Sunday, 6 July 2025
NewsFeed

The Maverick Academy ซีรีส์ทำอาหารสุดมันส์ ถ่ายทำในไทย โดยกลุ่มดุสิตธานี

(22 พ.ย.67) กลุ่มดุสิตธานี ประกาศบทบาทในฐานะหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของ The Maverick Academy ซีรีส์การแข่งขันทำอาหารสุดแหวกแนว ที่จัดโดยเชฟมิชลินสตาร์ชื่อดัง อัลวิน เหลียง (Alvin Leung) หรือที่รู้จักในนาม The Demon Chef สตรีมมิ่งบนแพลตฟอร์ม Netflix ทั้งหมด 5 ตอน เผยเป็นการถ่ายทำในประเทศไทย โดยใช้สถานที่ของวิทยาลัยดุสิตธานี และ The Food School มั่นใจโชว์ศักยภาพและความเป็นเลิศด้านอาหาร งานบริการและการศึกษาด้านอาหารและโรงแรมของไทยสู่สายตาชาวโลก

ซีรีส์แข่งขันทำอาหาร The Maverick Academy ผลิตโดย AR Asia Productions เป็นการนำเสนอความท้าทายในการแข่งทำอาหารที่เต็มไปด้วยการเดิมพันและความเฉียบแหลมทางธุรกิจ โดยนำเชฟมากความสามารถ 8 คนจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มารวมตัวกัน รวมถึงอาจารย์วู้ดดี้-อาจารย์วุฒิศักดิ์ สิมโฮง อาจารย์ผู้สอนการทำอาหารที่วิทยาลัยดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในภารกิจค้นหาอัจฉริยะด้านการทำอาหารคนต่อไปที่จะร่วมฝึกงานกับเชฟอัลวิน เหลียง พร้อมรับโอกาสในการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขา

เชฟอัลวิน เป็นเชฟชาวฮ่องกง-แคนาดา ที่เกิดในอังกฤษและเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ เขาได้รับการยกย่องเรื่องสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ 'X-Treme Chinese Cuisine' โดยเขาได้ปรับแปลงอาหารจีนให้ทันสมัยและนำเสนอรสชาติใหม่ ๆ ในร้านอาหารทั่วโลก ปัจจุบันเขาคว้าดาวมิชลิน 2 ดวงที่ Bo Innovation ในฮ่องกง นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับในฐานะผู้ตัดสินรายการ MasterChef Canada ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและความหลงใหลในความเป็นเลิศด้านการทำอาหารของเขา

เชฟอัลวินเข้าร่วมใน The Maverick Academy โดยมีเชฟอีริก ชอง (Eric Chong) ผู้เคยผ่านการฝึกงานกับเชฟอัลวินเป็นคนแรก และเป็นผู้ชนะรายการ MasterChef Canada ฤดูกาลแรก มาเป็นผู้ร่วมดำเนินรายการ อีกทั้งยังมีผู้มีชื่อเสียงด้านการทำอาหารมากมายมาเป็นที่ปรึกษาและผู้ตัดสิน รวมถึงเชฟและเจ้าของร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในกรุงเทพฯ พร้อมด้วย มร. เอเดรียน รูดิน (Adrian Rudin) กรรมการผู้จัดการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่เพิ่งปรับโฉมใหม่ ซึ่งได้รับเกียรติให้เป็นกรรมการตัดสินในอีพีที่ 4

ขณะถ่ายทำในประเทศไทย ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดได้เข้าพักที่โรงแรม ASAI Bangkok Chinatown หนึ่งในโรงแรมเครือดุสิตที่เปี่ยมชีวิตชีวาใจกลางไชน่าทาวน์ ย่านอันน่าหลงใหลของกรุงเทพฯ โดยถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงนักเดินทางให้เข้ากับประสบการณ์ท้องถิ่นอย่างแท้จริง ที่พักที่เน้นไลฟ์สไตล์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้เข้าแข่งขันในการพักผ่อนและเติมพลังระหว่างการถ่ายทำที่ท้าทายทั้งด้านทักษะการทำอาหาร ความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิญญาณผู้ประกอบการของเหล่าผู้เข้าแข่งขัน

การแข่งขันยังใช้สิ่งอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัยของวิทยาลัยดุสิตธานี สถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของไทยรวมถึง The Food School โรงเรียนสอนทำอาหารข้ามชาติแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง 3 สถาบันสอนทำอาหาร ได้แก่ Tsuji ประเทศญี่ปุ่น ALMA ประเทศอิตาลี และวิทยาลัยดุสิตธานี ประเทศไทย โดยสถาบันเหล่านี้ล้วนมีชื่อเสียงในด้านโปรแกรมการทำอาหารและการโรงแรม ซึ่งเป็นการส่งมอบสถานที่จัดการแข่งขันที่สมบูรณ์แบบให้แก่ผู้เข้าแข่งขันได้แสดงทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนเอง

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังได้แสดงบทบาทที่ยอดเยี่ยมในฐานะเจ้าภาพและผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน โดยมีผู้เข้าแข่งขัน 3 คน เมนเทอร์ 4 คน และพันธมิตรผู้สนับสนุน 4 คนที่มาจากประเทศไทย ซึ่งกลุ่มดุสิตธานีมีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการทำอาหาร พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้กับเชฟรุ่นต่อไปทั้งในประเทศไทยและในเวทีระดับโลก

และในอีพี 4 เหล่าผู้เข้าแข่งขันต่างก็ตื่นเต้นไปกับการเยือนร้านอาหารบ้านดุสิตธานี กับโจทย์การแข่งขันที่ 'ศุภจี สุธรรมพันธุ์' ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ต้องการให้พวกเขาสร้างสรรค์เมนูที่ถ่ายทอดประสบการณ์และแก่นแท้สุดพิเศษของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่ ที่เพิ่งกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง โดยพวกเขาต้องใช้แรงบันดาลใจจากห้องอาหารไทย 'เบญจรงค์' ห้องอาหารเวียดนาม 'เธียนดอง' และห้องอาหารสไตล์ละตินอเมริกา 'โนมาดา'  ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายความสามารถของพวกเขาอย่างมาก

“การสนับสนุน The Maverick Academy ของกลุ่มดุสิตธานี ตอกย้ำความทุ่มเทของเราสู่ความเป็นเลิศในด้านศิลปะการประกอบอาหาร การบริการส่วนบุคคล และการศึกษาด้านการโรงแรม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิตธานี กล่าว

'ศุภจี' มั่นใจว่า ด้วยรูปแบบที่มีชีวิตชีวา การดึงดูดผู้ชมที่หลากหลาย และผู้มีความสามารถด้านการทำอาหารที่น่าตื่นเต้นจากประเทศไทย รายการนี้ทำหน้าที่เป็นเวทีที่ยอดเยี่ยมในการสนับสนุนความเป็นเลิศด้านการทำอาหารในประเทศไทย และสะท้อนถึงมรดกทางอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของราชอาณาจักรไทยอีกด้วย

The Maverick Academy ทั้ง 5 EP พร้อมให้รับชมได้แล้วทาง Netflix

ICC ออกหมายจับ เนทันยาฮู – อดีตรมว.กลาโหมยิว ก่ออาชญากรรมสงคราม อิสราเอลโต้ หมายจับไร้สาระ โวยเป็นการต่อต้านชาวยิว

(22 พ.ย.67) เว็บไซต์ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ออกประกาศหมายจับกรณีอาชญากรรมสงคราม ต่อนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และนายโยอาฟ กัลเเลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล โดย ICC ระบุว่าทั้งผู้นำอิสราเอลและอดีตรัฐมนตรีกลาโหมมีส่วนใช้วิธีทำให้ผู้คนขาดแคลนอาหารเป็นยุทธวิธีการทำสงคราม ซึ่งเป็นอาชญากรรมต่อมุษยชาติ ซึ่งรวมถึงการสังหาร กดขี่ประหัตประหาร รวมทั้งพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ปราศจากความปรานี

นอกจากหมายจับทั้งสองแล้ว ICC ยังได้ออกหมายจับมูฮัมมัด เดอิฟ หัวหน้าฝ่ายทหารของฮามาสในฉนวนกาซา ในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งรวมถึงการสังหาร จับตัวประกันและความรุนเเรงทางเพศ 

หลังการออกประกาศดังกล่าว ด้านสำนักงานของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ปฏิเสธการตัดสินใจของศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่ออกหมายจับตัวเขาและโยอาฟ กัลเเลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล แถลงการณ์ของเนทันยาฮูระบุว่า นี่คือวันที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติต่าง ๆ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในกรุงเฮก ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อปกป้องมนุษยชาติ กลายมาเป็นศัตรูของมนุษยชาติในวันนี้ อิสราเอลขอแสดงความรังเกียจต่อการกระทำที่ไร้สาระและเป็นเท็จของศาลอาญาระหว่างประเทศ และเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการต่อต้านชาวยิว

