Friday, 4 July 2025
สหรัฐอเมริกา

ยูเครนเริ่มขายทรัพยากรชาติภายในประเทศ เปิดทางสหรัฐฯ ถือสิทธิ์ พัฒนาแหล่งแร่ Dobra

(17 มิ.ย. 68) รัฐบาลยูเครนเริ่มเดินหน้าเปิดประมูลพัฒนาแหล่งแร่ลิเทียม Dobra หนึ่งในแหล่งทรัพยากรยุทธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในเขตโนโวยูเครนกา (Novo Ukrainskii) ภูมิภาคคิรอโวห์ราด (Kirovohrad) ห่างจากกรุงเคียฟราว 300 กิโลเมตร การดำเนินการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ลงนามกับสหรัฐฯ เมื่อ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพื่อดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนระหว่างสงคราม

ภายใต้ข้อตกลงนี้ รายได้จากการขุดแร่จะถูกแบ่งเท่า ๆ กันระหว่างรัฐบาลยูเครนและกองทุนร่วมทุนที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุน โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจยูเครนหลังสงคราม พร้อมกับลดการพึ่งพาจีนในแร่ลิเทียมและแร่กลุ่มวิกฤตในตลาดโลก

ผู้ประมูลที่น่าจับตาได้แก่บริษัท TechMet ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ถือหุ้นบางส่วน และ โรนัลด์ ลอเดอร์ (Ronald S. Lauder) มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังผู้ใกล้ชิดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งคู่เตรียมยื่นข้อเสนอในรูปแบบสัญญาแบ่งผลผลิตระยะยาว ซึ่งจะมอบสิทธิ์การพัฒนาและปันผลให้แก่ทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าการเร่งเปิดทรัพยากรธรรมชาติอาจเสี่ยงต่อปัญหาความโปร่งใส ความไม่แน่นอนทางกฎหมาย และต้องอาศัยเวลาอีกหลายปีกว่าจะสามารถเริ่มการผลิตได้จริง เนื่องจากยูเครนยังต้องอัปเดตข้อมูลทางธรณีวิทยาและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายจากสงคราม

‘ทรัมป์’ เตือน ‘อิหร่าน’ ไม่มีวันชนะสงครามนี้ แนะเปิดเจรจาก่อนจะสายเกินไป

(17 มิ.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เตือนอิหร่านให้รีบเปิดการเจรจากับอิสราเอลโดยด่วน ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ผมคิดว่าอิหร่านจะไม่ชนะสงครามนี้ พวกเขาควรพูดคุยกัน และควรพูดคุยทันที ก่อนที่จะสายเกินไป” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G7 ที่ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา

คำเตือนของทรัมป์มีขึ้นหลังการโจมตีล่าสุดของอิหร่านด้วยขีปนาวุธใส่เมืองต่าง ๆ ของอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 8 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมจากฝั่งอิสราเอลอยู่ที่ 24 คน ขณะที่ทางการอิหร่านรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 224 ราย และบาดเจ็บกว่า 1,000 คน นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มการโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อกองทัพอิสราเอลประกาศว่าได้ “ควบคุมท้องฟ้าเหนือกรุงเตหะรานอย่างสมบูรณ์” พร้อมทั้งทำลายฐานยิงขีปนาวุธของอิหร่านได้แล้วประมาณหนึ่งในสาม ด้านอิหร่านตอบโต้โดยขู่ว่าจะเปิดฉาก “การยิงขีปนาวุธที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” บนแผ่นดินอิสราเอล พร้อมกันนั้นยังมีรายงานว่าโรงพยาบาลพลเรือนในเมืองเคอร์มานชาห์ของอิหร่านถูกโจมตี จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

อีกด้านหนึ่ง องค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) แสดงความกังวลถึงการปนเปื้อนทางรังสีและสารเคมีจากการโจมตีของอิสราเอลที่โรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมที่เมืองนาทานซ์ แม้ระดับรังสีภายนอกยังปกติ แต่ระบบจ่ายไฟหลักและเครื่องสำรองถูกทำลาย ทำให้การตรวจสอบและประเมินผลกระทบทำได้อย่างจำกัด

