไม่อยากให้พวกท่าน ถูกลวงด้วยเลข 500 โดยไม่ดูมวลรวมทั้งหมดของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่ทั่วโลกนะ!!

ที่ผมว่าเช่นนั้น เพราะการจัดอันดับมหาวิทยาลัย 500 อันดับแรก ยังถือว่าเป็นสัดส่วนน้อยมาก และควรมีการขยายการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยให้มากกว่าหลักร้อย ไปสู่อย่างน้อยก็หลักพัน เพราะในการจัดอันดับเป็นหลักร้อยนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะได้ ‘จำนวน’ มหาวิทยาลัยเข้าอันดับครบ เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยที่ได้คะแนนเสมอกันอยู่จำนวนหนึ่ง ดังนั้นอันดับที่คะแนนเท่ากัน จะทำให้อันดับที่ตามมาหายไป เช่น อันดับ 50 มี มหาวิทยาลัยได้คะแนนเท่ากัน 10 แห่ง จะทำให้ไม่มีอันดับ 51-60 อันดับ เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากหันไปมอง มหาวิทยาลัยเก่าแก่ ระดับโลก และเป็นที่ยกย่องยอมรับกัน ทั้งในวงการวิชาการระดับสูง และโดยประชาคมโลกมานานหลายทศวรรษ/ศตวรรษนั้น ล้วนรักษาคะแนนรวม (Overall) จนรักษาอันดับของตนเองไว้ได้ในอันดับต้นๆ จะมีเปลี่ยนแปลงขึ้นลงบ้างเล็กน้อยในแต่ละปี ส่งผลให้อันดับที่แตกต่างนั้น ไม่ได้มหาศาล แต่ต่างกันเพียงแค่หลัก ‘ทศนิยม’ เช่น Harvard อันดับ 5 (คะแนนรวม 98), Stanford และ Cambridge อันดับ 3 ทั้งคู่ (คะแนนรวม 98.7), California Institute of Technology ในเมืองพาซาดีนา แคลิฟอร์เนีย อันดับที่ 6 (คะแนน 97.4), Imperial College ลอนดอน อันดับที่ 7 (คะแนน 97.3) หรือจากมหาวิทยาลัย ในอันดับช่วง Top 20 เช่น Nanyang Technological University (NTU) สิงคโปร์ อันดับที่ 12 (คะแนน 90.8), ส่วน University of Pennsylvania อันดับที่ 13 (คะแนน 90.7) แต่ University of Pennsylvania ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Penn เป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League และมีความเก่าแก่ 282 ปี ส่วน NTU แม้เปิดมาได้เพียง 40 ปี แต่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก และอยู่ในอันดับ Top 80 ตลอดมา

สังเกตได้ว่า ปัจจัยในการเลือก ไม่สามารถจะมองเพียงตัวเลขที่เรียงอันดับ 1-2-3 แบบไร้มิติได้ เพราะคะแนนที่ต่างกันเป็นจุดทศนิยม ในแต่ช่วงอันดับ ยังบ่งบอกถึงมาตรฐานสูงในระดับเดียวกันอยู่

สิ่งที่ผมกำลังจะบอก คือ หากผู้เรียน ไม่ได้ติดตามคุณภาพของสถาบัน และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในโลก ด้วยข้อมูลเชิงลึก ก็จะยึดติดกับอันดับของมหาวิทยาลัย หรือคำบอกเล่าแบบต่อๆ กันมา กลับกันผู้ที่เรียนเก่ง หรือมีความจริงจังทางด้านวิชาการ ไม่ว่าสาขาใดก็ตาม พวกเขามักจะศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานทางวิชาการของมหาวิทยาลัยต่างๆ อย่างมีมิติ มากกว่ามองแค่ Top 10, Top 50 หรือ Top 200 

ถึงกระนั้นเรื่องของอันดับ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลต่อการประเมินคุณภาพ มันยังสำคัญ!! และสะท้อนถึงความก้าวหน้าของมิติด้านการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยนั้นๆ จนถีบตัวเข้าสู่ทำเนียบแห่งความเป็นสากล!!