ทั้งนี้ หมายจับเนทันยาฮู และกัลแลนต์ เป็นการกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติระหว่างปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ปีที่แล้ว

จับตา ‘นายกฯแบน’ ขยับลงชิงนายกฯอบจ.สงขลา ‘ภูมิใจไทย’ ส่งชิมลาง ก่อนรุกคืบเลือกตั้งสนามใหญ่

จับตาการขยับตัวของ นายกฯแบน หรือ นายประสงค์ บริรักษ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเขารูปช้างหลายสมัย

นายกฯแบนบริหารเทศบาลเมืองเขารูปช้างมาหลายสมัย แต่มาแพ้ให้กับเด็กนิพนธ์ บุญญามณี

นายกฯแบนหันไปลงการเมืองสนามใหญ่ ลงสมัคร สส.เขต 1 สงขลา ในนามพรรคภูมิใจไทย แต่แพ้ให้กับสรรเพชญ บุญญามณี ลูกชายของนิพนธ์

เมื่อไพเจนประกาศถอย ไม่ลงรักษาแชมป์นายกฯอบจ.สงขลา เปิดทางให้สุพิศ พิทักษ์ธรรม ลง

เส้นทางของสุพิศไม่ได้ปูลาดด้วยกลีบกุหลาบ แม้ไพเจนจะเปิดทางให้ก็ตาม เมื่อสายภูมิใจไทยเริ่มเห็นช่องทาง ก็เริ่มขยับตัว มีการพูดถึงนายกฯแบน ที่พอจะสู้ไหว แม้เงินทองจะอู้ฟู่สู้สุพิศไม่ได้ แต่องคาพยพของภูมิใจไทยก็ไม่ธรรมดา ถ้าพรรคคิดจะสู้

วันนี้ภูมิใจไทยเพียงแค่รอผลการเลือกตั้งนายกฯอบจ.นครศรีฯ ถ้าผลการเลือกตั้งออกมา 'น้ำ-วาริน ชิณวงศ์' ชนะการเลือกตั้ง แน่นอนว่า ภูมิใจไทยจะต้องส่งตัวแทนลงชิงนายกฯอบจ.สงขลา และสายตาก็เพ่งเล็งไปยังนายกฯแบน

มองไปถึงสนามเลือกตั้งใหญ่ ภูมิใจไทยหวังขยายฐานเพิ่มอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ ภายใต้การนำทัพของพิพัฒน์ รัชกิจประการ จังหวัดใหญ่อย่างสุราษฎร์ฯ นครศรีฯ และสงขลา ย่อมเป็นพื้นที่เป้าหมาย แค่ 3 จังหวัดมี สส.20 กว่าคน

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ภูมิใจไทย ก็เข้าไปตีฐานของประชาธิปัตย์ได้หลายที่นั่ง สุราษฎร์ธานี 1 นครศรีฯ 2 และสงขลา 1 ที่นั่ง

การปูฐานจากสนามท้องถิ่นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องค่อย ๆ ขยับขึ้นมา 'ณัฏฐ์ชนนท์ ศรีก่อเกื้อ' ได้ก่อหัวเชื้อไว้ให้ภูมิใจไทย เป็นสมัยที่ 2 แล้วในจังหวัดสงขลา ถ้าเข้ามายึดหัวหาด อบจ.ไว้ได้ อนาคตการจะขอพื้นที่ สส.เพิ่มในจังหวัดสงขลา จึงเป็นเรื่องไม่น่ายากในสถานการณ์ที่ประชาธิปัตย์ร่อแร่

ประชาธิปัตย์ร่อแร่กับการถูกโรคร้ายรุมกัดกิน ขัดแย้งกันเองในพรรค ผู้นำพรรคตระบัดสัตย์ การตัดสินใจนำพาพรรคเข้าร่วมรัฐบาลทายาททักษิณ เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลให้ประชาธิปัตย์อ่อนแอ

เมื่อร่างกายอ่อนแอเป็นธรรมดาที่จะถูกจู่โจมเข้าโรมรัน อันเป็นสถานการณ์อ่อนแอที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับประชาธิปัตย์มาก่อน แม้สมัย 10 มกรา ก็ยังไม่หนักเท่านี้

ความอ่อนแอของประชาธิปัตย์ จึงเปิดช่องให้ภูมิใจไทยที่กำลังดีขึ้นเข้าโจมตีได้ โดยที่ประชาธิปัตย์ก็ไม่มีวัคซีนป้องกันตัวเอง มีแต่จะเห็นเชื้อโรคร้ายเข้ามากัดกร่อนให้ทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ

กว่าผู้อยู่อาศัยจะรู้ บ้านก็น่าจะพังจนยากจะบูรณะซ่อมแซมแล้ว ต้องรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ แต่กว่าจะสร้างใหม่เสร็จ ภูมิใจไทยก็แข็งแกร่งเกินจะต้านแล้ว

มาม่าเผย เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ ก็ยังขายดี เหตุลูกค้าหลักมาม่าไม่ได้รวยขึ้น

(22 พ.ย.67) บนเวทีเสวนา 'THAILAND 2025 โอกาส-ความหวัง-ความจริง' ที่จัดโดยประชาชาติธุรกิจ นาย นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 'มาม่า' กล่าวในตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยมีอายุถึง 50 ปีแล้ว และยังคงเป็นเทรนด์อย่างต่อเนื่อง แม้ยอดบริโภคต่อคนจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ

โดยเมื่อ 2 ปีก่อน คนไทยบริโภคเฉลี่ย 52 ซองต่อปี ปัจจุบันเพิ่มเป็น 55 ซองต่อปี แม้ว่าธุรกิจนี้ยังจะไม่อยู่ในช่วงขาลง แต่ก็ต้องมีการพัฒนาโปรดักส์ใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับการโฟกัสผลิตภัณฑ์หลัก ทั้งนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกจำกัดเรื่องราคา โดยในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา มีการปรับราคาขายเพียง 3 ครั้ง ครั้งละ 1 บาท ในปี 2541, 2551 และล่าสุดในปี 2565  

นายพันธ์กล่าวว่า ช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเกาหลี เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทย ขายในราคาสูงถึง 35-45 บาท ทำให้แบ่งส่วนตลาดไปมาก แต่ในทางกลับกัน กลับเป็นโอกาสให้ 'มาม่า' ปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยรีแบรนด์สินค้า เช่น 'มาม่าโอเค' ในราคาซองละ 15 บาท ซึ่งได้รับความนิยมสูงจนมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 10%  

“มาม่าโอเคไม่ได้เป็นสินค้าราคาแพง แต่เป็นสินค้าที่คุณภาพเทียบเท่าต่างประเทศ คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ และยังเข้าถึงกลุ่มคนอายุ 30 ปีขึ้นไปได้ดี รวมถึงการเปิดร้าน ‘มาม่าสเตชั่น’ ที่อาร์ซีเอ ซึ่งมียอดขายดีมาก” นายพันธ์กล่าว  

ปัจจุบัน มาม่ายังครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในธุรกิจที่มีผู้เล่นไม่กี่ราย เพราะสามารถบริหารต้นทุนได้ดี แม้กำไรจะน้อย ถือเป็นจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจ  

เมื่อถามถึงผลกระทบหากเศรษฐกิจดีขึ้น นายพันธ์ระบุว่า “ผมไม่กังวล เพราะกลุ่มลูกค้าหลักของมาม่ายังมีรายได้จำกัด และต้องเผชิญกับภาระรายจ่าย แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นก็มีโอกาสสร้างหนี้มากขึ้น รัฐควรแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ พร้อมให้ความรู้เรื่องการออม”  

อย่างไรก็ตาม นายพันธ์ยอมรับว่าปัญหาใหญ่ของมาม่าคือการสร้างบุคลากรใหม่ “เด็กยุคนี้ไม่สนใจทำงานในบริษัท เราต้องสร้างบรรยากาศที่น่าทำงานให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันมาม่าไม่ติด 1 ใน 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากทำงาน”

ศาลโสมขาวปัดตก อาชีพนักร้อง-ไอดอล 'ไม่ใช่' แรงงานตามกม. ศิลปินเอาผิดต้นสังกัดไม่ได้

(22 พ.ย.67) สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลเกาหลีใต้ได้ปัดตกคำร้องของฮันนิ สมาชิกวง New Jeans ที่ร้องต่อศาลให้พิจารณาสถานะความเป็นศิลปิน ว่าถือเป็น 'แรงงาน' ตามกฎหมายแรงงานของเกาหลีใต้หรือไม่ หลังจากที่เธอถูกกลั่นแกล้งจาก HYBE ค่ายต้นสังกัดของเธอ 

