Sunday, 6 July 2025
NewsFeed

'พล.ต.ท.กรไชยฯ' ตรวจการปฏิบัติด้านงานจราจรบริเวณหน้าโรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน กำชับตำรวจดูแลการจราจรอย่างเต็มกำลัง และขอความร่วมมือผู้ปกครองและนักเรียนไม่จอดแช่ 'จอด ลง ส่ง ไป'

(20 พ.ย.67) เวลา 06.30 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจการปฏิบัติด้านงานจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร ชั้นใน ที่บริเวณหน้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ถ.สามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยมี พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผบก.จร. และผู้เกี่ยวข้องร่วมตรวจการปฏิบัติ

พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ตรวจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจจราจร ในการอำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษา และได้พูดคุยสอบถามปัญหาการจราจร และชี้แจงการปฏิบัติกับครู ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนของทั้ง 2 โรงเรียนด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.ท.กรไชยฯ กล่าวว่า จากการตรวจการปฏิบัติด้านงานจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษาในวันนี้ พบว่าภาพรวมเจ้าหน้าที่ตำรวจและสถานศึกษาร่วมดูแลอำนวยความสะดวกการจราจรได้เป็นอย่างดี โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจรอย่างเต็มกำลัง เพื่อจัดการจราจรให้เด็กนักเรียนทุกคนถึงโรงเรียนด้วยความรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมขอความร่วมมือผู้ปกครองที่ขับรถมาส่งนักเรียนหน้าโรงเรียนทุกแห่ง ขอให้ไม่จอดแช่ โดยขอให้เด็กๆ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงหน้าโรงเรียน และพร้อมลงจากรถทันทีเมื่อผู้ปกครองขับรถมาส่งหน้าโรงเรียน เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด ตามหลักการ 'จอด ลง ส่ง ไป'

จากนั้น พล.ต.ท.กรไชยฯ เดินทางโดยรถจักรยานยนต์ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ เพื่อตรวจการปฏิบัติด้านจราจร และตรวจเส้นทางการจราจรตั้งแต่บริเวณหน้าโรงเรียนทั้ง 2 แห่ง จนถึง ถ.พระรามที่ 1 พบว่าบางเส้นทางมีการจราจรหนาแน่น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอยู่ประจำจุดคอยอำนวยความสะดวกไม่ให้เกิดปัญหารถติดสะสม

ชลบุรี...กลุ่มบริษัทยูนิไทย ร่วมกับ ซียูอีแอล จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล 'UNITHAI-CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง' มอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Engineering & Fabrication กลุ่มบริษัทยูนิไทย และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด พร้อมด้วย กัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พญ.กรวิกา จิระตุลธร ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นายยุทธนา สร้อยเสนา ปลัดอาวุโสอำเภอสัตหีบ และ น.ส. นริศรา ทิพยางกูร ปลัดอาวุโสอำเภอศรีราชา ร่วมแถลงข่าว จัดงานวิ่งการกุศล 'UNITHAI - CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง' มอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย ในวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี โดยมี แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Engineering & Fabrication กลุ่มบริษัทยูนิไทย และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทยูนิไทย ดำเนินธุรกิจด้านอู่ซ่อมเรือชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งานวิศวกรรมโครงสร้างบนบกและนอกชายฝั่ง พลังงานหมุนเวียน รวมทั้งบริษัทในเครือต่าง ๆ ที่ให้บริการด้านซัพพลายเชนโซลูชั่นแบบครบวงจร ท่าเรือเอกชน คลังสินค้า บริการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย  

สำหรับการจัดกิจกรรมงานวิ่งการกุศลในครั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ และส่งต่อกำลังใจให้กับผู้ป่วยมะเร็ง อีกทั้งรณรงค์ส่งเสริมให้พนักงานในองค์กร รวมถึงประชาชนทั่วไป หันมาใส่ใจการออกกำลังกายเพื่อสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี ห่างไกลโรคมะเร็ง ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะสมทบทุนในการช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยมะเร็ง โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ต่อไป นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกให้ดียิ่งขึ้น ตามพันธกิจขององค์กรที่มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาความเจริญด้านชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม”

ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าวเสริมว่า นักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันจะได้สัมผัสกับเส้นทางวิ่งในสวนสวย ผ่านจุดไฮไลท์ที่สำคัญต่าง ๆ ของสวนนงนุช หนึ่งในสิบสวนที่สวยที่สุดในโลกสำหรับประเภทการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ 1. ระยะวิ่ง 4 กิโลเมตร ค่าสมัคร 588 บาท (ไม่มีการแข่งขัน)  2. ระยะวิ่ง 8 กิโลเมตร ค่าสมัคร 788 บาท  และ3. ระยะวิ่ง 12 กิโลเมตร ค่าสมัคร 888 ทั้งนี้ผู้ที่ได้อันดับ 1-3 ของทุกรุ่นอายุรับเงินรางวัลและรางวัล Overall ชาย-หญิง ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://www.runlah.com/events/ucrc2025 หรือติดต่อสอบถามได้ที่ 089-962-6229 และ 089-939-9128

ปล่อยซาว์ดสัมภาษณ์ ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Engineering & Fabrication กลุ่มบริษัทยูนิไทย และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด

(อุบลราชธานี) กกล.สุรนารี บูรณาการ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 118,000 เม็ด พร้อมรถกระบะ 1 คัน ที่ชายแดนเขมราฐ 

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.67) เวลา 19.00 น. กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี โดย พลตรี สมภพ  ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้จัดกำลังพลจาก กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 227 ร่วมกับ ตำรวจภูธรเขมราฐ และ ฝ่ายปกครอง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ทำการซุ่มสกัดจับเป้าหมายยาเสพติด ตรวจพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บธ 5707 จังหวัดนครพนม วิ่งมาในพื้นที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น รถกระบะคันดังกล่าว ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้  จึงเข้าตรวจสอบ สามารถตรวจยึด ยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) จำนวน 59 มัด ประมาณ 118,000 เม็ด พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บธ 5707 จังหวัดนครพนม จำนวน 1 คัน จึงได้ส่งมอบของกลางให้กับ สถานีตำรวจภูธรเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

(อำนาจเจริญ) กกล.สุรนารี บูรณาการ 'จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง ชายแดน จังหวัดอำนาจเจริญ’

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.67) เวลา 17.50 น. กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี โดย พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้จัดกำลังพลจาก กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน ที่ 23 ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ทำการซุ่มเฝ้าตรวจ หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าจะมีการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง

โดยผิดกฎหมาย บริเวณริมแม่น้ำโขง อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ พบบุคคลต้องสงสัยบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง จึงทำการเข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นราษฎรชาวลาว 29 คน (ชาย 3 คน หญิง 26 คน) และผู้นำพาชาวไทย 1 คน (ชาย) 

จากการสอบถามทราบว่าเป็นการลักลอบเข้ามาเพื่อรับจ้างเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร(เกี่ยวข้าว) จึงได้ควบคุมและส่งมอบผู้กระทำความผิดให้กับ สถานีตำรวจภูธรชานุมาน อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘พรรคส้ม’ อาจถึงทางตัน! ถอยไม่ได้ไปต่อลำบาก เหตุติดกับดักความสุดโต่ง หวังอีกเฮือกเลือก ‘นายกอบจ.’

“...หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ย่อมได้เป็นรัฐบาลอย่างสง่างาม ไม่โดนพรรคร่วมขี่คอ แต่คุณทักษิณอาจยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะ หากพรรคเพื่อไทยยังน่าเกรงขาม การเจรจาให้เหล่าชนชั้นนำเห็นพ้องกันหมดยอมให้คุณทักษิณกลับบ้าน คงเป็นไปได้ยาก

แต่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งลำดับที่หนึ่ง กลับเป็นปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้คุณทักษิณได้กลับบ้าน เพราะ ชนชั้นนำทุกฝ่ายต้องสนธิกำลังสกัดพรรคก้าวไกล ไม่ให้เป็นรัฐบาล..”

