Tuesday, 8 July 2025
NewsFeed

กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภั

(2 ธ.ค. 67) เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม สำนักงานประสานงานชายแดนไทย – มาเลเซีย      (สน.ปทม.) ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเอก สวัสดิ์  ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา  พร้อมด้วยกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการกิจการทหารด้านความมั่นคงแบบองค์รวม ได้ร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน พร้อมเยี่ยมเยียนให้กำลังใจในการปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนของเจ้าหน้าที่ในห้วงวิกฤติอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พลตำรวจตรี ชุมพล  ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้การต้อนรับและบรรยายสรุปเกี่ยวกับแนวโน้มของสถานการณ์ แผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผลการดำเนินงานในห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนปัญหาและอุปสรรค เพื่อประมวลเป็นข้อเสนอแนะแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะนำข้อมูลและข้อคิดเห็นต่างๆ มาประกอบการพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไป

จีนปูพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ในชั้นเรียน เปิดสอนในหลักสูตรตั้งแต่ชั้นประถม-มัธยมต้น

(3 ธ.ค.67) กระทรวงศึกษาธิการของจีนเปิดเผยแผนยกระดับการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับเด็กรุ่นใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีเกิดใหม่

กระทรวงฯ เรียกร้องความพยายามสำรวจแนวทางการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ในโรงเรียนประถมและมัธยม พร้อมเน้นย้ำความจำเป็นในการบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ ความสนใจวิทยาศาสตร์ และทักษะดิจิทัลในเด็กนักเรียน

โรงเรียนควรจัดหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ผนวกปัญญาประดิษฐ์เข้าสู่เนื้อหาการเรียนการสอนทั่วไป และประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเด็กนักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนชั้นประถม

ครั้นเลื่อนชั้นสู่ประถมปลายและมัธยมต้น เด็กนักเรียนควรมุ่งเน้นทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ก่อนจะมีส่วนร่วมสร้างสรรค์โครงการปัญญาประดิษฐ์และสำรวจการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำสมัยในชั้นมัธยมปลาย

แผนริเริ่มนี้มุ่งรวบรวมทรัพยากรที่มีคุณภาพและเพิ่มขีดความสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการศึกษาอัจฉริยะระดับชาติ ซึ่งจะเพิ่มหมวดหมู่ปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตอันใกล้

นอกจากนั้นกระทรวงฯ กระตุ้นวิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูง เปิดห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์และโถงนิทรรศการให้นักเรียนประถมและมัธยมเข้าถึงด้วย

หวยจิ้นเผิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ เปรียบเปรยปัญญาประดิษฐ์เป็น 'กุญแจทอง' สำหรับระบบการศึกษา และตอกย้ำศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ในการกำหนดทิศทางอนาคตของการศึกษา พร้อมกับคว้าโอกาสและรับมือความท้าทาย

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 จีนคัดเลือกโรงเรียน 184 แห่ง เป็นฐานนำร่องการสำรวจปรัชญา ต้นแบบ และโครงการการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยมีเป้าหมายพัฒนากรณีตัวอย่างและประสบการณ์ที่สามารถต่อยอด ซึ่งจีนจะเพิ่มฐานนำร่องดังกล่าวในอนาคต

ทรัมป์โนมิกส์: เศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ที่กำลังจะกลับมาเขย่าโลก

ทรัมป์โนมิกส์ (Trumponomics) หมายถึงนโยบายเศรษฐกิจที่ดำเนินการในช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ปี 2017–2021) ซึ่งเน้นไปที่การลดภาษี การลดกฎระเบียบ การคุ้มครองทางการค้า และนโยบาย “America First” โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการเติบโตภายในประเทศ ลดการขาดดุลการค้า และฟื้นฟูภาคการผลิตและการจ้างงานของสหรัฐฯ 

ในตอนนั้นเองการดำเนินนโยบายทรัมป์โนมิกส์เป็นกรอบนโยบายเศรษฐกิจที่สร้างความแตกแยก เพราะในมุมของผู้สนับสนุนต่างพากันชื่นชมที่นโยบายนี้ที่เน้นความสำคัญของผลประโยชน์ภายในประเทศ ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท และการลดกฎระเบียบ ในขณะที่นักวิจารณ์ชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น หนี้ที่สูงขึ้น และความตึงเครียดทางการค้า ส่งผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันรวมไปถึงก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกอีกด้วย

