Thursday, 9 May 2024
PoliticQuiz

สิ้นสุดการรอคอย! หลังจากเจรจาหาที่ลงมานาน สำหรับทีมข่าว TOPNEWS ล่าสุด “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก พิธีกรข่าวชื่อดัง เตรียมเปิดตัวออกอากาศ ‘ดาวเทียมช่อง77’ ยันเจอกันแน่ 1 ก.พ. นี้

“เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก พิธีกรข่าวชื่อดัง ที่แฟนๆกำลังตามลุ้นตามเชียร์กันอยู่ว่า ท้ายที่สุดจะไปลงเอยกันที่ช่องไหน โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Anchalee Paireerak’ อัพเดทความคืบหน้าล่าสุด มีเนื้อหาดังนี้...

“รอคุณสนธิญาณ แถลงรายละเอียดนะคะ คร่าวๆ คือ ออกอากาศเช้าตรู่วันที่ 1 ก.พ. ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งยูทิวบ์ เฟสบุ๊ค ดาวเทียมช่อง 77 เริ่มด้วยรายการคุณสันติสุข ตามด้วยคุณธีระ/คุณกนก/คุณสถาพร/คุณหมิว/พี่ปองจัดเที่ยงและเย็น”

#เราอยู่ในมือถือคุณ #เราอยู่ล้อมรอบตัวคุณ เราคือพลังแห่งการสื่อสาร เรานำเสนอข้อเท็จจริงที่ทุกคนต้องรู้ พบกัน 1 ก.พ. #พบกับเราทุกแพลตฟอร์ม

“นี่คือ #จบช่องสิบแปดไม่มีช่องสามสิบหก เราจะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนทุกชีวิตให้หยุดอยู่กับพวกเราที่ โลกออนไลน์ แล้วพบกัน ในทุกแพลตฟอร์ม”

“ขอบพระคุณช่องสิบแปด กับการเจรจามาราธอน ที่จบแบบไม่จบแต่ยังเคารพกันอยู่ ขอบพระคุณคุณหมอปราเสริฐที่เมตตาแต่เวลาที่ให้มาไม่เพียงพอต่อการทำข่าว พบกัน 1 ก.พ. นะคะ ขอบพระคุณค่ะที่รอคอย และคอยชมพวกเรา ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน”

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แจงฝ่ายค้านพร้อมยื่นญัตติซักฟอกสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ม.ค. โดยประเด็นหลักที่จะอภิปราย มีหลายเรื่องประกอบกัน ทั้งโควิด-19 สภาวะเศรษฐกิจ และทุจริต แย้มขยายสมัยประชุมสภาฯ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า คาดว่าจะยื่นต่อประธานสภาฯ ในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนม.ค. แต่ภายหลังเลขานุการประธานสภาฯ ได้ประสานมายังผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ บอกว่าอยากจะให้ยื่นเร็วหน่อย ก็เลยตั้งใจไว้ว่าถ้าเป็นไปได้ อาจจะยื่นในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนม.ค. โดยจะมีความชัดเจนในวันที่ 15 ม.ค.นี้ เพราะเราจะมีการหารือกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อสรุปประเด็นครั้งสุดท้าย

เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคพท. จะขอเปิดอภิปรายรัฐมนตรีกี่คน นายประเสริฐ กล่าวว่า ตอนนี้ข้อมูลมาจากหลายทาง และมีข้อมูลหลักๆ อยู่ เพราะฉะนั้นในส่วนของพรรคพท.ข้อมูลทุกอย่างจะเรียบร้อย ส่วนจะมีใครบ้างจะต้องหารืออีกครั้ง เรียกว่าข้อมูลพาดพิงไปถึงใคร ถึงรัฐมนตรีท่านใดก็อภิปรายท่านนั้น แต่ตัวนายกฯ ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็อยู่ในประเด็นที่จะอภิปรายอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าประเด็นหลักที่จะอภิปราย จะเน้นไปที่การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาโควิด-19 หรือประเด็นใดเป็นหลักหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า มีหลายเรื่อง เรื่องโควิด-19 ก็เรื่องหนึ่ง มีเรื่องสภาวะเศรษฐกิจ เรื่องทุจริต หลายเรื่องประกอบกัน ส่วนเรื่องหลักฐาน ขอให้รอวันอภิปรายเพราะยังเปิดเผยไม่ได้ แต่ยืนยันว่าเรามีข้อมูลเพียงพอถึงขนาดที่จะดำเนินการต่อที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อ