ฮันนิ สมาชิกวง New Jeans ร้องต่อศาลว่าเธอถูกค่าย  HYBE เอาเปรียบทางสัญญาการจ้างงานตามกฎหมายแรงงานของเกาหลีใต้ ทว่า ศาลได้มีคำพิจารณาว่าอาชีพ ศิลปิน-ไอดอล 'ไม่ใช่' แรงงานตามกฎหมายแรงงานของเกาหลีใต้ โดยศาลให้คำพิจารณาว่า "เมื่อพิจารณาจากสัญญาที่ลงนามโดยฮันนิ เธอไม่มีสถานะเป็นแรงงานตามกฎหมายแรงงาน เนื่องจากอาชีพดังกล่าวมีการจ่ายค่าตอบแทนในรูปแบบความสัมพันธ์แบบลูกจ้าง-นายจ้าง แต่มีสถานะเป็นนิติบุคคลพิเศษที่ปฏิบัติงานภายใต้ต้นสังกัด ซึ่งรวมถึงนักแสดง นักร้อง ไอดอล และศิลปินคนอื่น ๆ ด้วย"

คำตัดสินดังกล่าวของศาลเกาหลีใต้อาจสร้างผลกระทบวงกว้างต่อแวดวงศิลปินดาราเกาหลี เพราะจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้ศาลมีการพิจารณาในลักษณะเดียวกันต่อศิลปินคนอื่น หากศิลปินมีการฟ้องร้องเกี่ยวกับสัญญาการจ้างงานต่อต้นสังกัด ซึ่งถือเป็นคำตัดสินที่อาจสะเทือนการให้นิยมการจ้างงานในฐานะศิลปิน

ทั้งนี้ ปัจจุบัน สมาชิกวง New Jeans ทั้ง 5 คนประกาศพร้อมยกเลิกสัญญากับทาง ADOR ซึ่งเป็นค่ายในเครือ HYBE หากไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของพวกเธอภายใน 14 วัน โดย 1 ในเงื่อนไขของพวกเธอคือ การแก้ไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งพวกเธอได้อ้างอิงถึง 'เอกสารลับ' ของ HYBE ที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ ว่าทางค่าย จะทิ้งวง New Jeans และสร้างวงใหม่ขึ้นมาแทน

จีนจับมือเมียนมา กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทลายรังฉ้อโกงขนาดใหญ่ตอนเหนือของประเทศ

(22 พ.ย.67) กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนรายงานการกวาดล้างศูนย์ฉ้อโกงทางโทรคมนาคม หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ทั้งหมดทางตอนเหนือของเมียนมา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนจีน-เมียนมา

รายงานระบุว่ามีการจับกุมชาวจีนผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงทางโทรคมนาคมกว่า 53,000 ราย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนกับเมียนมา นับตั้งแต่กระทรวงฯ ดำเนินการปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมทางตอนเหนือของเมียนมาเมื่อปี 2023

เมื่อไม่นานนี้ มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงทางโทรคมนาคมในพื้นที่เมืองตั้งยานทางตอนเหนือของเมียนมาเป็นครั้งแรก จำนวน 1,079 ราย ระหว่างปฏิบัติการร่วมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นเมียนมา

รายงานเสริมว่ามีการส่งตัวชาวจีนผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงทางโทรคมนาคมที่ถูกจับกุมในพื้นที่เมืองตั้งยานของเมียนมาให้จีนทั้งหมด 763 ราย และปฏิบัติการร่วมดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม

ทั้งนี้ หน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะของจีนจะยังคงมุ่งมั่นปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมข้ามพรมแดนอย่างเข้มงวดต่อไป โดยเฉพาะหลายพื้นที่ที่มีแหล่งมิจฉาชีพอยู่หนาแน่น

กระทรวงฯ จะเพิ่มความร่วมมือบังคับใช้กฎหมายระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนกับเมียนมา พร้อมเตือนประชาชนระมัดระวังข้อมูลการรับสมัครงานในต่างประเทศที่มีรายได้สูง เนื่องจากอาจเป็นการหลอกลวงเข้าสู่การก่ออาชญากรรม

ประกาศขายด่วน!! พระตำหนักเวนคอร์ต ในอังกฤษ ครั้งหนึ่ง ‘รัชกาลที่ 7’ เคยพำนักหลังสละราชสมบัติ

เว็บไซต์ ขายบ้านของอังกฤษ ประกาศ ขายพระตำหนักเวนคอร์ต ที่ 'รัชกาลที่ 7-สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ' ทรงประทับหลังการสละราชสมบัติ ช่วงปี 2480-2482 เผยราคาน่าสนใจ มหาเศรษฐีไทยจับต้องได้

เมื่อวันที่ (20 พ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ขายบ้านของอังกฤษ 'inigo.com' ได้ประกาศขาย พระตำหนักเวนคอร์ต (Vane Court) พระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงประทับหลังการสละราชสมบัติ ในช่วงระหว่างปี 2480-2482 ซึ่งพระตำหนักแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านบิ้ดเด็นเด็น (Biddenden) ใกล้เมืองแอชฟอร์ด (Ashford) ในจังหวัดเคนท์ (Kent) ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 200 ไมล์

