Thursday, 3 July 2025
NewsFeed

หากประธานกรรมการ หรือกรรมการแบงก์ชาติ ใช้อำนาจที่มีตอบสนองผลประโยชน์ของฝ่ายการเมือง จะส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และอาจเกิดความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไข หรือย้อนกลับได้

(4 พ.ย. 67) ดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการแต่งตั้ง “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ว่า

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของแบงก์ชาติ แต่เป็นเรื่องอนาคตของชาติ

รัฐบาลจะอยู่ได้นานแค่ไหน ไม่มีใครทราบ แต่ถ้าคนการเมืองได้รับเลือกเป็นประธานกรรมการ หรือกรรมการแบงก์ชาติแล้วจะอยู่ได้ครบเทอม

หากประธานกรรมการ หรือกรรมการแบงก์ชาติ ใช้อำนาจที่มีตอบสนองผลประโยชน์ของฝ่ายการเมือง จะส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และอาจเกิดความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไข หรือย้อนกลับได้

สะพัด!! จนท.กะเหรี่ยง เมายิงกันเองบาดเจ็บดอดรักษาในไทย พบใช้ช่องทางธรรมชาติ แต่ทางฝั่งไทยยังไม่เข้าคุมตัวฐานข้ามแดนผิด กม.

(4 พ.ย. 67) มีรายงานเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เวลา 20.30 น. ว่าเจ้าหน้าที่เก็บภาษีใน อ.กอกาเร็ก จ.ดูปลายา สังกัดกลุ่ม KNU เกิดการทะเลาะวิวาทยิงกับ กำลังพลของกองพลน้อยที่ 3 กองกำลังโกลทูบอ สังกัด DKBA ในบริเวณพื้นที่ ด่านตรวจร่วมท่าทราย-บ้านวาเล่ย์ใหม่ หมู่บ้านวาเล่ย์ใหม่ รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ บ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ 3 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ในเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย คือ นายน่อวา เจ้าหน้าที่เก็บภาษีประจำ อำเภอกอกาเร็ก จังหวัดดูปลายา ได้รับบาดเจ็บถูกยิงบริเวณลำตัว 1 นัด และ แขน 1 นัด และร้อยโท เลโท ผู้บังคับหมวดกองพลน้อยที่ 3 สังกัดกองกำลังโกลทูบอของ DKBA ได้รับบาดเจ็บถูกยิงบริเวณศีรษะ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ต่อมาเวลา 21.00 น. นายน่อวา ได้ถูกส่งตัวผ่านช่องทางธรรมชาติท่าทราย มารักษาพยาบาลที่ โรงพยาบาลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จนพ้นขีดอันตราย

ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานการถูกควบคุมตัวจากทางการไทยในการข้ามแดนผิดกฎหมายแต่อย่างใด

ย้อนมอง GDP สหรัฐฯ ภายใต้ 10 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ใกล้ถึงกำหนดวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าไปทุกขณะ ซึ่งในครั้งนี้เป็นการแข่งกันระหว่าง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จากรีพับลิกัน และ ‘กมลา แฮร์ริส’ จากเดโมแครต ใครจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะอีกไม่กี่วันคงได้รู้กัน แต่วันนี้ลองไปย้อนดูผลงานของอดีตผู้นำสหรัฐฯ 10 คน ก่อนหน้านี้ ว่าเศรษฐกิจแต่ช่วงของสหรัฐฯ นั้นเติบโตหรือถดถอยอย่างไรบ้าง

‘ซับเวย์’ แจงร้านมีปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ ‘ไม่ใช่แฟรนไชส์’ ชี้!! ร้านลิขสิทธิ์ของจริงมีแค่ 51 สาขา แต่ร้านละเมิดทะลุหลักร้อย

(4 พ.ย.67) ร้านซับเวย์ประกาศ ถ้าลูกค้าจะอุดหนุนร้านซับเวย์ของแท้ให้สังเกตหน้าร้านมีเลขที่ร้านและเครื่องหมายสัญลักษณ์ Authorized Franchise หลังลูกค้าเจอเรื่องคุณภาพอาหาร วัตถุดิบขาด กระดาษห่อไม่มีพิมพ์ลาย ขนมปังไม่ใช่ของร้าน ซึ่งเป็นร้านที่ยกเลิกสิทธิ์แฟรนไชส์ไปกว่า 3 เดือนแล้ว ด้านลูกค้าถามใช่หน้าที่หรือ ควรเป็นหน้าที่ของบริษัทแม่ต้องปิดร้านเหล่านี้

