Thursday, 10 July 2025
NewsFeed

'เอเชียทีค' เนรมิต 'จูราสสิค เวิลด์' เล็งเปิดตัวไตรมาส 2 ปีหน้า หวังดึงนทท.เพิ่ม 20%

(18 ธ.ค.67) นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในวงการการท่องเที่ยวและความบันเทิง ด้วยการประกาศความร่วมมือกับ NEON ผู้นำด้านประสบการณ์อิมเมอร์ซีฟและเครื่องเล่นระดับโลก รวมถึง Universal Live Events & Location Based Entertainment เพื่อยกระดับมาตรฐานจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์และสนับสนุนกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและความบันเทิงระดับโลก

ในความร่วมมือนี้จะมีการนำประสบการณ์ ‘Jurassic World: The Experience’ มาจัดแสดงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นการผจญภัยที่นำพาผู้เข้าชมย้อนเวลากลับไปสัมผัสประสบการณ์แห่งยุคไดโนเสาร์ในรูปแบบใหม่ เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยมีกำหนดเปิดตัวที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 บนพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร โดยได้รับแรงบันดาลใจจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ชื่อดัง ‘Jurassic World’ ของ Universal Pictures และ Amblin Entertainment ซึ่งเป็นที่นิยมทั่วโลก

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก และศูนย์กลางการจัดงานอีเว้นต์ ด้วยการมอบประสบการณ์ระดับโลกที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการบริการ รวมถึงสร้างงานและส่งเสริมการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

“เรานำพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตรที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น มาพัฒนาเป็น Jurassic World: The Experience ซึ่งเป็นการจัดแสดงนอกสวนสนุกครั้งแรกและใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะแบ่งการลงทุนออกเป็น 3 เฟส เฟสแรกครอบคลุมพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุน 1,400 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มทราฟฟิกนักท่องเที่ยวขึ้นอีก 10-20% จากปัจจุบันที่กลับมาแล้ว 80% มีนักท่องเที่ยวประมาณ 35,000 คนต่อวัน โดยจีนยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักแม้จะยังไม่กลับมาเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาโรงแรมธีมพาร์คในพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าทั้ง 3 เฟสจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 5 ปี” นางวัลลภากล่าว

พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรมเสริมทักษะและศักยภาพการปฏิบัติงานการพัฒนา พื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดน 

(18 ธ.ค.67) เวลา 08.45 นาฬิกา ที่ ห้องประชุมปางอุบลโรงแรมวังจันทน์ ริเวอร์วิว อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานเปิดกิจกรรมเสริมทักษะและศักยภาพการปฏิบัติงานการพัฒนาพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดนระดับจังหวัดและบูรณาการงาน ร่วมกับจังหวัดพื้นที่ตอนใน ประจำปีงบประมาณ 2568  

เพื่อให้กำลังพลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ พ.ศ. 2566 – 2570 ของ สมช. ซึ่งจะเป็นข้อมูลในการเตรียมการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถบูรณาการขับเคลื่อนงานในพื้นที่เป้าหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ 1.พื้นที่เป้าหมายที่จังหวัดประกาศ 2. พื้นที่โครงการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงเฉพาะพื้นที่ 3. พื้นที่เป้าหมายหมู่บ้านตำบลชายแดนของกองกำลังป้องกันชายแดน ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 3 เพื่อให้กำลังพลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจ และมีความรู้ในกระบวนการจัดทำแผนงาน/โครงการด้านความมั่นคงหรือแผนงานเสริมความมั่นคง เพื่อบรรจุในแผนพัฒนาจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรม

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หารือแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั้งจราจร ยาเสพติด การประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย 

เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.67) เวลา 15.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประชุมหารือแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาหลักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม จตร.รรท.ผบช.น. , นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร , พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร , รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องนพรัตน์ ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

การประชุมหารือแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานครและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการหารือประเด็นในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. การแก้ไขปัญหาด้านการจราจร โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการชั่งน้ำหนักรถบรรทุก แล้วให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งดำเนินการไปแล้วกว่า 300 คดี , การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการควบคุมสัญญาณไฟจราจร บังคับใช้กฎหมาย และวินัยจราจร ส่วนการจอดรถริมถนนสาธารณะ รอรับผู้โดยสาร หรือกลุ่มรถสาธารณะที่ตั้งตัวเป็นกลุ่ม สร้างพื้นที่อณาเขตต่าง ๆ ใช้กำลังทำร้ายร่างกาย หรือกลุ่มรถจักรยานยนต์ส่งสิ่งของหรืออาหารที่ขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมาย จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด

