Wednesday, 9 July 2025
NewsFeed

ตชด.ลุยน้ำท่วม ช่วยชาวบ้าน “ช้างศึก 1” สั่งกำชับ ตชด.ลงพื้นที่ช่วยประชาชน กาะติดสถานการณ์น้ำท่วมใต้ใกล้ชิด จัดกำลังช่วยเหลือทันท่วงที “ตชด.สิชล – ชุมพร” ส่งอาหาร น้ำดื่ม ยา บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย

เมื่อวันที่ (15 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ( รรท.ผบช.ตชด. ) สั่งการชับ ให้ บก.ตชด.ภาค 4 และหน่วยงานในสังกัด ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม จว.ชุมพร จว.ระนอง จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากฝนตกหนัก น้ำท่วมสูงหลายพื้นที่ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน ยานพาหนะได้รับความเสียหาย โดยให้ ตชด. นำ ยานพาหนะ และอุปกรณ์บรรเทาภัย เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม พร้อมบูรณาการทำงานกับหน่วยในพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันให้ติดตามสถานการณ์น้ำ เฝ้าระวัง เตรียมพร้อมการเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันอีกระลอก

วันนี้ (15 ธ.ค. 67 ) พ.ต.ต.สมเกียรติ์ เทพฉิม ผบ.ร้อย ตชด.424 นำกำลังลงพื้นที่ ตำบลสำเภา อ.สิชล จว.นครศรีธรรมราช ซึ่งยังมีน้ำท่วมสูง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รถเล็กยังไม่สามารถสัญจรเข้าหมู่บ้านได้ ตชด.ได้ออกสำรวจพื้นที่ นำน้ำดื่มแจกจ่ายบรรเทาทุกข์ของประชาชน

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.สวี จว.ชุมพร ยังมีน้ำท่วมประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายครัวเรือน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 นำ  โดย พ.ต.อ.จาริพัฒน์  ทองแดง ผกก.ตชด.41 พร้อมชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย ลุยน้ำนำข้าวกล่อง, น้ำดื่ม, ถุงยังชีพ พร้อมยาเวชภัณฑ์  แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.ทุ่งระยะ ต.สวี อ.สวี ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม 33 ครัวเรือน กว่า 100 คน ปัจจุบันในพื้นที่ไม่มีฝนตกแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมสูง ซึ่งต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป.

สส.พิมพ์ภัทราเปิดบ้านตั้งครัวช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม เผยสถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช ยังวางใจไม่ได้

(16 ธ.ค. 67) พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค รวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่าสถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากมรสุมตะวันออกยังไม่แน่นอน

“ตั้งแต่เมื่อวานซืน ปุ้ยยังลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และวันนี้ได้เปิดบ้านตั้งครัวช่วยเหลือผู้ประสบภัย เราจะอยู่เคียงข้างกันท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่ปกติ” เธอกล่าว พร้อมย้ำว่าสภาพอากาศยังมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำในคลองท่าทนและคลองท่าเชี่ยวระบายลงสู่อ่าวไทยได้ยาก เนื่องจากระดับน้ำทะเลหนุนสูงและมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ ซึ่งทุกหน่วยงานท้องถิ่นกำลังเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่

พิมพ์ภัทรา กล่าวเพิ่มเติมว่า เช้าวันนี้ น้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงได้เปิดบ้านเพื่อจัดตั้งโรงครัวช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

เธอเตือนว่า สภาพอากาศยังคงไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากแนวร่องมรสุมขยับขึ้นลงผ่านพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ชุมพรจนถึงชายแดนภาคใต้ ทำให้ดินในหลายพื้นที่อิ่มตัวจากฝนตกสะสมหลายวัน เสี่ยงต่อเหตุดินถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่เทือกเขาหลวงตั้งแต่ขนอมจนถึงทุ่งสง ซึ่งมีความเสี่ยงสูง