จากกรณีที่ผู้ใช้งาน X (ทวิตเตอร์) ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์การกินแซนด์วิชและสลัดบาร์จากร้านแฟรนไชส์ชื่อดังอย่าง Subway (ซับเวย์) ที่คุณภาพไม่เหมือนเดิม โดยพบว่า แซนด์วิชไม่ได้มาตรฐาน ,วัตถุดิบขาด ,กระดาษไม่มีลายซับเวย์ ,สีของบรรจุภัณฑ์เลอะติดขนมปัง ,คุณภาพอาหารด้อยลงอย่างมาก 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก Subway Thailand ของร้านซับเวย์ (Subway) ร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ประเภทแซนด์วิชและสลัด โพสต์ข้อความระบุว่า "เนื่องจากตอนนี้เราได้รับข้อร้องเรียนเรื่องคุณภาพอาหาร วัตถุดิบขาด กระดาษห่อไม่มีพิมพ์ลาย Subway กระดาษห่อลาย Subway สีเลอะติดอาหาร ขนมปังไม่ใช่ของ Subway และอื่นๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่าลูกค้าไปใช้บริการจากร้านซับเวย์ที่ถูกยกเลิกสิทธิแฟรนไชส์ไปตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. 2567 ไปแล้ว

ดังนั้น หากลูกค้าประสงค์ที่จะสั่งหรือซื้อซับเวย์ สามารถสังเกตหน้าร้านจะต้องมีเลขที่ร้านและเครื่องหมายสัญลักษณ์ Authorized Franchise จะเป็นแฟรนไชส์ที่ได้รับสิทธิโดยถูกต้องพร้อมบริการตามปกติ มีอาหาร และวัตถุดิบครบทุกเมนู รวมทั้งอะโวคาโด มะกอก และอื่นๆ ถูกต้องตามมาตรฐานของซับเวย์ พร้อมกันนี้ บริษัทได้แนบรายชื่อสาขาที่เป็นร้านแฟรนไชส์ที่ได้รับสิทธิโดยถูกต้อง และร้านที่ถูกยกเลิกสิทธิแฟรนไชส์มาพร้อมกันนี้"

สำหรับร้านซับเวย์ที่ได้รับสิทธิโดยถูกต้อง ประกอบด้วย 1. พัทยากลาง (ใกล้หาด) 2. สนามบินภูเก็ต - ห้องรับรองผู้โดยสารระหว่างประเทศ 3. สุขุมวิท 23 4. เอาต์เลตมอลล์ พัทยา 5. สยาม พารากอน 6. สนามบินภูเก็ต - ห้องรับรองผู้โดยสารภายในประเทศ (1) 7. สนามบินภูเก็ต - ห้องรับรองผู้โดยสารภายในประเทศ (2) 8. สนามบินดอนเมือง ระหว่างประเทศ 9. ฟอร์จูนทาวน์ 10. บางจากสุขุมวิท 62 11. โรงเรียนนานาชาติ บางกอกพัฒนา 12. เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต 13. โรงพยาบาลเวชธานี 14. อมาติโอ ชิล ปาร์ค 15. ปั๊ม ปตท. เดอะ ดีล แจ้งวัฒนะ 16. หาดจอมเทียน 17. โรงพยาบาล เมคปาร์ค

18. มอเตอร์เวย์ (ขาเข้า) 19. สนามบินดอนเมือง อาคารเทอร์มินัล 2 ชั้น 1 20. เอ็มควอเทียร์ 21. สนามบินดอนเมือง ผู้โดยสารภายในประเทศ 22. ฮาบิโตะ 23. สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 3 แอร์ไซด์ 24. สนามบินเชียงใหม่-ชาร์เตอร์ 25. สนามบินภูเก็ต-บริเวณเช็กอิน 26. มอเตอร์เวย์ (ขาออก) 27. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 28. ไมค์ ช้อปปิ้งมอลล์ 29. ชาลีเพลส (ซอยบัวขาว) 30. คาลเท็กซ์ บางใหญ่ 31. สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารขาเข้า 32. สนามบินสุวรรณภูมิ ภายในประเทศ 33. อาคารซีดับเบิ้ลยู ทาวเวอร์ 34. ตลาดรวมทรัพย์ 35. เทอร์มินอล 21 (อโศก) 36. ไทม์สแควร์

