Saturday, 12 October 2024
Insight

มองไทยรอบทิศ กับ ‘ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา’ 

มองไทยรอบทิศ กับ ‘ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา’ 

กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและรวมถึงทั่วโลกเริ่มหวนคืน ภายหลังเชื้อโควิด-19 เริ่มจาง เราเริ่มเห็นตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศที่ไหลเวียนเข้ามาตั้งแต่ต้นปี จนกระทั่งถึงเดือนตุลาคม (65) 

เราเริ่มเห็นภาพชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยจนแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ 

ภาพเหล่านี้ ชี้ให้เห็นถึงสัญญาณเด่นชัดว่า ‘ประเทศไทย’ กำลังจะดีขึ้น 

ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องจักรเศรษฐกิจส่วนอื่นๆ ก็กำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่น่าสนใจ ไม่ว่าเป็น ‘การส่งออก’ โดยเฉพาะการส่งออกอาหาร ซึ่งถือเป็น ‘พระรองรูปหล่อ’ ที่ผลักออกสู่ตลาดและสร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างน่าสนใจ จนคาดว่าจะช่วยเสริมแรงให้เศรษฐกิจไทยฟื้นกลับมาในเร็ววัน

เรื่องนี้ไม่ใช่การมโน แต่ได้รับคำยืนยันจาก ‘ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา’ รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้คลุกวงในอยู่ในความเคลื่อนไหวของการผลิตและการส่งออกมาอย่างยาวนาน มาช่วยแถลง ผ่านบทสัมภาษณ์ที่ทำให้ THE STATES TIMES รู้สึกว่า ‘ประเทศไทย’ ไปรอด!!

Q: ข่าวดีประเทศไทยช่วงนี้มีเยอะมากจริงเลยนะครับ!!
A: ใช่ครับ!! ตอนนี้เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจเริ่มถูกขับเคลื่อยด้วย ‘ส่งออก’ กับ ‘ท่องเที่ยว’ อย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงของไตรมาสสุดท้าย ซึ่งถือเป็นหน้าท่องเที่ยว มีอากาศดี โดนใจคนในหลายๆ ประเทศฝั่งตะวันตกที่หนีหนาวมาพึ่งอากาศ ยิ่งเปิดประเทศชัด2-3 เดือนมานี้ สารพัดทิศก็มาทัวร์ที่ไทย แม้จะมีการติดขัดในเรื่องของสายการบินที่ยังไม่สามารถกลับมาให้บริการได้เต็มที่อยู่บ้าง ซึ่งในหลายๆ ประเทศก็เจอปัญหานี้ 

ขณะเดียวกันในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น นวด, ผับบาร์, ร้านอาหาร ก็กลับมาเปิดบริการกันค่อนข้างเยอะแล้ว ทุกคนคึกคัก เพราะการหยุดไป 2 ปีกว่าๆ นี่คือช่วงเวลาที่กลุ่มธุรกิจซึ่งอยู่ในห่วงโซ่นี้จะกลับมาพลิกฟื้นตัว 

Q: ข้ามเรื่องของท่องเที่ยวไปก่อน แล้วไปมองย้อนไปยังเรื่องของ ‘การส่งออก’ คุณมองว่าทิศทางส่งออกของไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป?
A: ถ้ามองภาพรวมการส่งออกในส่วนที่เป็นสินค้าประเภทต่างๆ ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเราได้อานิสงฆ์จริงๆ มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หลังจากหลายๆ ประเทศเริ่มกลับมาทำธุรกิจ ทำให้การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นมาก คนออกมาจากบ้านได้ ไปร้านอาหารได้ คนออกมาทำธุรกิจได้ ก็ต้องมีการซื้อรถยนต์ ต้องมีการบริโภคต่างๆ เพิ่มเข้ามา ตัวเลขมันเริ่มดีมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แล้วต้นปีนี้ก็ถือว่าเติบโตดีพอสมควร