อย่างการเข้าอันดับ Top 50 ของมหาวิทยาลัยมหิดล ในสาขาการแสดงทางศิลป์และดนตรี ในปี 2022 นี้ ภายใต้ QS University Ranking by Subject ก็ยืนยันถึงความก้าวหน้าของ College of Music (CMMU) หรือ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ชัดเจน เพราะหากวัดระยะเวลาเพียง 28 ปี นับจากวันสถาปนาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ในปี 2537 แล้วนั้น CMMU ได้แสดงตัวตนให้แวดวงการศึกษาดนตรี รับรู้ได้ถึงการมีตัวตน มีเสียง และมีพลัง จนโลกได้รู้จักวิทยาลัยด้านดนตรี จากประเทศเล็กๆ และเป็นประเทศที่ประชาคมโลกจำนวนมาก มองไม่เห็นถึงความเป็นสากลทางด้าน Performing Arts นั้นต้องหันมาเหลียว!!

ทั้งนี้ หากมองอันดับ Top 10 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ในสาขา Performing Arts รายชื่อสถาบันและมหาวิทยาลัย เช่น Royal College of Music (ลอนดอน), The Juilliard School (นิวยอร์ค), Royal Academy of Music (ลอนดอน), Curtis Institute of Music (ฟิลาเดลเฟีย) หรือ University of Music and Performing Arts Vienna (เวียนนา) ล้วนเป็นสถาบันทางดนตรี และการแสดง ที่อยู่ในระดับศักดิสิทธิ์ มีความขลังสูงสุด และผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกเข้าไปเรียนในสถาบันเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นหัวกะทิ หรืออัจฉริยะทั้งสิ้น ไม่ต่างจาก หัวกะทิในสาขาแพทย์, กฎหมาย, วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์, สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยอันดับต้นของโลก

ส่วนในอันดับ Top 30 ของมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นเลิศในสาขาการแสดงและดนตรี ยังเป็นสถาบันอันเก่าแก่ เช่น Royal Academy จากซาลซ์บูร์ก ออสเตรีย, สถาบันจากเดนมาร์ก, จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, จากสวีเดน, จากมอสโก และมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ต่อด้วย Cambridge, Oxford, Yale, Columbia, UCLA มหาวิทยาลัยเหล่านี้ มีชื่อเสียงมานับร้อยปี อีกทั้งอยู่ในประเทศที่พลเมืองมีดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เยาวชนเติบโตมาด้วยโอกาสทางดนตรีและการแสดง ที่มีทั่วไป ชนชั้นกลางสืบทอดทักษะทางดนตรีให้กับลูกหลาน และทำให้เยาวชนพัฒนาทักษะจนสามารถแข่งขันเข้าเรียนในสถาบันอันมีชื่อเสียงได้

เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์ชื่นชมโรงเรียนบ้านขอนหาด เบื้องหลังความสำเร็จ 2 นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทยในระดับโลก

อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่นชมโรงเรียนบ้านขอนหาด นครศรีธรรมราช ที่ปั้นนักวอลเลย์บอลพาทีมชาติไทยสู่ระดับโลกว่า ...
.
"บ้านขอนหาด" โรงเรียนเล็กๆ ที่ผลิตนักวอลเลย์บอลระดับโลก

วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ในเนชั่นส์ ลีก 2022 แข่งไป 2 สนาม ชนะบัลแกเรีย 3 เซ็ตรวด ล่าสุดชนะแชมป์เก่าเซอร์เบีย ทำให้ไทยขึ้นอันดับ 15 ของโลก  ทีมชุดนี้ เก่งไม่แพ้รุ่นพี่ชุด 7 เซียนเลยครับ