2. การแก้ไขปัญหายาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า การขายสิ่งของผิดกฎหมาย Sex toy โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณโรงเรียนและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะต้องสืบสวนปราบปรามไปยังผู้จำหน่าย ต้นตอการนำเข้า หรือการจำหน่ายที่ผิดกฎหมาย เพื่อสร้างอนาคตของเด็กและเยาวชนต่อไป

3. การแก้ไขปัญหาคนขอทาน การค้าประเวณี การค้าสินค้าผิดกฎหมาย คนเร่ร่อน หรือคนไร้บ้าน โดยนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกรุงเทพมหานคร เข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยจะมีการดำเนินการตามกฎหมาย หรือนำเข้าไปพักยังสถานที่พัก (Shelter) ส่วนคนขอทานทั้งคนไทยหรือคนต่างด้าวจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

4. การหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว การประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย จะต้องร่วมกันตรวจสอบ บังคับใช้กฎหมาย ปราบปรามทุกมิติ ในสถานที่ต่าง ๆ  เช่น พื้นที่โดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ , ถนนสุขุมวิท , ถนนข้าวสาร เป็นต้น

5. ปัญหากลุ่มจีนเทาในพื้นที่ห้วยขวางและเขตอื่น ๆ จะต้องดำเนินการตรวจสอบ ปราบปรามทุกด้าน ตั้งแต่การเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร วัตถุประสงค์การเข้ามา การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว สินค้าหรือธุรกิจที่ดำเนินกิจการ โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะร่วมกับกรุงเทพมหานคร ตรวจสอบและดำเนินการในทุกด้าน

6. การใช้ที่ดินเขตพญาไทหรือพื้นที่เขตอื่น ๆ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้หารือการใช้พื้นที่ร่วมกัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้ใช้ร่วมกันสมัยที่เป็นตำรวจดับเพลิงแล้วโอนภารกิจไปให้กรุงเทพมหานคร และมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ.2546 กำหนดแนวทางการดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวไว้ส่วนหนึ่งแล้ว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวร่วมกันว่า ทั้งหมดนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกรุงเทพมหานคร แต่งตั้งคณะทำงานย่อยเชิงปฏิบัติการแต่ละด้าน เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมปฏิบัติการโดยเร็ว จะนำร่องปฏิบัติในพื้นที่โดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ศาลหลักเมือง ถนนสุขุมวิท ถนนเยาวราช และพื้นที่ห้วยขวาง โดยจะกำหนดการปฏิบัติและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเห็นผลโดยเร็ว เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง เมืองแห่งการท่องเที่ยว เมืองที่น่าอยู่ มีความสะดวกและปลอดภัย

สหรัฐฯส่งเรือรบ 'ยูเอสเอส ซาวันนาห์' เทียบท่าสีหนุวิลล์ ส่งสัญญาณฟื้นสัมพันธ์เขมร ก่อนทรัมป์ขึ้นตำแหน่งปธน.

เมื่อวันที่ (16 ธ.ค.67) ที่ผ่านมา เรือรบ ยูเอสเอส ซาวานนาห์ (USS Savannah) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้จอดเทียบท่าที่ท่าเรือเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองรีสอร์ตริมทะเลอ่าวไทยและท่าสำคัญที่สุดของกัมพูชา การเข้าจอดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี และจะประจำการที่ท่าเรือแห่งนี้เป็นเวลา 5 วัน โดยเรือซาวานนาห์เป็นเรือรบประเภทชายฝั่ง และบรรทุกลูกเรือทั้งหมด 103 คน

แดเนียล เอ. สเลดส์ ผู้บัญชาการเรือ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เขารู้สึกยินดีที่กองทัพเรือสหรัฐฯ กลับมาเยือนกัมพูชาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานถึง 8 ปี

การเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่สหรัฐฯ พร้อมจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับกัมพูชา หลังจากที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีความตึงเครียดในช่วงที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ วิจารณ์รัฐบาลกัมพูชาในเรื่องการปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองและการละเมิดสิทธิมนุษยชน

