Wednesday, 9 July 2025
NewsFeed

นราธิวาส – อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ร่วมแสดงพลังต่อต้านความรุนแรง

(16 ธ.ค. 67) จากกรณีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจำนวน 4 คน ใช้อาวุธปืนยิงทหารสังกัดชุดช่าง หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ขณะกำลังบรรจุทรายใส่กระสอบบริเวณริมคลองหัวสะพาน บ้านมะนังกาแยง หมู่ที่ 3 ตำบลจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเตรียมไว้ให้กับชาวบ้านในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมระลอกใหม่ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ทำให้อาสาสมัครทหารพราน วุฒิชัย ไทยประดิษฐ์ ถูกยิงบริเวณหัวไหล่และมุมปากขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และอาสาสมัครทหารพราน จักรพงษ์ ฤทธิรุตม์กูล ถูกยิงบริเวณแขนซ้าย บาดเจ็บสาหัส ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก จึงร่วมกันปฏิเสธความรุนแรง โดยการจัดกิจกรรมประชาชนจะแนะ ร่วมอำนวยพร สู่อำเภอสันติสุขอย่างยั่งยืนขึ้น โดยกิจกรรมเป็นการประกอบพิธีละหมาดฮายัต นำโดย นายโยฮัน เบ็ญฮาวัน นายอำเภอจะแนะ เป็นผู้นำละหมาดฯ ,นายอับดุลอาซิ บาโด ประธานชมรมอิหม่านอำเภอจะแนะ /กรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส , นายอับดุลฮาดี เจ๊ะแต รองประธานชมรมอิหม่าม คอเต็บ บีหลั่น อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ร่วมนำบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐและผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น จาก 44 มัสยิด 10 หมู่บ้าน และนักเรียน กว่า 500 คน เพื่อขอพรจากพระเจ้า (อัลลอฮฺ ซ.บ.) เรียกร้องให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ ในวันนี้ (16 ธันวาคม 2567) เวลา 09.00 น. ที่ หอประชุมอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส

ภายในกิจกรรมดังกล่าว นายอำเภอจะแนะ , ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 , ผู้นำศาสนา และกลุ่มสตรี พร้อมมวลชนทุกคนต่างพร้อมใจกันแสดงพลัง เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านความรุนแรง และประกาศเจตนารมณ์รวมพลังต่อต้านการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบโดยพร้อมใจกันชูป้ายข้อความว่า ชาวจะแนะต้องการสันติสุข“ชาวจะแนะไม่ต้องการความรุนแรง,หยุดใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ มวลชนพร้อมใจกล่าว เจตนารมณ์ว่า ”ประชาชนจะแนะ ร่วมอำนวยพร สู่อำเภอสันติสุข ” เป็นการส่งสัญญาณว่าชาวจะแนะไม่มีใครเห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้สันติสุขกลับคืนสู่พื้นที่ให้เร็ววัน 

ด้าน นางสุภาพร หริกจันทร์  ชาวบ้าน อ.จะแนะ จ.นราธิวาส หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่า “วันนี้มาร่วมแสดงเจตนารมณ์ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงที่เกิดขี้น และเพื่อร่วมแรงร่วมใจแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยและต้องการไม่ให้เกิดความรุนแรงในลักษณะแบบนี้อีก ชาวอำเภอจะแนะรักในความสันติสุขและพร้อมจะต่อต้านความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอเป็นกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เสียสละช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่”

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ผู้บัญชาการทหารเรือ รับมอบอาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือ เพื่อเป็นสวัสดิการแก่กำลังพลกองทัพเรือ

