วิเคราะห์ Credit Suisse ยื่นคำขอให้แบงก์ชาติสวิสฯ ช่วยเหลือ หายนะครั้งใหญ่ หรือ ปัญหาที่หยุดได้ หากไหวตัวทัน

(16 มี.ค.66) World Maker เผยว่า Credit Suisse ยื่นคำขอ ให้ธนาคารกลางสวิสเข้าช่วยเหลือ !!!

โดยล่าสุดมีรายงานว่า Credit Suisse ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อธนาคารกลางให้เข้าช่วยเหลือแล้ว !!! หลังหุ้นร่วงกว่า -30% ในช่วง Premarket วันนี้และยังคงติดลบมากกว่า -20% ในช่วง Trading Session ค่ำคืนนี้ !

รายละเอียดของการยื่นอุธรณ์และการเข้าช่วยเหลือนั้นยังไม่เปิดเผยออกมา ! แต่อาจเป็นสิ่งที่เราต้องลุ้นกันต่อไปว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ามาเบรกวิกฤตในครั้งนี้ได้หรือไม่ ?? เพราะในขณะเดียวกันกองเชียร์ฝ่ายโปรจีน-รัสเซีย ต่างก็กำลังแช่งให้ สหรัฐฯ-ตะวันตก ย่อยยับพังพินาศไปในวิกฤตครั้งนี้ ! ซึ่งแน่นอนว่าถ้า สหรัฐฯ-ตะวันตก พังจริง ผู้คนคงเดือดร้อนกันทั้งโลก แม้ว่าจะสะใจกองเชียร์โปรจีน-รัสเซียก็ตาม !

ในขณะเดียวกันนี้ ทาง Goldman Sachs ได้ออกมาแสดงมุมมอง Bullish ว่าต่อจากนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการหาโอกาส Buy The Dip หุ้นบางตัว ? โดยมองว่าธนาคารขนาดยักษ์ใหญ่ไม่น่าจะเกิดวิกฤตรุนแรงเหมือนตอนวิกฤตการเงินโลกปี 2008

ส่วนทางด้าน Michael Burry นักลงทุนชื่อก้องโลกจาก The Big Short ก็ได้ออกมากล่าวในโพสต์ Twitter ล่าสุดว่าเขาไม่ได้เห็นหายนะจากวิกฤตในครั้งนี้แต่อย่างใด ! ซึ่งตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าการล้มของ SVB ทำให้เขาค่อนข้างนึกถึงฟองสบู่ดอทคอม

ซึ่งมุมมองของ Goldman Sachs และ Michael Burry นั้นตรงกันข้ามกับ Ray Dalio และ Nouriel Roubini ที่กล่าวว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหญ่ ! โดย Ray Dalio มองว่าจะเกิดวิกฤตใหญ่กว่านี้ตามมาแน่ ๆ ส่วน Nouriel Roubini มองว่าวิกฤตครั้งนี้เหมือนกับตอนที่ Lehman Brothers ล้ม !

พร้อมกันนี้ Bloomberg รายงานว่า FED และกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับเพื่อตรวจสอบความเสี่ยงเชิงระบบต่าง ๆ รวมถึงธนาคาร Credit Suisse ด้วย !

และแม้ว่า Credit Default Swap หรือ CDS ของ Credit Suisse ซึ่งเป็นอนุพันธ์ที่นักลงทุนใช้บ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้จะพุ่งขึ้นทำ All Time High ใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับที่มีสื่อหลายสื่อประโคมข่าวโจมตีว่าระบบการเงินของสหรัฐฯ-ตะวันตกกำลังจะล้ม แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ยังมีคนที่ออกมาให้ข้อมูลว่าเราไม่จำเป็นต้อง Panic ขนาดนั้นเลย !

เพราะว่าหากไปตรวจสอบดูระบบเศรษฐกิจจริง ๆ ที่ไม่ใช่ยึดตำราเก่า จะพบว่าธนาคารและบริษัทที่เป็นเสาหลักจริง ๆ ของระบบการเงินโลกยังมีความแข็งแกร่งกว่าในอดีตอย่างมาก และวิกฤตครั้งนี้ก็มีความแตกต่างกันหลายอย่างจนแทบจะเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยกับในอดีต

โดยเฉพาะการที่หน่วยงานกำกับดูแลของแต่ละประเทศกำลัง Take Action อย่างรวดเร็วนั้น ถือเป็นการกระทำตามหลักเศรษฐศาสตร์เคนส์ที่มีหลักการเบื้องต้นว่า “ถ้าคุณรอให้วิกฤตดำเนินต่อไป ผลกระทบจะยิ่งรุนแรง แต่ถ้าคุณรีบเข้าช่วยเหลือมันตั้งแต่ต้น ทุกอย่างก็จะเบาลงและหยุดไปในที่สุด”

ซึ่งทั้งนี้เราก็ต้องมาลุ้นกันว่าระหว่างหลักเศรษฐศาสตร์ดั้งเดิมตามตำรากับหลักเศรษฐศาสตร์เคนส์ อะไรจะเป็นของจริง !

สำหรับคำตอบของคำถามที่ว่าวิกฤตครั้งนี้จะลุกลามกลายเป็นหายนะและการล่มสลายของระบบการเงินสหรัฐฯ หรือไม่นั้น ก็คงไม่มีใครการันตีได้ 100% แต่โดยรวมแล้วมีผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ฝั่งที่มีมุมมองแตกต่างกันมาก ซึ่งสรุปได้ดังนี้...

1. ฝ่ายโปร จีน-รัสเซีย มองว่าระบบการเงินของสหรัฐฯ-ตะวันตกกำลังจะล่มสลาย เงินดอลลาร์จะเสื่อมค่าหนักและไม่มีใครอยากใช้เพราะสาเหตุที่สหรัฐฯ พิมพ์เงินโดยไม่มีทองคำหนุนหลัง พร้อมกับจะเกิดระเบียบโลกใหม่หลายขั้วที่จีน-รัสเซียเป็นผู้นำ และราคาทองคำจะพุ่งขึ้นทะลุเพดาน

2. ฝ่ายโปร สหรัฐฯ-ตะวันตก มองว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นเพียงแค่บททดสอบความตึงเครียดซึ่งจะทำให้บริษัท ธนาคาร และหน่วยงานต่าง ๆ มีบทเรียนที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้เงินอย่างประมาทจะได้รับบทเรียนครั้งใหญ่จากวิกฤตที่เกิดขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ความเสียหายครั้งนี้จะถูกจำกัดเอาไว้แค่บางส่วน และไม่ได้ลุกลามไปเป็นหายนะเหมือนในอดีต เพราะโลกพัฒนาจากจุดนั้นมาเยอะมาก และภาคการเงินของหลายประเทศทั่วโลกก็ไม่ได้มีความหละหลวมหรือใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเป็นส่วนใหญ่เหมือนในอดีต


ที่มา: World Maker