ที่ผมสนใจคือ "น้องแป้น ปิยะนุช แป้นน้อย" กับ "น้องเพียว อัจฉราพร คงยศ"  ทั้ง 2 คน คือผลิตผลจากการบ่มเพาะความสามารถทางวอลเลย์บอล จาก "โรงเรียนบ้านขอนหาด" อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช

"บ้านขอนหาด" ในความทรงจำผมเมื่อ 30 ปีที่แล้ว คือชนบทที่ไกลตัวเมือง ผมลงรถไฟที่สถานีขอนหาด และเดินทางเข้าหมู่บ้าน ถนนหลักยังเป็นฝุ่นลูกรังอยู่เลย

Elie Saab แบรนด์ห้องเสื้อดัง เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ 'รุ่งอรุณสีทอง' แรงบันดาลใจที่มาจากความเป็นไทย

ทำเอาวงการแฟชั่นทั่วโลกฮือฮาไม่น้อย เมื่องาน Paris Fashion Week 2023 ในครั้งนี้ เกิดเสียงชื่นชมอย่างมาก หลังจาก Elie Saab แบรนด์ห้องเสื้อชื่อดังจากฝรั่งเศส ได้ออกคอลเลกชันใหม่โอกูตูร์ ประจำฤดูร้อน/ฤดูใบไม้ผลิ 2023 ที่ทำออกมาได้สวยสง่า สะดุดตาทุกผู้พบเห็น เพราะได้รับบันดาลใจมาจากเมืองไทย พร้อมตั้งชื่ออันเป็นมงคลด้วยว่า 'รุ่งอรุณสีทอง' (The Golden Dawn)

สำหรับที่มาของแรงบันดาลใจในคอลเลกชันใหม่นี้ ทางคุณโจ มณฑานี ตันติสุข นักเขียนและวิทยากรการเงิน ได้โพสต์อธิบายผ่านเฟซบุ๊ก ด้วยว่า...

พี่โจไปพบบทความ WOMEN WEAR DAILY ที่เพิ่มข้อมูลอันน่าตื่นตาตื่นใจ ของแรงบันดาลใจที่ทำให้ยอดดีไซเนอร์โลกออกแบบแฟชั่นชุดสปริงซัมเมอร์ The Golden Dawn ว่ามาจากชุดไทยในปี 1964 ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ของเราเองค่ะ

และหลายชุดในคอลเลกชันได้แรงบันดาลใจจากพญานาค ที่เป็น The legendary Naga Dragon สัตว์ในตำนานของ #ประเทศไทย

UPDATE พี่โจลืมบอก คุณ ES บอกว่าแรงบันดาลใจจากประเทศไทยเพราะเขาชื่นชอบความ ROYAL REGAL MAJESTIC จึงอยากสื่อออกมาในชุด

(3 คำ คือ ราชวงศ์ เจ้า และหรูหราสง่างามเยี่ยงเชื้อพระวงศ์ ก็แปลว่า ผู้ออกแบบเชื่อมโยงไทยกับความงามวิไล ยิ่งใหญ่แบบเจ้าราชวงศ์นั่นเองค่ะ)

อ่านลิงก์เต็มได้ที่นี่ >> https://wwd.com/runway/spring-couture-2023/paris/elie-saab/review/?fbclid=IwAR0uc5Dim3E2OlLn5bgUS2BNAPnP_rOtPIw4etf3_X9e0KHVKKSfdC_Mk4M&mibextid=Zxz2cZ

ชมภาพทุกชุด ขั้นตอนตัดเย็บ พร้อมวิดิโอโชว์เต็มๆได้ที่นี่ >> https://us.eliesaab.com/collections/haute-couture-spring-summer-2023

‘ไทย’ ขึ้นแท่นประเทศที่มียอดขาย EV อันดับ 1 แห่งอาเซียน หลังโครงสร้างประเทศปรับ รับแรงขับเคลื่อนอุตฯ EV เต็มรูปแบบ

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 66 ช่อง YouTube ‘Kim Propperty’ ได้เปิดเผยถึง ตลาดรถยนต์ EV ในประเทศไทย ที่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าก้าวหน้าเกินประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเข้ามาลงทุนของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหลากสัญชาติ รวมถึงความต้องการซื้อที่มากจนมีตัวเลขที่น่าสนใจจะมาแชร์...

