‘ศุภชัย’ เดือด!! ร้อง กกต. สอบ ‘ชูวิทย์’ ชี้!! ใช้สิทธิไม่สุจริต - รับงานโจมตี ภท.

(16 มี.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรค แถลงกรณีที่มีบุคคลโจมตีกล่าวหารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีการทำเป็นขบวนการเพื่อปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีผลต่อคะแนนนิยมว่า กรณีดังกล่าวพรรคขอยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะที่รัฐมนตรีของพรรคได้ปฏิบัติหน้าที่มีกระบวนการทางนิติบัญญัติในการตรวจสอบ และมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ อาทิ การร้องกล่าวหานายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม แต่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามเกินกว่าการตรวจสอบทั่วไป แต่เป็นการสร้างระบบศาลเตี้ยเข้ามาเพื่อทำการปลุกปั่นสังคมให้เกิดความเข้าใจผิด โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงเรื่องความผิดถูกที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ทั้งนี้ พรรคได้ปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯ หรือในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลในกระทรวงต่างๆ เราได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ไม่มีการโกงบ้านเมืองอย่างที่มีคนออกมาพยายามกล่าวหา

ทั้งนี้ เราจึงต้องออกมายืนยันว่า การกล่าวหานั้นเป็นการกล่าวร้ายพรรคโดยมีวาระซ่อนเร้นอยู่ ที่ผ่านมาเราพยายามปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งแน่นอนว่าการดำเนินการของพรรคอาจกระทบคนบางคน บางกลุ่ม หรือนิติบุคคลบางแห่ง แต่เรายืนหยัดเสมอมาว่าเราได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งเป็นการปฏิบัติทุกอย่างภายใต้กฎหมาย ดังนั้น เรื่องถูกผิดต้องดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย

“แต่วันนี้กรณีของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่มีการประกาศอย่างชัดเจนว่ารับงานมาเพื่อมุ่งร้ายทำลายพรรคภูมิใจไทย กรณีนี้เป็นการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตในฐานะประชาชนที่จะติชมด้วยความเป็นธรรม แต่มีเจตนาซ่อนเร้น ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพของประชาชนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการพูดอาฆาตมาดร้าย และมีการแสดงออกตามพื้นที่ต่างๆ” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นถามว่ารับงานจากใคร ก็มีข่าวปรากฏออกมาค่อนข้างชัด ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่เสียประโยชน์ในสิ่งที่พรรคออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้น ในวันนี้พรรคจะดำเนินการกับบุคคลใดก็ตามที่เข้ามากล่าวร้าย บิดเบือน พรรคภูมิใจไทยในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เราเชื่อมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม จะไม่ยอมให้กระบวนการที่ทำเหมือนเป็นศาลเตี้ยเข้ามาจนทำให้กระบวนการทางกฎหมายสั่นคลอน วันนี้นายชูวิทย์หรือใครก็ตามที่นำเรื่องที่นายชูวิทย์แถลง ไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง มุ่งร้าย บิดเบือนพรรคภูมิใจไทย เราจะดำเนินการทุกคดีกับใครก็ตามที่ใส่ร้ายพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสีย โดยพรรคยึดหลักการเคารพกฎหมาย ฉะนั้น เมื่อมีบุคคลที่ไม่เคารพกฎหมายมาทำแบบนี้ เราก็จำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรี และคะแนนนิยมของพรรค โดยจะดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมทุกเรื่องกับทุกฝ่ายกับบุคคลทุกคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยว

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า นี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พรรคจะดำเนินคดีเพื่อปกป้องสิทธิของเรา โดยยึดหลักบ้านเมืองที่ต้องมีขื่อมีแป เราไม่ได้ปิดปากนายชูวิทย์ เพราะถ้าจะใช้เสรีภาพติชมเราไม่มีปัญหา แต่ถ้าใส่ร้ายป้ายสีถือว่าเป็นการล่วงละเมิดต่อพรรค วันนี้ (16 มี.ค.) พรรคจะยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาตรา 22 ระบุว่า กกต.ต้องมีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ให้เกิดความเรียบร้อย ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม รวมถึงพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 73 ระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ซึ่งมีผลทำให้ประชาชนมีความเข้าใจหลงผิดในคะแนนนิยม ซึ่งทั้งหมดเป็นโทษทางอาญา บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายชูวิทย์จะมีการดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เช่น พรรคจะมีการดำเนินคดีโดยหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรค หากพบว่าผิดก็จะดำเนินคดี รวมถึงหน่วยงานราชการ เช่น กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่นายชูวิทย์ไปดำเนินการหมิ่นประมาทใส่ร้าย ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะดำเนินคดีต่อไป