ดังนั้นตัวเลขการส่งออกของเรา จึงยังแตะเลขสองหลักอยู่ ภายใต้การเติบโตเกิน 10% จากที่ทั้งปีเราคิดว่าน่าจะโตแค่ 8% เท่านั้น แต่ถ้าหากตัวเลขจะตกลงกว่านี้ ก็คงมาจากเรื่องของความกังวลของตัวแปร ‘เศรษฐกิจถดถอย’ มาเป็นตัวดึง ก่อนหน้านี้เท่าที่เราติดตามกัน ทุกท่านคงทราบดีว่า ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกามีเงินเฟ้อสูงมาก ก็พยายามมีวิธีการที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ได้ด้วยการขึ้นดอกเบี้ย การขึ้นดอกเบี้ยแรงๆ หลายๆ ครั้ง มันก็ส่งผลให้การใช้จ่ายมันลดลง ซึ่งเขาต้องการอย่างนี้อยู่แล้ว เพราะเงินในระบบเขามีเยอะ อย่างก่อนหน้านี้เขามีอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบเยอะ รวมทั้งในช่วงโควิดด้วย เนื่องจากเขาเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เขามีความสามารถสูง เวลาเกิดสถานการณ์อย่างโควิด คนไม่ต้องทำงานก็มีเงินเดือน ยังมีเงินจับจ่ายเพียงพอ ถึงแม้ข้าวของที่ต้องซื้อเข้ามามันแพงขึ้นเรื่อยๆ 

ฉะนั้นต่อให้ของมันแพงขึ้น แต่ถ้าเขายังมีอำนาจจับจ่ายอยู่ ก็จบ เพียงแต่เงินมันจะยังเฟ้อไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง แล้วพอเฟ้อก็แก้ด้วยการสกัดผ่านการขึ้นดอกเบี้ยแรงๆ หลายๆ ครั้ง เพื่อกดให้คนไม่ต้องใช้จ่าย เพียงแต่ถ้าให้หยุดการใช้จ่าย มันก็จะนำมาซึ่งเรื่องของความชะงักงันทางเศรษฐกิจ หรือถ้าเป็นต่อเนื่องยาวๆ ก็จะถึงขั้นถดถอย แต่ประเทศมหาอำนาจจะไม่กังวลเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะเขามีความสามารถพอในการที่จะอัดฉีดเข้ามาในระบบใหม่ได้เร็ว

แต่ประเทศอื่นๆ ที่เห็นผลกระทบชัดเจนก็คือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ทุกประเทศในโลกนี้ค่าเงินอ่อนหมดเลยเพราะมีสหรัฐฯ แข็งอยู่ประเทศเดียว นั่นแปลว่าอะไร แปลว่า เวลาเราเจอสถานการณ์เช่นนี้ ก็ควรมองว่าทุกประเทศทั่วโลกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเรา ไม่ใช่ว่านำตัวเราไปเทียบเคียงกับสหรัฐฯ เพราะเราเทียบไม่ได้ ถ้าสหรัฐฯ บอกว่าขึ้นดอกเบี้ยเรื่อยๆ แล้วเราจะขึ้นตามเขาไปเรื่อยๆ ก็แปลว่าเราอาจจะมาถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้ในที่สุด แต่ถ้าเราวางตัวเองอยู่ในกลุ่มของประเทศที่ไม่ใช่มหาอำนาจ และมองประเทศที่อยู่ในสถานภาพเดียวกันเป็นพื้นฐาน ค่าเงินเราอ่อน เขาก็อ่อน แต่เราจะดีกว่า คือ อ่อนอยู่ในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งของเรา นั่นก็จะหมายความว่า เรายังมีความสามารถในการแข่งขันได้อยู่ แต่ถ้าหากเราไปวางตัวอยากจะแข็งเหมือนสหรัฐฯ เครื่องยนต์สองตัวของเรา ก็อาจจะล้มทันที เพราะคู่ค้าของเรารับไม่ไหว ทำให้เราส่งออกไม่ได้ ส่งออกยาก นั่นคือแง่ ‘ส่งออก’ ขณะเดียวกัน คนก็จะไม่มาเที่ยวไทย อยากมาแล้วเจอแต่ของแพง ฉะนั้นตอนนี้เราอยู่ในระหว่างประเทศคู่ค้าคู่แข่ง และประเทศอื่นๆ ที่เหลือทั่วโลกที่คบค้ากันต่อได้ 

