Thursday, 14 November 2024
Central

กรุงเทพฯ - “มาดามแป้ง” ส่ง “กล่องน้ำใจ” ถึงชาวคลองเตย กักตัวเกินร้อย

มาดามแป้ง ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ส่งกล่องน้ำใจมูลนิธิมาดามแป้ง บรรเทาความเดือดร้อนช่วงกักตัวของชาวคลองเตยเกินร้อยชีวิต ทั้ง 43 ชุมชน พร้อมตั้งครัวมาดามทุกวัน

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่เขตคลองเตยทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง หลังพบผู้ป่วยเพิ่มสูงจากการเป็นชุมชนแออัด ส่งผลให้มีผู้เสี่ยงสูงต้องกักตัวเพิ่มขึ้นทุกวัน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เดินหน้าให้ความช่วยเหลือชาวคลองเตยต่อเนื่อง หลังตั้งครัวมาดามแจกข้าวกล่องแก่ 43 ชุมชน พร้อมจัดกล่องน้ำใจจัดส่งไปยังผู้ที่ต้องกักตัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงขาดรายได้  โดยในกล่องน้ำใจนั้นประกอบด้วย เครื่องอุปโภค บริโภคทั้งสดและแห้ง พร้อมของใช้จำเป็นอื่นๆ และจัดทีมอาสาสมัครลงพื้นที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกวัน

โดย มาดามแป้ง CEO เมืองไทยประกันภัย , ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ต้องขอบคุณกลุ่มอาสากล้าใหม่ ผู้นำชุมชน ที่ส่งต่อความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ ไปยังพี่น้องที่ลำบาก ทั้งการตั้งครัวมาดามตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเป็นต้นมา รวมถึงการส่งต่อกล่องน้ำใจที่เต็มไปด้วยความตั้งใจไปถึงมือผู้ที่กักตัวทั้ง 43 ชุมชน มันเป็นช่วงเวลาที่คนตัวใหญ่ต้องหันมาช่วยคนตัวเล็ก โดยเฉพาะแฟนบอลท่าเรือที่คลองเตย เราทิ้งไม่ได้ อยากให้ทุกคนอดทนสู้เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปด้วยกัน”

ทั้งนี้ นอกจากการช่วยเหลือพี่น้องชาวคลองเตยทั้ง 43 ชุมชนแล้ว มูลนิธิมาดามแป้ง ยังได้ส่งต่อกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฎิบัติงานในโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลสนามทั่วประเทศรวม 26 แห่งนานเกือบหนึ่งเดือนแล้ว สำหรับผู้ที่สนใจบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือพี่น้องชาวคลองเตยและคนไทยทั่วประเทศ สามารถร่วมบริจาคได้ที่ บัญชี 092-2-61340-0 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 

สุโขทัย - ชาวบ้านเลือกซื้อขิง กระชาย รับประทานต้านโควิด-19

เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งพบผู้ป่วยต่อเนื่อง ล่าสุดข้อมูลจากสสจ.สุโขทัย รายงานสถานการณ์จังหวัดสุโขทัย ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 96 ราย รักษาหาย 46 ราย กำลังรักษา 48 ราย และเสียชีวิต 2 ราย ทำให้ชาวบ้านต่างต้องหาวิธีป้องกันทุกวิธี เช่นเดียวกับการรับประทานน้ำขิง และกระชายสด

ซึ่งมีการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ว่าขิง และกระชาย มีสรรพคุณช่วยให้ร่างการแข็งแรงและเสริมภูมิคุ้มกันทำให้มีชาวบ้านออกมาหาซื้อขิงสด และกระชาย นำไปรับประทานเป็นจำนวนมาก จากการสอบถามนายรพีพัฒน์ ทรงอยู่ อายุ 51 ปี หรือลุงต๊ะ เจ้าของแผงผักในตลาดสดสวรรคโลก เล่าว่าช่วงนี้จะมีลูกค้ามาเลือกซื้อขิง และกระชาย เป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปรับประทานซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถต้านไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งวันหนึ่งจะมีลูกค้ามาซื้อขิงวันละประมาณ 20  กิโล ราคากิโลละ 40 บาท ส่วนกระชายวันหนึ่งประมาณ 30 กิโล ราคากิโลละ 50 บาท ซึ่งลูกค้าคนหนึ่งจะซื้อครั้งละครึ่ง ถึง 1กิโล 


ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร

กรุงเทพฯ - สภากาชาดไทยร่วมกับสำนักอนามัย จัดทีมแพทย์ พยาบาลเสริมทัพฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้มีความเสี่ยงเขตคลองเตย

อนาคตเตรียมเปิดรับสมัครอาสาสมัครแพทย์ พยาบาล และมอบชุดธารน้ำใจโควิด ฯ สำหรับผู้กักตัว 14 วัน

วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 นายแพทย์พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ทีมแพทย์ พยาบาลของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ ที่ปฏิบัติงานร่วมกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร นำทีมโดย แพทย์หญิงกานดา ลิมิตเลาหพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายบริการทางการแพทย์ สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ ปฏิบัติงานฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  ให้แก่ผู้ที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ชุมชนแออัดเขตคลองเตย โดยสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครตั้งเป้าในการฉีดวัคซีนประมาณวันละ 1,500 ราย ณ โลตัส พระรามสี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อช่วยควบคุมโรคระบาดในพื้นที่คลองเตย กรุงเทพมหานคร

​ด้านนายแพทย์พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ กล่าวว่า “วันนี้สภากาชาดไทยมาร่วมสนับสนุนกทม.ในการระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ ที่มีการแพร่ระบาดหนักสุดในตอนนี้ ซึ่งก็คือพื้นที่คลองเตย มีทั้งทีมแพทย์และพยาบาลที่มาปฏิบัติงาน นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้เราจะระดมอาสาสมัครของสภากาชาดไทย ที่เป็นแพทย์หรือพยาบาลที่มีจิตอาสา มาช่วยภาครัฐในการระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอีก และสภากาชาดไทยได้เตรียมเปิดสิทธิ์ให้กับอสส. (อาสาสมัครสาธารณสุข)ในการคีย์ข้อมูลเข้าในระบบแอปพลิเคชั่นพ้นภัย สำหรับผู้ที่ อสส.ประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยง จำเป็นต้องกักตัวเอง 14 วัน เพื่อที่เมื่อข้อมูลเข้าระบบแล้ว สภากาชาดไทยจะได้จัดส่งชุดธารน้ำใจฝ่าวิกฤติ      โควิด-19 ไปสนับสนุน โดยอาศัยสนง.เขตต่าง ๆ เป็นตัวกลางในการประสานต่อไป ซึ่งชุดธารน้ำใจกู้ชีวิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 นี้ สภากาชาดไทยได้ดำเนินการในส่วนภูมิภาคมาเป็นระยะเวลา 1 ปีเศษแล้ว โดยมีอสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) เป็นผู้คีย์ข้อมูลผ่านเข้าระบบแอปพลิเคชั่นพ้นภัยเข้ามา ซึ่งสภากาชาดไทยได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้กักตัวเอง 14 วัน ด้วยชุดธารน้ำใจฯ ดังกล่าวไปแล้วกว่า 1 แสนชุด”

​สำหรับประชาชนที่มีจิตศรัทธาจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสภากาชาดไทย ที่จะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน สามารถบริจาคได้ในโครงการ “พลังใจ 99 บาท ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19” เพื่อมอบชุดธารน้ำใจช่วยเหลือประชาชนที่ต้องกักกันตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้และไร้ที่พึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกัน และเยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการสแกน QR CODE ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารใน ระบบ E-DONATION หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักสีลม ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 001-1-34567-0 หรือธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ ชื่อบัญชี "สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 023-6-06799-0 ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1664

สุโขทัย - ตาลโตนดสุโขทัย ของอร่อยจากธรรมชาติ ภูมิปัญญาท้องถิ่น สืบสานทำกินคนถิ่นคีรีมาศ