เมียนมาย้ำลูกเรือประมงปลอดภัยดี แต่ยังไม่ระบุวันปล่อยตัว

กองทัพเมียนมาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ยิงเรือประมงไทยในทะเลอันดามันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าว 'เป็นไปตามกฎและระเบียบ' เนื่องจากเรือประมงไทยได้ล่วงล้ำน่านน้ำอาณาเขตของเมียนมา

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 02.40 น. บริเวณนอกชายฝั่งเกาะพยาม จังหวัดระนอง ประมาณ 12 ไมล์ทะเล (ราว 22 กิโลเมตร) เมื่อเรือรบหลายลำของกองทัพเรือเมียนมาโจมตีเรือประมงไทยจำนวน 15 ลำ  

พล.ต.ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา เปิดเผยว่า เรือรบของเมียนมาตรวจพบ 'กิจกรรมที่น่าสงสัย' นอกชายฝั่งเกาะสองผ่านเรดาร์ ก่อนระบุว่าเป็นเรือประมงอวนลาก เมียนมาได้ส่งสัญญาณให้เรือหยุดเพื่อตรวจสอบ แต่เรือดังกล่าวกลับหลบหนี ส่งผลให้กองทัพต้องดำเนินการไล่ตามและควบคุมตัว  

“เราปฏิบัติตามกฎระเบียบในการจัดการกับเรือประมงที่ล่วงล้ำน่านน้ำเมียนมา” ซอ มิน ตุน กล่าว พร้อมอ้างว่าได้ตรวจพบ 'วัตถุที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มต่อต้าน' บนเรืออวนลาก แม้ว่าวัตถุดังกล่าวจะไม่ใช่อาวุธร้ายแรงถึงชีวิต  

ซอ มิน ตุน ระบุว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าว และได้แจ้งข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ไทยแล้ว เขายืนยันว่าผู้ถูกควบคุมตัวซึ่งเป็นชาวไทยและชาวเมียนมา อยู่ใน 'สภาพดี'  

อย่างไรก็ตาม ซอ มิน ตุน ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขและเวลาปล่อยตัวลูกเรือไทย แต่ย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมาในระดับรัฐบาลและกองทัพยังคงดี และมีความพร้อมในการร่วมมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

มินิ วปอ. สนับสนุนกิจกรรมการกุศลงานกาชาดประจำปี 2567

เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.67) คณะตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 หรือที่รู้จักในนาม มินิ วปอ. นำโดย นางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน (ที่ 4 จากกลาง) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี  (กลาง) และนางชนิดา คล้ายพันธ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ บริษัท ติ๊กต๊อก เทคโนโลยีส์ จำกัด (กลางซ้าย) นำสิ่งของมูลค่า 185,000 บาท มอบให้กับสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย ณ สมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย โดยการมอบมีนางปัญญดา หนุนภักดี นายกสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย (กลางขวา) ให้เกียรติเป็นตัวแทนสมาคมฯ รับมอบสิ่งของ เพื่อนำไปสนับสนุนกิจกรรมการกุศลงานกาชาดประจําปี 2567 ที่จะมีการจัดขึ้นทั้งหมด 12 วัน 12 คืน ตั้งแต่วันที่ 11-22 ธันวาคม 2567

สิ่งของที่ คณะตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 นำมามอบมีหลากหลาย เช่น จักรยานจาก ดร.ณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน), ปลากระป๋อง จากนางสาววรรณศิริ เหล่าศิริชน กรรมการบริหารบริษัทซี เวลท์ โฟรเซ่น ฟู้ด จำกัด อีกทั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้า จากนายพสุ ลิปตพัลลภและนาย สกลกรย์ สระกวี บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นต้น

‘แสนชัย’ ของขึ้น! โพสต์ฟาดกลับเกรียนคีย์บอร์ด หลังโดนคอมเมนต์ด้อยค่าหาว่า ‘ชกแต่กับหมู’

วันที่ (3 พ.ย. 67) แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ยอดนักมวยไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเกรียนคีย์บอร์ดที่คอมเมนต์ด้อยค่าการชกมวยในปัจจุบันของเจ้าตัว ว่า ขออนุญาตอธิบายในพื้นที่ของผมนิดนะครับ

