Monday, 20 May 2024
Central

ราชบุรี  - เกือบวุ่น พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด EOD ทำลายพบเป็นชุดวัดแรงสั่นสะเทือน

เกือบวุ่นทั้งเมือง!! พบกล่องและวัตถุที่มีการต่อสายไฟต้องสงสัยวางที่พื้นติดฐานโบราณสถานเจดีย์หัก ต.เจดีย์ อ.เมือง จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตรวจสอบใช้วอเตอร์บอมจุดทำลาย ตรวจสอบแล้วเป็นเครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งหน่วยงานใดเป็นเจ้าของให้ไปติดต่อได้ที่ สภ.ราชบุรี

(8 พ.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีประชาชนผู้ที่อยู่อาศัยใกล้ โบราณสถานเจดีย์หัก ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้โพสต์ข้อความพร้อมด้วยคลิป รายผ่านสื่อออนไลน์ขอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เป็นกล่องและมีกรวยตั้งอยู่จำนวน 1 คู่ และมีสายกั้นขึ้งไว้ ซึ่งเกรงกลัวว่าจะเป็นวัตถุระเบิด เนื่องจากมีผู้ที่เข้ามาออกกำลังกายและพบเห็นตั้งแต่ช่วงเช้าโดยที่ไม่มีหน่วยงานใดประกาศแจ้ง

จนเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD 2 นาย ด.ต.เอก วรัตน์ ประทุมนันท์ และ ด.ต.เอก เปรมจิตร์ ฝ่ายเก็บกู้ วัตถุระเบิด ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี ได้มาทำการเก็บกู้ พร้อมทั้งประสารกำลังเจ้าหน้าที่ มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ราชบุรี นำกำลังมาดูแลและปิดกันการจราจร พร้อมห้ามให้รถสัญจรไปมา

จากนั้น ด.ต.เอก วรัตน์ ประทุมนันท์ เจ้าหน้าที่ EOD ได้เข้าไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว พร้อมทั้งนำเชือกคล้องที่กรวยทางด้านขวามือ และกันให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ออกห่างรัศมี 50 เมตร ก่อนจะให้สัญญาณดึงเชือกจนกรวยดังกล่าวล้มลง ต่อมาเจ้าหน้าที่ EOD ได้เดินเข้าไปตรวจสอบ โดยใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพวัตถุต้องสงสัย และนำมาประเมินสถานการณ์ โดยวัตถุที่พบมี 3 ชิ้น โดยชิ้นแรกมีลักษณะเป็นแท่งทรงกลมสูงประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร ชิ้นที่ 2 เป็นห่อสีขาว โดยทั้ง 2 วัตถุมีสายต่อเข้าไปยังกล่องซึ่งมีแบตเตอรี่ เจ้าห้าที่ประเมินสถานการณ์แล้ว แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะประกอบ วอเตอร์บอมส์ เพื่อทำลายวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำวอเตอร์บอมส์ เข้าไปติดตั้งที่วัตถุต้องสงสัย โดยลากสายไฟห่างมาประมาณ 30 เมตร พร้อมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำการปิดเส้นทางการจราจร และ กันให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่ ออกห่างจากพื้นที่ดังกล่าว ก่อนจะให้สัญญาณและกดสวิทช์ยิงวอเตอร์บอมส์ทำลายวัตถุต้องสงสัย จนแตกกระจายเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เมื่อสิ้นเสียงระเบิดจากวอเตอร์บอมส์ เจ้าหน้าที่ EOD ได้เข้าไปตรวจสอบโดยไม่ให้ประชาชนหรือสื่อมวลชนเข้าใกล้ เพื่อทำการตรวจสอบอย่างระเอียด เมื่อตรวจสอบเสร็จส่งสัญญาณเคลียร์ พร้อมทั้งแจ้ง รตท.เจริญทรัพย์ โพธิ์พระ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐาน เพื่อติดตามหาเจ้าของชุดอุปกรณ์ดังกล่าวว่าเป็นของใคร

