Thursday, 28 March 2024
CreditSuisse

จับตา 'แบงก์ชาติสวิส' พร้อมอุ้ม 'Credit Suisse' หลังหุ้นทรุดลงไปมากกว่า 30% ใน 1 วัน

(16 มี.ค.66) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพและประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้โพสต์ข้อความถึงกรณี หุ้น Credit Suisse ร่วงต่อเนื่อง โดยระบุว่า...

ให้ล้มไม่ได้ ... ยอมจำนนเป็นรายที่ 2 !!!!

หลังตลาดกดดันมาทั้งวัน จนหุ้น Credit Suisse ทรุดลงไปมากกว่า 30% ใน 1 วัน สุดท้าย ธนาคารกลางสวิส (SNB) และผู้กำกับสถาบันการเงินสวิส (FINMA) ประกาศพร้อมช่วยเหลือ Credit Suisse
.
FINMA is in very close contact with the bank and has access to all information relevant to supervisory law. Against this background, FINMA confirms that Credit Suisse meets the higher capital and liquidity requirements applicable to systemically important banks. In addition, the SNB will provide liquidity to the globally active bank if necessary.
.
FINMA ได้ติดตามหารือกับ Credit Suisse อย่างใกล้ชิด และได้ดูข้อมูลของธนาคารในมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กฎหมายกำกับสถาบันการเงินได้กำหนดไว้ FINMA ขอยืนยันว่าฐานะการเงินของ Credit Suisse ทั้งเงินทุนและสภาพคล่องยังเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และหากจำเป็น ธนาคารกลางสวิสจะจัดสภาพคล่องที่ต้องการให้กับ Credit Suisse 
.
พูดง่ายๆ ได้ดูข้อมูลแล้ว และขอให้สบายใจ หาก Credit Suisse มีปัญหา ธนาคารกลางสวิสจะจัดให้ !!!

ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่า Credit Suisse เป็นธนาคารที่สำคัญกว่า Silicon Valley Bank มาก มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 6 แสนล้านดอลลาร์ เป็นธนาคารขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิส มีอายุ 167 ปี
.
ฝังรากลึก มีโครงข่าย เชื่อมโยงกับธนาคารต่างๆ ในยุโรป ในสหรัฐ อย่างลึกซึ้ง

ใหญ่เกินไปที่จะปล่อยให้ล้ม 

เพียงผลจากเมื่อคืนนี้ แค่ความกังวลใจ ก็ทำให้หุ้นธนาคารอื่นๆ ในยุโรปก็ร่วงตามเป็นแถวๆ

Societe Generale -12.2%
BNP Paribas -10.1%
ING -9.6%
BBVA -9.6%

กระจายไปทั้งภูมิภาค ตลาดหุ้นอังกฤษ สเปน อิตาลี ตกไปประมาณ 4% ใน 1 วัน กระทั่งธนาคารกลางอังกฤษ ก็ต้องจัดประชุมฉุกเฉินกับกลุ่มธนาคารกลางอื่นๆ เพื่อหารือแนวทางที่จะดูแล

ทั้งนี้ แม้ Credit Suisse มีปัญหาเฉพาะในหลายๆ เรื่อง ต่างจากธนาคารอื่นๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกรณีของสหรัฐและยุโรป ชี้ไปถึงความเปราะบางในระบบสถาบันการเงินโลกที่เพิ่มขึ้นมาก จากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว เกินคาด มา 1 ปีเต็มๆ ของธนาคารกลาง ทำให้สถาบันการเงินจำนวนมาก จัดการความเสี่ยงได้ไม่หมด มีความเสียหายซ่อนไว้ใน Port พันธบัตรที่ถือ จากการลงทุนที่ไปลงไว้ 

ยิ่งเมื่อเศรษฐกิจซบเซาลง จากหนี้เสียต่างๆ ก็จะอ่อนแอลงไปเพิ่ม ทำให้ทุกคนพร้อมวิ่ง เมื่อมีประเด็นเกิดขึ้น ดังเช่นกรณี Credit Suisse เมื่อคืนนี้ เริ่มจากการสัมภาษณ์ธรรมดาๆ ที่ Saudi National Bank ตอบว่า... 