“มีคนถามว่าทำไมพรรคภูมิใจไทยปล่อยให้นายชูวิทย์ดำเนินการไปเรื่อยๆนั้น ผมยืนยันว่า เรื่องนี้เราจะเริ่มดำเนินคดี โดยผู้สมัครส.ส.ทั้ง 400 เขต ที่ได้รับความเสียหายจากนายชูวิทย์ จะไปดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ และจะร้องกกต.จังหวัดแต่ละเขต รวมถึงฟ้องคดีอาญานายชูวิทย์ ผมเชื่อว่าท่านไม่กลัวติดคุก เพราะท่านเคยติดคุก อาจเสพติดเรื่องการติดคุก มีคดีมาก ๆ ท่านอาจจะชอบก็ได้ แต่พรรคต้องทำเพื่อปกป้องสิทธิ ปกป้องชื่อเสียงเกียรติคุณของพรรค มีสุภาษิตกฎหมายคำหนึ่งว่า บุคคลจะต้องไปศาลด้วยมือที่สะอาด ซึ่งอาจจะหมายถึงว่าตัวผู้ร้องต้องเป็นบุคคลที่สะอาด ฉะนั้น การที่นายชูวิทย์ไม่ได้ใช้สิทธิโดยสุจริต แต่กระทำด้วยการอาฆาตมาดร้าย นายชูวิทย์จึงไปร้องโดยที่มือไม่สะอาด เรื่องที่นายชูวิทย์ทำในอดีต เช่น การเปิดกิจการอาบอบนวด การรื้อบาร์เบียร์แล้วติดคุก นั่นอาจหมายถึงความสกปรก แต่การที่นายชูวิทย์จะไปกล่าวหาพรรคต้องมือสะอาด และไปด้วยเจตนาของตัวเอง ไม่ใช่เหตุผลว่ารับงานมา” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีสื่อบางสื่อนำถ้อยคำของนายชูวิทย์ไปทำอินโฟกราฟิก ขอฝากว่าท่านกำลังร่วมกระทำความผิดกับนายชูวิทย์ จึงขอเตือนว่าวันนี้ท่านยังกลับตัวกลับใจได้ทัน และขอให้หยุดการกระทำไม่เช่นนั้นจะโดนได้แบบนายชูวิทย์ ขณะเดียวกันพรรคการเมืองบางพรรคที่ฉวยโอกาสไปบิดเบือนใส่ร้ายพรรคภูมิใจไทย เราจะดำเนินคดีด้วย สิ่งไหนกระทำโดยผู้บริหารพรรค เราจะยื่นยุบพรรค เช่น พรรคประชาชาติ ที่มีการปราศรัยกล่าวหาพรรคภูมิใจไทยโกง 3 หมื่นล้านบาท โดยอ้างคำพูดของนายชูวิทย์ ซึ่งคนพูดเป็นผู้บริหารพรรค ก็เตรียมรับคำร้องเรื่องการยุบพรรคด้วย

เมื่อถามว่า หากพบหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงคนที่นายชูวิทย์รับงานจะดำเนินคดีด้วยหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า จะดำเนินคดีด้วยแน่นอนหากพบหลักฐานที่เชื่อมโยง ซึ่งขณะนี้มีหลักฐานอยู่พอสมควรแล้ว ทั้งนี้ ถ้านายชูวิทย์ใช้สิทธิ์โดยสุจริตของท่านก็ถือเป็นสิทธิ์ แต่หากท่านไม่มีข้อมูล และไปยื่นคำร้องอันเป็นเท็จ จะถือว่าเป็นการยิงเท็จได้เหมือนกัน ซึ่งพรรคจะขอศึกษาเรื่องนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม กว่า 90% ของนายชูวิทย์คือก๊อปปี้จากคนอื่นและเป็นการมโน

นายศุภชัย ยังแถลงกรณีที่นายชูวิทย์ ระบุมีเอกสารการโอนเงิน หรือบอกว่ามีเงินทอน 3 หมื่นล้าน โอนจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ธนาคาร HSBC ว่า สิ่งที่กระทรวงคมนาคมถามไปว่าใครโอน ใครรับโอน ทั้งที่โครงการนี้ยังไปไม่ถึงไหน อีกทั้งเรื่องยังไม่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ชูวิทย์ก็เฉไฉไม่ยอมตอบ เหตุเพราะสิ่งที่พูดไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่ นอกจากนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งข้อกล่าวหากรณีรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว มีถูกกล่าวหา 13 คน คือ อดีตผู้ว่ากทม. บีทีเอส และผู้บริหาร ตนก็อยากถามนายชูวิทย์ ว่าถ้าคุณคิดว่าคุณมือสะอาดปกป้องผลประโยชน์ของชาติ กรณีสายสีส้มที่ยังไม่มีการดำเนินการขั้นไหนเลย และฝ่ายค้านยื่นไปแล้ว ท่านก็ช่วยไปตรวจสอบเรื่องสายสีเขียวด้วยได้หรือไม่ ว่ากรณีสายสีเขียวมีเงินทอนหรือไม่ และท่านช่วยไปตามหน่อยถ้าวันนี้ท่านอยากทำงานเพื่อชาติ ใจสะอาด ก็ช่วยไปตามสายสีเขียวด้วยถ้านายชูวิทย์แน่จริง ขณะที่เรื่องกัญชาท่านก็มีร้านของตัวเอง 2 ร้าน พอปลดล็อกก็มาทำธุรกิจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ วันนี้ร้านนายชูวิทย์ก็ยังเปิดอยู่

“ถ้านายชูวิทย์อยากจะเป็นจอห์น วิค พระเอกดังในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดก็จงปรับวิธีการ เพราะสิ่งทีคุณทำเป็นเรื่อง ‘Chuweed’ วันนี้มีคนเชิญท่านไปดีเบตเรื่องกัญชา ก็หนี ก็เฉไฉไปเรื่อย ก็ขอให้ท่านเตรียมรับหมายศาล ซึ่งทุกคดีเราเก็บหมด เป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระ หนึ่งคดีมีโทษจำคุกซ้อนๆอยู่หลายโทษ” นายศุภชัย กล่าว


ที่มา: https://www.naewna.com/politic/717743