จากการตรวจสอบพบว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว เป็นชุดอุปกรณ์ตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน ซึ่งจะมีกล่องภายในบรรจุแบตเตอรี่ และเดินสายไปที่กรวย 1 มีชุดแท่งเหล็กทรงกลม และ ถุงทราย และต่อสายมายังชุดตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน โดยที่กรวยที่ 2 ภายในกรวยมีโซ่ 1 เส้นต่อสายไฟเช่นเดียวกัน โดยไม่ใช่วัตถุระเบิด หรือ สร้างเป็นการสถานการณ์แต่อย่างไร

เบื้องต้นเจ้าหน้าตำรวจจะได้เก็บชุดอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ที่ สภ.เมืองราชบุรี และจะทำการตรวจสอบหาหน่วยงาน หรือ บริษัทเจ้าของชุดอุปกรณ์วัดแรงสั่นสะเทือนว่าเป็นของใคร


ภาพ/ข่าว  ตาเป้

 

ปทุมธานี - ธอส. ทุ่มงบ 2 ล้านบาท สร้างหอผู้ป่วย ICU ความดันลบ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ สู้ภัยโควิด-19

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สนับสนุนงบประมาณ 2 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จัดสร้างหอผู้ป่วยไอซียูความดันลบแบบห้องแยก เพื่อให้บริการผู้ป่วยวิกฤติที่มีอาการรุนแรงได้เข้ารับการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้อย่างเต็มศักยภาพ และเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้มอบเงินสนับสนุน จำนวน 2,000,000 บาท ให้แก่ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ท่ามกลางคณะกรรมการธนาคาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ที่เข้าร่วมในพิธีส่งมอบดังกล่าว เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 พ.ค. 64)

โดยนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2564 ที่มีการระบาดขยายเป็นวงกว้าง ทำให้พบจำนวนผู้ติดเชื้อ รวมทั้งผู้ป่วยวิกฤตที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น ซึ่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นับเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลหลักที่รับส่งต่อตลอดจนดูแลและให้การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มาโดยตลอด ด้วยการจัดตั้งหอผู้ป่วย Cohort หอผู้ป่วยเฝ้าระวัง (PUI) หอผู้ป่วยความดันลบ รวมถึงโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ และเพื่อเป็นการสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วย COVID-19 ได้อย่างเต็มศักยภาพ และเพียงพอต่อการรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" ได้ตระหนักถึงการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมสนับสนุนงบประมาณสู้ภัย COVID-19 จำนวนดังกล่าว มอบให้แก่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ สำหรับจัดสร้างหอผู้ป่วยไอซียูความดันลบแบบห้องแยกที่ใช้รักษาผู้ป่วยวิกฤติที่มีอาการรุนแรง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนช่วยเหลือสังคมไทยสู้ภัย COVID-19 ที่ธนาคารดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ส่งมอบหน้ากากอนามัย พร้อมสายคล้องหน้ากากอนามัย จำนวน 10,420 ชุด ให้แก่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในชุมชน อีกทั้งในด้านงบสนับสนุนน้ำดื่ม และอาหารกลางวันให้หน่วยงานสำคัญต่างๆ สถานพยาบาล สถานศึกษา และวัด เป็นต้น

ทั้งนี้ ธอส.มีภารกิจหลักในการสนับสนุนสินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลาง ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาตลอดระยะเวลากว่า 67 ปี ซึ่งทางธนาคารสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้ว มากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ทั้งทางด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และการกีฬา โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และการปลูกจิตอาสาช่วยเหลือสังคมของผู้ปฏิบัติงานภายในองค์กร รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชน และสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และเติบโตอย่างยั่งยืน  (สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย)

ปทุมธานี - ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีรับมอบหน้ากากอนามัย จำนวน 25,000 ชิ้น

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เวลา 11.30 น. ณ ห้องรับรอง ชั้น 4 ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี อำเภอเมืองจังหวัดปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.นิรุธ