(16 ธ.ค. 67) พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีรับมอบอาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือ เพื่อเป็นสวัสดิการแก่กำลังพลกองทัพเรือ โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ พลเรือเอก วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ และประธานกรรมการบ้านพักข้าราชการในกองทัพเรือ พลเรือโท วัชระ พัฒนรัฐ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ คุณคีรี กาญจพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ กำลังพลกองทัพเรือ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม พิธี ณ บริเวณก่อสร้างอาคารพักอาศัย ติดถนนหลวงหมายเลข 3126 คลองขลอด อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ตามที่บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวเอชั้น จำกัด ได้ก่อสร้างอาคารพักอาศัยให้เป็นสวัสดิการด้านที่พักอาศัยแก่กำลังพลกองทัพเรือ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวเอชั้น จำกัด หรือ บริษัท UTA โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า บี บี เอส ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 การนี้ ทางบริษัท UTA ได้ยื่นข้อเสนอและสิทธิ์ที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการแก่กองทัพเรือ จำนวน 11 ข้อ โดยหนึ่งในข้อเสนอนั้นคือการสร้างอาคารพักอาศัยและพื้นที่สันทนาการ 

ต่อมาคณะกรรมการบ้านพักข้าราชการในกองทัพเรือได้เสนอโครงการโครงการก่อสร้างอาคารพักอาศัยดังกล่าวโดยโดยกองทัพเรือได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างอาคารพักอาศัยในพื้นที่บริเวณพื้นที่ติดถนนหลวงหมายเลข 3126 และคลองขลอด อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นลำดับแรก ประกอบด้วยอาคารพักอาศัย ขนาดขนาด 51 ครอบครัว จำนวน 4 อาคาร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก การนี้ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันพุธที่ 15 มีนาคม 2565 โดย พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้นเป็นประธาน ร่วมกับ คุณคีรี กาญขนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์ เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด

บัดนี้ โครงการก่อสร้างอาคารพักอาศัยดังกล่าวได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย จำนวน 2 อาคาร ได้แก่อาคาร A1 และ A2 พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งพร้อมให้กำลังพลของกองทัพเรือและครอบครัวได้เข้าพักอาศัย

ภาพข่าว สมนึก เชื้อสนุก

ผบ.ทร./รอง ผอ.ศรชล. เป็นประธานการประชุม ศรชล. และหน่วยงานหลัก ร่วมมือจัดทำโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถและการปฏิบัติงานบูรณาการร่วมกัน

(16 ธ.ค. 67) ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จัดการประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ครั้งที่ 3/2567 ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพฯ 

โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร.ในฐานะ รอง ผอ.ศรชล. เป็นประธานการประชุมฯ พร้อมผู้บริหารจากหน่วยงานหลักใน ศรชล.ในฐานะ ผช.ผอ.ศรชล. ประกอบด้วย พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ รอง ผบ.ทร. นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์
รองอธิบดีกรมประมง ผู้แทนอธิบดีกรมประมง นายจักกฤช อุเทนสุต รองอธิบดีกรมศุลกากร ผู้แทนอธิบดีกรมศุลกากร ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พล.ต.ต.จักรพันธุ์ รัตนเทวมาตย์ ผู้แทนผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจน้ำ และนางสาวสุนัน เพชรชู ผู้ตรวจราชการ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมด้วยกรรมการบริหาร ศรชล. อีก 26 หน่วยงานเข้าร่วมการประชุมฯ 

โดยมี พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสธ.ทร. ในฐานะเลขาธิการ ศรชล. ดำเนินการประชุมฯ ก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารฯ เป็นการประชุมระดับผู้บริหาร ศรชล. (Senior Officials Meeting: SOM) โดยมีประเด็นหารือเกี่ยวกับแนวความคิดในการบูรณาการการเสนอโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถของ ศรชล. แนวทางการจัดหาที่ดินสำหรับก่อสร้างอาคาร ศคท.จังหวัด กรณีเรือประมงที่เข้าไปทำการประมงในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต และแนวทางปรับโครงสร้างและอัตรากำลังของ ศรชล.