Q: พูดถึงอาหาร ตอนนี้ ‘ฮาลาลไทย’ ดูจะไปได้ส่วย แต่กลับกันก็มีความท้าทายอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในเรื่องมาตรฐาน เราต้องฝ่าเรื่องนี้ยังไง?
A: เนื่องจากจำนวนประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามในโลกมีจำนวนมาก และพวกเขาก็มองว่าอาหารฮาลาล คือ มาตรฐานที่เข้มข้น และมาตรฐานนี้ก็ยังส่งผลไปถึงภาพของความสะอาด ปลอดภัย คุณภาพสูง ซึ่งส่งผลให้คนที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ก็เริ่มสนใจ แต่ก็อย่างที่บอกว่าฮาลาลมีมาตรฐานที่เข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซนประเทศที่เขาเป็นประเทศมุสลิม ฉะนั้นถ้าเราบอกว่ามาตรฐานฮาลาลไทย มุสลิมทุกคนที่อยู่ในไทยอาจจะเชื่อมั่นและยอมรับ แต่พอเราจะขายไปประเทศที่เป็นมุสลิมแท้ๆ อย่างมาเลเซีย, อินโดนีเซีย เราก็ต้องไปเจรจากับเขาก่อน ว่ายอมรับฮาลาลไทยไหม ถ้าไม่ยอมรับ อย่างช่วงที่ผ่านมา วิธีการแก้ไขแบบเฉพาะหน้าก็คือต้องยอมให้มาเลเซียมาเป็นคนรับรองแทน โดยใช้มาตรฐานที่ออกโดยมาเลเซีย หรือออกโดยอินโดนีเซีย เพื่อให้การค้าไม่สะดุด แต่วิธีการที่ถูกต้องจริงๆ แล้วมันต้องเทียบเคียงกันได้ หมายความว่าองค์กรมุสลิมไม่ว่าจะเป็นของไทย มาเลย์ฯ อินโดฯ ต้องคุยกันแล้วร่วมเป็นอันเดียวกัน โดยเฉพาะถ้าทำเป็นมาตรฐานฮาลาลของอาเซียนได้อันนี้จะดีมาก เรื่องนี้ขอฝากไว้

Q: ถามต่อว่า ‘ฮาลาลของไทย’ มีจุดเด่นหรือมีความน่าสนใจตรงไหนในสายตาคนทั่วโลกตอนนี้?
A: ฮาลาลของเราพยายามจะผลักดันในเรื่องของวิทยาศาสตร์ คือ การรับรองฮาลาลทั่วไปในอดีตที่ผ่านมา สมมติว่าโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ คนที่จะเชือดไก่ก็ต้องเป็นคนมุสลิม แล้วตอนจะเชือดไก่ ไก่ต้องมีสติดีอยู่ ซึ่งคนละมาตรฐานกับทางยุโรปที่จะต้องช็อตให้มันสลบก่อนแล้วค่อยเชือด คนละวิธีกันเลย แต่ว่าในความเป็นฮาลาลไทย ถูกนำเรื่องของวิทยาศาสตร์เข้าไปเกี่ยว ก็คือการที่ใช้แลปทดลองว่ามันมีอะไรที่มันปนเปื้อนมาจากเนื้อสัตว์อื่นๆ หรือมีข้อต้องห้ามอะไรหรือไม่ อันนี้ก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่ง ถ้าสามารถทำให้ทั่วโลกยอมรับได้ก็จะเป็นทางออกที่ดี สำคัญที่สุดคือคำว่า เขายอมรับเราหรือเปล่า เพราะบางทีเราก็คิดว่า ของเราดีที่สุดแล้ว แต่ว่าสุดท้ายมันเจรจาได้หรือไม่ อันนี้ก็สำคัญ 

Q: มีข้อแนะนำใดต่อผู้ประกอบการไทยที่สนใจส่งออกอาหารไปสู่อาเซียนบ้าง?
A: ประเทศไทยเรามีผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยเฉพาะ SME กับ Micro SME ที่อยู่ในหมวดอาหาร ซึ่งผมน่าจะ 70-80% เลยทีเดียว ผมขอกล่าวแบบนี้เวลาเราดูตัวเลขเรื่องส่งออก ตัวเลขมักจะไปโผล่ในเรื่องของยานยนต์ เรื่องของสินค้าที่เป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่ผลิตเยอะๆ แล้วก็มียอดจำหน่ายสูงๆ ราคาแพงๆ แต่เรื่องอาหาร ถึงแม้ไม่ได้อยู่ในอันดับต้นสุด อาจจะมีสัดส่วนประมาณสัก 10% ของ GDP แต่มันเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากและที่สำคัญประชาชนหรือผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสเป็นเจ้าของสินค้าเอง ซึ่งต่างจากสินค้าตัวอื่นที่ต้องเชิญต่างชาติมาลงทุน