เมื่อถามย้ำว่ารายชื่อมีนายกฯ และรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่จะถูกอภิปรายหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ขอยังไม่เปิดเผยตอนนี้ เพราะอยากรอผลสรุปให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งก่อน ส่วนผู้ที่จะนำอภิปรายจะมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคพท. ที่จะเป็นผู้อภิปรายหลักอีกคน

เมื่อถามว่าประธานสภาฯ ได้รับปากแล้วว่าจะอภิปรายได้ทันในสมัยนี้ใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ท่านบอกว่าอยากให้เร็วหน่อย เพราะเกรงว่าในสถานการณ์โควิด-19 การประชุมสภาฯ จะเป็นอย่างไรก็ยังไม่ทราบ และถ้าจะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ท่านเกรงว่าในช่วงการเปิดวิสามัญ จะสามารถทำได้สะดวกเพียงใด ในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จริงๆ แล้วเราได้หารือในพรรคพท.เบื้องต้น สิ่งหนึ่งที่เรากังวล เราเหลือเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ เพราะว่าจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 28 ก.พ. ถ้าเป็นไปได้ในเดือนม.ค. เรามีการประชุมสภาฯ เพียงไม่กี่วัน เราพ้นมาสิบกว่าวันยังไม่มีการประชุมสักวัน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ถ้ามีการขยายสมัยประชุมสภาฯ เกินกว่าวันที่ 28 ก.พ.ไป จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และไม่จำเป็นต้องไปเปิดประชุมสมัยวิสามัญ

เมื่อถามว่าแนวทางนี้จะต้องขอไปยังรัฐบาลใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ใช่ เพราะเหมือนเป็นการชดเชยเวลาที่เสียไป

เมื่อถามย้ำว่า โอกาสที่จะไปอภิปรายในสมัยวิสามัญเป็นไปได้หรือไม่ เพราะตอนนี้เวลาค่อนข้างจำกัด นายประเสิรฐ กล่าวว่า การเปิดประชุมสมัยวิสามัญเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร และการใช้เสียงสมาชิกเกินกว่ากึ่งหนี่ง จะเป็นอย่างไรก็ยังไม่ทราบ แต่การขยายเวลา เราก็สามารถที่จะมีเวลาที่มากขึ้นเพื่อชดเชยเวลาประชุมที่เสียไป 3 สัปดาห์แล้ว และในสัปดาห์หน้าประธานสภาฯ ก็ยังไม่ได้แจ้งว่ามีการประชุมหรือไม่ ยังไม่ได้แจ้งวาระการประชุมมา ซึ่งทางพรรคพท.ก็คอยอยู่

เมื่อถามว่าทางฝ่ายค้านจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุดใช่หรือไม่ เพราะถ้าไปล่าช้าจะถูกบีบในช่วงท้าย ทำให้เวลาถูกลดเหมือนครั้งที่ผ่านมา นายประเสริฐ กล่าวว่า ถูกต้อง เพราะถ้าเทียบกับปีที่แล้ว จริงๆ ได้ยื่นญัตติก่อนเป็นเวลาพอสมควร แต่ถึงเวลาอภิปรายจริงๆ ปีก่อนอภิปรายวันที่ 26-28 ก.พ.และปิดสมัยการประชุมเลย เราก็ไม่อยากให้เป็นเหมือนปีที่แล้ว เราอยากให้มีเวลาอภิปรายพอสมควร พี่น้องประชาชนได้รับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และที่สำคัญปีที่แล้วที่เราอภิปรายข้ามเวลาเที่ยงคืน พี่น้องประชาชนหลายท่านไม่ได้ติดตาม เขาก็บ่นมา เราก็อยากอภิปรายในเวลาที่ประชาชนสามารถรับฟังได้ในเวลาปกติด้วย

เมื่อถามย้ำว่าจะต้องยื่นภายในสัปดาห์หน้าใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เราก็คาดว่าอย่างนั้น และขอหารือในวันที่ 15 ม.ค.อีกครั้ง