ขณะที่ภาพรวมในสนามรบจะตึงเครียดอย่างหนัก แต่เบื้องหลังมีรายงานว่าอิหร่านเริ่มส่งสัญญาณความต้องการเจรจา โดยผ่านตัวกลางจากชาติอาหรับ ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันโลกลดลงทันทีมากกว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แสดงให้เห็นถึงความหวังเล็ก ๆ ในการคลี่คลายความขัดแย้ง หากคู่กรณียอมกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างจริงจังตามคำแนะนำของทรัมป์ก่อนที่จะสายเกินไป

ผู้นำ G7 หนุนอิสราเอล ย้ำมีสิทธิ์ตอบโต้อิหร่าน ด้าน ‘ทรัมป์’ ทิ้งประชุมด่วน!!...กลับมารับมือที่วอชิงตัน

(17 มิ.ย. 68) ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้งเจ็ด (G7) ออกแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตนเอง ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ทวีขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน

ในแถลงการณ์ระบุว่า “เรายืนยันว่าอิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตัว และเรายังคงยืนหยัดเคียงข้างความมั่นคงของอิสราเอล” พร้อมเรียกร้องให้การแก้ไขวิกฤตกับอิหร่านนำไปสู่การลดความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงการหยุดยิงในฉนวนกาซา

ผู้นำ G7 ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปกป้องพลเรือนจากผลกระทบของความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงผันผวนและเปราะบางอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ในวันเดียวกันโฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะออกจากการประชุม G7 ที่แคนาดาเร็วกว่ากำหนด และได้สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติเตรียมพร้อมหารือฉุกเฉินในห้องสถานการณ์ของทำเนียบขาว

คำสั่งเร่งด่วนของทรัมป์ยังรวมถึงการเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) เพื่อประเมินปฏิกิริยาตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่อทั้งอิหร่านและอิสราเอล ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากฝ่ายการเมืองภายในประเทศให้วอชิงตันแสดงบทบาทนำในวิกฤตนี้

‘อีลอน มัสก์’ เตือนสหรัฐฯ หนี้ท่วม!!..อาจล้มละลาย เพราะรายได้ภาษีหมดไปกับดอกเบี้ย ปีละ 1.2 ล้านล้าน

(17 มิ.ย. 68) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้เป็นซีอีโอของเทสลา (Tesla) เปิดเผยว่า สหรัฐฯ กำลังใกล้จะล้มละลายทางการเงิน หากภาษีที่จัดเก็บได้จากประชาชนทั้งหมดต้องนำไปจ่ายดอกเบี้ยหนี้เท่านั้น โดยสหรัฐฯ มีหนี้สาธารณะสูงถึงราว 36–37 ล้านล้านดอลลาร์ และต้องจ่ายดอกเบี้ยปีละประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 43.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสี่ของรายได้ภาษีทั้งหมด 

มัสก์ชี้ว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ภาระดอกเบี้ยจะกลืนกินงบประมาณของรัฐบาลจนไม่มีเงินเหลือไว้ใช้สำหรับสวัสดิการหรือการลงทุนด้านอื่น การจ่ายดอกเบี้ยในระดับนี้ได้กลายเป็น 'ต้นทุนอันดับสาม' ของรัฐบาล รองจากแพ็กเกจสวัสดิการและรายจ่ายทางทหาร 

นอกจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญจาก Peterson Foundation ระบุว่า ความกดดันจากหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นและดอกเบี้ยที่เพิ่ม จะส่งผลลบต่อทั้งเสถียรภาพเศรษฐกิจ การลงทุนของภาคเอกชน และการเข้าไม่ถึงทุนของรัฐบาลกลาง รวมถึงอาจเข้าใกล้ช่วง 'วิกฤตสภาพคล่อง' หากนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดความเชื่อมั่นจนความต้องการพันธบัตรลดลง 

