Monday, 29 April 2024
ลุงตู่

‘บิ๊กตู่’ ชวนคนไทยมอบ 'หอม' แทนใจในวันวาเลนไทน์ หนุนเกษตรกรศรีสะเกษ หลังปั้น 'ผลผลิตดี-มีราคา'

(7 ก.พ. 66) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสำรวย เกษกุลผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และคณะผู้บริหารจังหวัดศรีสะเกษ เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม 'สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอ' ปี 2566 จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอชื่นชมการดำเนินโครงการเกษตรแปลงใหญ่จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีส่วนสำคัญทำให้ได้ผลผลิตและราคาหอมสูงขึ้น ดีใจกับเกษตรกร ขอขอบคุณทุกส่วนราชการที่บูรณาการทำงานจนประสบความสำเร็จ ช่วยขับเคลื่อนการเกษตรส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมเชิญชวนให้คนไทยทุกคนช่วยกันอุดหนุนหอมแดง กระเทียมศรีสะเกษ ผ่านกิจกรรม 'สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอม' ซึ่งนอกจากจะได้อุดหนุนสินค้าเกษตรยังได้รับความสุขด้วย และเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก อยากให้ทุกคนส่งความรักให้กันผ่านหอม 

“ขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมอุดหนุนหอมแดง ของจังหวัดศรีสะเกษที่ได้จัดทำเป็นแพ็กเกจ ใช้เป็นของแทนใจสื่อความรักในวันวาเลนไทน์ ในโอกาสวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ทั้งความสุขและความสดชื่นได้ช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรงด้วย เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ว่าคนนี้ดีคนนี้เก่งแล้วที่เหลือไม่ทำงาน เพราะทุกคนช่วยกันทำงานด้วยกันทุกคน ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้หอมกันเยอะๆ และเลือกหอมให้ดี อย่าหอมผิดคน ไม่เช่นนั้นจะโดนนะ" ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวกับตัวแทนเกษตรกรในตอนท้ายว่าว่า "รู้ใช่ไหมนายกรัฐมนตรีชอบหวาน เป็นคนไม่ค่อยหวาน ต้องเติมน้ำตาล" พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียัง ได้ชิมชาศรีสะเกษ พร้อมกล่าวชมว่า "ชาดี อร่อย ให้นำชาไปในห้องประชุม ครม. และนายกรัฐมนตรี"

บุกบ้านโป่ง!! ‘ลุงตู่’ ลงพื้นที่ราชบุรี ไหว้พระ-เยี่ยมชมสถานที่ ชาวบ้านแห่ต้อนรับ พร้อมชูป้าย ‘ลุงตู่ อยู่ต่อ’

(13 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ว่า เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ในนามนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยมี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น ร่วมคณะ 
.
โดยเมื่อเวลา 09.00 น.นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ โดยจุดแรก เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด สีขาวทะเบียน กค 9 ราชบุรี มายังวัดหุบกระทิง ตำบลเบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยทันทีที่มาถึงนายกฯได้ทักทายกับนักเรียนโรงเรียนวัดหุบกระทิงที่มารอเจอนายกฯที่บริเวณรั้วโรงเรียน โดยนายกฯกล่าวกับเด็กๆว่า ให้รักสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ สำหรับลุงยึดและรักทั้ง 3 สถาบัน และรักประชาชน ขอให้เด็กทุกคนเป็นคนดีรู้รักสามัคคี และตอนหนึ่งนายกฯหยอกล้อเด็กๆให้รักษาฟันให้ดีๆ ขณะที่เด็กๆบอกว่าเคยเห็นนายกฯแต่ในติ๊กต๊อกเพิ่งเคยเจอตัวจริงวันนี้ 

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ สักการะพระประธานอุโบสถ หลวงพ่อสมปรารถนา และนมัสการพระมหาสงกรานต์ (สันติ กะ โร) เจ้าอาวาสวัดหุบกระทิง