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) บุกทลายเครือข่ายคนจีน ปล่อยเงินกู้ผ่านแอปพลิเคชัน คิดดอกเบี้ยสุดโหด ส่วนวิธีการทวงหนี้ ใช้ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของลูกหนี้ พร้อมข่มขู่ประจานหากไม่จ่าย

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนและผลกระทบของประชาชนจากการกู้ยืมเงินผ่านแอปพลิเคชันที่มีมากกว่า 30 แอปพลิเคชัน จนล่าสุดได้มีการแจ้งผ่านแอปพลิเคชันของ DSI " รู้ทัน- Rootan" ให้ข้อมูลเบาะแสรูปแบบการให้กู้ยืมผ่านแอปพลิเคชันโดยหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ คิดค่าธรรมเนียม เพื่ออำพรางการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด (คำนวณแล้วสูงถึงร้อยละ 750 - 2,500 ต่อปี) และมีการติดตามทวงถามหนี้โดยเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของลูกหนี้ พร้อมข่มขู่ประจาน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ความสงบเรียบร้อยและเกิดความเสียหายแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง

พันตำรวจโท วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ศูนย์สืบสวนไซเบอร์ และศูนย์สืบสวนสะกดรอย และการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานประกอบการในกรุงเทพฯ จำนวน 2 แห่ง พร้อมยึดของกลางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายรายการ และจับกุมนายปิน หลิว (BIN LUY) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และร่วมกันให้กู้ยืมเงินหรืออำพรางการกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด

พบว่า เป้าหมายที่เข้าตรวจค้น มีความเกี่ยวข้องกับการโฆษณาให้ประชาชนเข้าไปลงข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ โดยให้กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลและอนุญาตให้แอปพลิเคชันนั้นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผ่านทาง Facebook LINE โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่หมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง รูปแบบการให้กู้ยืมเงินผ่านแอปต่าง ๆ ผู้กู้จะไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน โดยแอปพลิเคชันเงินกู้ดังกล่าวจะมีการหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น กู้ยืมเงิน 4,000 บาท ผู้กู้จะได้รับเงินเพียง 2,600 บาท

โดยเงิน 4,000 บาท จะต้องชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยภายใน 14 วัน หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนจะมีค่าปรับตามจำนวนอัตราที่แอปพลิเคชันนั้นกำหนดไว้ เช่น กู้เงิน 4,000 บาท หากส่งคืนล่าช้า จะมีค่าปรับวันละ 400 – 600 บาท และจะมีการทวงถามไปยังบุคคลใกล้ชิดของผู้กู้ ตามที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดโทรศัพท์ที่แอปพลิเคชันนั้นได้ข้อมูลไป มีการเอารูปภาพไปประจาน นอกจากนี้ ยังมีการข่มขู่คุกคามผู้กู้และคนใกล้ชิด ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง บางรายถึงขั้นถูกไล่ออกจากงาน

พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่า มีคนต่างด้าวเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง มีการสร้างแอปพลิเคชันโดยจะตั้งชื่อเลียนบริษัทที่มีชื่อเสียง True Cash, Cash 2 you เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มกวดขันมากขึ้น ก็จะเปลี่ยนชื่อและกระทำในลักษณะเดียวกันมากกว่า 30 แอปพลิเคชัน เช่น มีเหรียญ ให้กู้เถอะ ยืมเงินด่วน กู้ง่าย Cash 24 h Big Money Cash Loan เป็นต้น

ตรวจสอบเบื้องต้นตั้งแต่ปลายปี 2562 พบบัญชีผู้เกี่ยวข้อง 15 บัญชี มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านบาท และในวันเดียวกัน (13 มกราคม 2564) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้อายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกว่า 157 บัญชี เพื่อขยายผลให้ถึงเครือข่ายและตัวการใหญ่ต่อไป

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวต่อว่า ในการตรวจค้นจับกุมช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรค โควิด - 19 นั้น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน Universal Precautions (UP) ตามแนวทางที่ได้ร่วมหารือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และขอขอบคุณอธิบดีกรมควบคุมโรคที่ให้คำแนะนำและมอบหมายเจ้าหน้าที่มาร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย

โดยขอเตือนให้ประชาชนระวังอย่าเปิดบัญชีเงินฝากให้กับมิจฉาชีพเพราะอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากท่านพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งเบาะแสได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน รู้ทัน : Rootan ของศูนย์สืบสวนไซเบอร์ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

"รองโฆษกพรรคกล้า" ดักคอพวกสีเทาค้านคาสิโนถูกกฎหมาย กลัวกระทบผลประโยชน์ ฝากถึง "สิระ" สาปแช่งคนเห็นต่างไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ ย้อนเกล็ดเป็น ส.ส.มาปีกว่า แต่กลับมีบ่อนผุดในเขตหลักสี่ เพิ่งจับได้หลังโควิดระบาดระลอกสอง

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณี ส.ส.บางคน ออกมาคัดค้านข้อเสนอของพรรคกล้าให้มีการพนันถูกกฎหมายว่า ต้องรับฟังความเห็นรอบด้าน ฝ่ายที่แสดงความเห็นต่างโดยสุจริตนั้นน่ารับฟัง แต่ก็จะมีพวกที่ค้านเพราะมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ เช่น นักการเมือง คนในเครื่องแบบ ที่มีผลประโยชน์อยู่กับบ่อนเถื่อนในเมืองใหญ่ หรือมีหุ้นกับคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ออกมาคัดค้านด้วยการสาปแช่งและท้าให้ข้ามศพไปก่อน รองโฆษกพรรคกล้า มองว่า เป็นการใช้วาทกรรมการเมืองที่รุนแรง ไม่สร้างสรรค์ ผลักคนเห็นต่าง ไม่ได้นำสังคมไปสู่การหาข้อสรุปร่วมกัน จึงรู้สึกเห็นใจพรรคพลังประชารัฐที่มีลูกพรรคแบบนี้ และขอให้ยอมรับความจริงว่า บ่อนเถื่อนคือปัญหาผลประโยชน์คนมีสี เกิดการมั่วสุมแพร่โรคระบาด หากนายสิระเกลียดบ่อนจริง ทำไมเป็น ส.ส.มาปีกว่า แต่บ่อนแจ้งวัฒนะ 14 เขตหลักสี่ เพิ่งโดนจับหลังโควิดระบาดระลอกสอง เมื่อเดือนที่แล้ว

นายแสนยากรณ์ กล่าวย้ำว่า พรรคกล้ามีเจตนาให้การพนันเป็นพิษภัยกับสังคมให้น้อยที่สุด ด้วยการนำเข้ามาอยู่ในการควบคุมของรัฐ ซึ่งนอกจากการจัดการปัญหามั่วสุมแพร่ระบาดโรคติดต่อได้แล้ว ยังป้องกันเงินไหลออกนอกประเทศ เนื่องจากพบว่านักพนันส่วนใหญ่ในบ่อนประเทศเพื่อนบ้านกว่าร้อยละ 90 เป็นคนไทย เงินไหลออกนอกประเทศปีละไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ จึงเชื่อว่าหากอยู่ในการควบคุมของรัฐ จะก่อให้เกิดทั้งการสร้างรายได้ ตัดตอนผู้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เปลี่ยนส่วยเป็นภาษีพัฒนาประเทศ

พรรคกล้า เสนอ รมว.ศึกษาฯ – รมว.อุดมศึกษา เลื่อนสอบทีแคส 64 , สอบ Gat/Pat , 9 วิชาสามัญ , O-Net ออกไป 1 เดือน แก้ปัญหาไม่ให้ทับซ้อนสอบปลายภาคเดือน มี.ค. ลดความเครียดเด็กม.6 รับผลกระทบการเรียนช่วงโควิด-19

นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร กรรมการบริหารพรรคกล้า กลุ่มการศึกษา กล่าวแสดงความเป็นห่วงนักเรียนชั้น ม.6 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 รอบแรก ทำให้การสอบปลายภาคจากเดิมสอบช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ต้องเลื่อนไปสอบปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาทับซ้อนกับการสอบ Gat/Pat , 9 วิชาสามัญ , O-Net ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือ สทศ. ที่เด็กนักเรียนต้องสอบ และยื่นเข้าสู่ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย หรือ TCAS64