ทั้งนี้ อีลอน มัสก์ สนับสนุนแนวคิดของวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดัง ที่เคยเสนอให้มีกฎหมายควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยเฉพาะการห้ามไม่ให้สมาชิกรัฐสภาดำเนินนโยบายที่ทำให้เกิด การขาดดุลงบประมาณเกิน 3% ของ GDP ซึ่งเป็นระดับที่ถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ มัสก์เห็นว่าแนวทางนี้จะช่วยเพิ่มความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจในการใช้งบประมาณแผ่นดิน และเตือนว่าหากไม่มีการควบคุมการใช้จ่ายอย่างจริงจัง สหรัฐฯ กำลังเดินหน้าเข้าสู่ภาวะ 'ล้มละลายโดยสมบูรณ์' ซึ่งจะทำให้ไม่เหลือพื้นที่ทางการคลังหรือทรัพยากรใด ๆ ให้บริหารประเทศในอนาคตอีกต่อไป

‘เนทันยาฮู’ ยกย่อง ‘ทรัมป์’ เพื่อนแท้อิสราเอล หลังสหรัฐฯ หนุนเต็มที่ในสงครามกับอิหร่าน

(19 มิ.ย. 68) นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนในการ ‘ปกป้องน่านฟ้าอิสราเอล’ ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบกับอิหร่านที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 วัน

เนทันยาฮูกล่าวว่า อิสราเอลกำลังโจมตีด้วยพลังมหาศาลใส่ ‘ระบอบของอยาตอลเลาะห์’ โดยมุ่งเป้าไปที่โครงการนิวเคลียร์ ฐานยิงจรวด และศูนย์บัญชาการทางทหารของอิหร่าน แต่ก็ยอมรับว่าอิสราเอลก็สูญเสียอย่างหนักเช่นกัน

“เรากำลังเผชิญกับความสูญเสียอันเจ็บปวด แต่แนวหลังยังมั่นคง ประชาชนยังแข็งแกร่ง และรัฐอิสราเอลเข้มแข็งกว่าที่เคย” เนทันยาฮู กล่าว

ทั้งนี้ ตั้งแต่การปะทะเริ่มต้นเมื่อวันศุกร์ สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ขณะที่อิหร่านอ้างว่า มีผู้เสียชีวิตในประเทศมากกว่า 220 ราย ซึ่งรวมถึงทหารระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ โดยยังไม่มีการอัปเดตตัวเลขล่าสุดจากทางการเตหะราน

‘ทรัมป์’ ขอเวลาตัดสินใจ 2 สัปดาห์ ว่าจะส่งทหารร่วมศึกอิสราเอล-อิหร่าน หรือไม่

(20 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะตัดสินใจภายใน 2 สัปดาห์ว่าจะส่งกองกำลังเข้าแทรกแซงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านหรือไม่ โดยระบุว่าขณะนี้ยังมี 'โอกาสสำคัญ' สำหรับการเจรจาทางการทูตกับอิหร่าน จึงขอเวลาประเมินสถานการณ์เพิ่มเติม

โฆษกทำเนียบขาว แครอลไลน์ ลีวิตต์ กล่าวว่า ทรัมป์ให้ความสำคัญสูงสุดกับการป้องกันไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และยังไม่ปิดโอกาสสำหรับการเจรจา แม้จะมีรายงานว่าทรัมป์อนุมัติแผนโจมตีไซโลนิวเคลียร์ของอิหร่านแล้ว แต่ยังไม่ได้สั่งให้ดำเนินการในทันที

ขณะที่ อิหร่านเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าร่วมสงคราม จะยิ่งทำให้ภูมิภาคลุกเป็นไฟ โดยระบุว่า “นี่ไม่ใช่สงครามของอเมริกา” ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวเผยว่าเว็บไซต์ฟอร์โด ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน อาจตกเป็นเป้าหมายโจมตีหากการเจรจาล้มเหลว