เพราะฉะนั้นโอกาสของผู้ประกอบการด้านนี้ ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะ นึกภาพง่ายๆ ถ้าเวลาสั่งอาหาร เช่น ผัดกะเพรา เราจะรู้ดีว่าผัดกะเพราแต่ละร้านรสชาติมักไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นผัดกะเพราเหมือนกัน มีวัตถุดิบส่วนประกอบที่เหมือนกัน แต่รสชาติที่ออกมาอาจจะต่างกัน ซึ่งความแตกต่างตรงนี้ จะทำให้เราสร้างกลุ่มเป้าหมายเฉพาะขึ้นได้ เช่น คนกลุ่มไหนไม่กินเผ็ด บางคนบอกว่าต้องมีเค็มบ้างนิดหน่อยอะไรอย่างนี้ คนที่เป็น SME ต้องมองนิชมาร์เก็ตเป็นหลัก ไม่ใช่บอกว่า ฉันจะทำสินค้าออกมาแล้วขายให้ทุกคนได้ นั่นแปลว่าคุณกำลังคิดอยากจะไปแข่งกับรายใหญ่ ซึ่งการฆ่าตัวตายชัดๆ ไม่รอดแน่นอนครับ

Q: ภาพรวมของธุรกิจอาหารตอนนี้สดใสแค่ไหน?
A: ก่อนไปถึงจุดนั้น ผมขอเล่าว่าใน 9 เดือนแรก ภาคการส่งออกอาหารของเราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 20 ส่วนสินค้าเกษตร หรืออาหารที่ยังไม่แปรรูป เช่น พืชผัก/เนื้อสัตว์ จะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 16 แต่ถ้ามองกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรคือที่แปรรูปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นผักผลไม้กระป๋อง ปลากระป๋อง 9 เดือนแรกยังเติบโตถึงร้อยละ 30 

สินค้าเหล่านี้ที่เป็นพื้นฐาน ที่มีราคาไม่แพง แต่คุณภาพดีมากๆ และมีความปลอดภัยสูง มันจึงเข้าถึงง่าย และทุกครั้งที่สัญญาณทางเศรษฐกิจกลับมา อาหารก็จะเป็นกิจกรรมหนึ่งทางเศรษฐกิจที่ขาดไม่ได้ พอประกอบกับจุดแข็งของประเทศที่มีความหลากหลายของวัตถุดิบอาหารด้วยแล้ว รวมถึงค่าเงินที่อ่อนตัว และการเติบโตในตัวเลขระดับ 2 หลัก หรือเกินกว่า 10% ในภาพรวมของตลาดส่งออกอาหาร ก็ไม่ยากเกินไป 

Q: Soft Power จะช่วยให้อาหารไทยไปไกลขึ้นอีกขั้นตามที่มีการพูดถึงจริงหรือไม่?
A: จริงๆ แล้วอาหารมันเป็น Soft Power ในตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันจะเข้าถึงกลุ่มคนตรงไหนบ้างและมีคนเอาไปกระจายต่อให้เราได้อย่างไร อย่างช่วงที่ผ่านมาเราก็มีศิลปินดังๆ ช่วย อันนี้เป็นตัวอย่างที่ดี และการประชุมเอเปคที่ผ่านมา อินฟลูเอนเซอร์สำคัญ ก็คือผู้นำประเทศต่างๆ นี่แหละ ถ้าเขามาแล้วได้ทดลองอาหารของไทยที่มันมีเอกลักษณ์ ที่ไปหาที่อื่นไม่ได้ ก็จะยิ่งช่วงให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารไทยในทุกระดับ เช่น Local / GI (Geopolitical Indications) ไปได้ดียิ่งขึ้นอีก