ทั้งนี้ ในพื้นที่ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เตรียมย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมย้ายมาอยู่พรรค รทสช. เดินทางมาต้อนรับ รวมทั้งมีชาวบ้านมารอต้อนรับพร้อมชูป้ายข้อความ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” , เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตรย์แบะประชาชน ลุงตู่สู้ๆ , หนีเมียมาเชียร์ลุง , ลุงตู่อยู่ยาวๆ เป็นต้น ขณะเดียวกันได้มีการซักซ้อมประชาชนว่าห้ามหอมแก้มและจับมือบีบมือนายกฯเนื่องจากมือนายกฯยังเจ็บอยู่ ขณะที่นายกฯเองก็พยายามยกมือข้างขวาขึ้นสูงเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกมือที่ยังอักเสบอยู่ ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปลูบหัวสุนัขที่ชาวบ้านอุ้มมาต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า “น่ารักแข็งแรงนะลูก”

จากนั้น นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้เกษตรวิถีพุทธ ภายใต้สโลแกน "คุณลุงทำนา คุณป้าทำสวน" ซึ่งเป็นวิถีความร่วมมือในการพัฒนาระหว่างวัดกับชุมชน เยี่ยมชมร้านกาแฟ มา-หา กาแฟบุญผลกำไรนำไปช่วยเหลือด้านสาธารณะสงเคราะห์ และเยี่ยมชมตลาดร่มสักส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มีอาชีพสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้สนทนาธรรมกับจะอาวาสว่า วัดนอกจากเป็นที่พึ่งของพุทธะศาสนิกชนแล้วเป็นที่สั่งสอนพระพุทธศาสนาให้ความร่มเย็นแล้วส่วนหนึ่งที่วัดหุบกระทิง ได้ทำคุยสร้างเศรษฐกิจชุมชนซึ่งถือเป็นเรื่องดีก็ขอให้มีการพัฒนาต่อไปเรื่อยเรื่อย

'จอมขวัญ' โชว์ฟิกเกอร์ละม้าย 'ประยุทธ์' ในชุดมนุษย์หิน ด้านชาวเน็ตแซวสนุกปาก สะท้อนยุคสมัยที่ผ่านมา

(21 มี.ค. 66) จากเพจเฟซบุ๊ก Jomquan ของคุณจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ได้มีการโพสต์ภาพพร้อมแคปชัน ว่า...

"ฟิกเกอร์ใหม่นะจ๊ะ"

โดยโพสต์ดังกล่าวมียอดแชร์และไลก์จำนวนมากอย่างรวดเร็ว ขณะที่ด้านชาวเน็ตเมื่อได้เห็นโพสต์ภาพฟิกเกอร์ดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความเห็นกันเป็นจำนวนมาก อาทิ...

- เอาสิ่งอัปมงคลเข้ามาในบ้านไม่ได้นะครับพี่

‘อัษฎางค์’ เผย ทำไมรัฐบาลลุงไม่จัดการขั้นเด็ดขาดกับเด็กล้มเจ้า เพราะต่อให้หลงผิดแค่ไหน พ่อแม่ก็ ‘ตบตี-เข่นฆ่า’ ลูกหลานไม่ลง

(3 พ.ค.2566) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ ระบุว่า...

“ทำไมรัฐบาลลุงไม่จัดการขั้นเด็ดขาดกับเด็กล้มเจ้า”

คำถามที่ได้ยินบ่อยๆ คือ ทำไมรัฐบาลไม่จัดการขั้นเด็ดขาด ผมคิดว่าคำตอบคือ …..