ทว่าก่อนอื่น ต้องฉายภาพให้เห็นถึงตัวแปรที่ทำให้ EV กับประเทศไทยเดินเคียงคู่กันไปได้อย่างไร้รอยต่อ โดยต้องยอมรับว่า โครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยนั้นค่อนข้างดีมาก ตั้งแต่ไฟฟ้าเพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่แม้จะมีแบรนด์เป็นของตนเองอย่างเวียดนาม (Vinfast) แต่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน หรือโครงสร้างที่เอื้อต่อการผลิต การขนส่งยังไม่ดีพอ 

ขณะเดียวกัน แม้จำนวนประชากรเวียดนามจะมีจำนวนมาก แต่กำลังซื้อก็ไม่สูง หรือยังไม่ได้มีกำลังทรัพย์มากพอ พอ Vinfast ขายในประเทศตัวเองไม่ได้ ก็เลือกไปตีตลาดที่ประเทศอเมริกาแทน แต่ก็ต้องเจอตออย่าง Tesla ส่งผลให้ยอดขายไม่ปัง แถมลูกค้ายังบอกว่าสินค้าไม่ตรงปกอีก เรียกว่าสารพัดปัญหากันเลยทีเดียว 

นี่คือภาพในเชิงของโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลต่อการขยายตัวของตลาด EV ในประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประเทศไทย

ถัดมาคำถามที่น่าสนใจ คือ ในวันที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของประเทศอเมริกากับจีนซัดกันนัวขนาดนี้ จนแม้แต่ประเทศเวียดนามก็ยังเอาแบรนด์ตัวเองเข้าไปแทรกยากเหมือนกัน แล้วแบรนด์รถยนต์ในประเทศนั้น ๆ เขาจะไปไหน แล้วที่ไหนที่พวกเขาควรไป...

1.) ประเทศที่มี อุปสงค์ (Demand) หรือ ปริมาณความต้องการซื้อสินค้าและบริการ
2.) ประเทศที่มีโครงสร้างไฟฟ้าที่ครบครันและครอบคลุม 

>> เริ่มเอะใจกันแล้วใช่ไหม!! ก็ประเทศไทยนั่นแหละ

...และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ จากข้อมูลล่าสุดประเทศไทยของเรา เป็นประเทศที่มียอดขาย EV เป็นอันดับ 1 ในอาเซียน แบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ ที่ต่างตบเท้าเข้ามาในประเทศไทยโดยเฉพาะแบรนด์จีน ถึงกับเปรยคำหวานว่า “ไม่มีแบรนด์ไหนในประเทศจีนที่ไม่อยากมาในประเทศไทยหรอก”

หลายคนอาจจะมองว่า นี่เป็นความบังเอิญหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่ความบังเอิญ เนื่องจากยอดขายในประเทศไทย ซึ่งเป็นอันดับ 1 ทิ้งห่างอันดับ 2 และ 3 อย่าง ประเทศอินโดนีเซีย กับประเทศสิงคโปร์ แบบไม่เห็นฝุ่นนั้น หากให้มองจากสัดส่วนของยอดขายในเอเชียประมาณ 60% นั้น แทบจะมาจากประเทศไทยกันเลยทีเดียว

โดยตัวแปรสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ที่ทำให้ภาพเหล่านั้นเกิกขึ้น คือ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ประเทศไทยสามารถผลักดันปัจจัยที่เอื้อต่อการเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้าน EV อย่างมากและต่อเนื่อง ทำให้มีแบรนด์ดัง ๆ อย่าง BYD, Ford และอีกหลายเจ้า พร้อมเข้ามาหนุนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขา ตัวอย่างเช่น BYD ที่เข้ามาซื้อที่ดินจาก WHA ไปกว่า 600 ไร่ เพื่อตั้งโรงงานผลิตรถ EV แห่งใหม่ของอาเซียน ในประเทศไทย

รวมถึงดีลสุดมหัศจรรย์ ที่ทำให้หลายคนต้องอึ้ง อย่างการที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย สนใจลงทุนในประเทศไทย และทุ่มงบมูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านบาท มาเลือกใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถ EV 

>> ข่าวดีที่ว่ามาดี มาจาก...

1.) ประเทศไทยสามารถดึงแบรนด์ดังๆ ให้เข้ามาผลิตที่ประเทศไทยได้จากโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐทุ่มลงทุน
2.) ในฟากฝั่งของผู้บริโภค รัฐบาลไทยได้ทำการออกนโยบายต่าง ๆ นานา เพื่อสนับสนุนให้คนเป็นเจ้าของรถยนต์ EV ได้ เช่น ลดหย่อนภาษีได้
3.) ความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV ของคนไทยมีความสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมีแรงสนับสนุนจากภาครัฐยิ่งทำให้คนอยากได้ EV มากยิ่งขึ้น

เหล่านี้ ส่งผลทำให้ราคารถยนต์ EV ในประเทศไทย เริ่มมีราคาที่ถูกลง เราเริ่มเห็นรถ Tesla ในราคาล้านกว่าบาทเท่านั้น จากแต่ก่อนนำเข้ามาเริ่มหลัก 3 ล้านบาท 

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ฝั่งแบรนด์ผู้ผลิตต่าง ๆ จะขอเข้ามามีส่วนเสนอขายสินค้าและบริการ ภายใต้แผนพัฒนาไทยที่จะขอเป็น HUB EV ในย่านนี้ ย่านที่พร้อมไปด้วยโครงสร้างพื้นฐาน, การเดินทาง, การคมนาคม, กำลังซื้อ รวมถึงพลังงานไฟฟ้า ที่มีความยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ต่อให้ค่าแรงในประเทศไม่ถูกเหมือนที่อื่นก็ตาม เพราะหลายผู้ผลิตมองว่า ประเทศไทยของเราใจดี ใจกว้างเหลือเกิน ค้าขายในบ้านเราได้ ภาษีก็ไม่ค่อยเสีย แถมผู้บริโภคในประเทศไทยก็ยังชอบซื้ออีกด้วย (เราเป็นนักซื้อที่ยอดเยี่ยม) 

‘USS Nimitz’ เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ เยือนไทย เปิดพื้นที่ต้อนรับการฉลองสัมพันธ์อันดี 190 ปี ‘ไทย-สหรัฐฯ’

(27 เม.ย.66) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา นำเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีสหรัฐฯ USS NIMITZ จอดเทียบท่าในโอกาสเฉลิมฉลอง 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-สหรัฐฯ

ทั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ และไทย ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของไทยในระหว่างการเยือนครั้งนี้ ขณะเดียวกันยังได้เปิดโอกาสให้ทหารเรือสหรัฐฯ ได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นและเข้าร่วมการประชุมหารือต่าง ๆ ตลอดจนมีส่วนร่วมในโครงการชุมชนสัมพันธ์ด้วย

สำหรับ เรือ USS Nimitz (CVN 68) เป็นเรือธงของ CSG 11 มีศักยภาพด้านการควบคุมทะเล การโจมตีเป้าหมายหลายประเภท ปฏิบัติการความมั่นคงทางทะเล การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงการฝึกร่วมและผสมในพื้นที่ปฏิบัติการต่าง ๆ ออกเดินทางจากเมืองเบรเมอร์ตัน รัฐวอชิงตัน เพื่อปฏิบัติการทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2565 เข้าร่วมฝึกร่วมผสมหลายครั้ง และปฏิบัติการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในพื้นที่รับผิดชอบของกองเรือที่ 7 แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมทั้งทะเลจีนใต้และทะเลฟิลิปปินส์