จากนั้น ผบ.ทร./รอง ผอ.ศรชล. ได้เข้ามาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ครั้งที่ 3/2567 โดยมีสาระสำคัญในการประชุมฯ ได้แก่ การรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของ ศรชล. ประจำปีงบประมาณ 2567 และแผนการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2568 และรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ครั้งที่ 1/2567 ที่ผ่านมา

โดยก่อนปิดการประชุม ผบ.ทร./รอง ผอ.ศรชล. ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานหลักของ ศรชล. ที่ได้ให้ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของ ศรชล. ในมิติต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามความมุ่งหมาย “ศรชล. เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติและประชาชน”

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดประชุมเพื่อพัฒนาแนวทางการให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน 

(16 ธ.ค. 67) นาวาเอกหญิง นงลักษณ์ สิงห์โกวินท์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายบริการสุขภาพ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม เครือข่ายการแพทย์ฉุกเฉิน โซน 4 และบ้านฉาง ประจำปีงบประมาณ 2568 ณ ห้องประชุม 1 โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งจัดขึ้นโดย แผนกปฏิบัติการรถพยาบาล กลุ่มงานการพยาบาลอุบัติเหตุและฉุกเฉิน รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ 

โดยการประชุมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุม 24 คน จาก 14 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานเกี่ยวกับระบบการแพทย์ฉุกเฉิน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ในพื้นที่

บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมกันวางแผนและเสนอแนวทางการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ในปีงบประมาณ 2568

ทั้งนี้ ผลลัพธ์จากการประชุม จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ ปลุกผู้นำยุคใหม่รวมพลังปกป้องไซเบอร์ เปิดหลักสูตรระดับผู้บริหาร ‘Executive CISO’ สร้างอนาคตมั่นคงดิจิทัล

(16 ธ.ค. 67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานกล่าวเปิด ‘หลักสูตรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 2" (Executive Chief Information Security Officer : Executive CISO#2) ของสถาบันวิชาการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพและความรู้ความเข้าใจด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แก่ผู้บริหารระดับสูงในภาครัฐและเอกชนว่า การพัฒนาความพร้อมผู้บริหารระดับสูงมีความสำคัญในการดำเนินการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในระดับประเทศ และการสร้างเครือข่ายระดับผู้บริหารระดับสูงเพื่อการขับเคลื่อนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ‘The Growth Engine of Thailand’ ครอบคลุมในด้านต่าง ๆ ได้แก่ 1. การยกระดับขีดความสามารถของประเทศ (Competitiveness) , 2. ความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัล (Safety & Security) และ 3. การสร้าง พัฒนา ต่อยอด ทุนนุษย์ (Human Capital)

นายประเสริฐ กล่าวว่า หลักสูตร Executive CISO#2 มีวัตถุประสงค์ ในการส่งเสริมและพัฒนาทักษะผู้นำในการเปลี่ยนแปลงด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ขององค์กร , สร้างเสริมศักยภาพในการบริหารจัดการ และดำเนินการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ขององค์กรในการปฏิบัติตามกฎหมายด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ , พัฒนาเครือข่ายและศักยภาพผู้บริหารระดับสูงในการขับเคลื่อนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศในระดับประเทศ และส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างองค์กร พร้อมทั้งสนับสนุนความเปิดกว้างและโปร่งใสในการบริหารจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์

จากนั้นนายประเสริฐ ได้กล่าวเปิดตัว กิจกรรมการแข่งขันทักษะทางไซเบอร์ (สำหรับผู้หญิงหรือผู้ที่มีเพศสภาพเป็นหญิง) Women Thailand Cyber Top Talent 2024 ของ สกมช. ซึ่งได้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ที่เป็นเพศหญิง หรือมีเพศสภาพเป็นหญิง ได้เพิ่มทักษะการเรียนรู้ พัฒนาประสบการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมทั้งเป็นการสร้างแรงงาน

ด้าน Cybersecurity สำหรับผู้หญิง หรือผู้ที่มีเพศสภาพเป็นหญิงของประเทศไทย ต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมในยุคดิจิทัล และมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ประเทศไทยมีความปลอดภัยไซเบอร์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนดังเจตนารมณ์  : ‘Team Thailand for Cybersecurity’ 

ทร.โดย ทรภ.1 จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางไอซ์ 483 กก.เตรียมส่งออกทางทะเล