37. พีที รัชดาภิเษก 38. สนามบินดอนเมือง อาคารเทอร์มินัล 2 ชั้น 4 39. สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 40. สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 3 41. สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 42. ปั๊มบางจาก เกษตรนวมินทร์ 43. สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 (Concourse E) 44. ถนนเลียบหาดป่าตอง 45. สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 3 อาคารใหม่ 1 46. เซ็นทรัล ฟลอเรสต้า 47. อ่าวนาง 48. นิมมานเหมินท์ ซอย 10 49. เมกา บางนา 50. ฮักมอลล์ ขอนแก่น และ 51. สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 (Concourse C)

ด้านชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นว่า สาขาที่ถูกยกเลิกไปแล้วทำไมใช้ชื่อร้านซับเวย์ได้ต่อครับ ทำไมไม่ยกเลิกทั้งหมดไปเลย บ้างก็เห็นว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ควรดำเนินการกับร้านที่ถูกยกเลิกลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ให้ลูกค้าได้รับสินค้าและการบริการที่ไม่ได้ตามมาตรฐาน ทำให้เกิดความสับสนแบบนี้ อีกทั้งลูกค้าแยกแยะไม่ไหวว่าสาขาไหนยังถือลิขสิทธิ์สาขาไหนยกเลิกแล้ว เพราะยังมีฟูดดีลิเวอรีที่แยกแยะไม่ได้ด้วย ควรจะเป็นหน้าที่ของบริษัทแม่ต้องปิดร้านเหล่านี้ และฟ้องในเรื่องสิทธิการใช้แฟรนไชส์

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัท โกลัค จำกัด ประกาศว่า บริษัทฯ เป็นผู้ได้รับสิทธิในการให้และเปิดแฟรนไชส์ร้านอาหารซับเวย์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (Master Franchisee) ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2567 เป็นต้นไป และบริษัท ฟู้ด เจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งเคยเป็นผู้รับแฟรนไชส์และดำเนินกิจการร้านซับเวย์นั้นได้สิ้นสุดการเป็นผู้รับแฟรนไชส์ร้านอาหารซับเวย์โดยสิ้นเชิงแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. 2567 เป็นต้นไป โดยปัจจุบันมีสาขาที่เป็นผู้รับแฟรนไชส์และอยู่ภายใต้การดูแลในปัจจุบัน 51 สาขา และสาขาที่สิ้นสุดการเป็นผู้รับแฟรนไชส์ 105 สาขา

อนึ่ง ซับเวย์ได้ทำสัญญามาสเตอร์ แฟรนไชส์ ฉบับใหม่กับบริษัท โกลัค จำกัด ซึ่งมี บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เป็นผู้ถือหุ้นข้างมากในระดับผู้ถือหุ้นแท้จริง (Ultimate Shareholder) เพื่อขยายธุรกิจแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดย PTG ลงทุนผ่านบริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (GFA) ที่เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นผ่านทางบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด 70% ส่วน น.ส.เพชรัตน์ อุทัยสาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อะเบาท์ แพสชั่น กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์เดิมถือหุ้น 5% และ บริษัท ไลฟ์สไตล์ ฟู้ด จำกัด ที่ น.ส.เพชรัตน์เป็นกรรมการบริษัท ถือหุ้น 25%

ปักหมุดเปิดตัวหนังสือ ‘๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ 8 พ.ย. 67 น้อมรำลึกวันพระราชสมภพ ในหลวง ร.7

(4 พ.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘2475 Dawn of Revolution’ เปิดเผยว่า ได้เคาะวันเวลาและสถานที่จัดงานเปิดตัวหนังสือเรียบร้อยแล้ว โดยจะจัด ในวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ที่ KliqueX Samyan คลิคเอ็กซ์ สามย่าน ศูนย์การค้า I'm Park จุฬา ตั้งแต่เวลา 14:00-18:00 น. 

