เมืองไทยเปลี่ยนไป 'ลืมตา-มองไทย' แบบรอบทิศ
(16 ก.พ.66) เปลวสีเงิน ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ 'สโลแกนใหม่' เพื่อไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้…
เช้าวาน...
ลุ้นซะปวดกระเพาะปัสสาวะ กลัวสภานัด ‘ด่าฟรี’ ส่งท้ายจะล่ม
แต่ก็ ‘ครบองค์ประชุม’ ไปแบบต้องลุ้นอย่างว่านั่นแหละ!
พิธีกรรม ‘ด่านายกฯ ฟรี’ ก็ดำเนินการไปได้
ท่ามกลางจำนวน ส.ส.ที่เหลือกะร่อย-กะหริบ จนผีกลัวผีสภาหลอก
เหตุที่ ‘ไม่ล่ม’
เพราะงาน ‘ด่านายกฯ ฟรี’ (๑๕-๑๖ ก.พ.๖๖) นี้ ฝ่ายค้าน-เพื่อไทย เป็นเจ้าภาพ จึงมาเสียบบัตรกันครบ
ส่วนเหตุที่ล่มเป็นประจำ
เพราะฝ่ายรัฐบาลเป็นเจ้าภาพประชุมผ่านร่างกฎหมาย ฝ่ายค้านไม่ช่วยงาน คือมา...แต่ไม่เสียบบัตรเป็นองค์ประชุมบวกกับ ส.ส.ฝ่ายเจ้าภาพ ‘สันหลังยาว’
สภาก็เลย ‘ล่มสร้างสถิติ’!
ผมก็ฟังบ้าง-ไม่ได้ฟังบ้าง เพราะรู้อยู่ ญัตติอภิปรายทั่วไป เป็นญัตติ ‘ตีหัวเข้าบ้าน’ ของฝ่ายค้าน เสริมการหาเสียง แบบมีโทรทัศน์ถ่ายทอดให้ฟรี
เท่าที่ฟัง ฝ่ายค้านก็แผ่นเสียงตกร่องอยู่ ๓-๔ ประเด็นเดิมๆ โดยไม่ลืมตาดูโลกว่า ประเด็นที่พูดกับจริงที่เป็นวันนี้
มันตรงกันมั้ย?
เอาแต่ ‘อคติ-คิดแค้น’ เป็นตัวตั้ง
แล้วก็ด้อยค่านายกฯ ไปเรื่อย หลายเรื่อง รัฐบาลทำจนเห็นทนโท่ตำตา แต่ฝ่ายค้านก็ยังหลับหู-หลับตาพูด ‘สวนทาง’ กับข้อเท็จจริงที่รัฐบาล ‘แก้ไข-พัฒนา’ แม้แต่คนพิการตายังรู้
แต่พวก ‘พิการใจ’ ทั้งไม่รู้ และไม่เห็น น่าสมเพชจัง!
มันก็เลยกลายเป็นว่า ที่ด่าหวังประจานรัฐบาล มันย้อนกลับประจานฝ่ายค้านซะเอง
ทั้งเรื่องที่ว่า ๘ ปี รัฐบาลทำเศรษฐกิจพัง, ประชาชนจะอดตาย, ประเทศล้าหลัง ไม่มีการพัฒนา, การท่องเที่ยว-เทคโนโลยีสื่อสารเฮงซวย และ ฯลฯ
ผมฟังจน ‘หูจำ’ ได้เองว่า ประเด็นที่ยกมาด้อยค่ารัฐบาล ๘ ปี จาก ๒๕๕๗-๒๕๖๖ ฝ่ายค้านก็ด่าเรื่องเหล่านี้ ก๊อปปี้เดิมๆ
เปิดกะโหลก ลืมตา แล้วรูดซิป ให้เรียบร้อย จากนั้น มองประเทศไทยไปรอบๆ ซิครับ
ถ้าจะให้ดี ไปหาภาพเก่าๆ ของประเทศไทย ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก-อีสาน-กลาง และกรุงเทพฯ ในด้านการพัฒนา
โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและด้านโทรคมนาคม มาเปรียบเทียบกันดู
จะเห็น ‘ประเทศไทย’ ถอดรูป จากก่อนปี ๕๗ ที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ‘โกงจำนำข้าว’ จนแทบไม่ได้
เผลอๆ บางคนอาจถาม....’นี่ ที่ไหนเนี่ย?’ ด้วยซ้ำ
ค่าที่ว่า กายภาพประเทศไทย ได้รับการพัฒนาแทบทุกด้านจน ‘เช้งวับ’ ยิ่งกว่าไปทำศัลยกรรมหน้ามาจากเกาหลีซะอีก!