“ตาลโตนด” เป็นพืชที่ขึ้นได้ในดินทุกชนิด มีความทนต่อฤดูแล้ง ทนน้ำท่วมขัง แต่ไม่ชอบดินที่เป็นกรดจัด สามารถปลูกแซมตามคันนาได้ หรือในแปลงพื้นที่การเกษตร เนื่องจากรากของตาลโตนดจะหยั่งลงลึก ทำให้ไม่แย่งอาหารกับนาข้าว และรักษาพื้นดินได้อย่างดี เป็นทั้งร่มเงายามหลบแสงแดดร้อน มักพบเห็นตามคันนามาตั้งแต่อดีตเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันก็เริ่มหายลดลง จากการเพิ่มพื้นที่และปรับเปลี่ยนที่ดินมาเป็นรูปแบบธุรกิจ ตามยุคสมัย

ตาลโตนดเป็นพืชที่สร้างอาหารได้หลากหลาย มีประโยชน์จากความหวานของธรรมชาติ เป็นทั้งขนม ของหวาน ผลไม้ และของคาว ในต้นเดียวกัน จุดเด่นของน้ำตาลโตนด จัดเป็นน้ำตาลเพื่อสุขภาพ ยอดนิยมของฝากในท้องถิ่นและคนทั่วไป น้ำตาลโตนด ถือเป็นน้ำตาลที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง เนื่องจากเป็นน้ำตาลที่มี ค่า Glycemic Index(GI) ต่ำ ค่า GI เป็นค่าที่บอกผลกระทบของอาหารที่บริโภคต่อน้ำตาลในกระแสเลือด ซึ่งหากสูง หมายถึงอาหารที่บริโภค ทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูง ซึ่งไม่ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน หรือแม้แต่คนปกติ อีกทั้งยังมี วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น วิตามิน บี โดยเฉพาะ B12 ในปริมาณสูง แร่ธาตุ เช่น เหล็ก โพแตสเซียม แมกนีเซียม และธาตุอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว น้ำตาลโตนด ก็ยังมีรสชาติอร่อย เพิ่มรสชาติของอาหาร เครื่องดื่ม ทั้งชา กาแฟ หรือขนมต่าง ๆ ให้อร่อย หอมหวานกลมกล่อมมากขึ้นอีก

สนใจเรียนรู้หรือเข้าชมการทำน้ำตาลโตนด ซื้อเป็นของฝากจากสุโขทัย ภูมิปัญญาของชาวอำเภอคีรีมาศ ได้ที่ หมู่ 1 บ้านนากาหลง ตำบลนาเชิงคีรี อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย (ตรงข้ามโรงเรียนบ้านนากาหลง) คุณเบียร์ (เจ้าของผลิตภัณฑ์) สอบถามข้อมูลและสั่งจองได้ที่ 092-1964627


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

นครนายก - รถพ่วง 22 ล้อเฉี่ยวชนรถ จยย.ล้มทับร่างเละเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ล้ม ทับร่างแหลกเละเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ร.ต.ท.หญิงวีรวัลย์ พุทธศิริ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก ได้รับแจ้งเหตุมีรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย บริเวณถนนแยกบายพาสศูนย์พระเทพฯ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก จึงไปยังที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวร และกู้ภัยสว่างอริยะนครนายก พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 100 สีน้ำเงินทะเบียน กจว นครนายก 531 ถูกรถบรรทุกพ่วงเฉี่ยวชนล้มพังเสียหายข้างรถจักรยานยนต์พบศพนายอำนวย เนียมไทย อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/21 ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายกนอนเสียชีวิต ถูกล้อรถบรรทุกพ่วงหลังข้างซ้ายทับร่างเละตั้งแต่บริเวณช่วงเอวขึ้นไปถึงศรีษะแหลกเหลว เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวรร่วมชันสูจน์พลิกศพถัดมา 100 เมตรพบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อสีขาวตัวแม่ทะเบียน 80-9683 กำแพงเพชรและลูกพ่วงทะเบียน 82-7593 มีนายสวิตต์ บัวธรรม อายุ 50 ปีเป็นคนขับรถบรรทุกพ่วงยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการบอกเล่าของ นายสวัตต์ บัวธรรม คนขับรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ เล่าว่าตนได้ขับรถบรรทุกหินมาจากโรงงานที่สระบุรีเพื่อจะนำหินไปส่งที่แพลนงานที่ปราจีนบุรี เมื่อถึงจุดเกิดเหตุเป็นแยกสัญญาณไฟแดงตนได้หยุดรถพอสัญญาณไฟเขียวตนได้ขับรถออกมาโดยไม่รู้ว่ามีรถจักรยานยนต์ขับตามหลังมาติด ๆ จึงได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ล้มลงและทับทั้งรถและคนเสียชีวิตดังกล่าว