“พื้นที่บ้านเราที่สิชล ขนอม ท่าศาลา และนบพิตำ ซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมบนเนินเขาจำนวนมาก ต้องเพิ่มความระมัดระวังสูงสุด หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที” เธอกล่าวปิดท้ายด้วยความหวังว่า “เราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันค่ะ”

ตำรวจเตือน 'เขากวางเรนเดียร์-ไฟหลากสี' เสี่ยงอุบัติเหตุ เจอที่ไหนแจ้งเบาะแสได้ทันที

(16 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความห่วงใยในเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สิน โดยพบว่ามีประชาชนบางส่วนประดับตกแต่งยานพาหนะในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดการประดับตกแต่งยานพาหนะตามแฟชั่นหรือเทศกาล เช่น การติดเขากวางเรนเดียร์ เนื่องจากลักษณะดังกล่าวยื่นออกมาเกินขอบเขตของตัวรถ หรืออาจหลุดร่วงระหว่างการขับขี่ การติดไฟหลากสี เพราะอาจทำให้เกิดความสับสนหรือทำให้ผู้อื่นไม่สามารถสังเกตสัญญาณไฟจากรถของท่านได้อย่างชัดเจน

การตกแต่งยานพาหนะในลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ประกอบมาตรา 60 ซึ่งอาจมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

นอกจากนี้ หากการกระทำดังกล่าวนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่อาจถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับกรณี

หากประชาชนพบเห็นผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ประดับตกแต่งในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น สามารถบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและแจ้งเบาะแสการกระทำผิดได้ที่สายด่วน 191, สายด่วนตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง

ฝนสะสม 3 วัน มวลน้ำจากเทือกเขาหลวงทะลัก สุราษฎร์ธานีอ่วมประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ บางจุดสูง 1 เมตร

(16 ธ.ค. 67) จังหวัดสุราษฎร์ธานีประกาศพื้นที่ภัยพิบัติเพิ่มเป็น 8 อำเภอ หลังชาวบ้านประสบความเดือดร้อนหนักจากน้ำท่วม รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ ปภ. และฝ่ายปกครอง นำถุงยังชีพเยี่ยมชาวบ้าน โดยมีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 14,319 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย  ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่

พื้นที่บ้านดอนหลวง ม.1 ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจุดรับน้ำก่อนลงทะเล ประสบปัญหาน้ำท่วมสูงกว่า 80 เซนติเมตร บางจุดสูงถึง 1 เมตร โดยมวลน้ำจากเทือกเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช และมวลน้ำฝนที่ตกหนักต่อเนื่องมากกว่า 3 วัน ไหลมาสมทบ สร้างความยากลำบากในการใช้ชีวิตของชาวบ้าน

นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่จาก ปภ. และฝ่ายปกครอง ได้นำถุงยังชีพมาเยี่ยมชาวบ้านในพื้นที่ และประเมินสถานการณ์ในช่วงกลางคืน พบว่าชาวบ้านสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังคงประสบความยากลำบากในการดำรงชีวิต โดยล่าสุดประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ดอนสัก อ.ท่าชนะ อ.ท่าฉาง อ.เกาะสมุย อ.เกาะพะงัน และ อ.บ้านนาสาร

สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ มีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว 8 ตำบล 47 หมู่บ้าน 2,208 ครัวเรือน รวม 5,247 คน ส่วนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มี 2 ราย โดยล่าสุดคือ นายวรกิตต์ อายุ 15 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากดินถล่มในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อเช้าวันนี้ (16 ธ.ค.)

ในส่วนของเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ทำให้ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมขังและเกิดการจราจรติดขัดจากถนนกาญจนวิถีไปจนถึงหน้าโรงพยาบาลทักษิณ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มที่รับน้ำจากถนนอื่นๆ น้ำจึงท่วมสูงและการสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ล่าสุดรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้สั่งปิดการจราจรบนถนนเส้นดังกล่าวชั่วคราว และจัดการสูบน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ด้วยรถสูบน้ำของ ปภ.สุราษฎร์ธานี

นอกจากนี้โรงเรียนในเขตเทศบาลได้ประกาศปิดเรียนหลายแห่ง และปรับแผนมาเรียนออนไลน์เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ขณะเดียวกัน สายการบินหลายแห่งที่มีกำหนดการถึงสนามบินสุราษฎร์ธานีในช่วง 19.00-19.30 น. ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังสนามบินภูเก็ตจนกว่าสภาพอากาศจะดีขึ้น ก่อนจะบินกลับมายังสนามบินสุราษฎร์ธานีในช่วง 20.00-21.00 น.