ทั้งนี้ สถานการณ์ทวีความตึงเครียดหลังอิหร่านยิงขีปนาวุธใส่โรงพยาบาลทางตอนใต้ของอิสราเอล ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 70 คน ด้านอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านหลายจุด ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้ใช้การทูตแทนการสู้รบ

ดีลการค้า ‘สหรัฐฯ–จีน’ ยังไม่ปลดล็อก ‘แร่หายาก’ ใช้ทางทหาร จุดขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลาย

(21 มิ.ย. 68) แม้สหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงหยุดยั้งข้อพิพาททางการค้าระลอกใหม่ที่กรุงลอนดอน แต่ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการส่งออกแม่เหล็กแร่หายากที่ใช้ในงานทหารยังไม่คลี่คลาย โดยจีนยังไม่ให้คำมั่นเรื่องการอนุมัติส่งออกแม่เหล็กเฉพาะทางที่จำเป็นต่อการผลิตเครื่องบินรบและระบบขีปนาวุธของสหรัฐฯ

การเจรจาระหว่างสองประเทศกลับมาพัวพันกับประเด็นควบคุมการส่งออก โดยจีนแสดงท่าทีว่า จะไม่พิจารณาผ่อนคลายการส่งออกแม่เหล็กทหาร หากสหรัฐฯ ยังจำกัดการขายชิป AI ขั้นสูงให้จีน ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวเชิงเชื่อมโยงใหม่ระหว่างความมั่นคง เทคโนโลยี และการค้า

ขณะที่สหรัฐฯ เตรียมขยายมาตรการภาษีสินค้าจีนต่ออีก 90 วันเกินกำหนดเดิมในเดือนสิงหาคม ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ยังยืนยันว่า ข้อตกลงนี้เป็น “ดีลที่ดี” และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์ แม้กระทรวงพาณิชย์และการต่างประเทศของทั้งสองประเทศยังไม่ให้ความเห็นทางการ

จีนยอมอนุมัติใบอนุญาตส่งออกแม่เหล็กแร่หายากให้ผู้ผลิตพลเรือนในสหรัฐฯ ผ่านช่องทางพิเศษ “green channel” แต่ยังไม่รวมแม่เหล็กเฉพาะทาง เช่น Samarium ซึ่งสำคัญต่อการผลิตอาวุธ ส่งผลให้การควบคุมของจีนในอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อข้อตกลงถาวร

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ความไม่ลงตัวด้านแร่หายากอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์ระหว่างสองมหาอำนาจ และสะท้อนว่าความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการใช้การค้าเป็นเครื่องมือกดดันจีนยังคงต้องเผชิญอุปสรรคจากข้อเท็จจริงที่ว่าจีนยังผูกขาดทรัพยากรที่สำคัญระดับโลกอยู่

กลุ่มฮูตีในเยเมนเดือด!!..จ่อเปิดศึกกับสหรัฐฯ หลังเหตุโจมตีอิหร่าน ลั่นรอวันเอาคืน

(23 มิ.ย. 68) กลุ่มฮูตีในเยเมนออกมาเตือนว่า พวกเขาจะตอบโต้สหรัฐฯ จากเหตุโจมตีอิหร่านอย่างแน่นอน โดยระบุว่า “เป็นเพียงเรื่องของเวลา” เท่านั้น

โมฮัมเหม็ด อัล-บุคไฮติ (Mohammed Al-Bukhaiti) แกนนำทางการเมืองของฮูตี ให้สัมภาษณ์ว่า ข้อตกลงหยุดยิงกับสหรัฐฯ นั้นเกิดขึ้นก่อนที่ความขัดแยกระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านจะรุนแรงขึ้น

ที่ผ่านมา กลุ่มฮูตีได้โจมตีเรือสินค้าตามเส้นทางเดินเรือ และยิงอาวุธใส่อิสราเอล โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ท่ามกลางสงครามกับอิสราเอล