ลุงตู่ที่เด็กๆ เข้าใจว่า “เป็นผู้ใหญ่ที่เกรี้ยวกราด” ความจริงลุงตู่และรัฐบาล 3 ลุง ที่มีพรรคร่วมรัฐบาลฝ่ายจงรักภักดี มีเมตตาต่อเด็กๆ มาก 

รัฐบาลลุงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มองเด็กๆ ที่แม้จะมีความเห็นต่าง และเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลและสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นลูกหลาน

ที่โดนคนไทยที่ขายวิญญาณให้ต่างชาติและชาติมหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง ยุยง ปลุกปั่น ล้างสมอง ให้เด็กๆ เห็นผิดเป็นชอบ เห็นคนดีเป็นโจร และเห็นโจรเป็นคนดี  

ดังนั้น รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงใช้วิธีแก้ปัญหานี้อย่างละมุนละม่อมอย่างที่สุด 

ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงถึงภาพครอบครัวของเราเองทุกคน ที่เราอาจจะมีลูกที่เกเร หรือหลงผิด เราจะตบตี เข่นฆ่า ผลักไสไล่ส่ง ลูกหลานของเราด้วยวิธีหักดิบ 

หรือเราจะตั้งสติ ใจเย็น เอาน้ำเย็นเข้าลูบ ให้เวลาและใช้เวลา เพื่อดึงสติให้ลูกหลานเรากลับมาสู่อ้อมอกของเรา 

ดังนั้น รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ใช้วิธีเดียวกันนั้น  

ความจริงเราตัองขอบพระคุณรัฐบาลลุง อันประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค ที่ใช้ความพยายามตลอด 8 ปีที่ผ่านมา 

และขอถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ยืนอยู่ข้างคนไทย และพยายามอย่างสุดความสามารถ อย่างละมุนละม่อม เพื่อพาลูกหลานของพวกเราทุกคนกลับสู่อ้อมอกอ้อมใจของเรา

คลิปหนุ่มขอลายเซ็น ‘บิ๊กตู่’ ลงสมุด ‘Death Note’ ดังชั่วข้ามคืน ยอดวิวพุ่งเกือบ 10 ล้าน ชาวเน็ตแห่แซว “ยิ้มนายมีพิรุธนะ”

(9 พ.ค. 66) กลายเป็นไวรัลเกือบ 10 ล้านวิว หนุ่มขอลายเซ็น ‘บิ๊กตู่’ ลงสมุด ‘Death Note’ ชาวเน็ตร้องเอ๊ะ แซว “ยิ้มนายมีพิรุธนะ” เป็นกระแสไวรัลใน TikTok จนมีคนเข้าไปชมแล้วกว่า 9.5 ล้านวิวเลยทีเดียว

โดยในคลิปวิดีโอนั้น เผยให้เห็นหนุ่มกู้ภัยรายหนึ่งที่เดินเข้าไปขอลายเซ็นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้เซ็นให้ แม้ว่าที่ข้อมือจะมีพันผ้าเอาไว้ก็ตาม

แต่คลิปวิดีโอก็มาถึงไฮไลต์ เมื่อสมุดเล่มดังกล่าวได้ปิดลง เผยให้เห็นหน้าปกก็คือ ‘Death Note’ เล่มดัง พร้อมยังซูมให้เห็นชัดๆ เข้าไปอีก โดยคลิปดังกล่าวมีคนเข้าไปกดไลค์กว่า 1.5 ล้านครั้ง และคอมเมนต์มากถึง 24,400 ครั้งด้วยกัน

เจ้าของคลิปก็โพสต์ไว้ว่า “ได้ยินว่าลุงมาหา #อ่ะขอลายเซ็นสะหน่อย #ลูงตู่”
.
หลังจากนั้นได้มีผู้คนเข้าไปคอมเมนต์กันแบบรัวๆ อาทิ

“ยิ้มนายมีพิรุธ”
“ใส่เสื้อกู้ภัยพร้อม รับจบคนเดียว555555”
“คนให้เซ็นคือหัวเราะมาแต่บ้านละอะ55555”
“ใจต้องถึงล้านล่ะป่ะ”
“เรียบร้อยฮะ สาธุขอให้สมหวังปรารถนา”
“แหม่ยิ้มไม่หุบเลยน้าาา”
“เรียบร้อย”
“นายคือความหวังของชาติ555”
“เนียนกว่าไซยาไนด์”