เป็นมุมคิดมุมรู้สึกล่าสุดของอ.ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่  ตรรกะก็คือ..ประโยคสำคัญก็คือเพราะพรรคก้าวไกลเป็นแชมป์เลือกตั้งทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำรัฐบาลและทักษิณได้กลับบ้าน..ซึ่งจะว่าไปก็ถูกต้อง แต่ไม่ถูกทั้งหมด..

หากจะว่าไปให้ถึงที่สุด  หากพรรคก้าวไกล(ขณะนั้น)ไม่ชูธงการแก้ไขมาตรา 112 แบบสุดโต่ง(แก้แบบยกเลิก) และมีแนวร่วมเครือข่ายแบบ ‘ปฏิกษัตริย์นิยม’ ที่เรียกขานกัน..โอกาสที่จะได้จัดร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่กับพรรคอื่นๆก็พอมี...

7 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลถูกยุบ ลอกคราบเป็นพรรคประชาชน แม้จะโหมประโคมว่า ‘ยิ่งยุบยิ่งโต’เลือกตั้งรอบหน้าจะโตเป็นสองเท่าหรือ 300 เสียง...แต่เมื่อเหลียวหลังแลหน้าดูแล้วก็ต้องฟันธงว่า..ยากมากถึงยากที่สุด...รักษาตัวเลข 151เสียง เท่ากับผลเลือกตั้งปี 2566 เอาไว้ได้ก็น่าจะเก่งแล้ว..

ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์-เงื่อนไข เหตุปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะปัจจัยจากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีความพร้อมพรึ่บ...แต่ปัญหา ‘ความสุดโต่ง’ ความแข็งตัวในแนวคิดเกี่ยวกับสถาบันสำคัญ คือการติดกับดักตัวเอง ที่ทำให้พรรคประชาชนก้าวไม่ไกลที่ควรจะเป็น..

เมื่อเร็ว ๆ นี้พรรคประชาชนประกาศชักธงรบชิงนายกอบจ.ล็อตใหญ่ที่จะเลือกกันวันที่ 1 ก.พ.2568 จำนวน 12 จังหวัด ที่มีเป้าหมาย/โอกาสจะชนะ จากจำนวนที่จะเลือกกันทั้งหมด 47 จังหวัด..

12 จังหวัดที่พรรคประชาชนจะลงชิงชัยนายกอบจ.ประกอบด้วย..ประกอบด้วย  

1. นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ เชียงใหม่ 2. นายวีระเดช ภู่พิสิฐ ลำพูน 3.นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ มุกดาหาร 4.นายอุรุยศ เอียสกุล หนองคาย 5. นายชลธี นุ่มหนู ตราด 6. นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล อบจ.ภูเก็ต 7. นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ สุราษฎร์ธานี 8. นายสุทธิโชค ทองชุมนุม พังงา 9. นายนิรันดร์ จินดานาค สงขลา 10.นางสาวนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย สมุทรสงคราม 11. นายนพดล สมยานนทนากุล สมุทรปราการ และ 12.นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ นนทบุรี

ว่ากันว่าใน 12 ผู้สมัคร..มีเพียงนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย ว่าที่ผู้สมัครอบจ.สมุทรสงคราม ที่พอจะเห็นแสงสว่างชัยชนะปลายอุโมงค์ เหตุเพราะนายกอบจ.สายลุงป้อมคะแนนสาละวันเตี้ยลง...ที่เหลืออาจจะมีลุ้นสัก 1- 2 แห่ง

รวมความแล้ว..พรรคส้มต้องไปปรับกระบวนท่า ปรับยุทธศาสตร์ยุทธวิธีกันใหม่..แต่ต้องเริ่มต้นจากการตั้งโจทย์ประเทศให้ถูกต้อง สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง...เช่นถ้าสมมุติตั้งโจทย์ว่าปัญหาของประเทศคือสถาบันฯ แล้วชักธงรบ..ก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง ต้องก้าวข้ามความคิดนี้รวมทั้งการตั้งเป้ายกเลิก มาตรา 112..