ขณะเดียวกันการระบาดโควิด-19 รอบสอง ทำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องเรียนออนไลน์ตลอดเดือนมกราคม ซึ่งเป็นเรื่องผิดธรรมชาติการเรียนปกติ ทำให้ไม่สามารถเก็บได้ทุกวิชา รวมถึงยังไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้วิธีการสอบกลางภาคและปลายภาคอย่างไร

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า จึงเรียกร้องไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขอให้หารือกันและตัดสินใจเลื่อน TCAS64 ออกไปก่อน และเลื่อนการสอบ Gat/Pat , 9 วิชาสามัญ , O-Net ตามออกไป ซึ่งจะเสียเวลาประมาณ 1 เดือน โดยเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการเปิดเทอมปีการศึกษาหน้า เพื่อจะได้ไม่ทับซ้อนกับการสอบปลายภาค ทำให้เด็ก ม.6 มีเวลาคิด มีช่วงเวลาให้หายใจมากขึ้น ลดความเครียดของเด็ก ลดความไม่สบายใจของผู้ปกครอง

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (18 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 369 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 12,423 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 70 ราย รักษาหายเพิ่ม 191 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 9,206 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3,147 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 369 ราย เป็น ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากโอมาน 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 1 ราย ,ฝรั่งเศส 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 2 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,มาเลเซีย 5 ราย ,บาห์เรน 1 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 82 ราย

ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 275 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 174 ราย รักษาหายแล้ว 168 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 439 ราย รักษาหายแล้ว 386 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 9.08 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.36 แสน เสียชีวิต 25,987 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.58 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.2 แสน ราย เสียชีวิต 601 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.34 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.18 แสน ราย เสียชีวิต 2,955 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 5.01 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.66 แสน ราย เสียชีวิต 9,895 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,113 ราย รักษาหายแล้ว 58,846 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,537 ราย รักษาหายแล้ว 1,380 ราย เสียชีวิต 35 ราย

รมว.ดีอีเอส ยันไม่มีความขัดแย้งกับทีมอาสาพัฒนาแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ชี้ไม่ใช่การถอนตัว แต่ส่งมอบให้รัฐดูแลทั้งระบบ เพื่อต่อยอดทำให้ดีกว่าเดิม พร้อมย้ำให้กรมควบคุมโรคหน่วยงานเดียวเป็นคนอัพเดทสีพื้นที่

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วย นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล(สพร.) ดร.นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล และนายสมโภช อาหุนัย ทีมผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ร่วมแถลงข่าว ประเด็นที่สังคมมีคำถาม เรื่องแอปพลิเคชัน “หมอชนะ”

รมว.ดีอีเอส ยืนยันว่า ได้ทำงานพัฒนาแอปพลิเคชัน หมอชนะ ร่วมกันกับทีมอาสากว่า 100 ชีวิต ตลอดเวลาเกือบ 1 ปี และทุกวันนี้ยังหารือการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ก็ยังทำงานมาด้วยดีมาโดยตลอด ซึ่งการส่งมอบการดูแลระบบแอปพลิเคชันนั้น เนื่องด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชัน หมอชนะ ได้ส่งมาทาง สพร. ที่เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการใช้งาน 30-40 ล้านคน และยังพัฒนาต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานที่มากขึ้น ใช้กับประชาชนทั้งประเทศได้

เมื่อถึงวันนี้รัฐบาลรับช่วงต่อมา เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเก็บข้อมูลต้องใช้บุคลากรจำนวนมากและต้องทำให้เกิดคุณภาพ ทางทีมพัฒนาและสพร. ที่ส่งมอบมาให้ทำต่อนั้น เนื่องจากขนาดการใช้งานใหญ่ขึ้นให้ประชาชนทั้งประเทศได้ใช้ และต้องทำในระยะยาว จึงต้องโอนถ่ายมาให้รัฐบาลรับผิดชอบทำให้เป็นระบบ รัดกุมทางกฎหมาย และบริหารทั้งงบประมาณและบุคลากรทั้งหมดให้สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพ

นายพุทธิพงษ์ ให้ความเชื่อมั่นการใช้งานแอปพลิเคชัน หมอชนะ ว่า การทำงานของแอปพลิเคชัน ฟังก์ชัน สีสถานะเพื่อการติดตามสอบสวนโรคซึ่งหลังจากนี้ต้องตั้งเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นในการทำงานให้สามารถรองรับการใช้งานที่ขยายในการใช้มากขึ้น ยังคงรณรงค์ให้ประชาชนใช้งานแอปมากขึ้น เพราะเป็นประโยชน์มาก เมื่อใช้แอป และเมื่อมีคนติดเชื้อ การสอบสวนโรคจะรวดเร็วมากและควบคุมสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น

ด้าน ดร.อนุชิต และนายสมโภชน์ กล่าวขอบคุณประชาชนที่แสดงความห่วงใยทีมงานผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน หมอชนะ และขอบคุณที่ประชาชนให้ความร่วมมือในการโหลดและใช้งานแอปพลิเคชัน ในการต่อสู้ในสงครามโควิด ซึ่งทีมอาสาสมัครหมอชนะ ได้พัฒนาแอปพลิเคชันมาระยะหนึ่ง และจำเป็นต้องส่งต่อให้ รัฐบาลในการใช้งานและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยทีมอาสาสมัครผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน หมอชนะ ขอบคุณทั้งรมว.ดิจิทัลฯ ปลัดกระทรวงดิจิทัล และสพร. รวมถึงกรมควบคุมโรค ทำงานกันมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ ปี 63 จนเมื่อถึงระดับการใช้งานที่ขยายมากขึ้นจึงส่งต่อให้ทางรัฐบาลดูแลและใช้งานอย่างเป็นทางการ และสิ่งสำคัญคือต้องมีกระบวนการการสื่อสารที่ชัดเจนและมาในทิศทางเดียวกัน ไม่ทำให้เกิดความสับสน พร้อมกันนี้ ขอให้คนไทยร่วมมือกันใช้แอปพลิเคชันหมอชนะนี้ ในการช่วยต่อสู้กับโควิดอย่างจริงจัง ให้เราชนะให้ได้

ขณะเดียวกัน รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยัน ได้ทำงานร่วมกันกับคณะทำงานผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน กับทางสพร. มาตั้งแต่ต้น ซึ่งเรื่องการเปลี่ยนสีสถานะของแต่ละบุคคล ต้องผ่านคนกลางที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมควบคุมโรคแต่ละพื้นที่ ส่งข้อมูลไปยังกระทรวงดิจิทัลฯ หากมีการเปลี่ยนสี และส่งต่อไปให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน อัพเดทข้อมูลสถานะสีให้ และจะเปลี่ยนสี ก็ต่อเมื่อโรงพยาบาลได้ยืนยันการติดเชื้อแล้วเท่านั้น ขอให้ประชาชนได้โหลดและลงทะเบียนใช้งานกันให้มากที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์และช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ล่าสุด มีผู้โหลดใช้งานแล้วกว่า 7 ล้านครั้ง ซึ่งมีแนวโน้มคนใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ

รมว.ดีอีเอส ระบุว่า ระบบการแจ้งเตือนสถานะสีของแอปพลิเคชัน ไม่มีปัญหา ไม่มีการล็อคสีไว้ให้เป็นสีเขียวอย่างเดียว ซึ่งทางกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลและยืนยันสีสถานะข้อมูลของผู้ใช้งานหน่วยงานเดียวเท่านั้น ยืนยันว่าระบบไม่มีปัญหา แต่อาจจะต้องใช้เวลาให้เจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคได้ตรวจสอบอย่างถูกต้องชัดเจน และการส่งมอบแอปพลิเคชัน หมอชนะ จะไม่ทำให้เกิดปัญหา แต่เนื่องจากการใช้งานมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เปิดให้ประชาชนใช้งานทั่วประเทศจำนวนผู้ใช้จึงมากขึ้น รวมทั้ง รัฐบาลควรมีงบประมาณในการดูแลทีมผู้พัฒนาแอปพลิเคชันในการทำงาน ในการเพิ่มบุคลากรในการรองรับให้มากขึ้น ซึ่งทีมผู้พัฒนาแอปพลิเคชันเอง ก็ยังคงคอยเป็นที่ปรึกษาและช่วยการทำงานของรัฐบาลต่อไป ทุกอย่างจะยังทำงานเหมือนเดิม และระบบจะดีขึ้นกว่าเดิม