ขอบคุณสำหรับการติชม แต่ผมก็ต้องชกเลี้ยงครอบครัวผม ไม่ชอบดูก็แค่เลื่อนผ่าน แค่นั้นเองนะครับ ด้วยความเคารพ

ผมอายุ44แล้ว ไม่ต้องบอกผมว่าถ้าเก่งจริงให้ไปชกรายการนั้น รายการนี้หรอก มันขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณ ว่าคุณจะมองผมแบบไหน จะมองว่าเก่งหรือไม่เก่ง มันก็ขึ้นอยู่ที่มุมมองของคุณ ผมจะไม่พิสูจน์อะไรแล้ว แค่งานสัมมนาเผยแพร่มวยไทยผมก็เต็มทุกเดือนแล้ว!!!

พร้อมตอบคนที่เข้ามาคอมเมนต์ว่า 
1“คนไทย(บางคน)บอกว่า “ผมชกแต่หมูชกกับเด็กอนุบาลใครก็ชกเหมือนผมได้!!
ตอบ(1)แต่ฝรั่งถามผมว่าคุณชกและทำได้อย่างไรฉันอยากทำได้เหมือนคุณ!!

2.คนไทย(บางคน)บอกว่า “ชกแบบนี้ไม่มีใครอยากดู 
ตอบ(2)แต่ฝรั่งบอกผมว่า ฉันอยากดูและอยากเรียนรู้กับคุณ ช่วยมาสอนฉันที่ประเทศฉันได้ไหมโดยที่ฝรั่งเขาไม่สนว่าผมจะชกกับใคร!! 

นั่นล่ะทำไมผมถึงมีสัมมนาในหลายประเทศ
#คนจะรักชกที่ไหนเขาก็รัก #รักในสไตล์การชกของเรา จบนะ

ดรามาสามีคนใต้!! ‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ แซะนายกฯ ตอบเฉิ่ม เสี่ยงให้คิดว่าควรมีผัวให้ครบทุกภาค ด้าน ‘คำ ผกา’ ซัดกลับ มีผัวไม่ดียังไง หลายคนอยากมีแต่หาไม่ได้ โดนสวนแนะใช้น้ำยาบ้วนปาก

ศึกแดง-ส้มกลับมาอีกแล้ว หลังนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ถูกดราม่าหนักปมตอบสื่อว่าตนเองไม่ละเลยปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ โดยโยงเข้าเรื่องส่วนตัวของตนเองว่า “สามีเป็นคนใต้” ถ้าไม่รักคนใต้คงแต่งงานไม่ได้ จนเกิดเป็นเสียงวิจารณ์อย่างหนัก ถึงความเหมาะสมในการตอบคำถามดังกล่าว

ล่าสุด เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสส.พรรคก้าวไกล ได้ร่วมวงติเตียนคำตอบดังกล่าวของอุ๊งอิ๊งผ่าน X @AmaratJeab โดยโพสต์ภาพคำพูดของนายกฯ พร้อมกับข้อความ “คำตอบไม่เคยเกินชายคาบ้าน เฉิ่มทุกครั้งที่อ้าปาก แนวคิดคนที่เอาตัวเองเป็นแกนกลางของจักรวาล โลกทั้งใบหมุนรอบตัวฉัน” ทำเอาผู้สนับสนุนขั้วเดียวกันแห่เข้ามาคอมเมนต์เห็นด้วย โดยมองว่าคนที่รับบทบาทเป็นผู้นำประเทศควรมีวุฒิภาวะในการตอบคำถามมากกว่านี้ และไม่พูดเรื่องส่วนตัวรวมกับปัญหาระดับประเทศ

นอกจากนี้ เจี๊ยบ อมรัตน์ ยังโพสต์ข้อความถัดมาระบุว่า “ตอบคำถามยังไง ให้มีความเสี่ยงต้องมีผัวให้ครบทุกภาค” เป็นสาเหตุให้มีทั้งคนที่มองว่านี่เป็นมุกตลกที่ขำขัน ขณะที่ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และชาวเน็ตบางส่วนมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก และไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนถูกนำชีวิตมาดูถูกในเชิงตลกร้ายเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี หรือปุถุชนคนธรรมดาก็ตาม