ประสิทธิเมตต์ รอง ผบก.ฯ ร่วมกันเป็นตัวแทนรับมอบหน้ากากอนามัย จำนวน 25,000 ชิ้น จากนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค และคณะผู้แทน นศ. หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข (4ส) รุ่นที่ 11 สถาบันพระปกเกล้า ให้กับข้าราชการตำรวจ ภ.จว. ปทุมธานี และประชาชนทั่วไป เพื่อใช้ในการป้องกันการติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

อยุธยา - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

วันที่ 12 พฤษภาคม 2564 เวลา 19.45 น. นายแพทย์โชคชัย  ลีโทชวลิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา คณะผู้บริหาร ข้าราชการ ประกอบพิธีรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี  ประธานในพิธีถวายความเคารพเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  

ตามที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องให้อากาศผสมออกซิเจนอัตราการไหลสูงจำนวน 5 เครื่อง  ผ่านทางกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัย covid-19 (และโรคระบาดต่าง ๆ )มูลนิธิชัยพัฒนาให้กับโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยานำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID) ทำให้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมากและเครื่องให้ออกซิเจนด้วยอัตราการไหลอากาศสูง (high flow oxygen therapy) เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นและสำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วยภาวะหายใจล้มเหลวหรือมีภาวะพร่องออกซิเจน จำนวน 5 เครื่อง โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยารู้สึกซาบซึ้ง และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นจนหาที่สุดไม่ได้

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอพระบรมราชานุญาตถวายพระพรชัยมงคลด้วยความจงรักภักดี  ขออัญเชิญพลานุภาพแห่งพระศรีรัตนตรัย  พระบารมีแห่งพระสยามเทวาธิราช ตลอดจนพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ ได้โปรดดลบันดาลอภิบาล และประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระเกษมสำราญ พระราชหฤทัยชื่นบาน มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน

พระเกียรติคุณขจรขจายแผ่ไพศาล  สถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้า  แก่พสกนิกรชาวไทยตราบกาลนิรันดร์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้


ภาพ-ข่าว ศูนย์ข่าวสารประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา / สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

กรุงเทพฯ - มูลนิธิมาดามแป้ง หนุนสร้างซุ้มพ่นฆ่าเชื้อโควิด ในชุมชนพื้นที่เสี่ยงสีแดงคลองเตย-บ่อนไก่

มูลนิธิมาดามแป้ง หนุนสร้างซุ้มพ่นฆ่าเชื้อโควิด ในชุมชนพื้นที่เสี่ยงสีแดงคลองเตย-บ่อนไก่ 

ทีมอาสากล้าใหม่ มูลนิธิมาดามแป้ง ลงพื้นที่คลองเตยและบ่อนไก่พัฒนา สร้างซุ้มพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ในจุดเสี่ยงของแต่ละชุมชน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปหลายพื้นที่และทวีความรุนแรงขึ้นในเขตพื้นที่สีแดงของกรุงเทพมหานคร อย่างเขตคลองเตยและเขตปทุมวัน นอกจากให้ความช่วยเหลือด้านอาหารจากครัวมาดาม กล่องน้ำใจแก่ผู้กักตัว การออกฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อในพื้นที่ติดเชื้อต่อเนื่องทุกวันแล้ว ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มูลนิธิมาดามแป้ง ขอเสริมความมั่นใจให้ชาวบ้านที่ต้องดำเนินชีวิตประจำวันนอกบ้าน ท่ามกลางสถานการณ์ความเสี่ยง ด้วยการมอบหมายให้อาสาที่มีฝีมืองานช่าง ลงพื้นที่สร้างซุ้มพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจุดเข้า-ออก และจุดผ่านสำคัญภายในชุมชน