Q: โดยรวมแล้วในภาพของการส่งออกภาคอาหารไปได้สวย!! ทีนี้ถ้าให้คุณมองตัวแปรต่างๆ เช่น สงครามรัสเซียกับยูเครน ‘ยืดเยื้อ’ จะมีผลดีหรือเสียต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต?
A: ถ้าโดยรวมแล้วไม่มีประเทศไหนได้รับผลดีจากเรื่องนี้เลยนะครับ เพียงแต่ว่าเราจะสามารถเดินต่อไปภายใต้ภาวะความขัดแย้งนี้อย่างไร อันนี้คือเรื่องสำคัญ ถ้าเรายังวางตัวว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเล็ก ซึ่งยังต้องพึ่งพาทุกๆ ฝ่าย ไม่ว่าใครจะขัดแย้งกับใคร แต่เรายังรักษาเรื่องสันติภาพ เรารักษาเรื่องของความเป็นกลางที่เข้าได้กับทุกคน ก็จะเป็นทางรอดของเรา อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ 

Q: มองการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งห่างหายไปนานมาก จะส่งผลดีต่อไทยในด้านใดบ้าง? เช่น การส่งออก, การลงทุน และแรงงาน
A: เรียนอย่างนี้นะครับว่า ตอนนี้ตลาดที่เราให้ความสำคัญ คือ ตะวันออกกลาง แล้วก็เน้นไปที่ซาอุดีอาระเบีย เรื่องความสัมพันธ์ที่เราขาดช่วงไปถึง 30 ปี แล้ววันนี้กลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มันทำให้เกิดการดำเนินธุรกิจหรือมีเศรษฐกิจระหว่างกันที่ดีขึ้นแน่นอน เหมือนเราได้ตลาดใหม่กลับมาอีกหนึ่งตลาด ซึ่งก่อนหน้าเราก็ยังค้าขายกัน ไม่ได้ตัดขาดกันทั้งหมด แบบร้อยเปอร์เซ็นต์อาจจะเหลือแค่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะติดทั้งปัญหาการขอวีซ่าเอย การเข้าไปเจรจาธุรกิจ หรือนำเสนอสินค้าใหม่ๆ แต่พอสัมพันธ์กลับมา ไม่ใช่เพียงแค่เปิดโอกาสให้เราขายสินค้าเข้าไป แต่เขาก็ต้องการให้เราไปลงทุนด้วย และเขาก็สนใจมาลงทุนในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ผมจึงมองว่าตัวเลขการค้าการลงทุนหลังจากนี้ระหว่างไทยกับซาอุฯ จะดีขึ้น สถานภาพแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ของไทย-ซาอุฯ จะเกิดขึ้นภายในหนึ่งปีหรือสองปี 

iQIYI X INSIGHT จัดออดิชัน วัดสกิล เฟ้นหาบอยแบนด์ไทยสุดยิ่งใหญ่ สู่การคัดเลือกเป็นตัวจริง ในรายการวาไรตี้ iQIYI Original ใหญ่ระดับโลก ‘Youth With You International’

เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับรอบ Offline Audition In Thailand เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา สำหรับกิจกรรมการค้นหาตัวแทนเด็กไทย หรือ บอยแบนด์ไทย ที่มีความสามารถ และต้องการทำตามความฝันสู่การเป็นไอดอลตัวจริง ซึ่งในงานนี้มีเด็กไทยกว่า 100 คนเข้าร่วมคัดเลือกและโชว์ความสามารถพิเศษผ่าน การร้อง การเต้น และการแร็ป เพื่อให้เข้าสู่หนึ่งในผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมรายการวาไรตี้ระดับโลกอย่าง iQIYI Original “Youth With You International” ซึ่งถือเป็นรายการประเภท Survival อันดับหนึ่งจากประเทศจีนจัดขึ้นโดย iQIYI ที่ในปีนี้มีความต้องการขยายความยิ่งใหญ่ไปสู่ระดับสากลและทั่วโลก