โดยในวันที่ 8 พฤศจิกายน นี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์คือ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของพวกทีมงานในการเริ่มต้นทำแอนิเมชันและหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้

ทั้งนี้ ภายในจะมีหนังสือและของที่ระลึกไปจำหน่าย พร้อมกับผู้เขียนจะไปเช็นหนังสือให้ด้วย 

ซูเบียนโตจับมือปูติน ฝึกซ้อมรบร่วมทางทะเลครั้งแรก

(4 พ.ย.67) กองทัพเรืออินโดนีเซียและรัสเซียได้ร่วมซ้อมรบทางทะเลครั้งแรก ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย นายปราโบโว ซูเบียนโต ในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ การซ้อมรบนี้กินเวลานาน 5 วัน โดยจัดขึ้นที่ฐานทัพเรือในเมืองซูราบายาและบริเวณทะเลชวา

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพเรืออินโดนีเซียได้แถลงว่า รัสเซียส่งเรือลาดตระเวน 3 ลำ เรือบรรทุกขนาดกลาง เฮลิคอปเตอร์ทหาร และเรือลากจูงมาร่วมการซ้อมรบในอินโดนีเซีย ภาพจากสื่อท้องถิ่นแสดงให้เห็นเรือรัสเซียเดินทางถึงท่าเรือและได้รับการต้อนรับจากวงดุริยางค์ของรัสเซียก่อนเริ่มการฝึกซ้อม

อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยเลือกที่จะเป็นกลางทั้งในเรื่องสงครามยูเครนและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน

นายซูเบียนโตได้แสดงเจตจำนงในการเพิ่มบทบาทของอินโดนีเซียบนเวทีโลก โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เขาได้เดินทางไปเยือนรัสเซียเพื่อเจรจากับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน

นักวิเคราะห์มองว่าการซ้อมรบร่วมทางทะเลครั้งนี้เป็นสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายต่างประเทศของอินโดนีเซียภายใต้การนำของซูเบียนโต ซึ่งมุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียกับประเทศมหาอำนาจ

เกียรติยศแห่งความสำเร็จ! PTT คว้า 2 รางวัลใหญ่ในงาน SET Awards 2024 ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่อนาคตที่ยั่งยืน และก้าวล้ำไปอีกขั้นของนวัตกรรม

(4 พ.ย. 67) รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor)
4 ปีต่อเนื่อง (ปี 2021 – 2024)

รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านนวัตกรรม (SET Awards of Honor)
-ปี 2021 จากผลงานการพัฒนานวัตกรรม วัสดุปิดแผลไบโอเซลลูโลสคอมพอสิต Innaqua
-ปี 2022 จากผลงานนวัตกรรม PTT EV Charger and Charging Platform 
-ปี 2023 จากผลงานตัวเร่งปฏิกิริยา PTT SCR
-ปี 2023 จากผลงานนวัตกรรม เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนไมโครสเกล หรือ PTT MicroHX

CLICK ON CLEAR
สำหรับรางวัล SET Awards จัดขึ้นโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อยกย่องบริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในภาพรวมโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลอันทรงเกียรติของตลาดทุนไทย

'เคมี่ บาเดน็อช' วัย 44 ปี สาวผิวดำคนแรก ผงาดหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม

เมื่อวันที่ (2 พ.ย.67) ที่ผ่านมาพรรคอนุรักษ์นิยมอังกฤษได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว ที่ชื่อว่า เคมี่ บาเดน็อช นักการเมืองสาวดาวรุ่งผิวดำวัยเพียง 44 ปี หลังจากที่ริชี ซูนัค อดีตหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ลาออกไปเนื่องจากความพ่ายแพ้ยับเยินจากการเลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุดในอังกฤษ

โดย เคมี่ บาเลน็อช เฉือนเอาชนะ โรเบิร์ต แจนริค คู่แข่งได้ด้วยคะแนนเสียง 56% จากการลงคะแนนเสียงจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์ทั่วประเทศกว่า 95,000 เสียง ทำให้เธอกลายเป็นหัวหน้าพรรคหญิงผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์พรรคอนุรักษ์นิยม ที่เคยมีผู้หญิงมาแล้วถึง 4 คน นอกจากนี้ยังเป็นนักการเมืองหญิงผิวดำคนแรกที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในทวีปยุโรป

สำหรับประวัติของ เคมี่ บาเลน็อช เป็นชาวอังกฤษเชื้อสายไนจีเรีย มีคุณพ่อ คุณแม่เป็นคุณหมอทั้งคู่ เธอเกิดที่เมืองวิมเบอดัน ในกรุงลอนดอน ในปี 1980 ในครอบครัวมีพี่น้องด้วยกัน 3 คน หลังจากที่เธอเกิดได้ไม่นาน พ่อ และ แม่ก็พาครอบครัวย้ายกลับไปอยู่ไนจีเรีย ก่อนที่จะย้ายไปตั้งรกรากทำงานในสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา

เคมี่ เดินทางหวนกลับมาอังกฤษอีกครั้งตอนที่อายุได้ 16 ปี เพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย Sussex โดยเลือกเรียนในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จนถึงระดับปริญญาโท โดยระหว่างที่เรียน เธอทำงานพิเศษที่ร้าน Mc Donald's ไปด้วยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 

หลังจากเรียนจบ เธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ด้าน IT ที่บริษัท Logica และเรียนต่อด้านกฎหมาย แบบภาคพิเศษที่สถาบัน University of London วิทยาเขต Birkbeck จนจบปริญญาตรีอีกใบได้สำเร็จ ก่อนจะมาเอาดีในเส้นทางการเมือง ได้เป็น สส. สังกัดพรรคอนุรักษ์มาตั้งแต่ปี 2017 และวันนี้ เธอได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์ ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาอีกด้วย 

อาจจะกล่าวได้ว่า เคมี บาเลน็อช ถือเป็นนักการเมือง ที่ไต่เต้าจากชนชั้นกลางอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของกลุ่มคนผิวสี ผู้อพยพ กลุ่มสิทธิสตรี และกลุ่มชนชั้นกลางได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าหัวหน้าพรรคแรงงาน อย่าง เคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนปัจจุบันเสียอีก

แหล่งข่าวภายในพรรคแรงงานเปิดเผยว่า มีการวิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างร้อนแรงภายในห้องแชทของสมาชิกพรรคแรงงานใน Whatsapp ว่า การที่พรรคอนุรักษ์ได้เลือก เคมี่ บาเลน็อช เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น ทำให้พรรคแรงงานเหมือนถูกตบหน้า ทั้ง ๆ ที่ติดป้ายว่าเป็น 'พรรคแรงงาน' แท้ ๆ แต่กลับมีตัวแทนคนผิวสีมาร่วมในคณะรัฐบาลน้อยมาก และเริ่มมีกระแสด้านลบที่มองว่าพรรคแรงงานไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวแทนของกลุ่มคนผิวสี ชาวเอเชีย หรือแม้แต่ชนกลุ่มน้อยในสังคมต่าง ๆ อย่างที่เคยพูดไว้

แต่เมื่อมองมายังฝั่งพรรคอนุรักษ์ที่เป็นคู่แข่งที่มักถูกโจมตีว่าเป็นพรรคของชนชั้นสูง แต่กลับมีหัวหน้าพรรคเป็นผู้หญิงมาแล้วถึง 4 คน และยังเคยเลือกคนเชื้อสายอินเดีย และ คนเชื้อสายอาฟริกันเป็นผู้นำพรรคมาแล้ว

จากการเลือกตั้งในปี 2024 ที่ผ่านมา พรรคแรงงานสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างถล่มทลาย กวาดที่ได้ไปได้ถึง 411 ที่นั่ง ในจำนวนนั้นมี สส. ที่มีเชื้อสายชนกลุ่มน้อยอยู่ถึง 89 คน แต่ทว่ากลับมีเพียง เดวิด ลามมี ที่เป็น สส.ผิวดำคนเดียวของพรรคที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลของเคียร์ สตาร์เมอร์

'พิชัย' เจรจา 'รัฐมนตรียูเออี' พร้อมคณะนักธุรกิจ ชวนลงทุน Data Center-ประกาศความพร้อมเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหาร พร้อมเร่งสรุปผลเจรจา CEPA ไทย - ยูเออี

'นายพิชัย นริพทะพันธุ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ ดร.ธานี บิน อาเหม็ด อัล เซยูดี รัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) รับผิดชอบด้านการค้าต่างประเทศ นำคณะนักธุรกิจ UAE ที่มีศักยภาพสูงในการลงทุนเดินทางเยือนไทย เพื่อเชิญชวนมาลงทุนในประเทศ ทั้งด้านเทคโนโลยีและอาหาร สร้างเศรษฐกิจให้เติบโตไปด้วยกัน