อย่าคิดตายตัว ท่องคาถาว่า...เวลาอยู่อย่างข้างเรา คนรุ่นใหม่...เพราะพรรคอื่นเขาก็มีคนรุ่นใหม่เหมือนกัน ในขณะที่คนรุ่นใหม่ของพรรคส้มก็เริ่มเสพติดกาแฟสภา หอมกลิ่นอำนาจ..ดังนั้นก็จงอยู่กับความเป็นจริงใช้อำนาจใช้พลังของพรรคอันดับหนึ่งในขณะนี้ให้สร้างสรรค์ ทรงพลัง ไม่หมกมุ่นอยู่กับ มาตรา 112 หรือการแก้รธน.เป็นหลัก..

นักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ถ้าพรรคส้มออกจากกับดักที่ว่าได้ ก็จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ...แต่ถ้ายังติดกับดักเดิม ๆ ก็คงอยู่ในสภาพ..ถอยหลังไม่ได้ เดินต่อไปก็ไม่ถึง(ฝัน)!!

'Ralph Lauren' แบรนด์อเมริกัน ขายดีในจีน สะท้อนคนแผ่นดินใหญ่นิยมเทรนด์ Quiet Luxury

(20 พ.ย.67) ในช่วงเวลาที่ตลาดสินค้าหรูหราในจีนกำลังซบเซา แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง 'LVMH' และ 'Kering' ต่างต้องเผชิญกับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปของชาวจีน แต่ในท่ามกลางกระแสนี้ กลับมีหนึ่งแบรนด์ที่โดดเด่นและสวนทางกับกระแสความท้าทายเหล่านั้น นั่นคือ 'Ralph Lauren' แบรนด์หรูจากสหรัฐฯ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแดนมังกร

เมื่อไม่นานมานี้ Ralph Lauren รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2025 โดยมียอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10% และภูมิภาคเอเชียเป็นผู้นำการเติบโต ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 11% แม้รายได้จากจีนยังคงเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อย (ประมาณ 8% ของยอดขายทั้งหมด) แต่แบรนด์มองว่านี่คือก้าวแรกที่สำคัญสำหรับการขยายตลาดในประเทศนี้

นีล ซอนเดอร์ส กรรมการผู้จัดการของ GlobalData Retail ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Ralph Lauren ยังคงครองใจผู้บริโภคในจีนได้ นั่นคือ 'ความเรียบหรูและความคลาสสิก' ที่แตกต่างจากแบรนด์สินค้าหรูหราทั่วไป ในยุคที่ชาวจีนบางส่วนเริ่มลดความสนใจในสินค้าหรูที่แสดงถึงความมั่งคั่งเกินจำเป็น Ralph Lauren กลับนำเสนอสไตล์ที่ไม่โอ้อวด แต่ยังคงสะท้อนถึงคุณภาพและความคงทน ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาด

มาร์ติน โรล นักยุทธศาสตร์ธุรกิจจาก McKinsey อธิบายเพิ่มเติมว่า แนวคิด 'วิถีชีวิตแบบอเมริกันคลาสสิก' ของแบรนด์นี้ สอดรับกับความสนใจของผู้บริโภคชาวจีนที่กำลังมองหาความหรูหราที่ประณีตและยั่งยืน คุณภาพและประวัติศาสตร์ของแบรนด์กลายเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่าง และทำให้แบรนด์สามารถยืนหยัดในตลาดจีนได้อย่างมั่นคง

Ralph Lauren ไม่ได้หยุดอยู่แค่การนำเสนอสินค้าคลาสสิก แต่ยังใช้กลยุทธ์ Omnichannel อย่างชาญฉลาดในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม เช่น Tmall, JD.com และ WeChat รวมถึงการเปิดร้านป๊อปอัปเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า อีกทั้งยังเจาะกลุ่ม Gen Z ชาวจีน ที่มีแนวโน้มซื้อสินค้าหรูผ่านช่องทางดิจิทัล