สำหรับในประเทศไทย กิจกรรม Offline Audition ทางบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงไทยและต่างประเทศ อย่าง iQIYI (อ้ายฉีอี้) บ้านของความบันเทิงยอดนิยมแห่งเอเชีย ได้ร่วมกับ Insight Entertainment ผู้นำด้านการส่งออกคอนเทนท์ละครไทยสู่ตลาดบันเทิงต่างประเทศ ในการวางกรอบนโนบายและการทำงานร่วมกันในฐานะพันธมิตรที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน เกี่ยวกับเงื่อนไขและความต้องการในการคัดเลือกและผลักดันเด็กไทยที่ผ่านการทดสอบในขั้นตอนต่างๆ รวมถึงในรอบ Offline Audition ที่จะเป็นด่านชี้วัดสำคัญว่าใครจะเป็นผู้ที่เหมาะสมเป็นตัวแทนเด็กไทยเข้ารอบไปสู่การแข่งขันระดับโลกในรายการวาไรตี้ iQIYI Original “Youth With You International” ของปีนี้

คุณ Cynthia Wang ผู้จัดการฝ่ายเนื้อหาสำนักธุรกิจต่างประเทศของอ้ายฉีอี้ แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ระดับ Global ผู้ถือสิทธิ์รายการ “Youth With You” เปิดเผยว่า “Youth With You International” เป็นรายการใหญ่ระดับโลกที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายทั่วเอเชีย มีการเปิดโอกาสการแข่งขันไปทั่วโลก และหนึ่งในประเทศที่เข้าร่วมในครั้งนี้ก็มีประเทศไทยด้วย เนื่องจากประเทศไทยปัจจุบันเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจอย่างมาก เด็กไทยล้วนมีความสามารถเฉพาะด้าน และโดดเด่น จึงทำให้เรามั่นใจว่าเด็กไทยที่มาเข้าร่วม Offline Audition จะมีไม้ตายที่งัดออกมาให้เราได้เฟ้นหากันอย่างดุเดือด และผู้ที่ได้รับคัดเลือก จะต้องเป็นผู้ที่มีฝัน มีไฟ เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถทั้งด้านการร้อง เต้น และมีใจรักการเป็นไอดอลอย่างแท้จริง” พร้อมเผยความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในระดับโลกอีกว่า “ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเราทุกคนจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของรายการนี้ และจะได้เห็นเด็กจากทั่วทุกมุมโลกมาประชันความสามารถกันเต็มที่ ทั้งด้านการร้อง การเต้น การแร็ป และความสามารถอีกหลากหลาย โดยที่เราทุกคนจากทั่วโลกจะได้มาร่วมเป็นผู้ตัดสินเพื่อจะช่วยกันปั้นบอยแบนด์แต่ละคนให้สำเร็จไปด้วยกัน" 

และได้รับเกียรติจาก คุณผ่านศึก ธงรบ ผู้อำนวยการอ้ายฉีอี้ ประจำประเทศไทย แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ระดับ Global ผู้ถือสิทธิ์รายการ “Youth With You” ขึ้นกล่าวถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ “นี่คือรอบ Offline Audition ซึ่งถือว่าเป็นอีกด่านหนึ่งที่สำคัญของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากรอบ Online Audition ในขั้นตอนแรก โดยได้เปิดรับสมัครในประเทศไทยไปเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และจะเป็นด่านที่ทดสอบสกิลอย่างเข้มข้น จากผู้เชี่ยวชาญทั้งฝั่ง iQIYI, SBS และ Insight เพื่อต้องการเฟ้นหาตัวแทนเด็กไทยไปเฉิดฉายในรายการใหญ่ระดับโลกดังกล่าวร่วมกัน โดยครั้งนี้จะเลือกประเทศเกาหลีใต้ เป็นสถานที่ไปถ่ายทำรายการ “Youth With You” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมุ่งหวังให้เด็กไทยไปเติบโตอยู่ในวงการ K-POP เท่านั้น เพราะเรามีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้เด็กไทยสามารถไปเติบโตอยู่ได้ในทุก ๆ วงการบันเทิงระดับโลก รายการ “Youth With You International” จึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่เราต่างตั้งตารอเห็นผลสำเร็จและผลผลิตที่เกิดขึ้นในตัวน้อง ๆ ทุกคน เพราะในการที่จะเดินบนเส้นทางบันเทิงสายไอดอล มันไม่ใช่เรื่องง่าย ต่างมีบททดสอบมากมายรออยู่ ซึ่งแน่นอนว่ารายการนี้จะเข้มข้น ท้าทาย ตื่นตาตื่นใจไปกับทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นร่วมกันอย่างแน่นอน มารอติดตามความปังในครั้งนี้กันได้ภายในปี 2567 แน่นอนครับ ผมเชื่อมั่นว่าบอยแบนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นมา จะต้องเป็นอีกวงหนึ่งที่ทรงอิทธิพลไปยังวงการบันเทิงระดับทั่วโลกแน่นอนครับ"