ตั้งคณะทำงาน 4 ด้าน ‘อาหาร-ค้าลงทุน-ท่องเที่ยว-มั่นคง’ ขอบคุณมาเลเซียต้อนรับอย่างอบอุ่น กระชับความร่วมมือ 2 ประเทศ

(16 ธ.ค. 67) น.ส.ศศิกานต์ วัฒนจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมหารือประจำปี (Annual Consultation: AC) ครั้งที่ 7 ที่จัดขึ้นที่ห้องประชุม Bilik Mesyuarat Perdana ชั้น 3 ประเทศมาเลเซีย ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย และ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดย น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศ เพื่อบรรลุ "สันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" และมุ่งหวังที่จะร่วมมือกันเพื่อความก้าวหน้าและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองชาติ

ในเวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งกรุงเทพฯ ช้ากว่ามาเลเซีย 1 ชั่วโมง) ณ เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย น.ส.แพทองธาร และ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม ได้ร่วมกันตรวจแถวกองทหารเกียรติยศในพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการในโอกาสการเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ (Official Visit)

ในการประชุมหารือประจำปี (AC) ครั้งที่ 7 นายกรัฐมนตรีไทยได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือของสองประเทศในหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการสนับสนุนด้านอาหารฮาลาล รวมถึงการเชื่อมโยงด้านคมนาคม พลังงาน และความมั่นคงในภูมิภาค

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้กล่าวถึงการเป็นโมเดลความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ที่ส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะการค้า การศึกษา และการท่องเที่ยว โดยมาเลเซียชื่นชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย เช่น ภูเก็ต และสนับสนุนการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศภายใต้แนวคิด "6 Countries, 1 Destination"

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า มาเลเซีย เป็นมิตรประเทศ ที่ใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์ อันดีมากอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นหุ้นส่วน ทางการค้า ที่ใหญ่ที่สุดประเทศหนึ่งในอาเซียน ขณะเดียวกัน มาเลเซียยังเป็น 1 ใน10 ประเทศ ที่มีคนไทยอาศัยอยู่จำนวนมากอีกด้วย ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ทั้ง2 ประเทศ มุ่งมั่น ในการประสานความร่วมมือ ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน เพื่อความก้าวหน้าและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพลังงาน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังได้กล่าวถึงการค้าระหว่างกัน เช่น การนำเข้ายางพาราจากไทย พร้อมทั้งลงนามบันทึกความเข้าใจด้านยางพาราระหว่างสองประเทศ

สำหรับมิติด้านความมั่นคง นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยืนยันว่า ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเป็นประเด็นภายในของไทย โดยมั่นใจว่าไทยจะสามารถสร้างสันติภาพในพื้นที่ได้ โดยการพูดคุยและพัฒนา

ทั้งสองฝ่ายยังได้กล่าวถึงการร่วมมือในด้านความมั่นคง เช่น การป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การค้ามนุษย์ ยาเสพติด และการหลอกลวงทางออนไลน์ และจะร่วมกันจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และการประชุมความร่วมมือด้านความมั่นคงในปีหน้า

ทั้งนี้ สองประเทศได้ตั้งเป้าหมายการค้าระหว่างกันให้ได้ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570 โดยการค้าชายแดนมีสัดส่วนถึง 30% ของการค้าทวิภาคี และเห็นควรผลักดันการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดนให้มีความสะดวกยิ่งขึ้น

ในด้านการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน นายกรัฐมนตรีไทยกล่าวถึงโครงการถนนเชื่อมด่านสะเดาใหม่และสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่จะเสร็จตามกำหนด และคาดหวังว่าจะมีโครงการทางรางเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคในอนาคต

สุดท้าย นายกรัฐมนตรีไทยกล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนในปีหน้า ซึ่งมาเลเซียจะเป็นประธานอาเซียน ภายใต้หัวข้อ "Inclusivity and Sustainability" ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ "Malaysia Madani" โดยเชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเยือนไทยในโอกาสต่อไป

สมุทรปราการ-อำนวย บุญริ้ว แชมป์เก่า!! ชนะขาดเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม

วันที่ 15 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาได้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ โดยนายอนุรักษ์ ผ่องโอสถ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ฯ ได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ขึ้น ในวันที่ 15 ธันวาคม 2567 

โดยมีผู้ยื่นสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ที่มีชื่อตามหลักฐานและเอกสารทะเบียนราษฎร และมีคุณสมบัติเป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายอำนวย บุญริ้ว อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ กลุ่มพัฒนาแพรกษาใหม่ ผู้สมัครหมายเลข 1 และทาง ร.ต.อ.สุมิตร ไทยเกิด อดีต รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.บางปู พรรคประชาชน ผู้สมัครหมายเลข 2  

โดยทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้จัดเตรียมสถานที่ทำการลงคะแนนการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ จำนวน 45 หน่วย ตั้งแต่หมู่ที่ 1 ถึงหมู่ที่ 7 โดยบรรยากาศในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ซึ่งหลังจากเปิดให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาซึ่งมีประชาชนเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก และหลังจากที่ปิดหีบการเลือกตั้งเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. 

ทาง กกต.ได้ทยอยนับคะแนน ซึ่งผลจากการนับคะแนน ทั้ง 45 หน่วย นายอำนวย บุญริ้ว ได้ 14,063 คะแนน และ ร.ต.อ.สุมิตร ไทยเกิด  ได้ 4,595 คะแนน นับได้ว่าคะแนนของ นายอำนวย บุญริ้ว ชนะแบบขาดลอยและเป็นไปตามคาด คงเป็นเพราะเนื่องจากนายอำนวย บุญริ้ว นั้นเป็นที่รักและศรัทธาของทางพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ประกอบกับผลงานที่โดดเด่นและการพัฒนาท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้สามารถรักษาเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ได้อีกสมัย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือน แต่งรถด้วย “เขากวางเรนเดียร์” และ “ไฟหลากสี” เข้าข่ายผิดกฎหมาย

(16 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชนในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่ามีพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่ง ได้ประดับตกแต่งยานพาหนะในลักษณะที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน ให้งดการประดับตกแต่งยานพาหนะตามแฟชั่น หรือเทศกาล เช่น

“การติดเขากวางเรนเดียร์” เนื่องจากมีลักษณะที่ยื่นออกมาเกินความกว้างของตัวรถ หรืออาจหลุดร่วงในขณะขับขี่

“การติดไฟหลากสี” เนื่องจากอาจทำให้เกิดความสับสนต่อผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่น และทำให้ผู้อื่นสังเกตสัญญาณไฟจากรถของท่านไม่ชัดเจน

ซึ่งการประดับตกแต่งรถในลักษณะดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12 ประกอบมาตรา 60 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

อีกทั้ง หากการกระทำดังกล่าวเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่จะต้องรับโทษในความผิดฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ได้รับอันตรายสาหัส หรือเสียชีวิต แล้วแต่กรณีอีกด้วย

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ประดับตกแต่งในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น สามารถบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดได้ที่ สายด่วน 191 สายด่วนตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สุราษฎร์ธานี-ระทึกน้ำท่วมขัง กลางเมืองสุราษฎร์ธานี หลังฝนตกหนักต่อเนื่องนานกว่า 3 ชั่วโมง สั่งปิดโรงเรียนเขตเทศบาลนครเพื่อความปลอดภัย