ศาลอาญา สั่งจำคุก 87 ปี ‘อัญชัญ ปรีเลิศ’ อดีตข้าราชการซี 8 กรมสรรพากร ใช้ยูทูปและเฟซบุ๊ก แพร่ข้อมูลหมิ่นเบื้องสูง ผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่ลดโทษเหลือ 29 ปี 174 เดือน

ศาลอาญา สั่งจำคุก 87 ปี ‘อัญชัญ ปรีเลิศ’ อดีตข้าราชการซี 8 กรมสรรพากร ใช้ยูทูปและเฟซบุ๊ก แพร่ข้อมูลหมิ่นเบื้องสูง ผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่ลดโทษเหลือ 29 ปี 174 เดือน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (19 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.3065/2562 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นางอัญชัญ ปรีเลิศ อดีตข้าราชการกรมสรรพากร ซี 8 เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14

โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2558 โดยอัยการศาลทหารกรุงเทพอาศัยอำนาจตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 เรื่องความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหารลงวันที่ 25 พ.ค. 2557 ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 38/2557 เรื่องคดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร ได้ยื่นฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ใช้งานเว็บไซต์ www.youtube.com ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงได้

โดยการใช้นามแฝง anchana siri, มารี รูท, un un และเป็นผู้ใช้งานเว็บไซต์ Facebook.com ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยใช้นามแฝงว่า Petch Prakery กระทำความผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันในระหว่างประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยได้ พร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้กระทำผิดหลายรายการยึดเป็นของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกระทำความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ระหว่างที่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติทั้งสองฉบับใช้บังคับต่อศาลทหารกรุงเทพเป็นคดีดำที่ 194/2559 เหตุเกิดที่แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน, แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน จำเลยให้การรับสารภาพ

ภายหลังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีคำสั่งที่ 9/2562 ลงวันที่ 9 ก.ค. 2562 ให้คดีซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทหารกรุงเทพ 65 สำนวน รวมถึงสำนวนคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม จึงมีหนังสือโอนคดีนี้มายังศาลยุติธรรมและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลทหารกรุงเทพ

ในวันนี้ นางอัญชัญ อดีตข้าราชการกรมสรรพากร จำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมทนายความและบุคคลใกล้ชิดหลายคน

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) (3) (5) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม ฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาท พระมหากษัตริย์พระราชินีหรือรัชทายาท กับฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นเท็จและเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 29 กระทง เป็นจำคุก 87 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 29 กระทง เป็นจำคุก 29 ปี 174 เดือน


ที่มา : mgronline

กรณ์ สอนเชิง ธนาธร ไม่ใช่ช่วงเวลามาเล่นเกมการเมือง แนะคนไทยควรช่วยกันหาทางออก ชี้โชคดีแค่ไหนที่ในหลวงทรงห่วงใยคนไทยวางรากฐานเทคโนโลยีไว้ เพื่อคนไทยในวันนี้

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความลงเฟสบุ๊ก กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า วิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิด-19 และพาดพิงถึงบริษัทสยามไบโอไซน์ว่า "ในภาวะวิกฤตของชาติ การช่วยกันหาทางออกที่สร้างสรรค์คือหน้าที่ของนักการเมืองทุกคน

การวิจารณ์กระบวนการบริหารจัดการเรื่อง 'วัคซีน' ต้องสร้างสรรค์ สิ่งที่คุณธนาธรพูดเมื่อคืนนี้มีแต่ทำลายน้ำใจคนอื่น หน้าที่ของนักการเมืองที่ดีต้องชี้ทางออกให้สังคม ไม่ใช่มุ่งโจมตีคนทำงาน

การ 'ลงมือทำ' ของบริษัท และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ผมว่าเป็นเรื่องน่าชื่นชม และคุณธนาธรอย่าดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องเลยครับ