กองทัพเรือ (ทร.) โดยทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) บูรณาการจับเครือข่ายยาเสพติดเตรียมนำส่งออกทางทะเล การจับกุมเครือข่ายยาเสพติดครั้งนี้ เกิดจากการบูรณาการร่วมกันระหว่าง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, กองทัพเรือโดยทัพเรือภาคที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากสืบทราบว่าเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือผ่านพื้นที่ภาคกลาง โดยมีเป้าหมายกระจายในประเทศและลักลอบส่งออกทางทะเล ผ่านเส้นทางชายฝั่งภาคตะวันออกและอ่าวไทย เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ที่ซุกซ่อนในกล่องโฟมท้ายรถกระบะในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี 

ซึ่งในวันที่ 16 ธันวาคม 2567 พลเรือโท เฉลิมชัย สวนแก้ว รองเสนาธิการทหารเรือ (สายงานกำลังพล) พลเรือตรี รังสรรค์ บัวเผือก รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 / รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทัพเรือภาค 1 พร้อมด้วย พลเรือโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางไอซ์ จำนวน 483 กิโลกรัม ณ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เขตพญาไท กรุงเทพฯ 

ในการนี้ เลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายและประสานกับประเทศปลายทาง ตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นการบูรณาการข่าวสารและกำลัง จากทุกภาคส่วน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมการทดสอบความรู้ ของทหารใหม่ ผลัด 3/67

เมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.67) พล.ร.อ.พิจิตต  ศรีรุ่งเรือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมการทดสอบความรู้ หัวข้อวิชาชีพทหารเรือ ของทหารใหม่ ผลัด 3/67 โดยมี  น.อ.ทิวา  อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ และคณะ ให้การต้อนรับ ณ​ กองบังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การทดสอบความรู้ หัวข้อวิชาชีพทหารเรือ ประกอบด้วย วิชาการเรือ , เชือกเงื่อน และ การป้องกันความเสียหาย (ปคส.) ของทหารใหม่ผลัด 3/67 ถูกบรรจุให้มีการอบรมแก่ทหารใหม่ทุกนาย เป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่กำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ 'Navy-Safety 2025'

โอกาสนี้ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ให้แนวทางแก่ทหารใหม่ ในการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่กองทัพเรือ สังคม และในชีวิตประจำวันต่อไป

ปราจีนบุรี-ขุดรากถอนโคน! ตำรวจภูธรภาค 2 ล้อมปราจีนบุรี “ทลายรังนักเลง” EP1  ล็อกเป้า ลุยค้น 3 วัน 59 เป้าหมาย ยึดอาวุธเพียบ 

(16 ธ.ค. 67) ที่ ภ.จว.ปราจีนบุรี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท. ผบช.ภ.2) พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ประชุมติดตามการปฏิบัติการในยุทธการ “ทลายรังนักเลง” EP1 ปฐมบท .. ไล่ล่านักเลงปราจีน กวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี หลังเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง สจ.โต้ง หรือ ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ภายในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี เมื่อค่ำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี เข้าคลี่คลายสถานการณ์ และจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ 7 คน คุมตัวไว้ได้ ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และส่งฝากขัง ขณะนี้คุมตัวที่เรือนจำปราจีนบุรี ขณะเดียวกันตำรวจ ภ.จว.ปราจีนบุรี ร่วมกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 และกองบังคับการปราบปราม ยังสืบสวนขยายผลนำไปสู่การเปิดยุทธการทลายรังนักเลง เพื่อขุดรากถอนโคนตัดเส้นเลือดเครือข่ายอิทธิพลในพื้นที่ ที่เป็นภัยต่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน

ผลจากการเปิดยุทธการ ทลายรังนักเลง ตั้งแต่วันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2567 ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ปูพรมตรวจค้นเป้าหมายใน 12 อำเภอ ของจังหวัดปราจีนบุรี รวม 59 เป้าหมาย ตรวจค้นพบอาวุธปืน 79 กระบอก  อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 2 กระบอก กระสุน 601 นัด  จับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหา 8 ราย