ได้ลงทุนไปที่ 9.9% ของหุ้น Credit Suisse แล้ว หากเกิน 10% ก็จะเข้าสู่เกณฑ์ใหม่ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สามารถลงเงินเพิ่มได้

แต่ข่าวที่ออกมา พาดหัวว่า...

"ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Credit Suisse ปฏิเสธที่จะลงเงินต่อ ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพิ่ม"

เนื่องจาก Credit Suisse มีแผลอยู่แล้ว คนจับตามองอยู่แล้ว มีปัญหาเกิดขึ้นเนื่องๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

สิ่งที่ตามมาจากคำพูดสั้นๆ ดังกล่าว จึงกลายเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เกินคาด

สะเทือนไปทั่วโลก

แต่ท้ายสุด เนื่องจาก Credit Suisse ใหญ่เกินไป สำคัญเกินไป

ให้ล้มไม่ได้ !!!

ทางการจึงต้องเข้ามาดูแล

ไม่มีทางเลือก

เมื่อคืน ถือเป็นก้าวแรก ประกาศช่วยเรื่องสภาพคล่อง

ต่อไป หากจำเป็น คงต้องประกาศอุ้มผู้ฝากให้ชัดเจน

วิเคราะห์ Credit Suisse ยื่นคำขอให้แบงก์ชาติสวิสฯ ช่วยเหลือ หายนะครั้งใหญ่ หรือ ปัญหาที่หยุดได้ หากไหวตัวทัน

(16 มี.ค.66) World Maker เผยว่า Credit Suisse ยื่นคำขอ ให้ธนาคารกลางสวิสเข้าช่วยเหลือ !!!

โดยล่าสุดมีรายงานว่า Credit Suisse ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อธนาคารกลางให้เข้าช่วยเหลือแล้ว !!! หลังหุ้นร่วงกว่า -30% ในช่วง Premarket วันนี้และยังคงติดลบมากกว่า -20% ในช่วง Trading Session ค่ำคืนนี้ !

รายละเอียดของการยื่นอุธรณ์และการเข้าช่วยเหลือนั้นยังไม่เปิดเผยออกมา ! แต่อาจเป็นสิ่งที่เราต้องลุ้นกันต่อไปว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ามาเบรกวิกฤตในครั้งนี้ได้หรือไม่ ?? เพราะในขณะเดียวกันกองเชียร์ฝ่ายโปรจีน-รัสเซีย ต่างก็กำลังแช่งให้ สหรัฐฯ-ตะวันตก ย่อยยับพังพินาศไปในวิกฤตครั้งนี้ ! ซึ่งแน่นอนว่าถ้า สหรัฐฯ-ตะวันตก พังจริง ผู้คนคงเดือดร้อนกันทั้งโลก แม้ว่าจะสะใจกองเชียร์โปรจีน-รัสเซียก็ตาม !

ในขณะเดียวกันนี้ ทาง Goldman Sachs ได้ออกมาแสดงมุมมอง Bullish ว่าต่อจากนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการหาโอกาส Buy The Dip หุ้นบางตัว ? โดยมองว่าธนาคารขนาดยักษ์ใหญ่ไม่น่าจะเกิดวิกฤตรุนแรงเหมือนตอนวิกฤตการเงินโลกปี 2008

ส่วนทางด้าน Michael Burry นักลงทุนชื่อก้องโลกจาก The Big Short ก็ได้ออกมากล่าวในโพสต์ Twitter ล่าสุดว่าเขาไม่ได้เห็นหายนะจากวิกฤตในครั้งนี้แต่อย่างใด ! ซึ่งตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าการล้มของ SVB ทำให้เขาค่อนข้างนึกถึงฟองสบู่ดอทคอม

ซึ่งมุมมองของ Goldman Sachs และ Michael Burry นั้นตรงกันข้ามกับ Ray Dalio และ Nouriel Roubini ที่กล่าวว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหญ่ ! โดย Ray Dalio มองว่าจะเกิดวิกฤตใหญ่กว่านี้ตามมาแน่ ๆ ส่วน Nouriel Roubini มองว่าวิกฤตครั้งนี้เหมือนกับตอนที่ Lehman Brothers ล้ม !