แถมเมื่อได้มีคนนำคลิปวิดีโอออกไปโพสต์ต่อที่เพจในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ก็มีคนเข้าไปชมกันพรึบเลยทีเดียว

สำหรับ ‘เดธโน้ต’ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังที่ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ เรื่องราวของ ‘ยางามิ ไลท์’ นักเรียน ม.ปลายที่ได้บันทึกมรณะ หรือ ‘เดธโน้ต’ ของลุค ยมทูตรายหนึ่ง ที่สามารถฆ่าคนได้เพียงแค่เขียนชื่อลงไปในสมุธเดธโน้ต ผู้ที่ถูกเขียนชื่อจะหัวใจวาย เสียชีวิตในเวลาไม่นาน

‘อัษฎางค์’ ติง!! อย่าเล่นของทำพิธีสาปแช่งใครเด็ดขาด ชี้!! มันจะเข้าตัว หากคนที่คิดเล่นงานนั้น มีบารมีสูงส่ง

(10 พ.ค.66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ ระบุว่า...

ตอนผมเป็นเด็ก ๆ มีผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งผมเคยเห็นชีวิตเขารุ่งเรืองมาตลอด แต่ ณ เวลานั้นชีวิตเขาแย่มาก สภาพเขาก็แย่มาก ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับเขา ผมสงสัยแต่ไม่เคยถาม เพราะตัวเองก็ยังเด็ก

แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาคุยกับผม โดยบอกผมว่า เขา ‘เผาพริกเผาเกลือ’ สาปแช่งคู่อริคนหนึ่ง หลังจากนั้นชีวิตเขาก็พัง หน้าที่การงาน สุขภาพ ความรัก พังหมด

เขาย้ำกับผมว่า อย่าเล่นของทำพิธีสาปแช่งใครเด็ดขาด เพราะมันจะเข้าตัว

การกระทำของหนุ่มกู้ภัยคนนี้ อาจจะต้องถึงคราวที่ตัวเองจะเจอภัยเข้าแล้ว เพราะคนที่ตัวเองคิดจะเล่นงานนั้นมีบารมีสูงส่ง เป็นถึงอัครมหาเสนาบดี คนธรรมดาๆ คิดว่าการทำแบบนี้จะทำอะไรเขาได้หรือ

ผลของการกระทำในครั้งนี้ จะส่งผลให้ตัวได้หนุ่มคนนี้และพรรคที่หนุ่มกู้ภัยสนับสนุน เจอภัยย้อนกลับมาแน่นอน และมันกลับไปเพิ่มบารมีให้ลุงตู่

‘ลุงตู่’ เดินหน้าไปต่อกับ รวมไทยสร้างชาติ ตามเจตนารมณ์และอุดมการณ์ ให้คนไทย รักชาติรักแผ่นดิน

หลังจากการเลือกตั้งซึ่งผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค. 66 ซึ่งผลการเลือกตั้งพรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะมาเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน ส.ส. 152 ที่นั่ง มีสิทธิ์ในการเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อน ขณะที่ "พรรครวมไทยสร้างชาติ" ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้คะแนนเสียง 36 ที่นั่ง

วันนี้ (19 พ.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า "ลุงตู่" ไปต่อ "ลุงตู่" จะยังคงเดินหน้าทำงานกับพรรคต่อไปในฐานะ “ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค” เพื่อเสริมสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติให้แข็งแกร่งและเป็นพรรคหลักในการปกป้องและค้ำจุนสถาบันหลักทั้งสามของประเทศตามเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรค เป็นความหวังในคนไทยทุกรุ่น ที่รักชาติรักแผ่นดินในแนวทางเดียวกันต่อไป