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกัมพูชาและจีน ซึ่งอาจนำไปสู่การที่จีนได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงฐานทัพเรือในอ่าวไทย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เรือซาวานนาห์จอดเทียบท่ามากนัก

ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนกัมพูชาและได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา โดยนายฮุน มาเนตเองก็เป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยการทหารเวสต์พอยต์ของสหรัฐฯ ด้วย นับเป็นการส่งสัญญาณของกองทัพสหรัฐในช่วงก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลสู่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ฝ่ายค้านมาเลเซียวิจารณ์ 'อันวาร์' ตั้ง 'ทักษิณ' นั่งที่ปรึกษาประธานอาเซียนปีหน้า ถามเหมาะสมแล้วหรือ?

(18 ธ.ค.67) เกิดความขัดแย้งในการเมืองมาเลเซียหลังจากนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมประกาศแต่งตั้ง 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีมาเลย์ในปีหน้าซึ่งเป็นช่วงที่มาเลเซียจะเป็นประธานอาเซียน โดยเรื่องดังกล่าวบรรดาพรรคฝ่ายค้านและนักการเมืองหลายคนตั้งคำถามว่า การแต่งตั้งครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่ออาเซียนจริงหรือ และทำไมไม่เลือกนักการทูตหรือนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างประเทศแทน

นายอันวาร์เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมว่า การแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษานั้นเป็นข้อเสนอจากมาเลเซีย และได้รับการตอบรับจากฝ่ายไทย โดยเขามั่นใจว่าประสบการณ์ของทักษิณจะช่วยให้มาเลเซียได้มุมมองที่มีค่าท่ามกลางวิกฤตในภูมิภาค

แม้บางฝ่ายจะมองว่าแต่งตั้งทักษิณเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในพม่าและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่ก็มีหลายเสียงที่ตั้งคำถามถึงการเลือกนักการเมืองต่างชาติที่มีประเด็นถกเถียงหลายเรื่อง เช่น ทักษิณที่ถูกลงโทษในคดีคอร์รัปชันและใช้อำนาจโดยมิชอบในไทย

อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดแสดงความสงสัยเช่นกันว่าเหตุใดถึงเลือกทักษิณ ทั้งที่มีตัวเลือกอื่นๆ ที่ไม่มีปัญหาทางกฎหมาย และเน้นว่าการเลือกบุคคลที่มีข้อถกเถียงอาจจะเป็นความเสี่ยงสำหรับอันวาร์

ทักษิณซึ่งกลับไทยในปี 2023 และถูกตัดสินจำคุก 8 ปีในข้อหาคอร์รัปชัน ก่อนจะได้รับการลดโทษและทัณฑ์บน ได้รับการยอมรับในบางวงการ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และจีน ซึ่งทำให้เขายังคงมีอิทธิพลทั้งในและต่างประเทศ ทักษิณเคยเสนอเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ในพม่า และยังคงเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการเมืองไทย แม้ว่าจะหลบหนีออกจากประเทศไปหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งผู้นำต่างชาติในตำแหน่งที่ปรึกษาอาเซียนนี้ยังเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพหรือไม่ในระยะยาว

บช.ปส.เปิด ปฏิบัติการ 'สยบไพรีปราบสมุทร ep.3' จับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดทางเรือ พื้นที่ จว.สงขลา ยึดเรือทัก SUMBER OCEAN

ตามนโยบายของ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แถลงต่อรัฐสภา ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับแก้ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน โดยแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร เริ่มตั้งแต่การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด การปราบปรามและการยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด นั้น 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช.รรท.รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา  พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.  และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล บช.ปส. 

โดย พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จตร.รรท.ผบช.ปส. ได้สั่งการให้ กองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด(บก.ขส.) เปิดปฏิบัติการ 'สยบไพรีปราบสมุทร ep.3' ปิดล้อมตรวจค้น ยึด/อายัดทรัพย์สินกลุ่มเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดทางน้ำข้ามชาติ รายสำคัญในพื้นที่ จว.สงขลา