โดยครั้งนี้ทางโปรดิวเซอร์จาก SBS ผู้นำด้านวงการบันเทิงแห่งเกาหลี ที่มีชื่อเสียงในด้านการสร้างสรรค์รายการยอดนิยม อย่าง SBS Inkigayo, Running Man และ SBS Gayo Daejeon และอื่น ๆ อีกมากมาย จะมาเป็นผู้ผลิตดูแลรายการ “Youth With You International” ในปี 2567 ครั้งนี้ และจะมาเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกเด็กไทยที่ผ่านเกณฑ์ทั้งเรื่องความสามารถ, ความเชื่อมั่น และการแสดงออกในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมรายการ Youth With You International ด้วยตนเอง เพราะเป้าหมายของการทำ Youth With You ในปีนี้ คาดหวังจะเติบโตไปในระดับโลก และพร้อมที่จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่แบบไม่เคยมีมาก่อน”

สำหรับ Offiine Audition In Thailand ที่ผ่านมา ได้รับเกียรติจาก คุณ Amiee Liu ผู้บริหาร Insight Entertainment บริษัทใหญ่แห่งวงการบันเทิงไทย-จีน และตัวแทนผู้จัดงาน Offline Audition อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวว่า “ทางเรารู้สึกได้รับเกียรติอย่างยิ่ง จากทางผู้บริหาร iQIYI ที่จะได้มีส่วนร่วมผนึกกำลังผลักดันเด็กไทยให้เข้าไปร่วมอยู่ในรายการ Youth With You International เนื่องจากเป็นรายการที่ดีมาก ๆ ในการเปิดโอกาสให้เด็กไทยสามารถไปแสดงความสามารถบนเวทีระดับโลกได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา เด็กไทยมีความสามารถอย่างมาก และมีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างกันออกไป เพียงแต่ขาดโอกาสและเวทีที่จะได้ออกมาแสดงความสามารถของตนเอง ดังนั้นรายการ “Youth With You International” จึงเป็นเวทีที่เป็นโอกาสสำคัญและยิ่งใหญ่ พร้อมซัพพอร์ตให้ทุกความฝันไปสู่ความสำเร็จในจุดสูงสุด อย่างไรก็ดี การ Offline Audition In Thailand ในครั้งนี้ ทาง iQIYI (อ้ายฉีอี้) ได้ร่วมมือกับ Insight Entertainment ในการช่วยกันเฟ้นหาเด็กฝึกจากทั่วโลก สืบเนื่องจาก Insight Entertainment ปัจจุบันดำเนินธุรกิจเพื่อผลักดันผลงานละครไทย รวมถึงเด็กไทยไปเติบโตอยู่ในวงการบันเทิงระดับโลกอยู่แล้ว ดังนั้นการที่ Insight Entertainment ได้รับความร่วมมือจากทาง iQIYI (อ้ายฉีอี้) ต่างก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ ที่จะช่วยเป็นอีกหนึ่งแรงในการผลักดันและเฟ้นหาเด็กไทยอย่างเข้มข้นไปด้วยกัน เพราะที่ผ่านมา Insight Entertainment ก็มีผลงานผลักดันเด็กไทยไปประสบความสำเร็จในระดับ Global มาแล้วด้วย”

สำหรับกรรมการใน Offline Audition In Thailand ยังได้ครูไก่ Harlem Shake (Choreographer และทีมเต้นระดับโลก) ร่วมด้วย คุณโฟร์-ประทีป สิริอิสสระนันท์ (โปรดิวซ์เซอร์มือทองแห่งวงการ TPOP) มาร่วมให้คำชี้แนะกับน้อง ๆ อีกด้วย เนื่องจากเกณฑ์พิจารณาการตัดสินของผู้ที่ผ่านเข้ารอบสมัครออนไลน์มาสู่ Offline Audition จะถูกคัดเลือกให้เป็นตัวจริงในการเข้าร่วมรายการ “Youth With You International” นอกจากจะต้องมีความสามารถเรื่องการร้อง, การเต้นแล้ว เรื่อง Performance ของการแสดงออกบนเวที ก็เป็นหัวใจสำคัญของการเป็นเกณฑ์พิจารณาตัดสินใจในครั้งนี้ด้วย 

