Sunday, 19 May 2024
ภูมิใจไทย

ขอแข่งกันทำความดี ‘ลุงหนู’ ไม่สนดรามา ‘ภท.-พท.’ ก๊อบปี้นโยบาย พร้อมอวยพร ‘อุ๊งค์’ คลอดลูกปลอดภัย-แข็งแรง

จากกรณีการตอบโต้กันระหว่างพรรคการเมืองในช่วงที่ผ่านมา โดยสมาชิกพรรคภูมิใจไทยได้ออกตัวว่ามีพรรคการเมืองใหญ่ ลักไก่ก๊อบปี้นโยบายพักหนี้ ซึ่งต่อมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ตอบกลับพรรคภูมิใจไทย ที่กล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยลอกนโยบายหาเสียง ว่า ไม่สามารถก๊อบปี้นโยบายที่ริเริ่มได้ และให้ผู้กล่าวหาไปหาข้อมูลเพิ่มเติม

ล่าสุด (9 มี.ค.66) ที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า ยังไม่ได้ข่าว และขอหาข้อมูลก่อน แต่เรื่องนี้ใครจะก๊อบปี้ใคร ถ้าประชาชนได้ประโยชน์ก็ไม่เป็นไร ขอแข่งทำความดีดีกว่า และหากประชาชนได้ประโยชน์ก็ควรสนับสนุนกัน แทนที่จะมาแย่งกันว่าเป็นผลงานของใคร

เมื่อถามถึงกรณี น.ส.แพทองธาร หรืออุ๊งอิ๊ง ใกล้จะคลอดในช่วงวันเลือกตั้ง นายอนุทินกล่าวว่า ตนขออวยพรให้สุขภาพแข็งแรง คลอดง่าย ๆ เดินทางปลอดภัย ส่วนการเลือกตั้งต่างก็เป็นไปตามบริบทของแต่ละพรรค

ถามถึงแผนการหาเสียง นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้มีการปราศรัยย่อยทั่วประเทศทุกวันอยู่แล้ว ตนเองก็หมดเวลาราชการ ก็ลงพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นส่วนใหญ่ ก็จะมีการจัดปราศรัยย่อยในพื้นที่ต่าง ๆ ในชุมชนในเขตเลือกตั้ง

ค่าป่วยการ อสม.เดือนละ 2,000 ได้ผล กลบกระแส กัญชาเสรี ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

นายนัจมุดดิน อูมา ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ และผู้รับผิดชอบพื้นที่การเลือกตั้ง จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า หลังจากที่ ครม.มีมติเห็นชอบเรื่องค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการของ อสม.ทั่วประเทศ จากเดือนละ 1,000  เป็น 2,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้ คะแนนนิยม ของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ถึงกับ กลบกระแส การโจมตีของพรรคคู่แข่ง ที่บิดเบือนนำเอาเรื่อง 'กัญชาเสรี' มา โจมตีผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ โดย พูดความจริง เรื่องของ กัญชาเสรี เพียงครึ่งเดียว การเสนอให้ ครม.เห็นชอบในเรื่องเพิ่มค่าป่วยการของ อสม. พรรคภูมิใจไทยได้มีการพูดมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเห็นความสำคัญของ อสม. ที่เสียสละในการทำหน้าที่ ติดตาม ดูแล เยี่ยม ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยเรื้อรัง และเรื่อง สุขภาพ ของคนในหมู่บ้าน ตำบล ซึ่งค่าตอบแทนเดือนละ 1,000 ที่ได้รับเป็นเงินเพียงน้อยนิด การที่สันติภาพชายแดนใต้ ครม.ได้อนุมัติการขึ้นค่าตอบแทนของ อสม. ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า 'พรรคภูมิใจไทย' พูดแล้วทำ และทำได้จริงทุก นโยบาย ที่ภูมิใจไทยนำเสนอ