สืบเนื่องเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส. กับ บก.ปส.3 จับกุม นายเอกวิชญ์ฯ กับพวก พร้อมของกลาง ไอซ์ 1 ตัน คีตามีน 1.2 ตัน ขณะกำลังขนยาเสพติดของกลาง ลงจากรถกระบะ ไปขึ้นเรือ ที่ท่าเทียบเรือ อ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา จึงได้สืบสวนขยายผล ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการ 4 ราย ในข้อหากระทำความผิดฐาน"ร่วมกันผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และประเภท 2 ฯ ,สมคบโดยการ ตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด" ประกอบด้วย  
1.นายชานนธ์ ฯ หมายจับ ที่ 471/2566  
2.นายนิรันดร์ ฯ หมายจับ ที่ 56/2567
3.นายชาญชัย ฯ หมายจับ ที่ 470/2566 (หลบหนีออกนอกประเทศ ออกหมายแดง) 
4.นายนพดล ฯ  หมายจับ ที่ 192/2567 (หลบหนีออกนอกประเทศ ออกหมายแดง)

สยบไพรีปราบสมุทร ep.1 วันที่ 9 – 20 ธ.ค.66  บก.ขส. ร่วมกับ บก.ปส.3 และ สำนักงาน ป.ป.ส. เปิดปฏิบัติการกดดัน ตัดท่อน้ำเลี้ยง ยึดอายัดทรัพย์สินของนายชาญชัยฯ กับพวก ประกอบด้วย  บ้านพร้อมที่ดิน, ร้านอาหารตำทะลวง, บริษัทประกอบธุรกิจการเดินเรือ, เงินสด, ทองรูปพรรณ,พระเครื่อง, และรถยนต์ จำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 140 ล้านบาท สยบไพรีปราบสมุทร ep.2  วันที่ 10 ส.ค.67 บก.ขส. ร่วมกับ บก.ปส.3 สืบสวนขยายผล อย่างต่อเนื่อง ทราบว่า กลุ่มนี้จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยเรือสปีดโบ๊ท บริเวณท่าเรือ ในเกาะนกใหญ่รีสอร์ท ต.ตะกาดง้าว อ.ท่าใหม่ จว.จันทบุรี จึงได้วางแผนจับกุม นายอนันต์ฯ และพวกรวม 10 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 1.5 ตัน  ทำการยึดอายัดทรัพย์สิน เป็น บ้านพร้อมที่ดิน และรถยนต์ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และติดตามจับกุม เครือข่ายได้ในพื้นที่ภาคกลาง และภาคอีสาน เพิ่มเติมอีก 2 ราย คือ นายเด่นฯ ในพื้นที่ กทม. และ นายวัชรพงษ์ฯ ในพื้นที่ จว.อุบลราชธานี ออกหมายจับกลุ่มเครือข่ายเพิ่มเติมอีก 8 ราย 

จากการสอบสวน นายอนันต์ฯ ให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณเดือน ม.ค.67 นายนพดลฯ ได้สั่งการให้ตนไปซื้อเรือทัก (Tug Boat) หรือ เรือลากจูง ที่ใช้ลากจูงเรือใหญ่ ในการเข้า/ออกท่าเรือ จากเมืองบาตั้ม ประเทศอินโดนิเซีย ชื่อว่า SUMBER OCEAN  โดยให้นายสมคิดฯ ทำหน้าที่กัปตันเรือ เพื่อใช้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดออกนอกประเทศ บก.ขส. สืบทราบว่าวันที่ 17 ธ.ค.67 เรือ SUMBER OCEAN ที่มี นายสมคิดฯ กัปตันเรือ จะนำเข้ามาจอดซ่อมที่ท่าเรือเทพา อ.เทพาจว.สงขลา จึงได้รายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ 

วันนี้ (18 ธ.ค.67) พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จตร.รรท.ผบช.ปส. สั่งการให้ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.ปส.  พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. ลงไปบัญชาการการปฏิบัติในพื้นที่ บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ประกอบด้วย  บก.ขส.(ศขส.สข.) บก.ปส.4 ตำรวจน้ำ สงขลา, ปปส. ภ.9, กรมเจ้าท่าสงขลา, สภ.เทพา จว.สงขลา เปิดปฏิบัติการ  สยบไพรีปราบสมุทร ep.3 จับกุม นายสมคิดฯ กัปตันเรือ SUMBER OCEAN ตามหมายจับที่ 674/2567 ในข้อหา สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำ ผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดโดยมีลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ได้ที่บ้านพักใน จว.ตรัง และเข้าตรวจยึดอายัดเรือทัก (Tug Boat) หรือ เรือลากจูง SUMBER OCEAN บ้านพร้อมที่ดิน รถยนต์ และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