พร้อมกันนี้ Bloomberg รายงานว่า FED และกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับเพื่อตรวจสอบความเสี่ยงเชิงระบบต่าง ๆ รวมถึงธนาคาร Credit Suisse ด้วย !

และแม้ว่า Credit Default Swap หรือ CDS ของ Credit Suisse ซึ่งเป็นอนุพันธ์ที่นักลงทุนใช้บ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้จะพุ่งขึ้นทำ All Time High ใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับที่มีสื่อหลายสื่อประโคมข่าวโจมตีว่าระบบการเงินของสหรัฐฯ-ตะวันตกกำลังจะล้ม แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ยังมีคนที่ออกมาให้ข้อมูลว่าเราไม่จำเป็นต้อง Panic ขนาดนั้นเลย !

เพราะว่าหากไปตรวจสอบดูระบบเศรษฐกิจจริง ๆ ที่ไม่ใช่ยึดตำราเก่า จะพบว่าธนาคารและบริษัทที่เป็นเสาหลักจริง ๆ ของระบบการเงินโลกยังมีความแข็งแกร่งกว่าในอดีตอย่างมาก และวิกฤตครั้งนี้ก็มีความแตกต่างกันหลายอย่างจนแทบจะเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยกับในอดีต

โดยเฉพาะการที่หน่วยงานกำกับดูแลของแต่ละประเทศกำลัง Take Action อย่างรวดเร็วนั้น ถือเป็นการกระทำตามหลักเศรษฐศาสตร์เคนส์ที่มีหลักการเบื้องต้นว่า “ถ้าคุณรอให้วิกฤตดำเนินต่อไป ผลกระทบจะยิ่งรุนแรง แต่ถ้าคุณรีบเข้าช่วยเหลือมันตั้งแต่ต้น ทุกอย่างก็จะเบาลงและหยุดไปในที่สุด”

‘กรณ์’ ชี้!! วิกฤต Credit Suisse กระทบไทยน้อย ยัน!! ฐานะทางบัญชีธนาคารไทย ‘เข้มแข็ง’

(16 มี.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี มูลค่าหุ้นของธนาคาร เครดิต สวิส (Credit Suisse) ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์อันดับ 2 ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ร่วงลงไปถึง 24% ภายในวันเดียวในช่วงค่ำวันที่ 15 มีนาคม 2566 ทำให้สำนักงานกำกับตลาดการเงินและธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เพื่อลดความกังวลที่อาจจะเกิดขึ้น ว่า ธนาคาร Credit Suisse อยู่ในสถานการณ์วิกฤต หลังจากที่วันนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ Saudi National Bank ประกาศว่าไม่สามารถสนับสนุนทุนเพิ่มให้ได้อีกต่อไป

นายกรณ์ กล่าวว่า ธนาคาร Credit Suisse ประสบปัญหาจากการบริหารจัดการที่ไม่ดีมานาน ราคาหุ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาปรับลดลงต่อเนื่องถึง -90% ทางผู้บริหารอ้างว่าทุนเพียงพอ แต่หากมีการแห่ถอนเงินออก เชื่อว่ารัฐบาลสวิสคงไม่ปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะนี้ปรับตัวลง 600 จุด ในขณะที่เงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรรัฐบาล ทั้งนี้ประเด็นเรื่อง Credit Suisse เป็นคนละประเด็นปัญหากับ SVB และ Signature ของสหรัฐ แต่ความเปราะบางความเชื่อมั่นในขณะนี้จะทำให้ทุกปัญหาถูกขยายผลจนกลายเป็นวิกฤติได้” นายกรณ์ กล่าว