นอกจากนี้ภูมิใจไทย ยังมีนโยบายในการต้องการเห็นการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ กินเวลายาวนานถึง 20 ปี ด้วยการนำเสนอนโยบายด้วยการ”สนับสนุนกระบวนการ ทั้งการลดความรุนแรงในพื้นที่ การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และการพูดคุยสันติสุข ระหว่างขบวนการแบ่งแยกดินแดน กับตัวแทนของรัฐบาล ที่มีผู้แทนของรัฐบาลมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก

‘ไข่ มาลีฮวนน่า’ ยื่นหนังสือถึง ‘ภูมิใจไทย’ ชงตั้ง ‘สภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งชาติ’

(9 มี.ค. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้รับหนังสือจากนายคฑาวุธ ทองไทย (อ.ไข่ มาลีฮวนน่า) ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย ซึ่งสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติสภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อผลักดันการตั้ง ‘สภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งชาติ’ เป็นนโยบายพรรค

นายคฑาวุธ กล่าวว่า ทางสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย ได้ก่อเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตโรคโควิด-19 ที่ระบาดทั่วทั้งประเทศไทย และหลายประเทศทั่วโลก สร้างผลกระทบในหลายด้าน อาทิ การดำรงชีวิตการประกอบอาชีพด้านเศรษฐกิจ ทางสมาพันธ์ฯ ได้มีการจัดการประชุมระดมความคิดเห็นในการเสนอแนวทาง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาวของอาชีพที่เกี่ยวข้องทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม และเกิดความร่วมมือเป็นพลังในการพลิกฟื้นประเทศร่วมกัน

‘ศุภชัย’ ตอกกลับ ‘ธีระชัย’ ปมพักหนี้ 3 ปี ใครแบกภาระ ชี้ เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว

(10 มี.ค. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งถามเรื่อง ‘ภูมิใจไทยพักหนี้ ใครแบกภาระ?’ ว่า นโยบายพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่เห็นว่าประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากคนจนที่เป็นหนี้เป็นสิน มีความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 และอุทกภัย จึงต้องการให้ประชาชนหยุดพักหายใจบ้าง ผ่อนแรง มีโอกาสในการฟื้นตัวเองเพื่อทำมาหากิน ได้อย่างสะดวกมากขึ้น ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้ประชาชน

“อันที่จริง คุณธีระชัย น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะตอนที่คุณธีระชัยเคยทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน 56 ไฟแนนซ์ล้ม ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เข้ามารับประกันผู้ฝากเงินทุกบัญชี ก็ด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชน แต่นโยบายของภูมิใจไทยไม่ได้ทำแบบมักง่ายแบบนั้น กล่าวคือ เงินที่นำมาเพื่อการนี้ นำมาจากพันธบัตรรัฐบาล ที่นำออกมาจำหน่ายให้กับประชาชนผู้มีกำลัง แทนที่จะฝากกับธนาคารที่ดอกเบี้ยต่ำ มาซื้อพันธบัตรที่มีผลตอบแทนสูงกว่ามาก ซึ่งถ้ามองอีกมุมหนึ่งการที่มีนโยบายนี้ออกมาก็เป็นการสร้างการบริโภคของประชาชนที่มีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ” นายศุภชัย กล่าว

เฉไฉไปเรื่อย!! ‘ศุภชัย’ ฉะ ‘ชูวิทย์’ ลั่น!! ทำตัวเหมือน ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ หลังไร้เอกสารโอน 3 หมื่นล้าน ไปสิงคโปร์ ปมรถไฟฟ้าสีส้ม

‘ศุภชัย’ ซัด ‘ชูวิทย์’ อย่าทำตัวเป็น ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ หลังผ่านมาจะ 2 สัปดาห์ ยังไม่ปรากฏเอกสารโอนเงินไปธนาคาร สิงคโปร์ กรณีรถไฟฟ้าสีส้ม

(11 มี.ค.66)  นายศุภชัย ใจสมุทร  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวทวงถามนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่บอกว่ามีเอกสารการโอนเงิน หรือบอกว่ามีเงินทอน 3 หมื่นล้าน โอนจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ ธนาคาร HSBC ว่าสิ่งที่นายชูวิทย์ ออกมาพูดไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องเก่า ขณะนี้เป็นเวลานานแล้ว หากมีเอกสารจริง ควรจะได้นำออกมาให้สาธารณชนได้รับทราบ แต่พอกระทรวงคมนาคมถามไปว่าใครเป็นคนโอน ใครเป็นคนรับโอน ก็เฉไฉไปเรื่อย ๆ และไม่ยอมตอบ