อนึ่ง เครือข่ายลำเลียงยาเสพติดทางเรือ ข้ามชาติขนาดใหญ่ นี้ สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการ แล้ว 19 ราย ยึดอายัดทรัพย์สินกว่า 170 ล้านบาท มีนายนพดลฯเป็นผู้สั่งการ ลำเลียงยาเสพติดเส้นทางจากทะเลอันดามัน และ อ่าวไทย ปลายทางจะเป็นน่านน้ำสากลของเกาะใต้หวัน และประเทศฟิลิปปินส์  บช.ปส.จะได้ทำการสืบสวนขยายผล จับกุม ขุดรากถอนโคน และ ยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายนี้ อย่างต่อเนื่อง และ เต็มกำลังความสามารถ ต่อไป

‘ผู้ประกอบการไทย’ ไม่ต้องกังวลขาดแคลนแรงงาน แม้รัสเซียเซ็น MOU ให้เมียนมาส่งแรงงานถึง 5 ล้านคน

มีรายงานไม่นานมานี้ว่า ทางรัสเซียได้ตกลงเซ็นต์ MOU กับเมียนมาในการที่จะส่งแรงงานให้แก่รัสเซียจำนวน 5 ล้านคน

ประเด็นขาดแคลนแรงงานเป็นผลมาจากความยืดเยื้อของสงครามในยูเครนทำให้แรงงานจำนวนหนึ่งต้องออกไปเป็นทหาร 

ทางรัสเซียเผยว่าแรงงานดังกล่าวจะเข้ามารับผิดชอบในส่วนการกสิกรรมและปศุสัตว์ โดยแรงงานทั้งหมดทางรัสเซียจะสอนภาษารัสเซียให้เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสาร

ที่ผ่านมาทางการเมียนมามีการทำ MOU ส่งคนงานไปหลายประเทศทั้งไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่นหรือแม้กระทั่งลาว แต่หลายประเทศทางผู้สมัครจะต้องมีการออกค่าใช้จ่ายก่อนหรือต้องมีผลทดสอบทางภาษาจึงสามารถไปทำงานได้

จากประเด็นนี้หลายฝ่ายคิดว่าอาจจะกระทบต่อแรงงานในไทย แต่สำหรับเอย่ามองว่า หากรัฐบาลไทยที่พยายามออกหนทางฟอกขาวให้แรงงานที่ผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมายก็ไม่ต้องกลัวว่าประเทศเราจะขาดแคลนแรงงานแน่นอน อีกอย่างแรงงานที่สมัครใจไปทำงานรัสเซียเป้าหมายชีวิตเขาก็แตกต่างจากคนที่มาทำงานในไทย ดังนั้นผู้ประกอบการไทยไม่ต้องกังวลอะไร เพราะอย่างไรก็ตามจำนวนคนที่ลักลอบเข้าประเทศไทยก็ไม่ได้ลดลง แต่อย่างใด

‘กรมอนามัย’ เผยมาตรการเฝ้าระวัง ‘โนโรไวรัส’ หลังพบการติดเชื้อใน จ.ระยอง กว่า 1,400 ราย

กรมอนามัย เผยมาตรการเฝ้าระวัง โนโรไวรัส หลังระบาดในสัปดาห์กีฬาสี รร. อ.แกลง จ.ระยอง นักเรียน ครู บุคลากร ติดเชื้อ 1,436 ราย ชี้ต้องตรวจประเมินคุณภาพน้ำดื่ม น้ำใช้ แนะล้างมือด้วยน้ำสะอาด สบู่ ก่อนและหลังทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

เมื่อวันที่ (16 ธ.ค.67) นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงกรณีเกิดการระบาดของโรคอุจจาระร่วงของนักเรียน ครู และบุคลากร 2 โรงเรียน ในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง พบผู้ป่วยรวม 1,436 ราย เป็นนักเรียน 1,418 ราย ครูและบุคลากร 18 ราย อันเกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัสที่ปนเปื้อนมากับ 'น้ำและน้ำแข็ง' ที่บริโภคในช่วงสัปดาห์ของการจัดกิจกรรมกีฬาสี โดยโนโรไวรัส (Norovirus) มักจะแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กที่มีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว พบบ่อยตามโรงเรียน ภัตตาคาร โรงพยาบาล สถานที่เลี้ยงเด็ก รวมไปถึงรถหรือเรือท่องเที่ยว

โนไวรัสเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน สามารถติดต่อได้ง่าย จากการสัมผัสทางอาหาร น้ำดื่ม อากาศ การสัมผัส และการหายใจ เช่น การสัมผัสผู้ป่วยที่ติดเชื้อโนโรไวรัสโดยตรง การสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัส รวมถึงสภาพแวดล้อมไม่ถูกหลักสุขาภิบาล โดยโนโรไวรัสมีระยะฟักตัวสั้น 12-48 ชั่วโมงหลังการรับเชื้อ อาการที่พบส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ปวดมวนท้อง ท้องเสีย มีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามร่างกาย อาการรุนแรงในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ บางรายอาจทำให้มีอาการขาดน้ำ จึงควรดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่

ประชาชนควรมีมาตรการในการป้องกันตนเองจากโรโนไวรัสตามคำแนะนำ ดังนี้
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง
- ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด
- ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ก่อนและหลังทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- หลีกเลี่ยงดื่มน้ำที่ไม่สะอาด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาด

ส่วนหน่วยงานและสถานประกอบกิจการควรมีมาตรการควบคุมป้องกัน ดังนี้
- การเติมคลอรีนในถังพักน้ำดื่มและน้ำใช้
- การตรวจประเมินคุณภาพน้ำใช้ น้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง
- จัดให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ที่เพียงพอ
- การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพและส่งเสริมพฤติกรรมอนามัยส่วนบุคคลที่ดีสำหรับการป้องกันโรค

สตม. ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยากูซ่าญี่ปุ่น

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.ฯ รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท.ปรก.รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้  

สืบเนื่องจาก บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย กรณี มีกลุ่มคนร้ายลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงชาวญี่ปุ่น เป้าหมายเป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยหลอกลวงว่าจะได้รับเงินประกันสุขภาพคืน ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ญี่ปุ่นนี้ จะทำงานตั้งแต่วันจันทร์ - วันเสาร์ โดยมีรูปแบบการหลอกลวงว่า “เป็นการขอคืนเงินค่ารักษาพยาบาล โดยใช้โทรศัพท์หลอกลวงผู้สูงอายุในญี่ปุ่น โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ” ซึ่งคอลเซ็นเตอร์สายแรกจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐ โทรศัพท์ไปอธิบายกับเหยื่อที่ประเทศญี่ปุ่นว่าจะมีการคืนค่ารักษาพยาบาลสะสมจำนวนหลายล้านเยน และจะให้เหยื่อทำการเตรียมเงินไว้ในบัญชี ตั้งแต่จำนวน 500,000 เยน ขึ้นไป จากนั้นจะหลอกให้เหยื่อไปทำรายการโอนเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มไปยังบัญชีของคนร้าย เมื่อเหยื่อโอนเงินให้แล้ว หัวหน้าแก๊งก็จะสั่งการให้ลูกน้องไปถอนเงินออกจากบัญชี โดยพบความเสียหายแล้วกว่าวันละหลายสิบล้านเยน

จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ในพื้นที่ จว.ชลบุรี จำนวน 2 แห่ง จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

จุดที่ 1 บ้านพูลวิลล่าหรู (บ้านระดับหัวหน้าสั่งการ) จากการตรวจค้นพบคนต่างด้าว สัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายทากายูกิ (สงวนนามสกุล) และนายฮาจิเมะ (สงวนนามสกุล) พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์เป็นผู้ควบคุมและสั่งการพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมจำนวน 42 รายการ และพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ได้แก่ ภาพการสนทนากับสมาชิกคอลเซ็นเตอร์, สคริปและข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น 

จุดที่ 2 บ้านพูลวิลล่า (บ้านทำคอลเซ็นเตอร์) จากการตรวจค้นพบคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายเคนจิโระ (สงวนนามสกุล), นายทากาฮิโระ (สงวนนามสกุล) และ นายคัตสึฮิโตะ (สงวนนามสกุล) พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์ในการเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กระดานรายชื่อ ข้อมูลของผู้เสียหาย รวมจำนวน 37 รายการ และพบพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ได้แก่ ภาพสคริป การสนทนากับเหยื่อ ข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น  

จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานดังกล่าว เป็นที่น่าเชื่อว่าคนต่างด้าวทั้ง 5 ราย เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม ผบก.สส.สตม. จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จากนั้นได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวไว้รอการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า หัวหน้าแก๊งเคยเป็นสมาชิกยากูซ่า แก๊งยามากูจิ ในประเทศญี่ปุ่น โดยตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหายรวมเป็นเงิน 24,000,000 เยน/วัน หรือประมาณ 5 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดนำเงินไปฟอกโดยการเปิดธุรกิจมีลักษณะการใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลการกระทำความผิดต่อไป      

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ชาวเน็ตจี้ฟังเสียงผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากว่า 1 ล้านคน เอาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นบนดินแทนการแบน

จากกรณีการเรียกร้องให้คงกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าของเครือข่าย NGO ด้านสุขภาพโดยมีการยื่นรายชื่อ 5 แสนรายให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย (กมธ.) คงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป เนื่องจากคะแนนเสียงส่วนใหญ่ใน กมธ. ต่างเห็นด้วยที่จะนำบุหรี่ไฟฟ้าที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาควบคุมให้ถูกกฎหมาย เช่นเดียวกับ 82 ประเทศทั่วโลก นั้น
นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เจ้าของเพจเฟซบุ๊กและ X (ทวิตเตอร์) “มนุษย์ควัน” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ “#โหวตนี้เพื่อบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ถ้าผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าล่ารายชื่อกันเองได้ก็เป็นล้านเหมือนกัน! ในไทยขนาดแบนอยู่ยังใช้กันเป็นล้านคน เชื่อผม!”

โพสต์ดังกล่าวยังได้เผยแพร่ภาพโพลออนไลน์ที่จัดทำโดยเพจของสื่อออนไลน์ชื่อดังที่มีผู้ติดตามในเฟซบุ๊กกว่า 14 ล้านคนเมื่อปี 2565 สอบถามความคิดเห็นของสังคมว่าถึงเวลาหรือยังที่บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมาย ซึ่งผู้ตอบส่วนใหญ่ (ร้อยละ 64.91) ระบุว่าถึงเวลาแล้วที่บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายเพื่อเป็นทางเลือก และหากบุหรี่ปกติถูกกฎหมายได้ บุหรี่ไฟฟ้าก็ควรถูกกฎหมายด้วย

พร้อมกล่าวปิดท้ายว่า “เรามันประชาชนจนๆ ตาดำๆ ไม่มีเงินจัดงานแบบเค้าหรอก แต่ก็อยากให้รู้ว่าผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอีกเป็นล้านคนที่อยากให้ถูกกฎหมายสักที ฟังเสียงผู้ใช้บ้าง อย่าฟังความข้างเดียว”
นายสาริษฏ์ ยังได้แสดงความเห็นต่อว่าก่อนหน้านี้เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็เคยมีการยื่นรายชื่อผู้สนับสนุนให้ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมายเกือบ 5 หมื่นราย พร้อมผลการวิจัยและแนวทางที่ต่างประเทศควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กมธ. วิสามัญฯ เพื่อขอให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด เช่นเดียวกับ 80 กว่าประเทศทั่วโลกที่ไม่แบนบุหรี่ไฟฟ้า และเชื่อว่า กมธ วิสามัญนั้นมีตัวแทนจากหลายพรรคการเมือง หลายฝ่าย แม้กระทั่ง NGO สายสุภาพ และถือว่าเป็นผู้แทนของประชาชนทั้งประเทศ
 
ชาวเน็ตได้เข้ามากดถูกใจและแชร์โพสต์ดังกล่าวไปเป็นจำนวนมาก พร้อมคอมเม้นต์สนับสนุนว่า
“+1ขอใช้ สิทธิ์เลือก✅ =ถึงเวลาแล้วที่บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายเพื่อเป็นทางเลือก”
“1+ เห็นด้วยกับการที่บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย”
“เห็นด้วยครับขอให้ถูกกฎหมายและเป็นตามหลักสากลครับ”
 
นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเชิญจาก กมธ. ในฐานะประชาชนผู้ใช้ ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่ชัดเจนของกฎหมายและถูกริดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์และแนวทางการควบคุมผลิตภัณฑ์แบบไม่มีควันในต่างประเทศ ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศไทยที่แบนบุหรี่ไฟฟ้าแต่ก็ยังมีผู้ใช้ในประเทศถึงประมาณ 1ล้านคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top