จากการบอกเล่าของนายปรมัตถ์ วงศ์คล้าย เป็นลูกเลี้ยงของนายอำนวย เนียมไทย ผู้เสียชีวิตเล่า พ่อเลี้ยงเป็นคนชอบส่องพระเครื่องและชอบเล่นพระเครื่อง ในวันเกิดเหตุได้ขับรถออกจากบ้านมาเพื่อจะไปหาเพื่อนที่ชอบเล่นพระเครื่องด้วยกันแถวหมู่บ้านไร่วิลเลจ ตำบลศรีนาวา และทางญาติ ๆ ก็เตือนว่าอย่าออกจากบ้านไปเลยฝนก็ตกหนักตลอดทั้งวัน จนมารับทราบข่าวจากกู้ภัยสว่างอริยะนครนายก โทรมาบอก ว่าพ่อเลี้ยงตนได้ถูกรถบรรทุกพ่วงชนเสียชีวิตแล้ว

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมถ่ายภาพเก็บข้อมูลหลักฐาน และได้เชิญตัวนายสวัตต์ บัวธรรม คนขับรถบรรทุกพ่วง ไปสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่  ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

สระบุรี - ประธานผู้บริหาร"สระบุรีวณิชชากร กรุ๊ป" มอบทุนทรัพย์สนับสนุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และสร้างอาคาร ICU ให้กับโรงพยาบาลสระบุรีและโรงพยาบาลพระพุทธบาท มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

วันที่ 6 พ.ค.64 เวลา 10.30 น. ณ อาคารสำนักงาน หจก.สระบุรีวณิชชากร ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ท่านดร.มงคล ศิริพัฒนกุล ประธานบริหาร สระบุรีวณิชชากร กรุ๊ป มอบทุนทรัพย์เพื่อสนับสนุนโครงการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และสร้างอาคารและห้องแรงดันลบ (Negative Pressure Room) ICU​ คล้ายโรงพยาบาลสนาม​ ของโรงพยาบาลสระบุรี เพื่อให้สามารถใช้รองรับการรักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัส​โค​โร​นา​2019​ ซึ่งแพร่กระจายได้ทางอากาศและผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงได้มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท เป็นจุดเริ่มต้นโดยมีนายแพทย์อนันต์ กมลเนตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี พร้อมคณะ เข้ารับมอบโดยมีนายธนาพล จีรเดชภัทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค สระบุรี นายสุชนต์ สิงห์เหนี่ยว เลขาฯ ผอ.รพ.สระบุรี ร่วมเป็นเกียรติในพิธีมอบในครั้งนี้

จากนั้น ดร.มงคล ศิริพัฒนกุล ได้มอบทุนทรัพย์สนับสนุนเพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะนำมาให้บริการแก่ประชาชนที่เจ็บป่วยที่มาใช้บริการของโรงพยาบาลพระพุทธบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 500,000 บาทมีนายแพทย์ธงชัย เขมรัตน์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระพุทธบาทพร้อมคณะ เป็นผู้แทนรับมอบมีนายธนาพล จีรเดชภัทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค สระบุรี ร่วมมอบด้วย ดร.มงคล​ ศิริพัฒนกุล​ ได้กล่าวว่าเราต้องร่วมช่วยกันในยามที่บ้านเมืองมีวิกฤต​ ในสถานการณ์ปัจจุบัน อุปกรณ์ทางการแพทย์เช่นออกชิเจน​  อาคารICU ที่ขาดแคลนและมีความสำคัญมาก โดยทุกโรงพยาบาลจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ครบครัน เช่น เครื่องช่วยหายใจ เพื่อใช้ช่วยชีวิตคนไข้ได้อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาและเปลี่ยนคนไข้จากกลุ่มสีแดง ที่มีอาการรุนแรง เพื่อไปยังกลุ่มสีเหลือง ซึ่งมีอาการไม่รุนแรง ให้ผ่านวิกฤตและปลอดภัย จนไปสู่กลุ่มสีเขียว ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยรวมทั้งเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและระหว่างการตรวจรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงต้องนึกถึงความสำคัญของการดูแลบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อจากการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อีกด้วย/ดำรงค์ชื่นจินดารายงาน