หลังจากอดีตสส. เจี๊ยบ โพสต์ข้อความดังกล่าว คำ ผกา ตัวแม่ของฝั่งพรรคเพื่อไทยก็ออกมาโต้กลับอย่างเจ็บแสบว่า “มีผัวครบทุกภาคไม่ดียังไงเหรอคะคุณอมรัตน์? ทางนี้ใฝ่ฝันอยากมีตั้งแต่ขั้วโลกเหนือยันขั้วโลกใต้เลยค่ะ เผอิญหาไม่ได้” ทำเอาด้อมส้มและสาวกพรรคแดงตามมาถล่มคอมเมนต์กันยกใหญ่ ซัดกันคนละหมัดอย่างไม่มีใครยอมใคร

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 ธ.ค. 67 ได้แคปภาพข้อความของ คำ ผกา มาโพสต์และตอบกลับว่า “ไม่มีตรงไหนบอกว่าไม่ดี เรื่องหาไม่ได้ดิฉันไม่มีประสบการณ์ แนะนำให้ลองใช้น้ำยาบ้วนปาก ยุคนี้แล้วสงสัยใคร่รู้อะไรเสิร์ชถามกูเกิ้ล ขออนุญาตไม่เกลือกกลั้วด้วยอีก #เจี๊ยบอมรัตน์”

ดูลาดเลาแล้วสงครามโซเชียลคงจะไม่จบลงง่าย ๆ โดยเฉพาะนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ที่ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหนก็เป็นประเด็น แม้แต่ลงสตอรี่คำคมก็ไม่วายจะถูกหยิบยกมาเป็นดราม่า และวิพากษ์วิจารณ์บนโซเชียล แต่ก็คงไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะบานปลาย กระทั่งผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนหันมาวิวาทะกันเองเช่นนี้ คงต้องติดตามกันต่อว่าปมเล็ก ๆ ที่กลายเป็นมหากาพย์ ‘สามีคนใต้’ จะมีกระแสซบเซาลงจนชาวเน็ตลืมเลือนและเลิกพูดถึงได้วันไหน

‘ยูเนสโก’ ขึ้นทะเบียน ‘ต้มยำกุ้ง’ เป็นมรดกวัฒนธรรมฯ นับเป็นรายการที่ 5 ของไทย ที่ได้รับการรับรอง

ข่าวดีของประเทศไทย!! ‘ต้มยำกุ้ง’ ถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมฯ จากยูเนสโก เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา นับเป็นรายการที่ 5 ของไทย ที่ได้รับการรับรองต่อจาก โขน, นวดไทย, โนราห์, และ ประเพณีสงกรานต์

(4 ธ.ค. 67) เวลา 02.00 น. เวลาในประเทศไทยที่ กรุงอะซุนซิออง สาธารณรัฐปารากวัย องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้มีการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนการรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 (The 19th Session of the Intergovernmental Committee for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) โดยที่ประชุมได้ประกาศขึ้นทะเบียน ‘ต้มยำกุ้ง’ เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (The Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) ในการประชุมฯ

โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีผ่านระบบวีดิทัศน์ ว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติในโอกาสพิเศษนี้ ในนามของรัฐบาลไทยและคนไทยทั้งประเทศ ขอขอบคุณสาธารณรัฐปารากวัยสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ในครั้งนี้ รวมถึงคณะกรรมการฯ ที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ 'ต้มยำกุ้ง' เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ 

ทั้งนี้การขึ้นทะเบียน 'ต้มยำกุ้ง' ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 ในการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยต้มยำกุ้งของไทย เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ มีต้นกำเนิดจากภูมิปัญญาและวิถีปฏิบัติอันประณีตของชุมชนริมน้ำในภาคกลางของไทย สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นในทุกระดับของสังคม ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว ชุมชน โรงเรียน และร้านอาหาร จนกลายมาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ต้มยำกุ้งจึงเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีถึงมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ไทย โดยอาหารไทยจานนี้ยังสะท้อนถึงความเข้าใจในการใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องร่วมกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้งอีกด้วย ทั้งการใช้สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ การเพาะเลี้ยงกุ้งน้ำจืด การอนุรักษ์น้ำ ดิน และอากาศ การคัดเลือกและเตรียมวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน และท้ายสุดคือศิลปะการปรุงอาหารไทยที่ผสมผสานรสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการอย่างลงตัว