“ตำรวจภูธรภาค 2 ไม่มีที่ยืนให้นักเลง ไม่มีที่ยืนให้บ้านไหนก็ตามที่สร้างความเดือดร้อนเป็นภัยสังคม ยุทธการนี้เริ่มต้นกวาดล้างผู้มีอิทธิพลอย่างเข้มข้นในภาค 2 คือก้าวแรกของการปลดแอกประชาชนจากเงาอิทธิพลมืด ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่นี่คือการปฏิบัติการเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงปราจีนจะไม่ใช่สนามของนักเลงอีกต่อไป รังอิทธิพลเถื่อนกำลังถูกทำลายลงแล้ว ยุทธการนี้เกิดขึ้นเพื่อสร้างสังคมปลอดภัย และให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นคง" รรท.ผบช.ภ.2 กล่าว 

'โชว ชู' ซีอีโอ TikTok ดอดพบ 'ทรัมป์' สัญญาณบวกว่าที่ผู้นำสหรัฐใจอ่อนสั่งปลดแบน

(17 ธ.ค. 67) โชว ชู ซีอีโอของติ๊กต๊อก (TikTok) ได้เข้าพบโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดาเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพบปะก่อนที่ติ๊กต๊อกจะถูกแบนในสหรัฐฯ จากข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ทรัมป์กล่าวว่าเขาอาจพิจารณายกเลิกคำสั่งแบนเพื่อสนับสนุนติ๊กต๊อก ซึ่งเป็นแอปที่เขาใช้เข้าถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งวัยหนุ่มสาวระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง "เราจะพิจารณาเรื่องติ๊กต๊อก" ทรัมป์กล่าว พร้อมเสริมว่า "คุณรู้ไหม ผมมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับติ๊กต๊อก"

ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยพยายามสั่งแบนติ๊กต๊อกในปี 2563 แต่ภายหลังเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับแอปนี้

แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการหารือระหว่างทรัมป์และโชว ชู โฆษกของติ๊กต๊อกก็ไม่ได้ตอบกลับการขอความคิดเห็นจากสื่อ

การสั่งแบนติ๊กต๊อกมีผลในวันที่ 19 มกราคม 2568 ตามกฎหมายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนาม ยกเว้นหากบริษัท ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต๊อก ยอมขายแอปให้กับผู้ถือหุ้นชาวอเมริกัน

ถึงแม้ ByteDance จะพยายามต่อสู้กับกฎหมายนี้ แต่ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตันก็มีคำตัดสินให้คงคำสั่งแบนและปฏิเสธคำขอระงับคำสั่งแบนชั่วคราว โดยในวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ติ๊กต๊อกได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ทบทวนคำตัดสินดังกล่าว

โชว ชู เป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เลือกเข้าพบทรัมป์ก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมนี้ โดยก่อนหน้านี้มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตาแพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) และทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล (Apple) ก็เคยพบกับทรัมป์ที่มาร์-อา-ลาโกในโอกาสต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ศึกแบนติ๊กต๊อกยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ByteDance ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดเพื่อขอระงับคำสั่งแบนที่จะมีผลในวันที่ 19 มกราคม 2568 ทว่า ทรัมป์ก็ส่งสัญญาณว่าจะพิจารณายกเลิกคำสั่งแบนนี้ หากคำสั่งแบนยังคงอยู่ ทรัมป์อาจมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเรื่องนี้ในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่

‘เปลว สีเงิน’ อ่านเกม ‘ทักษิณ’ ชี้ชัด อยากตะเพิด ‘พีระพันธุ์ – รทสชง’ พ้นรัฐบาล

(17 ธ.ค. 67) เปลว สีเงิน คอลัมนิสต์การเมืองชื่อดัง เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ได้เขียนบทความในคอลัมน์ ‘คนท้ายซอย’ ว่า "พีระพันธุ์-เพชรแท้"
เห็นถามเชิงเถียงกันขรมเมืองทั้งวัน ว่า.....

ตกลง "ทักษิณไล่ใคร?"

ไล่ "อนุทิน-ภูมิใจไทย" หรือไล่ "พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ" ให้พ้นจาก "พรรคร่วมรัฐบาล"?

หรือไล่มันทั้ง ๒ พรรคนั่นเลย?