โดยในเดือนพฤษภาคม ฮูตีเคยตอบตกลงหยุดโจมตีเรือของสหรัฐฯ แลกกับการที่สหรัฐฯ จะหยุดโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน แต่เหตุการณ์ล่าสุดกับอิหร่านอาจทำให้ข้อตกลงนั้นเปลี่ยนไป

โฆษกทรัมป์ฉะสื่อ อย่าใส่ร้ายสหรัฐฯ ลั่นไม่เคยรุกรานประเทศไหน สร้างแต่สันติภาพเท่านั้น

(23 มิ.ย. 68) คาโรไลน์ ลีวิตต์ (Karoline Leavitt) โฆษกทำเนียบขาว ตำหนิสื่อมวลชน หลัง CNN รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วมสงครามเคียงข้างอิสราเอลเพื่อ “รุกรานอิหร่าน” โดยยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่เคยรุกรานประเทศใด และการกระทำทั้งหมดเป็นไปเพื่อสันติภาพ

ลีวิตต์เตือนสื่อว่า “อย่าใช้คำว่ารุกรานกับประธานาธิบดีทรัมป์ หรือแม้แต่ประเทศของเรา” พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ เป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ มีเกียรติ และมีกองทัพที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลก

โฆษกสาวของทำเนียบขาววัย 27 ปี ระบุว่า แม้สหรัฐฯ มีปฏิบัติการทางทหารกับอิหร่าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการรุกราน เพราะสหรัฐฯ ไม่ยอมให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งถือเป็นเส้นแดงสำคัญด้านความมั่นคง

คาโรไลน์ ลีวิตต์ ทิ้งท้ายว่าทรัมป์ไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบปกครองในอิหร่าน และยังคงหวังว่าเตหะรานจะเลือกการเจรจา พร้อมกล่าวว่า “ขอพระเจ้าอวยพรโลกใบนี้”

ประธานาธิบดีบูร์กินาฟาโซจี้ถามโลกตะวันตก เหตุใดสันติภาพต้องมากับการใช้ความรุนแรง

(23 มิ.ย. 68) อิบราฮิม ตราโอเร (Ibrahim Traoré) วัย 37 ปี ประธานาธิบดีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งบูร์กินาฟาโซ กล่าวตั้งคำถามต่อโลกว่า ทำไมบางประเทศจึงใช้ความรุนแรง เช่น การทิ้งระเบิดใส่ชาติอื่น แล้วอ้างว่ากระทำเพื่อสันติภาพ ซึ่งเขามองว่าข้ออ้างดังกล่าวไม่ชอบธรรม และเป็นการเชิดชูการใช้อาวุธรุนแรงอย่างผิดหลักมนุษยธรรม

เขาระบุว่าในโลกปัจจุบันมีบทเรียนสำคัญที่สอนให้รู้ว่า ความเป็นมหาอำนาจทางทหารอาจต้องพึ่งพาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งถือเป็น “เครื่องมือที่ต้องมีไว้ในครอบครอง” เพื่อสร้างความเคารพและความมั่นคงให้แก่ประเทศ

ก่อนหน้านี้ หลังการยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนในปี 2022 ตราโอเรพยายามยกระดับความร่วมมือทางทหาร ทั้งกับรัสเซียและชาติชั้นนำระดับภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้กองทัพบูร์กินาฟาโซ ซึ่งถือเป็นการปรับนโยบายด้านความมั่นคงให้มุ่งเน้นอาวุธเทคโนโลยีขั้นสูง และการสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์

แนวทางของตราโอเรไม่เพียงสะท้อนถึงความไม่พอใจต่ออิทธิพลตะวันตก แต่ยังชี้ให้เห็นถึงการพลิกบทบาทของชาติแอฟริกาที่พร้อมพึ่งพาอำนาจทางทหารระดับสูงเพื่อรักษาเอกราช 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top