โดยเว็บไซต์ได้บรรยายว่า พระตำหนักเวนคอร์ต ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์และราชินีแห่งประเทศไทย เคยเป็นห้องโถง Wealden อันเก่าแก่ในศตวรรษที่ 15 ในหมู่บ้าน Biddenden รัฐ Kent ที่เป็นที่ต้องการ บ้านหลังนี้มีลักษณะพิเศษ โดยเจ้าของปัจจุบันต้องได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด โดยให้ความเอาใจใส่อย่างระมัดระวังต่อองค์ประกอบในการบูรณะ ขณะเดียวกันก็นำแง่มุมของความทันสมัยมาใช้อย่างละเอียดอ่อน บ้านหลังหลักมีพื้นที่ภายในเกิน 6,500 ตารางฟุต ประกอบด้วยห้องนอน 7 ห้อง และพื้นที่นั่งเล่นและห้องอ่านหนังสืออเนกประสงค์หลายห้อง บ้านหลังนี้อยู่ในสวนประดิษฐ์และสระน้ำอันเงียบสงบบนพื้นที่ประมาณ 5.36 เอเคอร์ พร้อมด้วยสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส และโรงจอดรถสำหรับรถสี่คัน

เว็บไซต์บรรยายด้วยว่า ระหว่างการประทับที่พระตำหนัก เวนคอร์ต พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงสำราญเป็นอย่างมาก พระจริยวัตรที่ทรงโปรดปรานคือการเสด็จลงทำสวน ปลูกต้นคาร์เนชั่น ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงตัดดอกไม้มาปักแจกันไว้ตามห้องต่าง ๆ ในพระตำหนักทุกวัน อีกทั้งสองพระองค์ยังโปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรดอกไม้ในสวน มีสะพานเล็ก ๆ 

มีบ่อน้ำที่ทรงเลี้ยงเป็ดเทศไว้หลายพันธุ์ ชาวบ้านในละแวกนั้นก็ได้เข้าเฝ้าฯ ทั้งสองพระองค์บ่อย ๆ เพราะแทนที่จะทรงสั่งซื้อของและให้ร้านในเมืองไปส่งที่พระตำหนัก แต่กลับทรงจักรยานตามถนนเล็ก ๆ เพื่อทรงจับจ่ายจากร้านในหมู่บ้าน โดยสัปดาห์หนึ่ง จะซื้อที่ร้านหนึ่ง อีกสัปดาห์ก็ซื้อของที่อีกร้าน รวมทั้งยังทรงทำหน้าที่เป็นมูลนาย (Squire) ประจำหมู่บ้าน ทรงเป็นองค์ประธานพระราชทานถ้วยรางวัลในการประกวดดอกไม้ งานแข่งม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านมั่นใจว่า พระองค์จะไม่กลับไปที่ประเทศสยาม เพราะทุกครั้งที่เห็นพระองค์ทรงพระดำเนินไปตามถนนในหมู่บ้านกับสุนัขพันธุ์แอร์เดล ที่ชื่อว่า แซม เขาเชื่อว่า พระองค์โปรดที่จะประทับในประเทศอังกฤษอย่างเงียบ ๆ มากกว่า

จากนั้นบรรยายส่วนต่าง ๆ ของบ้านทั้งภายในภายนอก หมดทุกซอกทุกมุม รวมถึงบริเวณโดยรอบของบ้านอย่างละเอียด ภายหลังเจ้าของบ้านปัจจุบันของพระตำหนัก เวนคอร์ต ทำการรีโนเวทบ้านหลังนี้ใหม่ โดยยังคงเอกลักษณ์บ้านเดิมเอาไว้ให้มากที่สุด แต่สอดแทรกความโมเดิร์นเข้าไปได้อย่างลงตัว โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 3,950,000 ปอนด์ หรือ 173,618,300 บาท

ข้อถกเถียงเรื่องภาษีบุหรี่ไฟฟ้า – คุ้มค่ากับสุขภาพของคนไทยหรือไม่?

การอนุญาตและการเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยกลายเป็นประเด็นร้อนที่ยังถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง โดย 'ศ.นพ. ประกิต วาทีสาธกกิจ' ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้ตั้งคำถามว่า การเก็บภาษีนี้จะช่วยรัฐให้มีรายได้เพิ่มขึ้นคุ้มค่ากับปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงหากเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่เห็นด้วยกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกทดแทนได้ชี้ให้เห็นถึงข้อดีด้านสุขภาพเมื่อเปรียบเทียบกับบุหรี่มวนแบบดั้งเดิม การใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจช่วยลดความเสี่ยงจากสารพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคปอดและมะเร็ง หากบุหรี่ไฟฟ้าถูกควบคุมให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ ภาครัฐจะสามารถดูแลให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยมากขึ้น และป้องกันการเข้ามาของสินค้าปลอมและสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพในตลาด ซึ่งมักมีส่วนประกอบที่เสี่ยงสูงกว่าและไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน

ประเด็นที่สำคัญคือ การให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างถูกต้องเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าให้ปลอดภัย เพื่อสร้างความเข้าใจถึงข้อแตกต่างระหว่างบุหรี่ไฟฟ้ากับบุหรี่มวน รวมถึงการใช้ที่เหมาะสมและวิธีป้องกันการเสพติด บุหรี่ไฟฟ้าอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือช่วยผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่มวนได้ โดยเฉพาะหากมีการให้ความรู้ในวงกว้างเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ควรเน้นย้ำถึงความเสี่ยงของการเสพติดสารนิโคตินที่ยังคงมีอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งหากใช้อย่างไม่ถูกวิธีหรือใช้ในกลุ่มที่ไม่ควรใช้อย่างเยาวชน อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว

หากรัฐบาลออกมาตรการควบคุมให้ชัดเจน เช่น การจำกัดบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีกลิ่นหอมหวานหรือรสชาติเย้ายวนสำหรับเยาวชน และกำหนดมาตรฐานการผลิตและนำเข้าที่เข้มงวด การควบคุมนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าในตลาดมีคุณภาพและปลอดภัยมากขึ้น และลดโอกาสการเข้าถึงของสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพหรือสินค้าปลอมในตลาด ซึ่งไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงทางสุขภาพ แต่ยังเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อสุขภาพของคนในประเทศ

ในท้ายที่สุด การควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยควรคำนึงถึงการสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความปลอดภัยและการลดความเสี่ยงของประชาชน การยอมรับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างมีมาตรฐานและการจัดเก็บภาษีอย่างเหมาะสมอาจช่วยลดอันตรายจากการเผาไหม้ของบุหรี่มวน และอาจเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับรัฐในระยะยาวหากสามารถควบคุมและป้องกันการเข้าถึงในกลุ่มที่ไม่เหมาะสม เช่น เยาวชนได้  
การศึกษาจากนโยบายต่างประเทศแสดงให้เห็นว่า หากประเทศไทยเลือกแนวทางการควบคุมที่เน้นคุณภาพและความปลอดภัย บุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นเครื่องมือในการช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่มวนแบบดั้งเดิมที่เสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งปอดและโรคหัวใจ ในขณะที่เปิดทางให้มีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างเคร่งครัด และป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างสินค้าปลอมเข้าสู่ตลาด นี่จะเป็นก้าวสำคัญสู่การลดผลกระทบทางสุขภาพของผู้สูบและเสริมสร้างสุขภาพของประชาชนในระยะยาว

สมาคมตำรวจประชุมพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากลประจำปี 2568

(22 พ.ย.67) เวลา 08.30 น. สมาคมตำรวจได้จัดการประชุมพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2568 ณ ห้องบุญยะจินดา 4 ชั้น 2 อาคารสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ เป็นคณะอนุกรรมการคัดเลือกฯ , พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองนายกสมาคมตำรวจ และ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองประธานอนุกรรมการ

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้สมาคมตำรวจดำเนินการพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และส่งผลการพิจารณาคัดเลือกให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2568 โดยจะพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น รวมทั้งหมด 9 รางวัล ได้แก่

1. รางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับรองสารวัตร(สอบสวน) ด้านคดีอาญาทั่วไป จำนวน 3 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ , รางวัลรองชนะเลิศ และรางวัลชมเชย 

2. รางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับรองสารวัตร(สอบสวน) ด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่เด็กหรือสตรี จำนวน 3 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ , รางวัลรองชนะเลิศ และรางวัลชมเชย

3. รางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสารวัตร(สอบสวน) ขึ้นไป จำนวน 3 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ , รางวัลรองชนะเลิศ และรางวัลชมเชย 

ในปีนี้มีพนักงานสอบสวนหญิงที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ในระดับกองบังคับการและระดับกองบัญชาการ เข้ารับการพิจารณาคัดเลือกในระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 21 คน สำหรับรางวัลสำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือก รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 7,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากสมาคมตำรวจ , รางวัลรองชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากสมาคมตำรวจ , รางวัลชมเชย ได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสมาคมตำรวจ 

นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ,รองชนะเลิศ และรางวัลชมเชย จะได้รับการเสนอชื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณามอบโล่หรือรางวัล ส่วนรางวัลชนะเลิศในแต่ละรางวัลทั้ง 3 รางวัล จะเสนอชื่อให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2568 ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ไม่ย่อท้อต่อภาระหน้าที่ ซึ่งเป็นผลดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สังคม และประชาชน ด้วยความสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ต่อไป

'พิชัย' จับมือ 'แคทเธอรีน ไท' ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่เปรู ดันไทยเป็นฐานผลิตสินค้าอุตสาหกรรมใหม่สหรัฐฯ ดันต่ออายุ GSP หลุดบัญชี Wacth List พร้อมเตรียมพบคณะสภาธุรกิจสหรัฐฯ - อาเซียน (USABC) 25 พ.ย.นี้

(22 พ.ย.67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในระหว่างเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปคและการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2567 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ตนและคณะได้หารือกับนางแคทเธอรีน ไท ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า โดยเฉพาะการผลักดันการต่ออายุโครงการ GSP และส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ นอกจากนี้ในวันที่ 25 พ.ย. 2567 นายพิชัยยังมีกำหนดพบกับทัพนักธุรกิจ จากสภาธุรกิจสหรัฐฯ - อาเซียน (USABC) จำนวนกว่า 50 คน จากบริษัทชั้นนำของสหรัฐ อาทิ Amazon, Apple, Boeing, Citi, Google, Mastercard และ Seagate ที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือแนวทางสนับสนุนนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ในการยกระดับเศรษฐกิจไทย พร้อมทั้งต่อยอดการเป็นพันธมิตรทางการค้ากับไทยต่อไปในอนาคต 

โดยในการหารือกับ นางแคทเธอรีน ไท ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ นายพิชัย เปิดเผยว่า ไทยและสหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ระหว่างกัน โดยในการหารือไทยได้แสดงความยินดีต่อการสรุปผลแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) ที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List) ซึ่งสหรัฐก็ได้เสนอว่าจะรีบดำเนินการให้เพราะไทยได้ทำตามที่สหรัฐต้องการ และรับปากว่าจะเอาไทยออกจาก Watch List ในเร็วๆนี้  นอกจากนี้ ไทยขอให้สหรัฐฯ พิจารณาเร่งรัดการต่ออายุการให้สิทธิ GSP ที่ได้หมดอายุไปเมื่อปลายปี 2563 ให้เสร็จโดยเร็ว เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ ซึ่งสหรัฐรับที่จะนำกลับมาดำเนินการให้ไทย 

โดยไทยได้แจ้งสหรัฐฯ ว่าพร้อมเป็นพันธมิตรด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของสหรัฐฯ เช่น ดิจิทัล AI อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ ผมได้ขอบคุณบริษัทดิจิทัลสัญชาติสหรัฐฯ อย่างบริษัท Google และ Amazon ที่ได้ยืนยันแผนการลงทุนในธุรกิจ Data Center และ Cloud Service ในไทย ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลของภูมิภาค พร้อมทั้งได้เชิญชวนบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ อื่นๆ เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มอีกปลายเดือนนี้

“ตนจะเดินทางไปงานสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจะมีโอกาสได้เจอกับผู้นำทางการค้า ซึ่งได้ใช้โอกาสนี้พูดคุยกันไว้ก่อนแล้ว ซึ่งจะเป็นการไปพูดคุยว่าไทยเป็นมิตร และบริษัทในสหรัฐจะมาลงทุนในไทยเยอะ จึงควรจะเอื้อประโยชน์ให้ไทย ซึ่งหากจะเกิดสงครามการค้า ให้มองข้ามไทยไป นี่คือแนวทางของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งทางท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็ให้นโยบายในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุด” นายพิชัย กล่าว

ซึ่งก่อนหน้านี้นายพิชัยได้ นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ประชุมกับอัครราชทูต(ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานพาณิชย์ ณ กรุงวอชิงตัน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ในภูมิภาคอเมริกาและลาตินอเมริกา และผู้นำเข้าสินค้าไทยรายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าในตลาดสหรัฐฯ ทำงานเป็นทีมพาณิชย์เชิงรุก ตามนโยบายของรัฐบาล เร่งหาโอกาสทางการค้า การลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ไทย ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ยินดีส่งเสริมแก้ไขอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top