สุโขทัย - น่าชื่นชมเด็กชายอายุ 11 ปี วาดภาพบนถุงผ้าขายหารายได้ช่วงปิดเทอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีเด็กชายอายุ 11 ปี ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ ใช้ปากกาเขียนผ้าวาดรูปการ์ตูนลงบนกระเป๋าผ้าดิบ ลงขายบนอินเตอร์เน็ต สร้างรายได้ช่วยเหลือครอบครัวในช่วงปิดเทอม จึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 140/2 ม.3 ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย ได้พบ ด.ช.วัณณุวรรน์ (น้องเนส) เชื้อบัว อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอนุบาลสุโขทัย กำลังวาดรูปลงบนกระเป๋าผ้าดิบด้วยความตั้งใจ

ด.ช.วัณณุวรรน์ (น้องเนส) กล่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมอยากมีรายได้พิเศษเพื่อจะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ซึ่งตนเองมีความสามรถวาดรูปจึงได้ลองลงมือวาดรูปบนกระเป๋าผ้าโดยเริ่มจากการใช้ดินสอวาดเป็นแบบก่อนแล้วค่อยนำปากกาเขียนผ้าลงลายอีกครั้งหนึ่งเพื่อความคมชัดสวยงาม โดยลวดลายต่างๆนั้นส่วนใหญ่จะเป็นลายที่ลูกค้าสั่งมาและคิดค้นเขียนเอง แต่ละชิ้นนั้นจะใช้เวลาวาดประมาณชิ้นละ 30 นาที ทั้งนี้ตนมีความภาคภูมิใจที่สามารถหาเงินได้ด้วยตนเอง และยังสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้ด้วย

นางสุวิมล ยิ้มพิน อายุ 35 ปี แม่ของ ด.ช.วัณณุวรรน์ (น้องเนส) กล่าวว่า น้องเนสเป็นเด็กที่ชอบวาดรูป เห็นผลงานแล้วน่าจะนำมาจำหน่ายได้ จึงได้ซื้อกระเป๋าผ้าดิบมาให้ลองเขียนดู แล้วจึงลองขายกับคนใกล้ตัวในราคาชิ้น 99 บาท พอขายครั้งแรกได้เงินมาน้องก็รู้สึกดีใจ จึงได้ลงทุนซื้อกระเป๋าผ้าและเริ่มเขียนลายแบบต่างๆ ลงขายบนเฟสบุ๊คเพจงานฝีมือต่างๆ และมีลูกค้าสนใจจำนวนมาก สำหรับลูกค้าก็จะเป็นบุคคลทั่วไป และบุคคลที่ต้องการช่วยเด็กที่มีความตั้งใจที่จะใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์ สำหรับใครที่สนใจอยากจะอุดหนุนสินค้ากระเป๋าผ้าน้องเนส ติดต่อได้ที่ เบอร์โทร 0877075960


ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร สุโขทัย

กรุงเทพฯ - มูลนิธิมาดามแป้ง รุกฉีดฆ่าเชื้อโควิด ช่วยวิกฤตบ่อนไก่ด่วน หลังพบผู้ติดเชื้อสูง

มูลนิธิมาดามแป้ง ทำงานเชิงรุกรุดลงพื้นที่ชุมชนบ่อนไก่พัฒนา เขตปทุมวัน อาสาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ทันทีหลังพบผู้ติดเชื้อสูงจากการตรวจเชิงรุกต่อเนื่อง

วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 มูลนิธิมาดามแป้ง โดย มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิ และ ซีอีโอ เมืองไทยประกันภัย ซึ่งแม้จะอยู่ในช่วงกักตัว 14 วัน ก็ส่งอาสากล้าใหม่ของมูลนิธิฯ ลุยงานสู้โควิด-19 แบบต่อเนื่องทุกวัน