ผมตอบแทนทักษิณให้ก็ได้ "อยากเฉดหัวให้มันออกไปทั้ง ๒ พรรค" นั่นแหละ

แต่ที่อยากมากกกกก ถึงขั้นไล่ได้ ไล่ให้ออกไปวันนี้-วันพรุ่งเลย คือ "พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ"!

เพราะอะไร?

๑.ไล่พรรครวมไทยสร้างชาติ ๓๕-๓๖ เสียงออกไป ก็ไม่มีปัญหา เพราะตอนนี้มี "พรรคธรรมนัส" ร่วม ๒๕ เสียงเสียบเสริมอยู่แล้ว

๒.ทุกคนรู้-โลกรู้ "รวมไทยสร้างชาติ" ชาติกำเนิดคือพรรคของอดีต "นายกฯ ประยุทธ์"

พีระพันธุ์จึงมีภาพเป็นคนของ "ลุงตู่" ซึ่งเป็น "หนามปักคาใจ" ให้ทักษิณคลั่งในยิ่งนัก

๓.ขณะเดียวกัน พีระพันธุ์เป็นคนที่ชาวประชารับรู้ว่า เป็นนักการเมือง "เพื่อชาติและประชาชน" ของแท้ ๑๐๐%

พีระพันธุ์จึงเป็น "หมาเฝ้าบ้าน" โดยจิตวิญญาณ ไม่ใช่ "หมาในคอก" โดยหิวอาหารเม็ด จากมือคนคด!

๔.ด้วยคุณสมบัติ ไม่สน "อาหารเม็ด" ทำให้พีระพันธุ์ดูเป็นคนหัวแข็ง ไม่ยอมลงให้กับใคร

ถ้าเรื่องนั้น ทำแล้ว "นักการเมืองได้-ประชาชนเสีย"!

ต่อให้เป็นนโยบายรัฐบาล.....

สั่งให้ตาย พีระพันธุ์ก็จะไม่ยอมไหลตามไปกับสิ่งไม่ถูกต้องนั้น

๕.พีระพันธุ์เป็นรัฐมนตรี "คุมพลังงาน" แล้วใครบ้างที่ไม่รู้ว่า พลังงาน "ขุมทรัพย์นับล้านล้าน" ของไทย ทุกวันนี้ อยู่ในกำมือใคร?

ชาวบ้านใช้ไฟแพงจากค่า ft ทุกวันนี้ ต้นเหตุมาจากไหน ทุกคนรู้ เว้นแต่รัฐบาลของคนมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เท่านั้น ที่ไม่รู้?

พีระพันธุ์เข้าไปแก้ในดงขวากหนาม เท่ากับ "ขวางทางโจร" ที่มันกำลังปล้นประชาชนจนรวยติดอันดับ "มหาเศรษฐีโลก"

ตัวเจ้าพ่อและร่างทรงเจ้าพ่อ จึงเพิ่มแรงอยากไล่ให้พีระพันธุ์ออกไปเร็วๆ เป็น ๒ เท่า

ยิ่งเขากำลังจะขุดพลังงานในอ่าวไทยใต้เกาะกูดไปรวยแบ่งกันกับเขมรอยู่ด้วย

พีระพันธุ์และอนุทิน ดันเป็น "ไอ้เข้" เข้าไปนอนขวางทางขุดเขาอีก จึงต้องส่งสัญญาณ "กูไม่พอใจพวกมึง" แล้วนะโว้ย

แต่จังหวะและบรรยากาศที่จะไล่ทั้ง ๒ พรรค มันยังไม่ให้ ถึงแม้ล้วงประเป๋ากางเกง มี "พรรคประชาชน" ให้กระเดาะเล่นในมือก็ตาม

ที่ทำได้ทันที โดยไม่กระทบเสียงรัฐบาล ก็คือไล่รวมไทยสร้างชาติออกไป จะ "รวยแบ่งกัน" ได้สบายกว่า มีพีระพันธุ์อยู่ให้กระดากปาก ตอนซ้วบบบบ!

แต่ก็นั่นแหละ.....