(16 ธ.ค. 67) นายธีรุตน์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายบุญเรือง หลงละลวด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายประเสริฐ บุญประสพ นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี ร่วมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขังรอระบาย ตั้งแต่ถนนกาญจนวิถี ไปจนถึงหน้าโรงพยาบาลทักษิณ หลังมีฝนที่ตกหนักนานกว่า 3 ชั่วโมง ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ถนนหลายเส้น ความสูง 30 – 50 เซนติเมตร โดยเฉพาะจุดดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม รับน้ำจากถนนอื่นๆ ไหลบ่ามารวมกัน ส่งผลให้น้ำท่วมสูง รถที่สัญจรได้ยาก และคลื่นน้ำ ยังเข้าไปกระทบต่อบ้านเรือน และสถานประกอบการริมถนนจนได้รับความเสียหาย 

กรณีดังกล่าว รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประสานให้ปิดการจราจร ถนนเส้นดังกล่าวชั่วคราว เพื่อลดผลกระทบ ต่อประชาชน และเร่งนำรถสูบน้ำท่วมขังประสิทธิภาพสูง ของ ปภ.สุราษฎร์ธานี เข้ามาระบายน้ำ ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับถนนอื่นๆอีกหลายเส้น 

สำหรับโรงเรียนในเขตเทศบาล ได้มีการสั่งปิดการเรียนการสอน หรือ ปรับมาเรียนออนไลน์หลายแห่ง เพื่อความปลอดภัยของนัก

สิทธิเณศ เห้งทับ สุราษฎร์ธานี

ผู้ว่าฯ “ชัชชาติ” เปิดหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง (ผู้นำเมือง รุ่น 10) 

วันที่ (13 ธ.ค. 67) ที่ห้องประชุมสภา กทม.(ดินแดน) ชั้น 2 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช จัดพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง (ผู้นำเมือง รุ่น 10) โดยได้รับเกียรติจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และ ศ.สุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวต้อนรับผู้เข้ารับการศึกษาอบรม โดยมี รศ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯเป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย ผู้เข้ารับการศึกษาอบรม คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย และศิษย์เก่า (ผู้นำเมืองรุ่น 9)

สำหรับหลักสูตรผู้นำเมือง เป็นหลักสูตรที่เน้นการวิเคราะห์เชิงบูรณาการ ในด้านการบริหารจัดการเมืองและท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพผู้นำทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดแนวคิดที่ดีระหว่างกัน และเกิดองค์ความรู้ในเชิงการบริหารจัดการ การเชื่อมโยงงานภาคีเครือข่ายที่หลากหลาย การบริหารจัดการเชิงพื้นที่ที่ดี และการนำสังคมที่ดี เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาเมืองและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างทัศนคติ ความรู้ ความเข้าใจ การบริหารจัดการเมืองและการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ผู้นำหรือผู้บริหารของทุกภาคส่วน ได้นำเสนอและแลกเปลี่ยนประเด็นเชิงประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการเมืองและการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างอิสระ เพื่อให้ผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชน สามารถบูรณาการแนวคิดแนวทางในการบริหารองค์กรบริหารเมืองและท้องถิ่นร่วมกันเป็นประโยชน์ต่อเมือง สังคม ประเทศชาติ

สำหรับผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้นำเมือง รุ่น 10 ประกอบด้วย ข้าราชการกรุงเทพระดับผอ. ข้าราชการการเมืองกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพ ข้าราชการการเมืองระดับประเทศ ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา ผู้บริหารหน่วยงานรัฐ  / รัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถิ่น ผู้แทนมูลนิธิ และสื่อมวลชน จำนวน 130 คน อาทิ นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ท.เจษฎ์ จันทรสนาม  รอง ผอ.ประสานการปฏิบัติที่ 1 กองอำนวยการรักษาความมัานคงภายในราชอาณาจักร พล.ท.ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์การปฏิบัติที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมัานคงภายในราชอาณาจักร นายพรชัย มงคลวนิช  อธิการบดี มหาวิทยาลัยสยาม  

ตื่นธรรม ต้องตื่นที่ใจ มิใช่ตื่นเพราะลืมตา แต่ยังหลงวนในดงคนบาป ปั้นตัวให้ดูแตกต่างเพื่อต้มตุ๋นเงินทอง

