Monday, 17 June 2024
News

รมช.แรงงาน เดินหน้าปรับปรุงแผนการดำเนินงานด้านพัฒนากำลังคนของประเทศ รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve รับสถานการณ์โควิด-19

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ครั้งที่ 3/2564 โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมประชุม และนางสาวจิราภรณ์ ปุญญฤทธิ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ทำหน้าที่เลขานุการ ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 10 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน ตามแผนการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve เพื่อให้เกิดการผลิตและพัฒนากำลังคนรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศอย่างบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก การรวบรวมแผนงานโครงการด้านการผลิตและพัฒนาแรงงาน การวิเคราะห์ตำแหน่งงานและความต้องการแรงงาน และการจับคู่ระหว่างแผนโครงการและความต้องการแรงงาน เพื่อหาช่องว่างของการพัฒนา นำไปสู่แผนงานโครงการในอนาคต นอกจากนี้ยังได้มีการปรับแผนปฏิบัติงาน เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้งดจัดการประชุม และห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของบุคคลจำนวนรวมกันมากกว่า 20 คน ทำให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานไม่สามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ได้ โดยในที่ประชุมได้เสนอให้มีการประชุมกลุ่มย่อยแต่ละอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น ประสานข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อให้ข้อมูลมีความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน รวมถึงให้รายงานความก้าวหน้าในทุกสัปดาห์ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ทบทวนและเพิ่มเติมแผนงานโครงการในปี พ.ศ. 2564-2471 ให้เป็นปัจจุบันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์ตำแหน่งงานและความต้องการแรงงานเชิงปริมาณในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ประกอบด้วย ข้อมูลทักษะเพื่ออนาคตและตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการของแต่ละอุตสาหกรรม ข้อมูลความต้องการแรงงานใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายปี พ.ศ. 2563 ซึ่งขณะนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดทำร่าง 2nd Function Map โดยได้หารือร่วมกับผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อพิจารณาร่างแผนตำแหน่งงานและความต้องการแรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“แม้ว่าในช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 ยังระบาดอย่างอย่างต่อเนื่อง แต่ภารกิจในการเตรียมแรงงานให้มีความพร้อมในอุตสาหกรรม S-Curve ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยต้องปรับรูปแบบและแนวทางการดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม เพื่อให้แรงงานมีทักษะ มีความรู้ความสามารถ และแข่งขันในตลาดแรงงานได้ ” รมช. แรงงงาน กล่าวทิ้งท้าย

รมว.เฮ้ง ลงพื้นที่เตรียมกำลังแรงงานพร้อมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”

รมว.เฮ้ง ลงพื้นที่เตรียมกำลังแรงงานพร้อมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เตรียมความพร้อมกำลังแรงงาน สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล ในการเปิดประเทศเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาโดยเร็ว 

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดภูเก็ต ณ ห้องประชุมตึก 3 ชั้น สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 21 ภูเก็ต โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายพิเชษฐ์  ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสุทา  ประทีป ณ ถลางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวัดภูเก็ต 