'ศุภชัย' ถาม 'ชูวิทย์' หลากพรรคถ่วง 'กัญชาเสรี' ดันไม่ร้อง แต่ข้อง ภท. ทั้งที่ไม่เคยปล่อยพี้เสรี-ให้มีไว้ใช้ทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาโต้กลับ กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้ออกมาพูดว่ากัญชาเสรี คือการปล่อยให้เยาวชนนำกัญชามาพี้ โดย นายศุภชัย ได้ออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า 'ไม่ใช่'

นายศุภชัย ได้เปิดเผยว่า การปลดล็อกกัญชาออกจากรายชื่อบัญชียาเสพติด โดยคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธาน เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 และหลังจากนั้น ก็ได้มีการเสนอ พ.ร.บ. กัญชา เข้าสภาฯ ในวันที่ 26 มกราคม 2565 และมีการปลดล็อกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ซึ่งได้ร่างกฎหมายเข้าสภาไปแล้ว วาระ 1 และเสียงส่วนใหญ่ในสภาได้เห็นชอบกับร่างกฎหมายตัวนี้ ซึ่งพอได้มีการส่งกลับมาวาระ 2 ก็มีพรรคการเมืองที่ดึงเรื่องไม่ให้กฎหมายผ่าน เช่น พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคก้าวไกล, พรรคประชาชาติ

"พรรค ‘ภูมิใจไทย’ ไม่เคยทำกัญชาให้พี้กันได้อย่างเสรี แต่กัญชาที่เสรีคือ ให้เกษตรกรปลูกไว้ใช้ทางการแพทย์ แต่ทั้งนี้ก็มีกฎหมายรองรับเพื่อควบคุมเอาไว้ แต่ดันถูกสภา พรรคการเมืองถ่วงไว้” นายศุภชัย ได้ย้อนถามกลับ นายชูวิทย์ ว่าเช่นนี้ทำไมถึงไม่ไปโจมตี

พร้อมยังยืนยันอีกด้วยว่า “กฎหมายที่ได้เสนอร่างเข้าไป ถือว่าเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งในกฎหมายมีกำหนดไว้ว่า เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 หากสูบ จะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 2 แสนบาท และห้ามสูบในสถานที่สาธารณะ ห้ามค้าขายกัญชาทางออนไลน์ ซึ่งกฎหมายมีบังคับไว้หมด แต่ดันถูกพรรคการเมืองเตะถ่วง”

‘ภูมิใจไทย’ ส่ง ‘เสี่ยหนู’ คุมกระทรวงคมนาคม สกัด ‘อธิรัฐ’ รื้องานโครงการรถไฟสายสีส้ม

(14 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ที่อาจเป็นนัดสุดท้ายก่อนยุบสภาฯ พบว่ามีการเสนอวาระสำคัญหลายเรื่อง อาทิ การแต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แทนนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก่อนหน้านี้ หลังนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งตั้งนายอนุทิน เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื่องจากนายอธิรัฐ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงการต่าง ๆ สมัยที่นายศักดิ์สยามทำไว้ โดยเฉพาะโครงการรถไฟสายสีส้ม ที่นายอธิรัฐจะเร่งเสนอให้ ครม.อนุมัติในวันเดียวกันนี้ แต่ถูกคัดค้านในที่ประชุม ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว กรณีศาลรับคำร้องตรวจสอบการถือครองหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยกระทรวงคมนาคมมีคำสั่งให้ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

‘บิ๊กป้อม’ ปัดเปลี่ยนขั้วการเมืองใหม่ ยัน!! กินข้าวกับ ‘ภูมิใจไทย’ ไร้การเมือง

(15 มี.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงอาการปวดท้องว่าหายหรือยัง พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “หายแล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามถึงการไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เมื่อช่วงเที่ยงในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทานข้าวพูดคุยกันปกติ ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง ส่วนที่กินข้าวกับนายอนุทิน เมื่อกินข้าวด้วยกันก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว ก่อนย้อนถามสื่อว่า “ทำไม กินไม่ได้หรือ?”