หลังจากฝึกร่วมทางทะเลไตรภาคีกับเรือรบของ Japan Maritime Self-Defense Force (JMSDF) และเกาหลีใต้เมื่อกลางเมษายนที่ผ่านมาและมุ่งหน้ามาสู่ประเทศไทย มีกำหนดการเดินทางกลับในวันที่ 29 เมษายน 2566 เพื่อปฏิบัติภารกิจภายใต้กองเรือที่ 7 ต่อไป

นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นเพื่อนและพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย มิตรภาพของเรามีมาอย่างยาวนานร่วมสองศตวรรษ ซึ่งเราได้บรรลุความสำเร็จมากมายร่วมกัน ปีนี้เรากำลังฉลองวาระครบรอบ 190 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างกัน”

เอกอัครราชทูตระบุว่า สัมพันธไมตรีของเราช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพสำหรับทั้งภูมิภาค ช่วยทำให้ผู้คน สินค้า และความคิดใหม่ ๆ เดินทางได้อย่างเสรี ช่วยนำมาซึ่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการตอบสนองต่อภัยพิบัติที่สำคัญ และล่าสุดนี้ช่วยให้เรารับมือกับการระบาดใหญ่ทั่วโลก นอกจากนี้ ผมอยากจะขอบคุณเหล่าเจ้าหน้าที่ชายหญิงแห่งกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐสำหรับความมุ่งมั่นที่มีต่อความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันและคอยดูแลให้ประชาชนของเราปลอดภัย

ชื่นชม!! ‘พีรญา-พีรชยา พลับพลา’ คว้าเหรียญทอง จากการแข่งขันกระโดดเชือกชิงแชมป์โลก 2023

(18 ก.ค. 66) เพจ ‘Thai Jump Rope’ โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับ 2 เด็กไทยสุดเก่ง ระบุว่า…

👍ขอแสดงความยินดีกับน้อง น.ส.พีรญา พลับพลา และ น.ส.พีรชยา พลับพลา ฝาแฝดไทยสุดเก่ง 🇹🇭
ที่คว้าเหรียญทอง 🥇ในการเเข่งขันในรายการ ‘Wheel Pair Freestyle’ หญิงล้วน ในรุ่น Junior World Jump Rope Championship 2023 ณ สหรัฐอเมริกา ได้เป็นผลสำเร็จ

เหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศ ที่ ‘ชาวต่างชาติ’ อยากมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุดในโลก

(21 ก.ค.66) ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ประเทศไทยติดหนึ่งใน 10 ประเทศที่ ‘ชาวต่างชาติ’ อยากมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุดในโลก 

มีแฟนเพจถามว่า สถิติพวกนี้จริงหรือ? ประเทศเราดีขนาดนั้นจริงหรือ?

เรื่องนี้จริงครับ คนต่างประเทศที่อยากย้ายถิ่นมาอยู่เมืองไทยมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

ไม่ใช่แค่ ชาวยุโรป หรือชาวอเมริกัน

แม้แต่ จีน เมียนมา ลาว เวียดนาม ที่มีเงินก็มาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

จากประสบการณ์ที่ผมเคยไปอยู่มาหลายประเทศ ผมคิดว่าประเทศไทยน่าอยู่มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เพราะว่า...

1.) คนไทยใจดี
2.) ค่าครองชีพไม่สูงเลย เมื่อเทียบกับสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ อินเตอร์เน็ต ซึ่งดีมาก 
3.) ความปลอดภัยสูง ไม่มีแผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติแบบรุนแรง 
4.) และที่ ดีมากๆ คือ สาธารณสุขดีเยี่ยมครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top