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รวมไทยสร้างชาติ ระบุว่า มีผู้สอบถามเข้ามามากถึงแนวทางและจุดยืนของพรรคในทางการเมืองในขณะนี้ ผมขอเรียนว่าพรรครวมไทยสร้างชาติยังคงยึดมั่นในแนวทาง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประโยชน์ของประชาชน ตามเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรคเป็นสำคัญ พรรคพร้อมที่จะทำงานการเมืองเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าบนแนวทาง เจตนารมณ์ และอุดมการณ์ดังกล่าวอย่างแน่วแน่ มั่นคง และไม่เปลี่ยนแปลง

‘เต้ มงคลกิตติ์’ ชัดเจน ไม่เอา พิธา พรรคก้าวไกล  จากปมแก้ ม.112 เพื่อสงบสุขของบ้านเมือง

วันนี้ (28 พ.ค. 66) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ พี่เต้ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อได้โพสต์ข้อความ สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโซเชียล โดยมีใจความว่า ...

ถ้าให้ผมเลือก ระหว่าง พิธา แก้ ม.112 กับ ลุงตู่ ไม่แก้ ม.112 “ผมเลือกความสงบสุขของบ้านเมือง เลือก ลุงตู่ คับ”

หลังจากเผยแพร่ไปได้ข้อความดังกล่าวไปได้ไม่นาน ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้าแสดงความคิดเห็นมากว่า 1 พันครั้ง ในช่วงพริบตา ซึ่งหากใครที่ติดตามข่าวสารการเมืองมาเป็นอย่างดี ช่วงที่ เต้ มงคลกิตติ์ ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ก็มีท่าทีแสดงจุดยืนถึงการร่วมงานกับ ประยุทธ์ ที่ดูแล้วพี่เต้เองก็ไม่ได้เห็นด้วยสักเท่าไร อีกทั้งยังโหวตค้านเป็นประจำแต่กลับมาแสดงจุดยืนตอนนี้จึงทำให้ประชาชนจำนวนมากจับตามอง

ซึ่งก่อนหน้านี้ เต้มงคลกิตติ์ หลังจากผลคะแนนการเลือกตั้ง 2566 ที่ผ่านมา ชี้ชัดแล้วว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้คะแนนน้อยกว่าที่คิด จนเต้เองถึงขั้นอยากเปลี่ยนอาชีพไปทำงานพิธีกรรายการดูบ้าง ซึ่งก็เคยได้เห็นการโชว์ฝีมือไปแล้วในรายการ ถกไม่เถียง ที่เป็นพิธีกรคู่กับ ป่อเปี๊ยะ โดยทางตัวเต้เองนั้นก็ทำผลงานออกมาได้ดีพอสมควร

ล่าสุด ก่อนที่เต้ มงคลกิตติ์ จะโพสต์เลือกข้างนี้ ก็เคยออกมาประกาศแล้วว่า ตนเองจะหยุดเรื่องการเมือง และขอลาออกจากหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ตั้งแต่ 26 พ.ค.2566 เวลา 14.39 น. แต่ในระยะเวลาหลังจากนั้น เต้ เองก็ยังมีการโพสต์เรื่องการเมืองอยู่เป็นระยะ จนทำให้ประชาชนที่เฝ้าติดตามมาเกิดความสงสัยว่า เหตุใดคนที่บอกจะพักกลับพูดถึงเรื่องการเมืองอยู่เป็นประจำ หนำซ้ำจู่ๆก็ออกมาโพสต์เลือกข้างว่าจะเลือก ลุงตู่ อีก

‘พีระพันธุ์’ ประกาศชัด ไม่มีวันทิ้งคนดีๆ แบบ ‘ลุงตู่’ ลั่น!! ขอทำหน้าที่เลขาฯ นายกฯ จนวินาทีสุดท้าย

(22 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายวานยากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังมีกระแสข่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เตรียมยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ก่อนเข้ารายงานตัวเป็น ส.ส. ต่อสภาผู้แทนราษฎร

ล่าสุด เวลา 09.05 น. นายพีระพันธุ์ โพสต์ข้อความ บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยันว่า จะอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จนวินาทีสุดท้ายในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า…

“เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 มีการรายงานข่าวทางสื่อมวลชนบางฉบับว่าผม ‘ทิ้งลุงตู่’ หรือ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่ก็ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์และมีการสอบถามผมมาอย่างเข้าใจผิดมากมายว่าผม ‘ทิ้ง’ ท่านนายกรัฐมนตรีทำไม

ผมขออนุญาตเรียนให้ทราบกันครับว่าคนอย่างผมไม่มีวันที่จะทิ้งคนดีๆ อย่างท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  โดยเด็ดขาด

วันนี้ผมยังอยู่กับท่านและยังคงทำงานให้ท่าน ในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามปกติทุกวัน

ผมพูดอยู่เสมอว่า ผมมีความสุขที่ได้ทำงานกับท่านและมันก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น การได้เจอคนดีนับเป็นโชคดีของชีวิต การได้เจอและได้ทำงานกับคนดีๆ ยิ่งต้องถือว่าทั้งโชคดีและเป็นกำไรของชีวิต ที่ได้ซึมซับและได้เรียนรู้เรื่องดีๆ จากคนดีๆ ยิ่งเป็นคนดีที่รักชาติบ้านเมืองรักสถาบันยิ่งชีวิต ก็ยิ่งต้องถือว่าเป็นโชคมหาศาลของชีวิต

ผมขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันนะครับ ว่าผมเลือกที่จะอยู่กับท่านจนวินาทีสุดท้ายในการทำงานของท่าน และการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของคนไทยและประเทศไทย

ตามนี้นะครับ”

‘ลุงตู่’ มอบเงินรางวัลแก่ทัพนักกีฬาซีเกมส์-อาเซียนพาราเกมส์ หลังคว้าชัยชนะให้ไทย หนุนทูตกีฬาเชื่อมสัมพันธ์กับนานาประเทศ

‘บิ๊กตู่’ มอบเงินรางวัลแก่ทัพนักกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ฉลองชัยความสำเร็จทีมชาติไทย ชื่นชมทุกคนทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทย นำทัพนักกีฬาคว้าชัยชนะกลับมาสู่ประเทศชาติได้สำเร็จ เป็นอันดับที่ 2 จาก 11 ประเทศ ย้ำ!! เป็นทูตกีฬาเชื่อมสัมพันธ์กับนานาประเทศ ชี้ การแข่งขันต้องมานะ บากบั่น สู้สุดใจ แม้มีทะเลาะบ้างสุดท้ายคือเพื่อนกัน ขอทุกคนสร้างความรักสามัคคี ฝากดูแลบ้านเมือง

(6 ก.ค. 66) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมอบเงินรางวัลและแสดงความยินดีให้กับผู้เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยและเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ นางสาวสุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) คณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมอบเงินรางวัลและของที่ระลึกให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัล และเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ดังนี้ 1.มอบของที่ระลึกให้แก่ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2.มอบของที่ระลึกแก่ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย 3.มอบเงินรางวัลและของที่ระลึกแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัลและเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 จำนวน 39 สมาคมกีฬา รวมเงินทั้งสิ้น 239,190,000 บาท 4.มอบเงินรางวัลและของที่ระลึกแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัลและเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 จำนวน 4 สมาคมกีฬา รวมเงินทั้งสิ้น 99,365,000 บาท ทั้งนี้ มีนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬา ได้รับเงินรางวัลรวม 43 สมาคมกีฬา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 338,555,000 บาท

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในนามรัฐบาลและประชาชนชาวไทยขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่นักกีฬาไทยได้แสดงความสามารถทางกีฬาให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ และเป็นโอกาสดีที่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการแข่งขัน เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพของตนเองต่อไป