โดยนอกจากการช่วยชาวชุมชนคลองเตย ขณะนี้ได้ขยายความช่วยเหลือไปยังชุมชนบ่อนไก่พัฒนา เขตปทุมวัน หลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตจากการพบผู้ติดเชื้อในชุมชน 2 วันที่ผ่านมาเกือบ 200 คน ยังไม่รวมกับผู้มีความเสี่ยงสูงต้องกักตัวในบ้านอีกด้วย ด้วยลักษณะชุมชนที่มีความหนาแน่น แออัดคล้ายกับชุมชนคลองเตย

โดยมูลนิธิมาดามแป้ง ได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชนเริ่มเข้าฉีดพ่นทันทีหลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือ ซึ่งวางแผนดำเนินการในทุกสัปดาห์เช่นเดียวกับในพื้นที่คลองเตย จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจ คลายความวิตกกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่สีแดง

นอกจากนี้ ครัวมาดาม ยังได้ให้ความช่วยเหลือด้านวัตถุดิบประกอบอาหารแก่ทีมงานฐานเทพวารินทร์ ซึ่งเป็นอาสาสมัครของชุมชนบ่อนไก่พัฒนาอีกด้วย

ปทุมธานี - ตร.ปทุมฯ สกัดจับพระดัง "หลวงตาหนูที" ขนม้าและหมูใส่รถตู้ ก่อนนำส่งเจ้าคณะอำเภอสึกทันที พบประวัติถูกจับมาแล้วหลายครั้งไม่เข็ด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 พ.ค. 64 ตร.สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีคนนำม้ามาปล่อยอยู่บริเวณสนามเด็กเล่น ริมถนนซ่อมสร้าง ม.2 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงให้สายตรวจไปตรวจสอบแต่ไม่พบโดยมีชาวบ้านบอกว่าก่อนตำรวจมาถึงมีพระขับรถตู้มาแล้วนำม้าขึ้นรถหลบหนีไปแล้ว ต่อมามีพลเมืองดีแจ้งว่าพบรถตู้ ยี่ห้ออีซูซุ สีเหลือง หมายเลขประจำตัว ฒว-9319 กรุงเทพมหานคร สภาพเก่าโดยมีพระภิกษุสงฆ์เป็นคนขับและคาดว่าเป็นรถคันเดียวกันกับที่ชาวบ้านแจ้ง กำลังขับมุ่งหน้าไปทางสะพานปทุมธานี2 เจ้าหน้าที่ฯจึงวิทยุสกัดแต่ก็ไม่ทัน แต่ยังมีพลเมืองดีขับตามและโทรศัพท์แจ้งเป็นระยะ

จนกระทั่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.คลองหลวง นำโดย พ.ต.ต.สิงหา เฟื่องแก้ว สว.จร และ ร.ต.อ สุระพล  วงศ์วันดี ร้อยเวรจราจร สภ.คลองหลวง พร้อมกำลังสามารถสกัดจับได้บริเวณถนนพกลโยธิน(ขาออก) หน้า ม.ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง โดยพบพระหนูที สุตธัมโม อายุ 72 ปี อ้างอยู่สำนักสงฆ์หินทราย ต.หนองหว้า อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา ชื่อตามบัตรประชาชนระบุชื่อนายหนูที ทินราช อยู่บ้านเลขที่ 126/61 ม.4 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมด้วยลูกม้าเพศผู้สีเหลืองอ่อน อายุประมาณ 2 ปีเศษ และลูกหมูป่าผสมเพศผู้ สีดำ อายุประมาณ 5 เดือน จึงได้ควบคุมตัวและสอบถามโดยพระดังกล่าวตอบเพียงว่าเพิ่งมาจาก จ.สุพรรณฯ และจะกลับ สักนักสงฆ์ จ.นครราชสีมา ส่วนม้าและหมูญาติโยมถวายมา และเมื่อตรวจสอบเรื่องใบขับขี่รถยนต์ก็ไม่มี ใบสุทธิพระก็ไม่มีแถมรถทะเบียนขาดการต่อภาษีมาแล้วร่วม 6 ปี จึงประสานนายไพรัตน์ รุ่งสว่าง ปศุสัตว์ อ.คลองหลวงมาตรวจสอบพร้อมแจ้งข้อหาเคลื่อนย้ายสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต จากรั้นจึงนิมนต์พระหนูที (หลวงตาหนูที) ไปพบพระแสนพล พลยุโต พระวินยาธิการ อ.คลองหลวง และ พระครูวิจิตร อาภากร เจ้าคณะ อ.คลองหลวง เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ เพื่อทำการตรวจสอบในพฤติกรรม