นายประทีป ทรงลำยอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานมีความห่วงกังวลและต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายประเทศใช้มาตรการการล็อกดาวน์หรือปิดเมือง เพื่อจำกัดการเคลื่อนที่ของผู้คนและลดการสัมผัสใกล้ชิด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบุคคลที่อยู่ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างกะทันหัน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงาน จึงได้กำหนดมาตรการและการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องผู้ใช้แรงงาน จึงได้เร่งรัดให้ทุกจังหวัดสำรวจความต้องการการฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกันตน เพื่อเป็นการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการมีงานทำให้กับผู้จบการศึกษาใหม่ การพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อรองรับวิถีใหม่ โดยการ Up skill และการ Re skill การคุ้มครองสิทธิแรงงาน และการสร้างหลักประกันทางสังคม รวมถึงมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอีกด้วย ในวันนี้ผมจึงได้ลงพื้นที่มาเพื่อประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามรายงานสถานการณ์ด้านแรงงาน และการดำเนินงานตามภารกิจกระทรวงแรงงานเพื่อเตรียมการรองรับการเปิดเมืองภูเก็ต และตรวจเยี่ยมกิจกรรมที่สอดรับการเปิดเมือง เช่น การประเมินความรู้ความสามารถสาขาช่างไฟฟ้า ทดสอบมาตรฐานสาขาช่างไฟฟ้า มอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการประเมินความรู้ความสามารถสาขาช่างไฟฟ้า สาธิตบาริสต้า อบรมภาษาอังกฤษผ่านระบบซูม 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้มีการดำเนินการของหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับมาตรการดังกล่าว ได้แก่ การเตรียมตำแหน่งงานว่างรองรับสำหรับผู้ว่างงาน การฝึกอาชีพอิสระ โดยเฉพาะภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ การ Up - skill/Re - skill/New - skill เพื่อยกระดับศักยภาพกำลังแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ สร้างความรับรู้ความเข้าใจ ให้คำปรึกษาด้านแรงงานแก่สถานประกอบการเกี่ยวกับใช้ระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง การดูแลสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีผู้ถูกเลิกจ้างว่างงานจากผลกระทบโควิด-19 ตลอดจนการส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล ในการเปิดประเทศตามโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาโดยเร็ว 

รมว.แรงงาน ยังได้กล่าวส่งความห่วงใยและให้กำลังใจข้าราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดชายแดนภาคใต้และทุกจังหวัดในภาคใต้ที่เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ Zoom  โดยขอให้ทุกคนระมัดระวังดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงปลอดภัยจากการที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในตรวจแรงงานต่างด้าว การตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ ซึ่งกระทรวงแรงงานมีหน้าที่ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานให้ทันสมัย ทั้งการรับสมัครงาร อบรมฝึกอาชีพ แรงงานสัมพันธ์ การสร้างหลักประกันความมั่นคง ความปบอดภัยในการทำงานอีกด้วย

“Blood Challenge” ได้เวลากลับมาช่วยเพื่อน บริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติ COVID-19 ส่งต่อบุญผ่านสื่อสังคมออนไลน์กับแนวคิดการนำกระแส Challenge เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกิดการบริจาคโลหิตเพิ่มขึ้น

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนร่วมส่งต่อบุญผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กับโครงการ Blood Challenge สร้างกระแสการบริจาคโลหิต ผ่าน Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok เพียงโพสต์ภาพและข้อความพร้อมติด #BloodChallenge และ Tag ชวนครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จัก ร่วมแคมเปญอีก 3 คน ตั้งค่าเป็นสาธารณะ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 สร้างความวิตกกังวลต่อผู้บริจาคโลหิตเป็นอย่างมาก ทำให้ภาพรวมการบริจาคโลหิตมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง มีโลหิตสำรองไม่ถึง 3,000 ยูนิตต่อวัน ตามมาตรฐานงานบริการโลหิต ส่งผลให้โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดแคลนโลหิต เสี่ยงต่อการเลื่อนการผ่าตัด เลื่อนการรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเลือดที่จำเป็นต้องได้รับเลือดเป็นประจำสม่ำเสมอ

จึงมีแนวคิดในการนำกระแส Challenge มาประชาสัมพันธ์ให้เกิดการบริจาคโลหิตเพิ่มขึ้น โดยขอเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตและประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในกิจกรรม 2 รูปแบบ ดังนี้

1. ผู้บริจาคโลหิต ถ่ายภาพถือป้ายรณรงค์ เขียนข้อความเชิญชวนสั้น ๆ โพสต์ลง Social Media อาทิ Facebook, Instagram, Twitter, TikTok พร้อมทั้ง Challenge และ Tag ต่อไปยังครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก ให้มาบริจาคโลหิตต่ออีก 3 คน และติด #BloodChallenge ตั้งค่าเป็นสาธารณะ