ด้านมาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง และ ซีอีโอ บมจ.เมืองไทยประกันภัย กล่าวว่า "เราอยากทำงานแบบบูรณาการตามสถานการณ์ ต้องทำแบบรอบด้านมันถึงจะสำเร็จ เพราะชาวบ้านยังต้องออกมาทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง สัญจรผ่านพื้นที่สาธารณะ ดังนั้น อะไรที่จะช่วยบรรเทาปัญหา คลายความวิตกกังวลลงได้ เราก็ส่งทีมอาสาไปทำทันที ซึ่งขณะนี้ติดตั้งซุ้มนี้ครบทุกจุดตามเป้าหมายแล้ว ก็ช่วยให้ทุกคนมั่นใจขึ้นเวลาออกมาทำงานนอกบ้าน"

สำหรับชุมชนที่มูลนิธิได้ติดตั้งซุ้มดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว อาทิ ชุมชนพัฒนาใหม่, ชุมชน 70 ไร่, ชุมชนล็อค 4-5-6, ชุมชนล็อค 1-2-3, ชุมชนวัดคลองเตยใน, ชุมชนร่มเกล้า, ชุมชนโรงหมู, ชุมชนบ่อนไก่พัฒนา, ชุมชนเคหะบ่อนไก่ เป็นต้น โดยซุ้มดังกล่าวจะพ่นน้ำฆ่าเชื้อที่ได้รับมาตรฐานจากกรมอนามัย ที่สามารถสัมผัสกับผิวหนังมนุษย์ได้ มีลักษณะการฉีดพ่นแบบละอองฝอยทำให้น้ำยามีประสิทธิภาพสูงขึ้น 

ทั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้งยังมีแผนดำเนินตั้งซุ้มพ่นฆ่าเชื้อในอีกหลายจุดนอกเหนือจากภายในชุมชน อาทิ จุดตรวจคัดกรองประชาชนที่มีความเสี่ยง และจุดบริการฉีดวัคซีนที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดตั้งอีกด้วย  ประชาชนที่สนใจร่วมบริจาคสมทบทุนได้ที่บัญชี 092-2-61340-0 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

ปทุมธานี - ฮือฮา ผู้ว่าฯปทุมธานี จับมือ นายแพทย์ สสจ.หักเงินเดือน "คนละครึ่งเดือน" ประกันแพ้วัคซีนโควิด-19 คุ้มครองสูงสุด1,000,000 บาท"

วันที่ 12 พ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นายนิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง  ได้ตรวจเยี่ยมสถานที่ในการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประชาชนที่ลงทะเบียนเอาไว้ในวันที่ 7 มิถุนายนที่จะถึงนี้ โดยยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แห่งนี้ สามารถรองรับผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการฉีดวัคซีนได้ประมาณ 3,000 คน

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กรณีในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ แอพพลิเคชั่นไลน์ กันอย่างกว้างขวาง สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากในขณะนี้ โดยมีข้อความการแชร์ใจความว่า“ประกันแพ้วัคซีนโควิด-19 คุ้มครองสูงสุด1,000,000 บาท" ผู้ว่าฯปทุม จับมือ นายแพทย์ สสจ.หักเงินเดือน "คนละครึ่งเดือน" ซื้อประกันคุ้มครองสร้างความมั่นใจ

คนอายุ 60 ปี ขึ้นไป และเป็น 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

โทรมา สายด่วนชาวปทุม 02-5815658/065-9505772 , Line : สายด่วนโควิด-19 ชาวปทุม หรือ ID : @718myvcs

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ยังกล่าวถึงกรณีดังกล่าวอีกว่าได้มีการประชุมกันในเรื่องนี้โดยเป้าที่เราต้องการคือคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีโรค 7 โรคด้วยกัน ปรากฎว่าที่เราสำรวจมีด้วยกัน 3 แสนกว่าคน ซึ่งมาลงทะเบียนเพียงสามหมื่นกว่าคน ดังนั้นจึงได้วางรูปแบบใหม่คือหากการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชันไลน์ไม่สะดวกก็ให้ อสม.และ รพ.สต.รับลงทะเบียนให้ด้วยและเราก็มาจัดคิวการฉีดวัคซีน