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ความรู้และแนวปฏิบัติเหล่านี้ไม่เพียงช่วยสร้างความมั่นคงด้านอาหาร สุขภาพและความอยู่ดีกินดีของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และความสมานฉันท์ในสังคมอีกด้วย ประเทศไทยจึงมุ่งมั่นในการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (Intangible Cultural Heritage – ICH) ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติอย่างเต็มที่ และพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อรักษา (safeguard) ICH ในฐานะทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืนในทั้ง 3 ด้าน - เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เชิญชวน ลิ้มลองต้มยำกุ้ง ที่ร้านอาหารไทยทั่วโลก หรือค้นหาสูตรอาหารออนไลน์เพื่อทดลองทำต้มยำกุ้งเองที่บ้าน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันแสนอร่อยและเต็มไปด้วยรสชาตินี้ด้วยกัน

แน่นอนว่า การขึ้นทะเบียนต้มยำกุ้งในครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น ในฐานะประเทศที่มากด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีและอาหารที่มีทั้งสตรีทฟู้ด อาหารนานาชนิดที่ขึ้นชื่อจนทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย หรือแม้แต่คนในต่างประเทศที่มีร้านอาหารไทยอยู่ในเมนูอันดับแรก ๆ ที่มักจะสั่งก็คือต้มยำกุ้งของไทย ซึ่งถือเป็นการสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์เมดอินไทยแลนด์ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประเทศไทย มีรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจากยูเนสโกมาแล้ว 4 รายการ คือ  โขน/ นวดไทย/ โนราห์ และ ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทย โดย ต้มยำกุ้ง ถือเป็นรายการที่ 5 ของไทย ที่ได้รับการรับรอง

นอกจากนี้ ยังมีประกาศขึ้นทะเบียน ‘ชุดเคบาย่า’ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งเป็นรายการที่เสนอร่วม 5 ประเทศ คือ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย

รู้จัก 'กลุ่มชุงอัม' พรรคพวก 'ยุนซอกยอล' เพื่อนร่วมรุ่นมัธยม กุมอำนาจฝ่ายความมั่นคงเกาหลีใต้

(4 ธ.ค.67) การเมืองเกาหลีใต้ร้อนระอุ หลังประธานาธิบดียุนซอกยอล ประกาศกฎอัยการศึกช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าพรรคฝ่ายค้านที่ครองเสียงข้างมากในรัฐสภา มีพฤติการณ์ต่อต้านรัฐโดยได้รับการสนับสนุนจากเกาหลีเหนือ ส่งผลให้สมาชิกรัฐสภาเรียกประชุมฉุกเฉิน ทั้งสส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ลงมติเอกฉันท์โหวตคว่ำกฎอัยการศึก ส่งผลให้ต่อมาประธานาธิบดียุนซอกยอล ยอมยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกในที่สุด 

ในรายงานข่าวของสื่อเกาหลีใต้ระบุถึงแหล่งข่าวว่า การประกาศกฎอัยการศึกของยุนซอกยอลได้รับการวางแผนและการสนับสนุนจาก 'กลุ่มชุงอัม' (Chungam faction) ซึ่งเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมชุงอัมในกรุงโซล ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกันกับที่ยุนซอกยอลเรียนจบ

สมาชิกกลุ่มชุงอัม ถูกระบุว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของยุนซอกยอล โดยศิษย์เก่าโรงเรียนชุงอัมหลายคน ปัจจุบันมีบทบาทใกล้ชิดประธานาธิบดียุนซอกยอล ทั้งสิ้น หลายคนดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลยุน ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรอง หรือหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย

คีย์แมนคนสำคัญในเหตุการณ์คืนวันที่ 3 ธ.ค. คือ คิมยองฮยอน รัฐมนตรีกลาโหม ผู้เป็นอดีตรุ่นพี่ของประธานาธิบดียุนซอกยอนในโรงเรียนมัธยมชุงอัม ได้หลีกเลี่ยงที่จะรับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ แต่กลับรับคำสั่งโดยตรงจากประธานาธิบดี โดยคิมยองฮยอน ได้สั่งให้กองพลรบพิเศษทางอากาศที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษ ที่ได้ฉายาว่า 'หน่วยอีเกิล' ภายใต้กองบัญชาการสงครามพิเศษของกองทัพบกเกาหลีบุกเข้าอาคารรัฐสภา