ต่อมาพระหนูที ฯ ยอมรับสารภาพว่านำสัตว์ทั้งหมดที่มีคนมาถวาย ขับรถตระเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ในหลาย ๆ จังหวัด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกจับมาแล้วหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นในเขตกรุงเทพฯเขตจังหวัดสระแก้วอรัญประเทศซึ่งตนเคยนำสุนัขมาออกบิณฑบาตพร้อมกับวัวและแพ้แต่ทุกครั้งที่ถูกจับก็จะถูกเจ้าหน้าที่ยึดไปหมด แล้วตนก็ไม่เคยเป็นวาจาลาสิกขาบท  จนกระทั่งมาครั้งนี้ตนไม่มีหนทางไปและไม่รู้จะไปประกอบอาชีพอะไรเพราะอายุมากแล้วเมื่อได้สัตว์มาต้นก็จะห่มผ้าเหลืองแล้วก็ตะเวนไปตามที่ต่าง ๆ โดยได้นำม้า ชื่อ"จิ๋ว" ที่มีความเชื่องและหมู ชื่อ"จู๊ด" มาต่อเวรดึกบิณฑบาตด้วย แล้วเมื่อตนทำไม่ดีครั้งนี้ ก็ขอยอมสึก แต่โดยดี ทางเจ้าคณะอำเภอจึงได้ให้ทำการลาสิกขาบทและเป็นวาจา พร้อมกับนำชุดขาวมาให้สวมใส่ ก่อนที่ จะได้มอบตัวให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามความผิดพ. รบจราจรส่วนทางด้านสัตว์ทั้ง 2 ตัวทางปศุสัตว์ อ.คลองหลวง ได้ยึดไว้ตรวจสอบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์ เคยมีการโพสต์ภาพ พระหนูที สุตธัมโมกับ*สมหวัง" สุนัขแสนรู้ที่ช่วยพระภิกษุลากรถเข็นบิณฑบาตทุกเช้า ถูกคนขับรถบรรทุกสิบล้อขโมยหายไป วอนให้ช่วยกันสอดส่องตามหา เจ้าสมหวัง เป็นสุนัขแสนรู้ที่ช่วยลากรถล้อเลื่อนใส่ของที่ได้รับจากการบิณฑบาต เดินนำหน้าพระสงฆ์รูปหนึ่ง จนเป็นที่เอ็นดูของชาวบ้านที่พบเห็น


ภาพ/ข่าว  สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม

สุโขทัย - หนุ่มใหญ่วัย 56 ปี ผันอาชีพช่างตัดผม มาทำฝักและด้ามมีดสร้างรายได้ดี สืบทอดตำนาน

จังหวัดสุโขทัยเรียกได้ว่ามีของดีครบครัน ทั้งเรื่องท่องเที่ยว ของกิน ของใช้ ของตกแต่ง มีทุกหย่อมหญ้า เฉดเช่นเดียวกับที่บ้านของลุงอ๊อก” นายมนตร์ชัย ช่วยเพ็ญ หรือลุงอ๊อก” อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/2 ม.11 ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เปลี่ยนอาชีพที่เรียนรู้มาหวังสร้างเป็นอาชีพ สร้างตัวเลี่ยงครอบครัวด้วยอาชีพที่เรียนและฝึกฝนมา แต่ชีวิตก็เรียนรู้ไม่เลิก และมาพบอาชีพที่ใจรัก และมีความสุขกับอาชีพและเป็นนายตัวเอง จนสร้างรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน และจะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นให้คงอยู่สืบต่อไป