นอกจากนี้ การเน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมความสำเร็จ Ralph Lauren สื่อสารถึงความมุ่งมั่นในการรักษ์โลกอย่างชัดเจน ซึ่งตรงกับความสนใจของผู้บริโภครุ่นใหม่ในจีน ที่เริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สินค้าที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

แม้ Ralph Lauren จะสามารถฝ่ากระแสและทำตลาดได้อย่างแข็งแกร่งในจีน แต่อนาคตยังคงมีความท้าทายรออยู่ ทั้งเรื่องภาษีศุลกากรและกระแสชาตินิยมในจีน ที่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม นี่คือบทพิสูจน์สำคัญว่า Ralph Lauren สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ และจะรักษาความนิยมในตลาดจีนได้อย่างยั่งยืนแค่ไหน

‘เอกนัฏ’ ยกทีมบุกญี่ปุ่น ถก 2 กระทรวง - 7 เอกชนใหญ่ สร้างความเชื่อมั่นลงทุนยานยนต์ - พลังงานสะอาดในไทย

‘เอกนัฏ’ เปิดทริปโรดโชว์แรกรับปีงบประมาณ 2568 หวังดึงการลงทุนจากนักลงทุนญี่ปุ่น เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมหารือ METI และ MOEJ ตอกย้ำศักยภาพการเป็นฐานการผลิตของไทย และนัดหารือกับบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย

(20 พ.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 20-24 พฤศจิกายน 2567 มีกำหนดเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว (Tokyo) พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานสำคัญของญี่ปุ่น ได้แก่ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม (MOEJ) เกี่ยวกับนโยบายและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การใช้พลังงานสะอาด และการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังมีกำหนดการเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น อาทิ โตโยต้า มาสด้า นิสสัน มิตซูบิชิ ฮอนด้า อีซูซุ และมูราตะ เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์และสร้างความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมของไทยและญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

“การเยือนประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและญี่ปุ่น และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของทั้งสองประเทศ ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายเอกนัฏ กล่าว

ด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ.รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. กล่าวเสริมว่า ในการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยในครั้งนี้ จะเป็นการพูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงโอกาสทางธุรกิจ การลงทุน และความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน

ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรม และเป็นประเทศที่ลงทุนในไทยมากเป็นอันดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน ซึ่งรัฐบาลไทยมุ่งมั่นเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจในไทยสำหรับเอกชนญี่ปุ่นตามคำแนะนำและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากภาคเอกชนญี่ปุ่น โดยไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนของญี่ปุ่นในไทยและมองหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองประเทศจะได้ประโยชน์ร่วมกัน

‘ชัยวุฒิ’ รวมกลุ่ม ‘สหพรรค’ ปราศรัยเชียร์ ‘รองเอ็ด’ การันตี ‘พูดจริง ทำจริง ซื่อสัตย์’ เหมาะนั่งนายกอบจ. ตาก

(20 พ.ย.67) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ ลงพื้นที่ ช่วย พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร (รองเอ็ด)อดีต ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หาเสียงในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) พร้อมเปิดเวทีพบปะพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดตาก 

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขอการันตี คุณภาพ รองเอ็ด - พ.ต.ท. อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่ง เคยทำงาน ในฐานะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนทำงานกับตน เป็นคนพูดจริง ทำจริง มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ทุกครั้ง ที่พูดคุยกันก็จะพูดถึงพื้นที่จังหวัดตาก มีความเป็นห่วงและมีใจอยากพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง เห็นได้จากการ ผลักดันโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำแก้ภัยแล้ง ผลักดันงบประมาณทำถนนอุ้มผาง คลองลาน หรือโครงการเน็ตประชารัฐเพื่อคนบนดอย  

“เหตุผลที่พวกเรามารวมกันในวันนี้ก็เพื่อจะเปลี่ยนจังหวัดตากให้ทันสมัย ให้มีอนาคต ให้ลูกหลานบ้านเราผมขอโอกาส ให้ รองเอ็ด เบอร์2 พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร คนพันธุ์ตากด้วยครับ”