นอกจากนี้กรรมการทั้งสองท่านยังกล่าวถึงการมาร่วมเป็นกรรมการผู้ช่วยในการคัดเลือกครั้งนี้ว่ารู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเด็กไทย เพราะได้เห็นแรงผลักดัน ความสามารถของเด็กไทยยุคใหม่ ๆ แล้วรู้สึกว่าไม่แพ้ชาติไหนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ร้อง เต้น แร็ป เพียงแต่เด็กไทยอาจจะต้องเพิ่มความมั่นใจและพัฒนาความเชื่อมั่นให้มากขึ้นด้วย

ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก คุณ Kim Wan Jung โปรดิวเซอร์จาก SBS ผู้รังสรรค์ความยิ่งใหญ่จัดเต็ม “Youth With You International” มาเป็นผู้คัดเลือกหลักในวัน Offline Audition In Thailand ครั้งนี้ด้วย ซึ่งแต่ละคนก็ได้มีโอกาสออกมาแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ก่อนที่จะเข้าไป Offline Audition ไม่ว่าจะเป็นน้อง ๆ นักแสดงอย่าง อินทัช - อินทัช กูรมะสุวรรณ นักแสดงจากซีรีส์ ขอเป็นพระเอกในหัวใจพระเอก หยาง - เพชรเตชินธ์ เพชรศิริพันธุ์ นักแสดงจากซีรีส์ เรื่อง OUR DAYS รักได้ไหมนายไม่ยิ้มโดยทั้งคู่ ให้สัมภาษณ์ว่า “รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ผ่านเข้ารอบจาก Online Audition มาสู่รอบ Offline Audition ครั้งนี้ เพราะแต่ละคนที่มา Audition ล้วนมีความสามารถในด้านการเต้น หลากหลายอย่างมาก กว่าจะเดินทางมาจุดนี้ได้ โดยส่วนตัวต้องเตรียมตัวฝึกซ้อมเรื่องการเต้นมาอย่างดี และคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ถูกคัดเลือกผ่านเข้าไปสู่รายการ Youth With You ก็จะช่วยให้ตัวเองถูกพัฒนามากขึ้นในทักษะเรื่องการเต้น ไม่เพียงแต่การมีทักษะด้านนักแสดง เท่านั้น” และยังมีนักแสดงคนอื่น ๆ อีกมากมายที่เข้าร่วม Audition ไม่ว่าจะเป็น ปลาย - ฉัตริน โชติทิฆัมพร จาก 9Naa Production, ป้าน - จิรโชติ โชติทิฆัมพร จาก 9Naa Production, ปอร์เช่ ธนธรณ์ เจริญรัตนพร นักแสดงซีรีส์ My Stand-in ตัวนายตัวแทน จากค่าย YYDS Entertainment, ฟิน - พศิน นิธีธนพร จากซีรีส์ across the sky ลัดฟ้าล่าฝัน ช่อง one31, โฟม - พุฒิกร นิธีธนพร จากซีรีส์ across the sky ลัดฟ้าล่าฝัน ช่อง one31 และ เป็นต่อ - จีรภัทร พิมานพรหม ศิลปิน/นักแสดงจากค่าย Insight Entertainment อดีตสมาชิกวง LAZ1 

บรรยากาศหลังการ Offline Audition เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกและเต็มไปด้วยพลังของเด็กไทย นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าประกวดได้ร่วมบางส่วนได้ร่วมแสดงความสามารถและร่วมสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าวอย่างคับคั่ง ใครจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทย เพื่อก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับโลก มาลุ้นและเป็นส่วนหนึ่งพร้อมกันกับรายการ Survival อันดับหนึ่ง iQIYI Original “Youth With You International” เร็วๆ นี้ ทาง iQIYI (อ้ายฉีอี้)


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top