โดยนายพิชัยได้หารือกับ ดร.ธานีฯ และคณะนักธุรกิจ ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชิญชวนฝ่าย UAE เข้ามาลงทุนจัดตั้ง Data Center ในไทย ซึ่ง UAE ก็มองเห็นถึงศักยภาพของไทยในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ อีกทั้งไทยยังมีระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีที่ดีมาก อาทิ ระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อมสูง โดยเฉพาะไฟฟ้าและน้ำที่มีความเสถียรและมีปริมาณเพียงพอ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีในระดับที่ดี และทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาเซียน UAE จึงสนใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวตลอดห่วงโซ่ธุรกิจเช่น การพัฒนาซอฟท์แวร์ และการบริการ เพื่อต่อยอดให้ไทยเป็น 'Hub' ของภูมิภาค โดยขอให้รัฐบาลไทยช่วยสนับสนุน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนฝ่าย UAE และจะช่วยแนะนำผู้ร่วมทุนที่น่าเชื่อถือให้ UAE นอกจากนี้ UAE ยังมองหานักลงทุนเข้าไปช่วยพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานใน UAEเพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระยะยาว

นายพิชัยฯ เสริมว่า ด้วยความพร้อมด้านการผลิต และแปรรูปสินค้าเกษตรและอาหารของไทยที่ส่งเสริมให้ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารรายใหญ่ของโลก อาทิ ข้าว ไก่ และปลาทูน่ากระป๋อง ตนจึงได้เสนอไทยเป็นแหล่งสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารให้ UAE และเพื่อต่อยอดความร่วมมือที่ยั่งยืนที่สองฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกันตนจึงได้เชิญชวน UAE เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ขณะเดียวกัน UAE ก็มีความสนใจที่จะร่วมมือกับไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยเห็นว่า ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำ และการจัดการขยะของ UAE จะช่วยส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อมของไทย ทั้งนี้ UAE ได้เชิญชวนให้ไทยส่งออกสินค้าดังกล่าวมายัง UAE เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด UAE อีกทั้ง ยังเสนอให้ไทยใช้ UAE ที่มีความพร้อมด้านโลจิสติกส์ เป็นจุดกระจายสินค้าไปยังภูมิภาคใกล้เคียง อาทิ แอฟริกา และยุโรปด้วย โดยตนได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศหารือกับบริษัทของ UAE ในรายละเอียดต่อไป

นายพิชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า UAE มีความต้องการแรงงานคุณภาพจากไทย รวมทั้งวิศวกรจำนวนมาก เพื่อเข้าไปช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของ UAEโดยกระทรวงพาณิชย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยสนับสนุนประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้ ตนได้พูดคุยกับ ดร. ธานีฯ เกี่ยวกับแนวทางการสรุปผลการเจรจา FTA ระหว่างไทยกับ UAE หรือที่เรียกว่า CEPA ซึ่งเราเห็นตรงกัน ที่จะผลักดันให้การเจรจาฯ สรุปผลได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างต่อภาคธุรกิจของสองฝ่ายต่อไป 

‘นพดล’ วอนหยุดปั่นกระแสไทยเสีย ‘เกาะกูด’ ย้ำชัด เกาะเป็นของไทย อย่าใช้ความเท็จโจมตีดั่งกรณีเขาพระวิหาร

‘นพดล’ วอนหยุดปั่นกระแสไทยเสียเกาะกูด หยุดใช้ความเท็จโจมตีอย่างที่ตนเคยถูกใส่ร้ายเรื่องเขาพระวิหาร แต่พอศาลยกฟ้องกลับเงียบหายไปหมด

เมื่อวันที่ (3 พ.ย.67) นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการปั่นกระแสว่าไทยจะเสียเกาะกูด และเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก เอ็มโอยู 44 รวมทั้งพาดพิงตนให้คนเข้าใจผิดเรื่องเขาพระวิหารแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า ตนขอใช้สิทธิถูกพาดพิง คนที่เป็นห่วงโดยสุจริตก็มี และบางคนเป็นคนที่เคยร่วมจุดกระแสคลั่งชาติในปี 2551 โดยใช้ความเท็จใส่ร้ายว่าตนซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น ทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา ทั้ง ๆ ที่ไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลกไปแล้วตั้งแต่ปี 2505 ต่อมาในปี 2551 กัมพูชาเอา 1.ตัวปราสาทและ 2.พื้นที่ทับซ้อนไปขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่รัฐบาลและตนเจรจาจนกัมพูชายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออก และยอมขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาทซึ่งเป็นของเขามาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่ตนถูกโจมตีใส่ร้ายเท็จว่าขายชาติและไปฟ้องเอาผิดตน ซึ่งต่อมาในปี 2558 ศาลฎีกาก็ได้พิพากษายกฟ้องตน และในคำพิพากษาก็ได้ระบุว่าสิ่งที่ตนทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์จากการกระทำของตน ข้อเท็จจริงคือตนไม่ได้ขายชาติ แต่คือคนที่ปกป้องชาติ แต่คนบางกลุ่มยังไม่สำนึกว่าการจุดกระแสคลั่งชาติเรื่องเขาพระวิหารในปี 2551 ทำให้มีการปะทะตามแนวชายแดน มีทหารเสียชีวิต และทำให้ในปี 2554 กัมพูชากลับไปศาลโลกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยื่นตีความคำพิพากษาศาลโลกปี 2505 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมทรามลงในเวลานั้น ถามว่าคนเหล่านี้จะรับผิดชอบอย่างไร