ขณะที่ รองเอ็ด – พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครหมายเลข 2 กล่าวว่า ในฐานะคนพันธุ์ตาก มีความตั้งใจที่จะมาเปลี่ยนแปลงจังหวัดตากให้ดีขึ้น ยกระดับให้เป็นเมืองหลัก ไม่ใช่เมืองรอง ซึ่งมีโครงการที่จะดำเนินการ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเท่าเทียม ส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริม Event ขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่ รถเข็น ล้อเลื่อน แผงลอย ค่าเช่าที่ ต้องเป็นธรรม พร้อมจะจัดตั้งอบจ. ส่วนแยกแม่สอด พร้อมกับพัฒนา โรงเรียน อบจ. ยกระดับ ทีมแพทย์ฉุกเฉิน ส่งเสริมการตลาดชนเผ่า MOU ท้องถิ่น เครื่องจักรยืมใช้ฟรี กู้ภัยทันที จัดหาแหล่งน้ำ คนตากต้องไม่ขาดน้ำ สร้างอินฟลูเอนเซอร์ท้องถิ่น ตากน่าพัก น่าเที่ยว ส่งเสริมกีฬา ปั้นทีมฟุตบอลตาก เป็นต้น                           

สำหรับบรรยากาศการเปิดเวทีปราศรัย เป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากประชาชน ชาวจังหวัดตาก ที่อยากเปลี่ยน โดยมีการรวมตัวกันของกลุ่มการเมืองต่างขั้ว สลับกันขึ้นปราศรัยพบปะประชาชน นอกจากนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังมีนายรัชต์พงศ์ สร้อยสุวรรณ  สส. พรรคประชาชน นายประสงค์ นามเสถียร อดีตผู้สมัครสส.เขต1ตาก พรรคพลังประชารัฐ คุณนายเบียร์ สวนป่าตากา แกนนำยุทธศาสตร์อดีตผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทยเขต 1 นายชาติชาย ขวัญวารี อดีตผู้ช่วยผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อชาติ เขต 2 อี๊ด เมืองตาก อดีตแกนนำคนเสื้อแดงตาก ทั้งหมดเรียกว่า 'สหพรรค' เพื่อ ร่วมใจสนับสนุน 'รองเอ็ด' พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครนายก อบจ.ตาก เบอร์ 2 ซึ่งการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตากจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้

ขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมทางรถไฟ สร้างตู้ขนส่งโดยเฉพาะ มั่นใจปลอดภัยไม่ระเบิด

(20 พ.ย.67) บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด ได้ดำเนินการทดลองขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าปริมาณมากครั้งแรกของประเทศเมื่อวันอังคาร (19 พ.ย.) โดยรถไฟบรรทุกแบตเตอรี่ลิเธียม จำนวน 3 ขบวน เดินทางออกจากเทศบาลนครฉงชิ่ง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) และมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

รายงานระบุว่าจีนเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมรายใหญ่ที่สุดของโลก และนี่เป็นก้าวสำคัญของการขนส่งแบตเตอรี่ยานยนต์ ซึ่งจัดเป็นสินค้าอันตรายและเดิมทีขนส่งทางทะเลหรือทางถนนเท่านั้น โดยการขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมมีความเสี่ยงตรงที่อาจเกิดไฟลุกไหม้หรือระเบิดหากถูกเขย่ากระแทก

เจี่ยผิง รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน สาขาเฉิงตู จำกัด กล่าวว่าการทดลองเดินรถครั้งนี้ใช้ตู้คอนเทนเนอร์แบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมโดยเฉพาะ โดยตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวผลิตจากวัสดุไม่ติดไฟ พร้อมติดตั้งเครื่องตรวจจับควัน อุณหภูมิ และอุปกรณ์ระบายอากาศไว้ด้วย