เมื่อถามว่าได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า “คุยกัน กินข้าวอยู่ด้วยกัน”

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่าการไปพูดคุยกันอาจจะเป็นขั้วการเมืองใหม่ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับภูมิใจไทย พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ไม่รู้ คุณคิดเองทั้งนั้น”

'อนุทิน' ปัด!! ร่วมมื้อเที่ยง 'บิ๊กป้อม' ขู่คู่แข่ง ยันคุยได้ทุกพรรค แย้ม!! เงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาลครั้งหน้า กม.กัญชาต้องผ่าน

(16 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวานนี้ (15 มี.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์รายการ ‘ลึกจากสนามข่าว’ ทาง FM 96.0 ชี้แจงกรณีปรากฏภาพแกนนำพรรคภูมิใจไทย ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างชื่นมื่นว่า ไม่ได้มีนัยทางการเมือง แต่เป็นการนัดกันล่วงหน้านานแล้ว ตั้งแต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค เดินทางไปพบกับ พล.อ.ประวิตร ในช่วงที่ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.นครสวรรค์ และเห็นว่าไม่ได้กินข้าวกับ พล.อ.ประวิตร นานแล้ว ตนจึงได้โทรศัพท์ไปย้ำนัดกันอีกครั้ง ก่อนพบว่ามีเวลาตรงกัน ตนพร้อมคณะจึงได้เข้าไปพบ พล.อ.ประวิตร และร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์การเมือง แลกเปลี่ยนความพร้อมของทั้งสองพรรคในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่งพล.อ.ประวิตรก็สอบถามถึงการประเมินตัวเลข ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ตนก็แจ้งว่าน่าจะได้ประมาณ 70 คน ซึ่งท่านก็เห็นว่า ตรงกับผลโพลล์ที่ออกมา พร้อมปฏิเสธพูดคุยถึงการจับขั้วการเมืองใหม่ เพราะปัจจุบันทั้งพรรคภูมิใจไทยกับพรรคพลังประชารัฐเป็นขั้วเดียวกัน คือ ขั้วรัฐบาลอยู่แล้ว

“ผมไปกินข้าวกับผู้จัดการรัฐบาลมันมหัศจรรย์ตรงไหน ถ้าไปกินข้าวกับพรรคเพื่อไทยค่อยตื่นเต้นกันหน่อย การนัดกินข้าวร่วมกันของนักการเมืองในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการนำภาพที่ผมไปกินข้าวเที่ยงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ถูกเว้นวรรคปฏิบัติหน้าที่ ไปวิพากษ์วิจารณ์ แต่ผมเห็นว่าทางการเมืองเราสามารถพบปะพูดคุยกันได้ วันนี้ผมโทรไปนัดใคร หรือใครโทรมานัดผมกินข้าว ผมไปหมด หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเชิญพรรคร่วมรัฐบาลไปกินข้าว ผมคิดว่าก็ต้องไป เพราะการนัดกินข้าวก็ไม่ใช่ว่าจะต้องร่วมหัวจมท้ายกัน” นายอนุทิน ระบุ

‘ศุภชัย’ เดือด!! ร้อง กกต. สอบ ‘ชูวิทย์’ ชี้!! ใช้สิทธิไม่สุจริต - รับงานโจมตี ภท.