ในจุดเด่นของคุณพีระพันธุ์ก็มีจุดด้อยด้วยเหมือนกัน คือในความเก่งเฉพาะตัว ที่ไม่มีใครปฏิเสธ

แต่คุณพีระพันธุ์เป็นคนปากกับใจตรงกัน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น บางเรื่องจึงกลายเป็นว่า คุณพีระพันธุ์ไม่รู้จัก "ถนอมน้ำใจคน"

นั่นทำให้การบริหารคนในฐานะ "หัวหน้าพรรค" มีปัญหา การใช้มาตรฐานตัวเองเป็นมาตรฐานวัดทุกคนในพรรค ทำให้รวมใจคนในพรรคให้เป็นหนึ่งไม่ได้

ห่านดิน ยังกินหญ้า ห่านฟ้า ยังกินยุง ฉันใด ลูกน้องในพรรค ก็ฉันนั้น คนเป็นหัวหน้าก็ต้องบริหารอาหาร

คนน่ะ...จริงอยู่ เป็นคนเท่ากัน แต่มันไม่เท่ากันในความสามารถด้านหน้าที่การงาน

แต่ทุกคนสามารถใช้ศักยภาพที่มีแต่ละด้าน ช่วยให้พรรคเจริญเติบใหญ่ได้

มีเงินหมื่นล้าน ก็สร้าง "กระต๊อบ" หลังเดียวไม่ได้

ถ้าไม่มีคนไปตัดไม้ไผ่ ไม่มีคนขุดดิน ไม่มีคนตัดหวาย จักตอก ไม่มีคนมุงหลังคา

ฉะนั้น คนสำคัญกว่าเงิน แต่ต้องรู้จักใช้ทั้งเงิน-ทั้งคน              

ผู้บริหารที่ "รู้จักใช้คน" เขาจะไม่มองข้ามใครเลย ขณะเดียวกัน เขาจะมองเชิงวิจัยทะลุศักยภาพแต่ละคน

แล้วดึง "คุณภาพคน" ที่ต่างกันออกมาใช้ตามลักษณะงาน ตามจังหวะ-เวลา-สถานการณ์

"ชนะ" ที่เป็น "ชัยชนะ" แท้จริง มี ๒ อย่าง คือ

ชนะขั้นสามัญ ชนะใจคนอื่น

ชนะขั้นสูงสุด ชนะใจตัวเอง!

คุณพีระพันธุ์มีคุณสมบัติพร้อมทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ดึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้ในบทบาท "ผู้นำพรรค" ให้ถึงพร้อมเท่านั้น

ถ้าเปิดใจให้กว้างต่อมิตรสหายในเส้นทาง ทั้งที่คิดเหมือนและคิดต่างให้มากกว่านี้

คำสบประมาทที่ว่า "รวมไทยสร้างชาติ" เจ๊งแล้ว นายทุนแยกพรรคไปแล้ว

เลือกตั้งครั้งหน้า....

"รวมไทยสร้างชาติ" ใต้การนำพีระพันธุ์ ไม่ใช่พรรคต่ำสิบ แต่จะเป็นพรรคต่ำห้า มันจะกลายเป็นฝ่าตีนตบหน้าคนสบประมาททันที!

พูดถึงนายทุนน่ะ ตะแคงกระบุงแล้วเอาเท้าโกยก็ถมถืด หาไม่ยากหรอก

ที่หายาก คือ "นักการเมือง" ที่บริสุทธิ์-จริงใจ ต่อชาติบ้านเมืองและประชาชนตะหาก

คุณพีระพันธุ์ คือ ๑ ในจำนวนที่หายากนั้น

แต่การดึงศักยภาพตัวเองออกมาแสดง "ภาวะผู้นำ" ที่ทั้งคนในพรรคและนอกพรรคยอมรับ

สู่ขั้นเปล่งประกายเข้าตาสังคมชาติ ว่า คนนี้ ฝากผี-ฝากไข้ ให้เป็น "ผู้นำประเทศ" ได้ ยังไม่สาดแสงทะลุตา

ทะลุวันไหน แค่ตะแคงกระบุงไว้หน้าพรรคเฉยๆ เงินอุดหนุนมาเต็ม บอกไม่เชื่อ!