ซึ่งหลายคนบอกว่าไม่มั่นใจกลัวผลข้างเคียง ซึ่งทางนายแพทย์สาธารณสุขกับทางทีมหมอจึงได้เสนอว่าถ้าเราสามารถซื้อประกันให้ได้เพื่อความมั่นใจเราก็น่ารองดู ซึ่งทางตนเองกับ สสจ.ปทุมธานี จึงได้ช่วยกันออกเงินเดือนคนละครึ่งเดือนก่อนเพื่อซื้อประกันให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีโรค 7 โรคและมีรายได้ไม่สูงมากนักหรือคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็จะทำให้ประชาชนมั่นใจมากขึ้นเพราะประกันนี้คุ้มครองมากสุดถึง 1,000,000 บาทซึ่งมี 2 กรณีด้วยคือเสียชีวิตได้ 1,000,000 บาทกับหากเจ็บป่วยจะชดเชยรายได้วันละ 1,000 บาทเพื่อให้ประชาชนได้มั่นใจ โดยเมื่อช่วงเช้านี้ ทางจังหวัดได้มีการดำเนินทันทีพบมีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก โดยประชาชนต้องนำบัตรประชาชน ใบรับรองว่าป่วยทั้ง 7 โรค และ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราถึงทำประกันให้เพื่อความมั่นใจของประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมาฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุดเพื่อให้ปทุมธานีปลอดภัย

พร้อมกันนี้ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ว่า "เราทำงานเรื่องโควิดมีด้วยกัน 4 เรื่องคือ เรื่องที่ 1.คือการป้องกันซึ่งประชาชนและหน่วยงานราชการให้ความร่วมมือกันอย่างดี เรื่องที่ 2 คือ การค้นหาโดยจัดเจ้าหน้าที่ออกค้นหาผู้ติดเชื้อทั้งตลาด สนามกีฬา โรงงานต่างๆซึ่งยิ่งค้นหามากก็จะทำให้ประชาชนปลอดภัยมากยิ่งขึ้นหากใครป่วยก็จะดำเนินการรักษาอาการ เรื่องที่ 3.คือการรักษานั้นได้ทำงานกับทุกภาคส่วนทั้งบุคลากรทางการแพทย์ทั้งราชการและเอกชนช่วยกันเป็นอย่างดี และเรื่องที่ 4.คือการส่งกลับซึ่งหากส่งกลับแล้วเข้าบ้านไม่ได้เราก็มีสถานที่ที่พักได้เช่นในจวนผู้ว่าราชการจังหวัด บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดและสถานที่ต่าง ๆ ที่เราได้เตรียมเอาไว้แล้ว

สำหรับพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักนั้นทาง เราพยายามค้นหาผู้ติดเชื้อให้มากที่สุดโดย สคร.4 จังหวัดสระบุรี และ ทางกระทรวงสาธารณสุข ก็มาช่วยเราค้นหาซึ่งทางเราจะพยายามทำให้ได้วันละ 4,000 คนเพื่อที่จะนำผู้ป่วยมารักษาให้เร็วที่สุดโดยตนเองต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่อนุเคราะห์เรื่องโรงพยาบาลสนาม และ อาหาร ซึ่งความร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องปทุมธานีจะสามารถผ่านเรื่องราวนี้ไปได้อย่างแน่นอน


ภาพ/ข่าว  สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน

นครนายก - มอบถุงยังชีพพระราชทาน ให้ประชาชนที่ประสบวาตภัย ในอำเภอบ้านนา

จังหวัดนครนายก จัดพิธีมอบถุงยังชีพพระราชทาน ให้กับประชาชนที่ประสบวาตภัย จำนวน 207 รายในพื้นที่อำเภอบ้านนา โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อนำส่งมอบให้กับผู้ประสบวาตภัย 