จะเอาด้านไหนก่อนล่ะ เอาเฉพาะที่ ‘โลก’ เขาเห็นและเขายอมรับก็แล้วกัน เผื่อ "คนใจบอด" จะเปิดใจรู้บ้าง
ด้านการเงินนะ
ไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นอันดับ ๒ ของอาเซียน อันดับ ๑๖ ของโลก ดูเฉพาะด้านอาเซียนก็แล้วกัน
๑.สิงคโปร์ ๓๘๘,๒๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๒.ไทย ๒๑๖,๖๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๓.อินโดนีเซีย ๑๓๗,๒๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๔.มาเลเซีย ๑๑๔,๖๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๕..ฟิลิปปินส์ ๙๖,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๕ อันดับ พอเป็นสังเขป .......
เพื่อไทยเอียงหูมาใกล้ๆ ปากผมหน่อยซิ จะกระซิบอะไรให้ฟัง แล้วอย่าไปบอกใครนะ
‘รัฐบาลประยุทธ์’ กู้ชาติ-กู้เศรษฐกิจ จนไทยเรารวย ถึงขั้น IMF เตรียมขอกู้ ตั้งเพดานไว้ตั้ง ๑๔,๑๔๗ ล้านบาทแน่ะ
เอ้า...ไปดูด้านเศรษฐกิจบ้าง จากผลสำรวจของต่างชาติ
‘เอียน แพสโค’ ประธานบริหาร ‘แกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทย’ มีผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในประเทศไทย ครึ่งหลังของปี ๖๕
โดยสำรวจธุรกิจขนาดกลางทั่วโลก พบว่า…
‘ธุรกิจไทย’ เป็นผู้นำของโลกด้านสถานภาพทางธุรกิจและเป็นครั้งแรกในรอบ ๕ ปี ที่สภาพธุรกิจของประเทศไทย
มี ‘ปัจจัยบวก’ แซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งในกลุ่มที่เป็นฐานการลงทุน เช่น เวียดนาม สิงคโปร์
ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจที่เคยไปลงทุนในประเทศเหล่านั้น ย้ายกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
เพราะมีจุดแข็งในเรื่อง ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการลงทุน และการอยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
พูดถึงรถยนต์.....
ไทยเป็นแชมป์อาเซียน ‘ส่งออกรถยนต์’ ทั้งเก๋ง ทั้งกระบะ อันดับ ๑ สูงถึง ๑,๘๘๓,๕๑๕ คัน, อินโดฯ อันดับสอง ๑.๔ ล้านคัน และมาเลย์ อันดับสาม ๗ แสนกว่าคัน และ...อ้อ ส่งออกของไทย ปี ๖๕ นำเงินเข้าประเทศ ๙.๙ ล้านล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์
รู้แล้ว อย่าเฉิ่ม หลับตาอภิปราย ‘รัฐบาลประยุทธ์บริหารไม่เป็น โง่ ทำเศรษฐกิจประเทศพังฉิบหาย’ อีกล่ะ อายเค้า!
แล้วดันคุย นายกฯ ประยุทธ์ ‘ลอกนโยบาย’ เพื่อไทยไปทำ สะเหล่อดกจริงๆ
นโยบายเพื่อไทย ‘เพิ่งคลอด’ มดลูกยังไม่ทันกลับเข้าอู่ด้วยซ้ำ แล้วพูดได้ไงว่า นายกฯ ลอกนโยบายไปทำ
ถ้าลอกปุ๊บวันนี้-ติดปั๊บพรุ่งนี้ นั่นมันไม่ใช่การทำงานด้านบริหาร-พัฒนาประเทศแล้วละ โม้ไปเรื่อย
เอ้า....ดูอีกสถิติ ที่ว่า ๘ ปี มีแต่ล้มเหลวทุกด้านนั่นน่ะ ข่าวจาก ‘กรุงเทพธุรกิจ’ หลายวันก่อน
ไทยติดอันดับ ๑๐ ประเทศที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเอเชีย อันดับ ๓ ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์และอินโดนีเซีย
ตัวชี้วัดที่แข็งแกร่งของไทยคือ.....
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ อยู่ในอันดับที่ ๗
เป็นผลมาจากการเข้าร่วมซัพพลายเชนในภูมิภาคและมีความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนที่แข็งแกร่งกับประเทศที่ติดอันดับในดัชนีอิทธิพลเอเชีย
๑๐ อันดับประเทศที่ ‘ทรงอิทธิพลที่สุด’ ในเอเชีย
๑.สหรัฐ ๒.จีน ๓.ญี่ปุ่น ๔.อินเดีย ๕.รัสเซีย ๖.ออสเตรเลีย
๗.เกาหลีใต้ ๘.สิงคโปร์ ๙.อินโดนีเซีย และ ๑๐.ไทย