เพราะเครดิตด้านคนทำงานเอางาน "เพื่อชาติบ้านเมือง" ไม่ใช่ "เอาเงินเข้ากระเป๋า" คุณพีระพันธุ์ทำให้เห็นมาแล้ว

จำตอม่อ "โฮปเวลล์"....

ที่ตำใจ ประจานไทย ว่าเป็นประเทศบริหารด้วยนักการเมือง "โกงชาติ-ผลาญเมือง" แต่ปี ๒๕๓๓ กันได้มั้ย?

ผ่านมากี่รัฐบาล ไม่มีรัฐบาลไหนสนใจแก้ปัญหา เพราะแดกเนื้อกันหมดแล้ว ทุกรัฐบาลจึงเมิน

เอกชนฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ยกเลิกสัญญาเขา คณะอนุญาโตตุลาการให้คมนาคมและการรถไฟฯ ชดใช้ค่าเสียหาย บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ร่วม ๓ หมื่นล้านบาท!

มาถึงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์....

จะว่าไปต้องให้เครดิตและชม "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคมตอนนั้น ไม่ยอม ฮึดสู้ จนชนะ เซฟค่าโง่ให้ประเทศร่วม ๓ หมื่นล้าน

มือกฎหมายที่พลิกจากแพ้ให้กลับมาชนะ ก็คือ "คุณพีระพันธุ์" ผู้นี้แหละ

อดีตท่านเป็นผู้พิพากษา เมื่อนายกฯ ประยุทธ์มอบให้เข้าไปดูเรื่องนี้ ท่านใช้เวลาร่วม ๓ ปี ขุดเอกสารต่างๆ มาดูตามแง่มุมกฎหมาย

ก็ไปสู้ในศาล....

ปรากฏว่า จากที่แพ้-จ่ายแน่ เพราะไม่มีรัฐบาลไหนสู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติ เมื่อรัฐบาลประยุทธ์ โดย "รมว.ศักดิ์สยาม" สู้

ปรากฏว่า ชนะ "พลิกล็อก-พลิกโลก"

"ศาลปกครองกลาง" มีคำพิพากษา เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.ชดใช้ค่าโง่โฮปเวลล์ ๒.๔ หมื่นล้านบาท

พร้อมดอกเบี้ยแก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

ศาลเห็นว่า "บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด" ยื่นฟ้องคดีพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ "พ้นกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด"!

เนี่ย....

ถ้าคุณพีระพันธุ์อยากได้ค่าโอเลี้ยงซักสี่ซ้าห้าพันล้าน แลกกับการไม่เป็นคานเข้าไปสอดหมูที่เขากำลังจะหามกัน

พูดได้คำเดียว "สบายมาก"!

เพราะเป็นคนไม่ชอบ "สบายมาก" นั่นแหละ จึงถูกเจ้าของคอกหมาไล่ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล

คุยแล้วก็รากงอก ตั้งใจจะแตะนิดเดียว ดันเลี้ยวลงคู-ลงคลอง ที่ตั้งใจคุยเรื่อง "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล" ก็เลยหมดเนื้อที่

เอาเป็นว่าเมื่อวาน (๑๖ ธ.ค.๖๗)" ศาลปกครองสูงสุด "มีคำสั่ง" ยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของบิ๊กโจ๊ก

นั่นคือ "สิ้นสุดทางเลื่อนของ แมว ๙ ชีวิต" ลงแค่นี้

เป็นไปตามคำสั่ง ผบ.ตร. "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" และมติ "ก.พ.ค.ตร."

ที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ "ออกจากราชการไว้ก่อน"!

กรณีถูกกล่าวหา "ทำผิดวินัยร้ายแรง" จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน กรณีมีพฤติการณ์...

เกี่ยวข้องเว็บพนันออนไลน์  BNKMASTER จนถูกดำเนินคดีอาญา

และถูกศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐาน "สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน"

และ "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน"

ก็สู้ต่อไปนะ แพ้เป็นโจ๊ก ชนะเป็น "เทพโจ๊ก"!.

-เปลว สีเงิน

๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗

คนปลายซอย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top