ที่หอประชุมอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก นางวจิราพร อมาตยกุล นายอำเภอบ้านนา ได้เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นประธานในพิธีมอบถุงยังชีพพระราชทานของมูลนิธิราชประชาราชนุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ แก่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เพื่อมอบให้กับผู้ประสบวาตภัย จำนวน 207 ชุดพร้อมน้ำดื่ม ใน 6 ตำบลให้กับครอบครัวผู้ประสบวาตภัย ทั้งนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5,6,7 พฤษภาคม 2564


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

อยุธยา - ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม มอบหน้ากากอนามัย พร้อมเชิญชวนพี่น้องร่วมฉีดวัคซีนโควิด-19 ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งฟื้นบ้านเมืองได้เร็วเท่านั้น

วันนี้ (13 พฤษภาคม 2564) เมื่อเวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม เดินทางมาเป็นประธานในพิธีมอบหน้ากากอนามัย จำนวน 10,000 ชิ้น พร้อมด้วย ปลัดกระทรวง พม. รองปลัดกระทรวง พม. ผู้ตรวจราชการกระทรวง พม. อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ร่วมพิธีมอบหน้ากากอนามัยให้แก่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจัดสรรไปยังอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) นำไปกระจายต่อยังประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบางที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด - 19 โดยมี นางสาวนฤมล พงษ์สุภาพ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พระนครศรีอยุธยา นางกันตา ดีเติม ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมต้อนรับและรับมอบหน้ากากอนามัย

โดย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) อย่างกว้างขวางทั่วโลกในปัจจุบัน หนึ่งในมาตรการที่ได้ผลในการชะลอการแพร่ระบาด คือ การสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อและลดการแพร่กระจายเชื้อดังกล่าว มูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม จึงเห็นถึงความสำคัญในการส่งมอบหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนที่ขาดแคลน และกลุ่มเปราะบาง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยอย่างจริงจัง เป็นการลดการแพร่ระบาดของการติดเชื้อ ในระหว่างรอการฉีดวัคซีนเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยมีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครือข่ายการทำงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่ เป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยกระจายหน้ากากอนามัยไปยังพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ประธานรัฐสภา กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีน ถือเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ผมฉีดแล้ว จะมีผลข้างเคียงบ้างเล็กน้อย เหมือนเราฉีดวัคซีนทั่วไปที่เราเคยฉีดกัน จึงขอถือโอกาสนี้มีส่วนร่วมเชิญชวนพี่น้องชาวพระนครศรีอยุธยา ถ้าท่านมีความพร้อมควรจะได้ไปฉีดวัคซีนกัน หากเราสามารถฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าประเทศเราไม่มีการขยายตัวของเชื้อรุนแรง และเราจะกลับสู่ภาวะปกติเร็วขึ้นกว่าที่คาดหมายไว้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ จะสามารถฟื้นบ้านเมืองได้เร็วเท่านั้น เพราะโรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกฝ่าย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องสุขภาพ แต่รวมถึงเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ อีกด้วย

ด้าน นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ วันนี้มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 507 ราย หายแล้ว 240 ราย รักษาอยู่ 263 ราย เสียชีวิตสะสม 4 ราย จากประชากรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งสิ้น 822,955 คน โดยมีผู้สูงอายุ จำนวน 185,359 คน กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม จำนวน 72,355 คน รวมเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่มีความจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในลำดับแรก จำนวน 257,712 คน ขณะนี้มีการลงทะเบียนจองวัคซีนแล้ว 12,344 คน ซึ่งระหว่างที่รอการฉีดวัคซีนนี้ การสวมหน้ากากอนามัยจึงเป็นมาตรการที่สำคัญยิ่งของทุกคนที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ ทั้งนี้ ยังได้มอบให้ อสม. อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปเคาะประตูบ้านเพื่อสอบถามความต้องการฉีดวัคซีนและช่วยลงทะเบียนประชาชนเป้าหมายกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคเรื้อรัง 7 ประเภทที่ต้องการฉีด ในห้วงวันที่ 12 - 18 พ.ค.64 ให้รีบลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้มากที่สุด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการหยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพื่ออยุธยา เมื่อทราบจำนวนวัคซีนที่เหลือจากผู้ไม่ประสงค์จะลงทะเบียนฉีดแล้ว จะได้วางแผนเตรียมจัดสรรให้กลุ่มอื่นที่มีความจำเป็นและต้องการฉีดวัคซีนดังกล่าวต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