น่าภูมิใจที่บริษัท SCG ประสานกับ Oxford ผู้วิจัยและพัฒนาวัคซีนแอสตราเซเนก้า ทำให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับสิทธิ์ในผลิตวัคซีนโควิดให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนไทยโชคดีที่มีในหลวง ร.9 วางรากฐานให้บริษัทเหล่านี้ไว้ และมีในหลวง ร.10 มาพัฒนาสานต่ออย่างเข้มแข็ง ทำให้ต่างชาติเชื่อถือ ลำพังเทคโนโลยีของรัฐบาลคงไม่มีสิทธิ์ได้ผลิตวัคซีนแบบนี้ได้

คณะแพทย์ จุฬาฯ, แพทย์ ศิริราช, คณะเภสัชฯ จุฬาฯ, บริษัทใบยา, คณะวิทยาศาสตร์ มหิดล ,สวทช. ,ศูนย์วัคซีน มหิดล และ บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย ต่างก็มีศูนย์ทดลองของตนเอง เร่งพัฒนาประดิษฐ์วัคซีน เพื่อถ่ายทอดส่งไปให้บริษัทผลิตยา

วันนี้ต้องช่วยกันคิด ว่าเราจะจัดหาวัคซีนมาให้พอกับความต้องการคนไทยโดยเร็วได้อย่างไร ต้องช่วยกันเร่งรัดระบบราชการให้จัดคิวฉีดวัคซีนให้คนไทยทุกคนอย่างทั่วถึง โปร่งใส และเป็นธรรม

เราตัองเร่งรัดให้รัฐบาลดูแลประชาชน และผู้ประกอบการที่วันนี้เดือดร้อนแสนสาหัสให้อยู่รอดจนกว่าจะถึงวันที่คนไทยทุกคนจะได้รับการคุ้มครองจากวัคซีน

และเราต้องช่วยกันคิดว่า หลังได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว ประเทศไทยต้องปรับตัวอย่างไร อะไรต้องแก้ไข และอะไรคือโอกาสของประเทศไทย และคนไทย

เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นเกมการเมืองสร้างความแตกแยกไปวันๆ ครับ มาช่วยกันหาทางออกดีกว่า

กสทช. จับมือกับ อย. กวาดล้างโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมถั่งเช่า ซึ่งใช้บุคคลในแวดวงบันเทิงเป็นพรีเซนเตอร์ จัดฉากลวงโลกว่าผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าดังกล่าวสามารถรักษาได้หลายโรค โดยกสทช. ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า กสทช. ได้จับมือกับคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อร่วมกันกวาดล้างการโฆษณาให้สิ้นซาก โดยเฉพาะการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมถั่งเช่าซึ่งใช้บุคคลในแวดวงบันเทิงเป็นพรีเซนเตอร์

จัดฉากลวงโลกว่าผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าดังกล่าวสามารถรักษาได้หลายโรค เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตและโรคเรื้อรังต่างๆ มีนักแสดง แสดงเป็นผู้ป่วยอาการหนักแต่เมื่อรับประทานผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว กลับมาหายป่วยได้อย่างมหัศจรรย์ ทาง กสทช.ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้

เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าที่ อย.อนุญาตมี 2 กลุ่ม คือ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรือ ยาแผนโบราณ และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีถั่งเช่าเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นการโฆษณาว่า ผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าสามารถรักษาได้สารพัดโรค จึงเป็นการโฆษณาที่โอ้อวดเกินจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท โดยในปี 2563 อย.ได้ดำเนินคดีโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารทางสื่อต่างๆไปแล้ว 1,388 คดี ดังนั้น อย.จึงขอเตือนไปยังผู้ป่วย ผู้สูงอายุ อย่าหลงเชื่อโฆษณาเหล่านี้เด็ดขาด

ทั้งนี้นอกจากการโฆษณาถั่งเช่าแล้ว ยังพบว่า มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับดวงตาที่อ้างว่ารักษาโรคตาได้หลายชนิดทั้งโรคต้อ กระจกตาเสื่อม สายตาสั้น-ยาว ตาแห้ง เคืองตา แสบตา เพียงแค่รับประทานอาหารเสริมเหล่านี้

ทาง กสทช.ได้สอบถามไปยังราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แล้ว ชี้ชัดว่า ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไม่สามารถรักษาโรคตาได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top