นายมนตร์ชัย ช่วยเพ็ญ หรือลุงอ๊อก” ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ตนเองได้ประกอบอาชีพเป็นช่างตัดผม มีลูกค้ามาใช้บริการเลื่อย ๆ มีรายได้พอกินและพอมีเก็บเลี้ยงดูครอบครัว แต่ไม่รู้เป็นด้วยเพราะอะไรมีลูกค้าโทรจองคิวตัดผมตลอดไม่ว่างเว้น รายได้ต่อวันเกือบ 1,200 บาท สมัยนั้นเงินหลักพันถือว่าเยอะมาก แต่ระหว่างเป็นช่างตัดผม ก็คิดเสมอว่าตนเองไม่ค่อยมีความสุขกับอาชีพนี้เท่าที่ควร เมื่อความรู้สึกมันขัดกับอาชีพเดิมที่ทำทุกวันเรียกว่ามีรายได้ทุกวันไม่ขาดมือ เมื่อว่างจากการตัดผม ก็เลยหาไม้มาทำด้ามมีดกับฝักมีดที่ปู่ได้มอบมีดให้ไว้เป็นมรดกสืบทอดและของที่ปู่รักตกมาสู่ตน ประกอบกับตนเองเป็นคนชอบอะไรที่เกี่ยวกับมีดอยู่แล้ว เมื่อมีเวลาก็จะจับมีดมาชื่นชมมาดูวิเคราะห์และศึกษา ทำฝักมีดเองบ้าง มันเป็นช่วงที่มีความสุขและหายเหนื่อยทันที จนเพื่อนๆที่มาสังสรรค์ที่บ้านและได้เห็นมีดที่ตนเองทำไว้ สวย ใช้ดี และแปลกตา เพื่อนจึงนำมีดมาให้ทำแบบที่ตนเองทำบ้าง นับตั้งแต่วันนั้นด้วยความที่ปากต่อปาก บอกต่อกันไปเรื่อยๆ ตนเองก็เริ่มมีงานทำด้ามมีดและฝักมีดมากขึ้น ลูกค้ามากพอสมควร นอกจากลูกค้าในหลายๆที่ หลายจังหวัด ยังมีลูกค้าจากทั่วประเทศ และลูกค้าจากต่างประเทศก็ให้ความสนใจสั่งทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้ก็มีลูกค้าจากประเทศเกาหลี ได้สั่งทำไว้จำนวนมากและต้องเตรียมส่งงานภายในเดือนพฤษภาคมนี้

ตลอดระยะเวลาที่หันมาเอาดีประกอบอาชีพด้านนี้ ก็สร้างรายได้ให้ตนเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก ส่วนเวลาในการทำแต่ละชิ้นก็จะใช้เวลา 2–3 วันหรือ 4-5 วัน ก็ได้ชิ้นงาน 1 ชิ้นงานที่สมบูรณ์ และปราณีตตามแบบของเราที่ใส่ใจรายละเอียดให้ลูกค้า เลยทำอาชีพนี้แทนการตัดผมมาตลอด ตอนนี้มีออเดอร์มาต่อเนื่อง ด้วยความที่มีเคล็ดลับบางอย่างเฉพาะตัวในการทำฝักมีดและด้ามมีด จึงได้รับความไว้วางใจและชื่นชอบในการทำชิ้นงานและได้รับความสนใจจากลูกค้า

มีความสุขในครอบครัวและในอาชีพนี้มาก นอกจากนี้ลูกชายก็เริ่มมีฝีมือมาสานต่อคอยช่วยได้อีกแรง จนเขาได้ก่ออาชีพเพิ่มรับงานเสริมทำป้ายไม้ด้วย ป้ายชื่อบ้าน ป้ายชื่อ - นามสกุล ป้ายชื่อตำแหน่ง เป็นต้น นอกจากงานทำฝักมีดและด้ามมีด ในเรื่องราคาของด้ามมีดและฝักมีดผมคิดราคาตายตัว ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นข้าราชการชั้นสูง ๆ หรือลูกค้าทั่วไป ก็คิดราคาตามใบมีด คือ นิ้วละ 100 บาท เช่น ใบมีดยาว 10 นิ้ว ราคาด้ามมีดก็ 1,000 บาท ส่วนเรื่องราคาฝักมีดก็ต้องขึ้นอยู่กับลวดลายและไม้ที่ใช้ทำตามความต้องการของลูกค้าผู้ที่สนใจเข้าชมติดตาม FB : Pronphanomwan Chuaypen  FB : มนตร์ชัย ช่วยเพ็ญ หรือติดต่อ 090-252-8190


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top