เจี่ยชี้ว่าการขนส่งทางรางจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่การส่งออกแบตเตอรี่ลิเธียมของจีน เนื่องจากสามารถขนส่งได้มากกว่าการขนส่งทางบกและรวดเร็วกว่าการขนส่งทางทะเล

บริษัท คอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของจีน แสดงความยินดีกับการทดลองเดินรถครั้งนี้ โดยหลิวเจี๋ย ฝ่ายห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ของบริษัทฯ กล่าวว่าการทดลองขนส่งทางรางถือเป็นการรับรองประสิทธิภาพความปลอดภัยของแบตเตอรี่ลิเธียมภายในประเทศเพิ่มเติม

หลิวทิ้งท้ายว่าการขนส่งทางรางเปิดช่องทางใหม่อันมีประสิทธิภาพในการขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียม และจะกระตุ้นการส่งออกด้วยต้นทุนโลจิสติกส์ที่ลดลงและประสิทธิภาพทางโลจิสติกส์ที่พัฒนาดีขึ้น

ปักกิ่งเผย 'เผิงต้าซุ่น' ผู้นำโกก้าง อยู่ในจีน แต่มารักษาอาการป่วย

(20 พ.ย.67) จีนเปิดเผยว่า นายเผิง ต้าซุ่น ผู้นำกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือกองกำลังโกก้าง หนึ่งในกลุ่มกบฏสำคัญในเมียนมา ได้เดินทางมายังประเทศจีนเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์ หลังจากมีรายงานข่าวจากเมียนมาว่า เขาถูกทางการจีนจับกุมตัวแล้ว

โดยระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน นายหลิน เจียน ได้ถูกถามถึงรายงานการจับกุมตัวนายเผิง โดยเขาตอบว่า ก่อนหน้านี้นายเผิงได้ยื่นคำร้องขอเดินทางมาจีนเพื่อรับการรักษา และตอนนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัวและฟื้นฟูสุขภาพ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาการหรือที่อยู่ของนายเผิง

สำหรับ MNDAA ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 โดยกลุ่มชนกลุ่มน้อยโกก้างในรัฐฉาน และเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มแรก ๆ ที่ทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวดำเนินมานานเกือบ 20 ปี ก่อนที่การปะทะในโกก้างเมื่อปี 2552 จะทำให้ข้อตกลงหยุดยิงพังทลาย

ในการปะทะครั้งนั้น MNDAA ถูกผลักดันออกจากเมืองเล่าก์ก่าย และทำให้ มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารในปัจจุบันได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้บัญชาการส่วนภูมิภาค แต่ในเดือนมกราคมปีที่แล้ว MNDAA สามารถกลับบมายึดเมืองเล่าก์ก่ายกลับคืนมาได้สำเร็จ หลังจากทหารรัฐบาลมากกว่า 2,000 นายยอมจำนน

หลังจากนั้นในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน กองทัพ MNDAA ยังสามารถยึดเมืองล่าเสี้ยวได้สำเร็จ ซึ่งห่างจากเขตปกครองตนเองโกก้างประมาณ 100 กม. แต่การยึดเมืองล่าเสี้ยวนี้กลับทำให้จีนเริ่มแสดงความกังวล เนื่องจากมีความกลัวว่าอิทธิพลจากชาติทิศตะวันตกอาจแทรกซึมเข้ามาเกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยในเมียนมา และการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นอาจนำไปสู่การล่มสลายของรัฐบาลทหาร

หลังจากเหตุการณ์การยึดเมืองล่าเสี้ยว จีนได้ตัดการให้บริการน้ำและอินเทอร์เน็ตแก่เขตปกครองตนเองโกก้าง ซึ่งติดกับมณฑลยูนนานของจีน

ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวจับกุม นายเจสัน ทาวเวอร์ จากสถาบันสันติภาพในสหรัฐฯ ระบุว่า การที่จีนจับกุมตัวนายเผิงอาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะรักษาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมากับฝ่ายต่อต้าน โดยจีนหวังว่าจะสามารถเจรจาให้ MNDAA สละเมืองล่าเสี้ยวเพื่อยุติความขัดแย้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top