บุคคลสำคัญอีกรายคือ พลเอกปาร์กอันซู อดีตรุ่นน้องจากโรงเรียนมัธยมชุงอัน ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคม ปี 66 ยุนซอกยอล ได้แต่งตั้งเขาให้ดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพบกเกาหลีใต้ ทั้งรับหน้าที่เป็นนายทหารผู้บังคับบัญชากฎอัยการศึกด้วย อย่างไรก็ตามมีรายงานอีกฝ่ายระบุว่า พลเอกปาร์กอันซู ไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มชุงอันตามข่าว โดยว่าเขาจบจากโรงเรียนมัธยม Deokwon ในเมืองแดกู และเข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยเกาหลีใต้รุ่นที่ 46 

นอกจากบรรดาสายทหารแล้ว ยุนซอกยอน ยังได้แต่ตั้งนาย อีซังมิน รุ่นน้องจากโรงเรียนมัธยิมชุงอัม อีกทั้งยังเป็นอดีตผู้พิพากษาให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลกองกำลังตำรวจโดยตรง ในคืนกฎอัยการศึกมีรายงานว่า นายอีซังมิน ได้สั่งการโดยตรงต่อตำรวจนครบาลกรุงโซลให้เขาควบคุมพื้นที่อาคารรัฐสภา โดยหลีกเลี่ยงที่จะสั่งการผ่านหน่วยงานตำรวจแห่งชาติเกาหลี

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านเคยออกมาเตือนเรื่องความเป็นไปได้ในการประกาศกฎอัยการศึกโดยกลุ่มชุงอัม แต่ทางสำนักประธานาธิบดีออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ในเกาหลีใต้ยังไม่มีความชัดเจน แต่นักวิเคราะห์การเมืองต่างเห็นพ้องกันว่าการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดภายในรัฐบาลที่แตกขั้วอย่างชัดเจนเพราะในคณะรัฐมนตรีเกาหลีบางราย ไม่ทราบถึงการเตรียมประกาศกฎอัยการศึกมาก่อน จึงมองได้ว่าความวุ่นวายเมื่อคืนวันที่ 3 ธ.ค. เป็นความพยายามรักษาอำนาจของ 'กลุ่มชุงอัม' ของประธานาธิบดียุนซอกยอลอย่างชัดเจน

‘ไอติม’ ชื่นชมเกาหลีใต้ใช้กลไกลสภาสู้กลับ ‘ปธน.ยุน’ หลังโหวตคว่ำกฎอัยการศึก ยกเป็นบทเรียนต้านรัฐประหาร

‘ไอติม’ ปลื้ม ปชช.-นักการเมืองเกาหลีใต้ สู้กลับ ‘ปธน.ยุน ซอก ยอล’ ใช้กลไกลสภายกเลิก ‘กฎอัยการศึก’ มองชัยชนะครั้งนี้ เป็นบทเรียนประเทศอื่นต้าน “รัฐประหาร” 

วันที่ (4 ธ.ค.67) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน ทวิตข้อความว่า กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ใน #เกาหลีใต้ ด้วยความรู้สึกชื่นชมการต่อสู้กลับของประชาชนและนักการเมือง ในการใช้กลไกสภายกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี และหวังว่ากองทัพจะทำตามกฎหมาย แทนที่จะทำตามอำเภอใจของประธานาธิบดี

หากประชาชนเกาหลีใต้ปกป้องประชาธิปไตยได้สำเร็จ ชัยชนะนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศอื่น (รวมถึงไทย) ในการวางแนวทางป้องกันรัฐประหาร ซึ่งต้องดำเนินการ 2 อย่างคู่ขนาน

1. แก้กฎหมาย (เช่น รธน. / พรบ. กฎอัยการศึก) เพื่อติดอาวุธให้ประชาชนมีเครื่องมือหรือกลไกในการต่อต้านและต่อกรกับผู้ก่อรัฐประหาร

2. รณรงค์ทางความคิดให้ประชาชนและนักการเมืองทุกฝ่าย (ไม่ว่าสนับสนุนหรือสังกัดพรรคใด) มีจุดยืนร่วมกันในการออกมาปกป้องประชาธิปไตย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top