2. ผู้ที่ไม่สามารถบริจาคโลหิตได้ สามารถร่วมกิจกรรมเชิญชวนบริจาคโลหิต และประชาสัมพันธ์โครงการฯ โดยเขียนข้อความเชิญชวนสั้นๆ และโพสต์ลง Social Media พร้อมทั้ง Challenge และ Tag ต่อไปยังครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จัก ให้มาบริจาคโลหิตต่ออีก 3 คน และติด #BloodChallenge ตั้งค่าเป็นสาธารณะ

เพียงเท่านี้ คุณก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยการบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทุก 3 เดือน เพื่อให้มีโลหิตสำรองเพียงพอจ่ายให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ลดภาวะการขาดแคลนโลหิตในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ได้

 

ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพร้อมคณะฯ เข้าพบ ผบ.ตร. เพื่อแนะนำตัว และหารือแนวทางในการดำเนินงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 2 ก.ค. 2564  เวลา 10.00 น. ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับนางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมคณะ ซึ่งเป็นคณะกรรมการฯชุดใหม่ ที่เข้าพบเพื่อแนะนำตัว และร่วมหารือข้อราชการต่าง ๆ

ที่สืบเนื่องจากกรณีที่มีการร้องเรียนในการปฏิบัติหน้าที่ที่อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชนคณะกรรมการฯ ได้กล่าวถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันบูรณาการความร่วมมือกัน ซึ่งการเข้าหารือในครั้งนี้เพื่อแสวงหาความร่วมมือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในสังคมที่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยคณะกรรมการฯ เป็นผู้ประสานงานในเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้แสดงความห่วงใยในเรื่องของการชุมนุมและการแสดงออกทางสังคมการเมือง และรู้สึกเห็นใจตำรวจที่เป็นผู้รักษากฎหมายในการดูแลความสงบเรียบร้อย ท่ามกลางความเห็นต่างและความขัดแย้ง ที่อาจมีการกระทบกระทั่งกันในบางครั้ง ซึ่งก็อยากให้ทุกฝ่าย อยู่ภายใต้กฎหมายและปฏิบัติตามหลักสากลภายหลังการหารือร่วมกัน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวขอบคุณประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะ ที่ให้เกียรติสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเข้าพบครั้งนี้ ซึ่งได้แนวทางในการดำเนินงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนร่วมกันเป็นอย่างดี เพื่อประโยชน์ของประชาชนตามสิทธิแห่งรัฐธรรมนูญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยินดีให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการฯ และพร้อมสนับสนุนการทำงานเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อไป

ม.ร.ว.วรปภาฯ บำเพ็ญกุศลและตรวจเยี่ยม ‘โครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง’

หม่อมราชวงศ์วรปภา จักรพันธุ์ เดินทางมาบำเพ็ญกุศลและตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง ระยะที่ 2 ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการป้องกัน และการดูแลควบคุมในสถานะการณ์โควิด -19 อย่างเคร่งครัด

โดยมี นายพงศธร กาญจนะจิตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พล.ต.วัชชรินทร์ สุวรรณรินทร์ นายทหารราชองครักษ์พิเศษ และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดปทุมธานี นายพงษ์เทพ รุ่งเรือง พัฒนาการจังหวัดปทุมธานี นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี คณะทำงานโครงการโคก หนอง นา ประกอบด้วย นายธนบดี ศรีเมือง นายจักรฤกษณ์ ทองสิริประภา นางสาวจันทร์ทิพย์ พร้อมจิตร ดร.จิดาภา แต่สกุล นายกสมาคมสตรีไทยสากล ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนทั่วไปร่วมต้อนรับ ณ วัดเกาะเกรียง ตำบลบางคูวัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา

หม่อมราชวงศ์วรปภา จักรพันธุ์ ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณภายในวัดเกาะเกรียง และสนทนาธรรมกับพระมหาบัญญัติ สุจิตฺโต ดร.เจ้าอาวาสวัดเกาะเกรียง ณ อุโบสถวัดเกาะเกรียง จากนั้นเดินทางมายังอาคารเฉลิมพระเกียรติเพื่อรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง วัดเกาะเกรียง และมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้สนับสนุนโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง และได้กล่าวชื่นชมให้กำลังใจคณะทำงานที่ได้ดำเนินโครงการมาด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ

ต่อจากนั้น หม่อมราชวงศ์วรปภา จักรพันธุ์ ได้ร่วมปลูกต้นรวงผึ้งต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ในพื้นที่ดำเนินโครงการพระราชทานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นตัวแทนแห่งพระองค์และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ราษฎร

โดยมี ดร.จิดาภา แต่สกุล นายกสมาคมสตรีไทยสากล พร้อมคณะที่ปรึกษา พล.อ.สมโภชน์ นนทชัย พล.ต.วัชชรินทร์ สุวรรณรินทร์ ศ.พิเศษ ดร.เพียงฤทัย วรดิถี คณะกรรมการสมาคมฯ อาทิ ดร.ซัน ณรามิล คุ้มรักษ์ ดร.ศุภชัย อนุที นางปัทมพร กล่อมจิตร์ นางศศิรินทร์ บุญล้อมทรัพย์ คุณรัชฏาภรณ์ วิเศษ นางจุฑารัตน์ พัฒนาทร เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นางบุญเยี่ยม บุญเลิศ บริษัท ไท้หลิง ดีเวลล็อบเมนท์ กรุ๊ป จำกัด ข้าราชการ ทหาร ประชาชน ร่วมปลูกต้นรวงผึ้งในพื้นที่โครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง


ภาพ/ข่าว  เจนกิจ นัดไธสง  รายงาน

บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ มอบเครื่องฟอกอากาศเพื่อฆ่าเชื้อโรค สำหรับการใช้ในศูนย์ปฏิบัติการควบคุมความปลอดภัย และการจราจรทางน้ำ

วันที่ 6 กรกฎาคม 64 เวลา 11:00น. บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ ได้มอบเครื่องฟอกอากาศเพื่อฆ่าเชื้อโรค เพื่อใช้ใน ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำ (Maritime Safety and Surveillance Operation Center) โดยมี นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นผู้รับมอบ โดยศูนย์ปฏิบัติการฯ จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลความปลอดภัยการเดินเรือ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางทะเลตามพันธกิจของกรมเจ้าท่า สามารถเชื่อมโยงระบบ เครือข่ายให้มีความสะดวก รวดเร็วในการปฏิบัติงาน ติดตามข้อมูลเรือระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรณีเกิดเหตุเรือไทย ในต่างประเทศ สามารถประสานเจ้าของเรือได้รวดเร็ว ประสานงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งระบบ ตรวจการณ์ชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนเป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรกำกับดูแลการจราจรและป้องกัน อุบัติเหตุทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สร้างความเชื่อมั่นด้านการขนส่งและการท่องเที่ยวทางน้ำ การอำนวย ความสะดวก กำกับ ดูแลด้านความปลอดภัยในการคมนาคมขนส่งทางน้ำ การป้องกันกระทำผิดกฎหมายในทะเลมีรูปแบบ ที่หลากหลายซับซ้อน สนับสนุนการแก้ไขปัญหาเรือประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ไร้การควบคุม ( IUU Fishing) ให้มีข้อมูลภาพ ความเคลื่อนไหวของเรือต่าง ๆ ในทะเลที่มุ่งเข้าสู่ชายฝั่งและแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญ

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า จะทำการเปิดอาคาร 39 ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำ กรมเจ้าท่า อย่างเต็ม รูปแบบในวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสถาปนากรมเจ้าท่า ครบรอบ 162 ปี

 

นายกไก่ควงผู้ว่าฯ ดูสถานที่จัดทำโรงพยาบาลสนาม อำเภอบ้านโพธิ์ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับผู้ป่วยโควิด-19

วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 9.30 น. นายกไก่ กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ร่วมกับ นายไมตรี ไตรติลานันทน์ผวจ.ฉะเชิงเทรา พร้อมคณะทำงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา และผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามความพร้อมของสถานที่จัดทำโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 3 ของจังหวัดฉะเชิงเทรา 

โรงพยาบาลสนามซึ่งมีขนาดพื้นที่ประมาณ 12,000 ตารางเมตร อยู่ห่างจากชุมชน สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 500-1,000 คน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่คาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดในกลุ่มสถานประกอบการ ชุมชน และแคมป์คนงาน     

ทั้งนี้ ได้ทำการสำรวจสถานที่เพื่อเตรียมการติดตั้งระบบไฟฟ้า น้ำประปา ห้องน้ำ และระบบการสื่อสาร ซึ่งในส่วนของการปรับปรุงพื้นที่ องค์การบริการส่วนจังหวัดฉะเชิงเทราให้การสนับสนุนเครื่องจักรกล คนงาน และงบประมาณ สำหรับระบบสาธารณูปโภค ได้รับการสนับสนุนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคฉะเชิงเทรา การประปาฉะเชิงเทรา องค์การโทรศัพท์ฉะเชิงเทรา รวมทั้งการดำเนินงานด้านอื่น ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาคเอกชน


ภาพ/ข่าว  สัมฤทธิ์ ล้ำเลิศ / ฉะเชิงเทรา

กองบัญชาการตำรวจนครบาล รายงานกรณีเหตุ ‘เพลิงไหม้โกดังน้ำหอมภายในนิคมฯ ลาดกระบัง’

จากากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัท ฟลอรอล แมนูแฟคเจอริ่ง กรุ๊ป ภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โซน 3 ถนนฉลองกรุง เขตลาดกระบัง เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 18.18 น.

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ ศปก.สน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดูและความสงบเรียบร้อยแก่พี่น้องประชาชน

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 นำโดย พล.ต.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ ผบก.น.3, พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวน ผกก.สน.ฉลองกรุง, พ.ต.ท.สุรสิทธิ์​ หวังดี​ รอง​ ผกก.สอบสวน​ สน.ฉลองกรุง​ นำทีมพนักงานสอบสวน​ รวม​ 5​ นาย​ ลงพื้นที่​ ตรวจสถานที่เกิดเหตุ​ ​

โดยได้ตั้ง ศปก.สน. ที่ห้องประชุมโรงงาน(2)ของ บริษัทฮอนด้า ซึ่งอยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุโดยมี พล.ต.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ ผบก.น.3 เป็นผู้บริหารเหตุการณ์ ประกอบด้วย รอง ผบก.น.3, ผกก.สน.ฉลองกรุง และหัวหน้าสายงานทุกสายงานของ สน.ฉลองกรุง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่นิคมอุตสาหกรรม

หัวหน้าชุดผจญเพลิงของ บริษัท ฮอนด้า และ ศปภ.กทม. เป็นเจ้าหน้าที่ เป็นต้น ร่วมกันวางแผน, สืบสวนสอบสวนที่เกิดเหตุ สรุปสถานการณ์ โดยมี พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม., ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ผอ.นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และ ผอ.เขตลาดกระบัง พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ฉลองกรุง จำนวน 20 นาย ได้เข้าร่วมกันรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรภายในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง/กู้ภัย/รถพยาบาล โดยอำนวยความสะดวกให้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุดและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุและใกล้เคียงที่เกิดเหตุรับทราบ

ทั้งนี้ หลังจากเหตุเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวน สน.ฉลองกรุง เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นกลุ่มควันที่เกิดจากเพลิงไหม้ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะที่เป็นพิษต่อพี่น้องประชาชนแต่อย่างใดและสามารถเข้าพักอาศัยได้เป็นปกติ ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและจะรายงานผลให้ทราบต่อไป

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมมือกับมูลนิธิบุณยะจินดา ในการช่วยเหลือคนงานเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัว ที่ต้องสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal

กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ร่วมมือกับมูลนิธิบุณยะจินดา ในการช่วยเหลือคนงานในแคมป์คนงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัว ที่ต้องสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal ในพื้นที่ โดยการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม สำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน นำส่งสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ เป็นสื่อกลางในการนำส่งแคมป์คนงาน รวมถึงแจกจ่ายให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัวใน สน.