(16 มี.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรค แถลงกรณีที่มีบุคคลโจมตีกล่าวหารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีการทำเป็นขบวนการเพื่อปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีผลต่อคะแนนนิยมว่า กรณีดังกล่าวพรรคขอยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะที่รัฐมนตรีของพรรคได้ปฏิบัติหน้าที่มีกระบวนการทางนิติบัญญัติในการตรวจสอบ และมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ อาทิ การร้องกล่าวหานายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม แต่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามเกินกว่าการตรวจสอบทั่วไป แต่เป็นการสร้างระบบศาลเตี้ยเข้ามาเพื่อทำการปลุกปั่นสังคมให้เกิดความเข้าใจผิด โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงเรื่องความผิดถูกที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ทั้งนี้ พรรคได้ปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯ หรือในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลในกระทรวงต่างๆ เราได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ไม่มีการโกงบ้านเมืองอย่างที่มีคนออกมาพยายามกล่าวหา

ทั้งนี้ เราจึงต้องออกมายืนยันว่า การกล่าวหานั้นเป็นการกล่าวร้ายพรรคโดยมีวาระซ่อนเร้นอยู่ ที่ผ่านมาเราพยายามปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งแน่นอนว่าการดำเนินการของพรรคอาจกระทบคนบางคน บางกลุ่ม หรือนิติบุคคลบางแห่ง แต่เรายืนหยัดเสมอมาว่าเราได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งเป็นการปฏิบัติทุกอย่างภายใต้กฎหมาย ดังนั้น เรื่องถูกผิดต้องดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย

“แต่วันนี้กรณีของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่มีการประกาศอย่างชัดเจนว่ารับงานมาเพื่อมุ่งร้ายทำลายพรรคภูมิใจไทย กรณีนี้เป็นการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตในฐานะประชาชนที่จะติชมด้วยความเป็นธรรม แต่มีเจตนาซ่อนเร้น ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพของประชาชนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการพูดอาฆาตมาดร้าย และมีการแสดงออกตามพื้นที่ต่างๆ” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นถามว่ารับงานจากใคร ก็มีข่าวปรากฏออกมาค่อนข้างชัด ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่เสียประโยชน์ในสิ่งที่พรรคออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้น ในวันนี้พรรคจะดำเนินการกับบุคคลใดก็ตามที่เข้ามากล่าวร้าย บิดเบือน พรรคภูมิใจไทยในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เราเชื่อมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม จะไม่ยอมให้กระบวนการที่ทำเหมือนเป็นศาลเตี้ยเข้ามาจนทำให้กระบวนการทางกฎหมายสั่นคลอน วันนี้นายชูวิทย์หรือใครก็ตามที่นำเรื่องที่นายชูวิทย์แถลง ไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง มุ่งร้าย บิดเบือนพรรคภูมิใจไทย เราจะดำเนินการทุกคดีกับใครก็ตามที่ใส่ร้ายพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสีย โดยพรรคยึดหลักการเคารพกฎหมาย ฉะนั้น เมื่อมีบุคคลที่ไม่เคารพกฎหมายมาทำแบบนี้ เราก็จำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรี และคะแนนนิยมของพรรค โดยจะดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมทุกเรื่องกับทุกฝ่ายกับบุคคลทุกคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยว

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า นี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พรรคจะดำเนินคดีเพื่อปกป้องสิทธิของเรา โดยยึดหลักบ้านเมืองที่ต้องมีขื่อมีแป เราไม่ได้ปิดปากนายชูวิทย์ เพราะถ้าจะใช้เสรีภาพติชมเราไม่มีปัญหา แต่ถ้าใส่ร้ายป้ายสีถือว่าเป็นการล่วงละเมิดต่อพรรค วันนี้ (16 มี.ค.) พรรคจะยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาตรา 22 ระบุว่า กกต.ต้องมีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ให้เกิดความเรียบร้อย ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม รวมถึงพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 73 ระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ซึ่งมีผลทำให้ประชาชนมีความเข้าใจหลงผิดในคะแนนนิยม ซึ่งทั้งหมดเป็นโทษทางอาญา บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายชูวิทย์จะมีการดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เช่น พรรคจะมีการดำเนินคดีโดยหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรค หากพบว่าผิดก็จะดำเนินคดี รวมถึงหน่วยงานราชการ เช่น กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่นายชูวิทย์ไปดำเนินการหมิ่นประมาทใส่ร้าย ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะดำเนินคดีต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top