สุโขทัย - สส.สุโขทัย ควักกระเป๋าทำประกันโควิด ให้ อสม.ทั้ง 3 อำเภอ

วันที่17พ.ค. เมื่อเวลา09.00น. ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ส.ส.สุโขทัย เขต3 พรรคภูมิใจไทย พบปะกล่าวกับ ตัวแทนอสม.ในเขตอ.สวรรคโลก จำนวน 40 คน ที่เข้าร่วมประชุมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ได้มีการแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อรวมทั้งผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องและสูงขึ้น เป็นที่น่าห่วง

ล่าสุดทางรัฐบาลได้มีการรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีค ให้กับประชาชนแต่ก็มีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ทราบข้อมูลหรือทราบข้อมูลแล้วแต่ยังไม่กล้าลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีน จึงได้ให้จนท.อสม.ออกเชิญชวนและให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชนถึงประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งตนเองเห็นว่าจนท.อสม.เล่านี้เมื่ออกรณรงค์และให้ความรู้แก่ประชาชนแล้ว ซึ่งก็จะเกิดความเสี่ยงอาจติดไวรัสโควิด-19 ได้ เนื่องจากต้องพบประชาชนประชาชนจำนวนมากแต่ละวัน

ตนเองจึงได้เร่งเห็นความปลอดภัยและด้วยความห่วงใยจึงได้ควักทุนส่วนตัวจัดทำประกันโควิด-19 ให้กับพี่น้องอสม.ในเขตพื้นที่อ.สวรรคโลก อ.ศรีนคร และอ.ศรีสัชนาลัย ฟรีทุกคนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับจนท.อสม.ที่ออกปฎิบัติงาน และเป็นการให้กำลังใจในเบื้องต้นแก่ผู้ทำงานด่านหน้าด้วย แต่ก็ขอให้ เจ้าหน้าที่ อสม.และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 นี้ด้วย


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

กรุงเทพฯ - “ผบ.นทพ. สนับสนุนภารกิจสาธารณสุข จัดกำลังพลร่วมบริการประชาชน “คลองเตย” เข้าฉีดวัคซีนโควิด”

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 พล.อ. นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) สั่งการให้ สำนักงานสนับสนุน (สสน.นทพ.)  จัดกำลังพลปฏิบัติภารกิจร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย สำนักอนามัย กรุงเทพฯ ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้กับประชาชนผู้พักอาศัยอยู่ในชุมชนเขตคลองเตย โดยมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว, กรอกข้อมูล ช่วยเหลือผู้รับบริการผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้มารับบริการ และให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ณ บริเวณอาคารโกดัง สเตเดียม การท่าเรือแห่งประเทศไทย

พล.อ. นเรนทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกำลังไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม, พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (บก.ทท.) ที่สั่งการให้ทุกหน่วยจัดเตรียมกำลังพลที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ให้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19  มีการจัดระเบียบ ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของประชาชนที่มารับบริการ  

โดยให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ซึ่งทางด้านหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ได้สั่งการให้ พลตรี ธนินทร์ พู่ทองคำ ผอ.สสน.นทพ.จัดกำลังพลปฎิบัติงานและควบคุมผลการปฎิบัติให้ได้มีความพร้อมตลอดเวลาที่จะสนับสนุนกำลังพลออกปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที เพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดูแลด้านความปลอดภัย และช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้คลี่คลายลง ทั้งนี้ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top