เหตุการณ์ต่าง ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นชัดว่า 'คนไทยยุคใหม่' ขาดความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงอ่อนแอ เปราะบาง พร้อมจะโอนเอนเข้าหาการโน้มน้าวจาก 'ของปลอม' ที่คอยปักธงปล้นเงินในกระเป๋าไว้อย่างรัดกุม ด้วยเพราะรู้ใน 'จุดอ่อน' ของ 'คนหลับธรรม' จำนวนมากในสังคมไทย 

สังคมไทยยุคใหม่ เป็นสังคมแห่งการถือดีแต่ไม่มีดี อวดฉลาดแต่ก็โง่เขลาเบาปัญญา จึงพร้อมใจกันสาละวนอยู่กับการถูกหลอกลวงจากคนรูปลักษณ์ใหม่ ๆ ในวิธีการลวงล่อที่ไม่ต่างจากอดีต แต่ด้วยเพราะสังคมขาดความรู้ ขาดการลงลึกเพื่อจดจำประวัติศาสตร์ ขาดการติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างจริงจัง และไม่ชอบ 'อ่านหนังสือ' ซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐานของคนในชาติที่เจริญแล้ว เมื่อชาติใดมีประชากรที่ฉลาด ชาตินั้นก็จะมีความเข้มแข็งตามมา โจรก็จะน้อยลงเป็นเงาตามตัว

แต่สังคมไทยให้ความสำคัญแต่กับเปลือกปลอม ข่าวซุบซิบเรื่องของชาวบ้าน สอดส่องแอบดูความร่ำรวยของผู้คน และการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงหน้าตาของตัวเอง เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยถึงน้อยมากที่จะให้เวลาหมดไปกับการ 'ศึกษาเรียนรู้' เพื่อที่จะไม่เป็นเหยื่อโจร ซึ่งแปลงโฉมมาต้มตุ๋นสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ไม่เว้นวัน ยุคนี้จึงมุ่งมาหากินกับกลุ่มคนที่ยัง 'หลับธรรม' เพราะเป็นผู้คนที่ 'หลอกง่าย' ด้วยไร้แสงสว่างทางใจแบบฝังลึก

มองมุมหนึ่งกลุ่มคนที่โอนเงินไปบริจาคให้กับ 'นักต้มตุ๋น' ไม่ว่าจะเคยเป็นมาในรูปแบบใด ก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่าน่าสงสาร เห็นใจ แต่ถ้ามองในมุมใหญ่ก็จะพบว่ายังคงเป็น 'คนกลุ่มเดิม' ที่ยังเดินหน้าให้โจรหลอกซ้ำหลอกซาก แค่โจรเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้า เปลี่ยนวิธีมาดึงดูดเงินทองของเหยื่อที่ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง  

ตราบที่สังคมไทยยังคงหลับใหล ไม่ตื่นในรสพระธรรมคำสอนที่จริงแท้ของพระพุทธเจ้า ก็จะมองคนสะอาดเป็นคนที่สกปรก และมองคนที่ประสงค์ร้ายต่อสังคมเป็นคนที่ปรารถนาดีต่อผู้คน สมควรต้องยกย่อง สรรเสริญ และนำเงินทองไปประเคนร่วมบุญตามคำชวน โดยไม่คิดจะตั้งคำถาม หรือสงสัยเส้นสายการเดินทางของเงินอภิมหาบุญเหล่านั้นผ่านช่องทางใคร? ไปหยุดอยู่ที่ตรงไหน? และนำไปทำสิ่งใดเพื่อสังคมบ้าง? 

ที่สุดก็ไม่พ้นกลุ่มคนที่มีสติ ซึ่ง 'ตื่นธรรม' อยู่ก่อนแล้วโดยที่ไม่ต้องรอคนขึ้นมึง ขึ้นกู มาสั่งสอน ต่างลงแรงช่วยกัน “ยุติโจรในคราบนักบุญ” เสียทุกราย 

คนกลุ่มนี้นี่ต่างหาก สมควรเรียก 'คนตื่นธรรม' โดยแท้จริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top