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.ค.64 เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.(สบ 8) ปฏิบัติราชการ บช.น. และ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. พร้อมด้วย นางพอฤทัย ณรงค์เดช ผู้แทนมูลนิธิบุณยะจินดา ได้ลงพื้นที่ สน.ตลาดพลู เพื่อนำสิ่งของอุปโภค บริโภคไปให้คนงานในแคมป์ และข้าราชการตำรวจสน.ตลาดพลู โดยทางมูลนิธิบุณยะจินดา ได้รวบรวมการสนับสนุนจากภาคเอกชน จัดทำอาหารกล่องมื้อเย็นจำนวน 1,000 กล่อง

นอกจากการลงพื้นที่ สน.ตลาดพลู แล้ว พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้ส่งมอบเครื่องอุปโภค บริโภคไปยัง สน. ต่าง ๆ พร้อมกัน อีก 6 สน. ได้แก่ สน.พญาไท, สน.พหลโยธิน, สน.จรเข้น้อย, สน.วังทองหลาง,สน.ปทุมวัน และ สน.บางยี่ขัน เพื่อมอบให้กับข้าราชการตำรวจและคนงานในพื้นที่ รวมคนงานที่ได้รับการช่วยเหลือ จำนวน 2,256 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จำนวน 800 นาย ซึ่งมีรายการสิ่งของแจกจ่าย ดังนี้

           - น้ำดื่ม 3,000 ขวด

           - ไข่ไก่ 25,500 ฟอง

           - ปลากระป๋อง 3,000 กระป๋อง

           - น้ำตาลทราย 500 กก.

           - สเปร์ยทากันยุง 1,440 ขวด

           - สบู่ 2,660 ก้อน

           - เจลแอลกอฮอล์ 2,460 ขวด

           - หน้ากากอนามัย 20,000 ชิ้น

           - รองเท้าแตะ 200 คู่

ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับคนงานและข้าราชการตำรวจทุกคน ในการฝ่าฟันวิกฤติโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน

กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาบุคลากร เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผวจ.ฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ เพื่อการพัฒนาบุคลากร เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ประจำปี 2564 มีผู้ให้เกียรติ ร่วมมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ประกอบด้วย คุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ , คุณอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ , คุณชาญยุทธ ฉายาวัฒนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อมิตา เทคโนโลยี ไทยแลนด์ จำกัด , คุณวุฒิเลิศ เจียรนิลกุลชัย กรรมการบริษัท อีเอ ไบโอ อินโนเวชั่น จำกัด , คุณกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานบริหารโครงการจัดตั้งจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ , คุณสุรีย์ วศินพิตรพิบูล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด , ว่าที่พันตรี วัชรพล ลักษณลม้าย ผอ.วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ ณ ห้องพุทธโสธร 3 วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา

สำหรับปีการศึกษา 2564 นี้ ได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ จำนวน 20 ทุน แบ่งเป็นระดับปริญญาตรี 7 ทุน จาก 3 มหาวิทยาลัย และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 13 ทุน จาก 6 วิทยาลัย โดยทุนการศึกษานั้น ครอบคลุมถึงค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าเบี้ยเลี้ยงฝึกงาน และค่าประกันอุบัติเหตุและประกันชีวิตให้ด้วย

ทั้งนี้ พิธีมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ข้อตกลงความร่วมมือจากการลงนาม MOU ในเขตพัฒนาพิเศษพื้นที่ภาคตะวันออก (EEC) ที่จะช่วยพัฒนาบุคลากร รองรับความต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ช่วยสร้างโอกาส ให้มีอาชีพรองรับรวมทั้งจะได้ช่วยสร้างคุณค่าคืนสู่สังคมต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top