ทั้งนี้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นที่ทุกคนได้รับมานั้นล้วนเกิดจากความ ‘มานะ บากบั่น และสู้สุดใจ’ ของของทุกคน จึงทำให้ทุกคนมาอยู่ตรงจุดนี้ ขอให้ทุกคนประทับไว้ในหัวใจและนำไปเป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลสำเร็จในด้านกีฬาและด้านอื่น ๆ ของชีวิตต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอชื่นชมสมาคมกีฬา ผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประเทศไทยในการนำทัพนักกีฬาไปคว้าชัยชนะกลับมาสู่ประเทศชาติได้สำเร็จ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และมีวินัยในการฝึกซ้อมอย่างดีของทุกคน จนสามารถแสดงความสามารถและศักยภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และรางวัลเกียรติยศที่ได้รับในครั้งนี้ ถือเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทุกคน และเป็นเกียรติประวัติแก่ประเทศชาติ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ชาวไทยทุกคนรวมทั้งตนเองและครอบครัว โดยขอให้ทุกคนพัฒนาความสามารถของตนเองให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย โดยรัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกด้าน เพื่อทำให้การกีฬาไทยมีศักยภาพสูงและสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างทัดเทียม

“กีฬาก็คือกีฬา เป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้กับประเทศเหมือนเดิมแข่งกันแล้วก็ไม่มีการทะเลาะกันอีก ระหว่างแข่งก็อาจมีปัญหากันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เห็นมีการทะเลาะกันทุกครั้ง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องการชัยชนะ แต่สุดท้ายแล้วก็คือเป็นเพื่อนกัน นักกีฬาทีมชาติเป็นทูตวัฒนธรรมและเป็นทูตกีฬาถือเป็นการสร้างความรักความสามัคคีในชาติ และระหว่างประเทศ  หวังว่าจะทำให้นักกีฬาทุกคนประสบผลสำเร็จในการแข่งขันทุกประเภท นับจากนี้ ยินดีที่พร้อมจะมอบเงินรางวัลสนับสนุน เพราะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ยืนยันตนเองได้ติดตามการกีฬาทุกประเภท ในช่วงเวลาว่างจากการทำงาน ขอให้เน้นในเรื่องกีฬาอย่างเดียว อย่าคิดถึงเรื่องอื่น เพราะกีฬาทำให้มีความสุขคลายเครียด แต่นายกหลั่งสารนี้เลย เพราะว่าทำงานแล้วมีความเครียดพร้อมฝากทุกคนช่วยดูแลบ้านเมืองให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ทุกคนทำหน้าที่ตัวแทนของคนไทยและประเทศไทยอย่างดีที่สุดแล้ว และขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่ไม่ได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขัน ขอให้ตั้งใจพัฒนาทักษะและหมั่นฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ และนำเอาประสบการณ์จากการแข่งขันในครั้งนี้ไปพัฒนาตนเอง ซึ่งจะทำให้นักกีฬาทุกคนประสบความสำเร็จในการแข่งขันในโอกาสครั้งต่อ ๆ ไปได้อย่างแน่นอน พร้อมขอขอบคุณบุคคลและหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนพัฒนาการกีฬาของชาติให้ก้าวหน้าตลอดมา สร้างชื่อเสียงเกียรติภูมิมาสู่ประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง และขอให้ระลึกไว้ว่า ผลงานด้านกีฬาที่ได้สร้างไว้นั้น จะถูกจารึกไว้ในหัวใจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศตลอดไป

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ส่งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 5 – 17 พ.ค. 2566 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 3 – 9 มิ.ย. 2566 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยผลงานของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 สามารถคว้ารวมมาได้ 108 เหรียญทอง 95 เหรียญเงิน 108 เหรียญทองแดง ในอันดับที่ 2 ในตารางรวมเหรียญรางวัล จาก 11 ประเทศ ขณะที่ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ทำผลงานในกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้ 126 เหรียญทอง 109 เหรียญเงิน และ 94 เหรียญทองแดง จบอันดับที่ 2 จาก 11 ประเทศ ในตารางรวมเหรียญรางวัลเช่นกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top