นายนพดล กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่เรียกร้องให้ไทยยกเลิกเอ็มโอยู 44 นั้น คำถามคือถ้ามันจะทำให้ไทยเสียหายจริง นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีต่างประเทศที่ไปลงนามเอ็มโอยู 44 จะไปเซ็นได้อย่างไร นอกจากนั้นมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงและกฎหมาย 3 เรื่องใหญ่ที่ต้องตอบคือ 1.การกล่าวหาว่าเอ็มโอยู 44 จะทำให้เสียเกาะกูดนั้นก็ไม่จริง เกาะกูดเป็นของไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ไม่มีใครสามารถยกเกาะกูดให้กัมพูชาได้ เกาะกูดเป็นอำเภอหนึ่งของไทยและไปเที่ยวได้ตลอด 2.กล่าวหาว่าเอ็มโอยู 44 ไปยอมรับเส้นเขตไหล่ทวีปที่กัมพูชาประกาศ และจะทำให้ไทยเสียสิทธิทางทะเล ก็ไม่เป็นความจริงอีก เนื่องจากเนื้อหาของเอ็มโอยู  44 ไม่ได้ยอมรับเส้นที่กัมพูชาลากแต่อย่างใด เพราะถ้ายอมรับ แล้ว เราจะไปเจรจากันทำไม โดยเฉพาะที่ต้องเน้นคือเนื้อหาในข้อ 5 ของเอ็มโอยู 44 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าตราบใดที่ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องการแบ่งเขตพื้นที่ทางทะเล ให้ถือว่า เอ็มโอยู 44 และการเจรจาตาม เอ็มโอยู 44 จะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของทั้งไทยและกัมพูชา  

นายนพดล กล่าวต่อว่า และ 3.ส่วนที่กล่าวหาว่ารัฐบาลนี้มุ่งแต่จะเจรจากับกัมพูชา เพื่อขุดน้ำมันและแก๊สในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนก่อน โดยไม่สนใจพื้นที่ทางทะเลนั้น ก็เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริง เนื่องจากไม่สามารถทำได้ตามกรอบเอ็มโอยู 44 เพราะ ก) การเจรจาแบ่งพื้นที่ทางทะเล และ ข) การเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วมหรือ JDA ต้องทำคู่ผูกติดกันไป แยกจากกันไม่ได้ (indivisible package) ตามที่ระบุในข้อ 2 ของ เอ็มโอยู 44

“ผมสงสัยว่ารัฐบาลที่ผ่านมาก็เจรจาโดยใช้เอ็มโอยู 44 ไม่เห็นมีการประท้วง ผมเห็นว่าพี่น้องคนไทยควรได้รับทราบข้อเท็จจริง ไม่ใช่การให้ความเห็นที่ไม่ถูกต้อง คนที่แสดงความห่วงใยโดยสุจริต รัฐบาลคงพร้อมรับฟัง ส่วนคนที่บิดเบือนใส่ร้ายก็ขอยุติได้แล้ว บางคนเคยร่วมจุดกระแสคลั่งชาติเรื่องเขาพระวิหาร ยังไม่สำนึกรับผิดชอบต่อความเสียหายที่ทำขึ้น ผมเคยถูกใส่ร้ายเรื่องเขาพระวิหาร ทำลายผม ครอบครัวผม แต่พอศาลฎีกาท่านยกฟ้องตนและคำพิพากษาระบุว่าสิ่งที่ผมทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ตนทำ กลับเงียบหายไปหมด” นายนพดล กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top