UBS ควัก 3 พันล้านดอลฯ ซื้อคู่แข่ง Credit Suisse ยุติความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน-การธนาคาร

ความพยายามในการแก้ไขปัญหาของ ธนาคารเครดิตสวิส ยังคงเป็นที่จับตา โดยเฉพาะการเจรจา เทคโอเวอร์เครดิตสวิส โดยธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง ยูบีเอส หรือ ยูเนียน แบงก์ ออฟ สวิตเซอร์แลนด์ ที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และใช้เวลายาวนานถึง 11 ชั่วโมง สุดท้ายยูบีเอสประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (19 มี.ค.) ว่า ยูบีเอสตกลงที่จะซื้อกิจการธนาคารเครดิตสวิส (เทคโอเวอร์) ด้วยมูลค่า 3,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 3,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 110,987.5 ล้านบาท) เพื่อช่วยยุติความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน-การธนาคารที่เริ่มมาจากการล้มละลายของธนาคารหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา

การเทคโอเวอร์ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยงานกำกับดูแลการเงินของภาครัฐ โดยธนาคารกลางแห่งสวิตเซอร์แลนด์ออกแถลงการณ์วานนี้ว่า ยูบีเอสได้ประกาศแผนการเทคโอเวอร์ธนาคารเครดิตสวิสออกมาแล้ว และความเคลื่อนไหวนี้จะช่วยสร้างสเถียรภาพทางการเงินและช่วยปกป้องเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์โดยรวมด้วย

ทั้งนี้ สำนักข่าว CNN รายงานว่า ราคาที่ยูบีเอสตกลงจะจ่าย 3,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 3,230 ล้านดอลลาร์นั้น เป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาดของหุ้นเครดิตสวิส (ที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์) ถึง 60% หรือกล่าวง่ายๆก็คือ ผู้ถือหุ้นเดิมของเครดิตสวิสจะได้รับเงินจากยูบีเอสเพียงหุ้นละ 0.76 ฟรังก์สวิส จากเดิมที่เคยมีราคา 1.86 ฟรังก์สวิสเมื่อวันศุกร์ (17 มี.ค.)

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นของเครดิตสวิสจะถูกระงับสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับข้อตกลงที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาจะได้รับหุ้นของยูบีเอส 1 หุ้นต่อทุกๆ หุ้นของเครดิตสวิส 22.48 หุ้นที่พวกเขาถือครอง ซึ่งมีการประเมินมูลค่าของธนาคารไว้ที่ 3,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คาดว่ากระบวนการเทคโอเวอร์จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้

การเทคโอเวอร์กิจการครั้งนี้ยังมีความพิเศษ ในแง่ที่การตัดสินใจดังกล่าวไม่ต้องการการลงมติเห็นชอบของผู้ถือหุ้น เนื่องจากรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้ยอมปรับแก้กฎหมายเพื่อเอื้อให้การเจรจาครั้งนี้ลุล่วงได้อย่างราบรื่นด้วยดี

ก่อนหน้านี้มีข่าวจากแหล่งข่าวหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาว่า ยูบีเอส ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ได้กำหนดเงื่อนไขให้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ร่วมรับผิดชอบเป็นวงเงิน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 204,456 ล้านบาท) ในรูปเงินค้ำประกัน เพื่อเป็น 'หลักประกัน' ในการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ และหวังใช้เป็นค่าใช้จ่ายการปิดบัญชี-ค่าธรรมเนียมฟ้องร้องและการเลิกจ้างพนักงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (เอสเอ็นบี) และสำนักงานตรวจสอบทางการเงินแห่งชาติของสวิตเซอร์แลนด์ (ฟินมา) ต้องการคลี่คลายสถานการณ์ของเครดิตสวิสให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุดและยืนกรานว่า การให้ยูบีเอสเทคโอเวอร์กิจการของเครดิตสวิส 'คือหนทางดีที่สุดหนทางเดียวในเวลานี้'

อย่างไรก็ตาม การหารือยังคงเต็มไปด้วย 'อุปสรรคหลายประการ' รวมถึง 'ความเป็นไปได้' ว่าหากธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์สองแห่งควบรวมกิจการกัน อาจนำไปสู่การต้องเลิกจ้างพนักงานราว 10,000 ตำแหน่ง

อนึ่ง ยูบีเอสเรียกร้องหลักประกันและมาตรการสนับสนุนฉุกเฉินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากกฎหมายการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า ยูบีเอสต้องให้เวลาผู้ถือหุ้นทั้งหมดหารือเป็นการภายในนาน ถึง 6 สัปดาห์ ซึ่งเมื่อประเมินกับความเร่งรีบของการแก้ไขสถานการณ์ ถือว่า 'ช้าเกินไป' ในการรักษาเครดิตสวิส ที่ขอกู้ยืมจากเอสเอ็นบี มากถึง 50,000 ล้านฟรังก์ สวิส (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังซาอุดี เนชันแนล แบงก์ สถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบียและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิตสวิส ยืนกรานปฏิเสธเพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้มากกว่า 10%

‘UBS Group’ เข้าซื้อกิจการ ‘Credit Suisse’ คาด!! นักลงทุนรายย่อย-ใหญ่ เสี่ยงขาดทุนระนาว

(20 มี.ค. 66) World Maker รายงานว่า ธนาคารแห่งชาติซาอุฯ รวมถึงกาตาร์ และนอร์เวย์ถือเป็นผู้ขาดทุนรายใหญ่ -86% จากการซื้อ Credit Suisse ของ UBS 

น่าจะจบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับวิกฤตที่ค้างคาของ Credit Suisse ซึ่งพร้อมกันนี้ ผู้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัยคือ UBS Group ที่ได้กิจการของ Credit Suisse ไปในราคา Discount ถึง -60% ขณะที่ผู้แพ้นั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยหรือสถาบันรายใหญ่

โดยเฉพาะ Saudi National Bank ที่ถือหุ้นใหญ่ของ Credit Suisse มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ (9.9% ของหุ้นทั้งหมด) ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวจะมีมูลค่าเหลือเพียง 215 ล้านดอลลาร์เมื่อถูกแปลงเป็นหุ้นของ UBS หรือพูดง่าย ๆ ว่ามูลค่าหายไปราว -86% เลยทีเดียว !

ซึ่งรายละเอียดที่เปิดเผยออกมาแล้วคือผู้ถือหุ้นเก่าของ Credit Suisse จะได้รับหุ้นของ UBS ในอัตราส่วน 22.48 ต่อ 1 ซึ่งเป็นไปตามราคา Take Over ที่ 0.82 $/หุ้น ต่ำกว่าราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ของ Credit Suisse ที่ 2.01 $/หุ้น

ผู้ขาดทุนรายใหญ่อื่น ๆ ได้แก่ Qatar Investment Authority ของประเทศกาตาร์และ Norges Bank Investment Management ซึ่งเป็นกองทุนแห่งชาติของนอร์เวย์

‘บิ๊กตู่’ ชี้!! สถานการณ์การเงินไทยแข็งแกร่ง ไม่หวั่นเหตุ Credit Suisse แต่ก็ไม่ติดประมาท

‘นายกฯ’ ยืนยันสถานการณ์การเงินของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง ไม่ประมาทต้องคอยระวัง หลัง Credit Suisse เกิดวิกฤตเกิดสภาพคล่อง

(20 มี.ค.66) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ธนาคาร Credit Suisse ธนาคารระดับโลก เกิดวิกฤตเกิดสภาพคล่อง โดยกล่าวย้อนถามว่า... 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top