Saturday, 5 July 2025
พรรคประชาธิปัตย์

‘ปชป.’ ยกทีมบุกระยอง รวมพลังช่วย ‘หมอบัญญัติ’ ชิง สส. วอนชาวแกลงเลือกคนขยัน-ผลงานเด่น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

‘บัญญัติ-สุทัศน์-นิพนธ์-คุณหญิงกัลยา’ รวมพลังช่วย ‘หมอบัญญัติ’ ชิง สส.ระยองวอน ชาว อ.แกลง อ.เขาชะเมา เลือกคนขยัน เข้าใจปัญหา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนระยอง

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.พรรคประชาธิปัตย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคฯ, คุณกัลยา โสภณพนิช รักษาการรองหัวหน้าพรรคฯ และนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีต สส.ประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่เขตเทศบาลตำบลเมืองแกลง เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หมายเลข 2 พรรคประชาธิปัตย์

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กล่าวช่วงหนึ่งว่า ที่น่าห่วงคือ วันนี้ที่ประชาชนเบื่อการเมือง เพราะเข้าใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ เลยไม่อยากที่จะไปใช้สิทธิ์ใช้เสียง แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขอยืนยันว่า ยังไงการเมืองก็เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนโดยตรง แต่ที่ทำให้เบื่อหน่ายคือ การที่พี่น้องประชาชน ไม่ได้เลือกผู้แทนจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.) คนที่รู้ เข้าใจปัญหา และ 2.) คนที่ขยัน ติดตามการแก้ไขปัญหา ซึ่ง 2 ปัจจัยนี้มีอยู่ครบถ้วนในตัว นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ และประชาชนจะได้ผู้แทนของพี่น้องประชาชนจริงๆ จึงขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่าได้โปรดให้การสนับสนุนหมอบัญญัติเพื่อให้ได้กลับเข้าไปทำหน้าที่ สส.ตามเดิม

ด้านนายนิพนธ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า คุณหมอบัญญัตินั้น เป็นคนที่ขยัน เป็นภาพจำที่โดดเด่นในการทำหน้าที่ได้อย่างดีทั้งในและนอกสภาฯ โดยเมื่อครั้งที่ตนดำรงตำแหน่ง รมช.มท. คุณหมอบัญญัติ ได้มีการประสานให้ตน ลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุกทำลายพืชผลทางการเกษตร รวมทั้ง การจัดทำมาตรการเชิงรุกเพื่อลดอุบัติเหตุในจังหวัดระยอง ที่เคยมียอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางท้องถนนสูงที่สุดของภาคตะวันออก และอีกหลายๆ ที่เป็นผลงานที่เกิดรูปธรรม ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพื่อต้องการสื่อให้พี่น้องประชาชนได้เห็นความตั้งใจทำงาน ความเข้าใจปัญหา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนระยองทั้งหวัดที่คุณหมอบัญญัติได้ตั้งใจจริง

‘ปชป.’ โต้ ‘ก้าวไกล’ หลังเปรย มีการทุจริตเลือกตั้งซ่อมระยอง  ท้างัดหลักฐานมาพิสูจน์ต่อ กกต. ยัน!! ไม่ใช่ประชาธิปัตย์แน่นอน

(4 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล ระบุว่าการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 3 ระยอง เริ่มมีบางพรรคการเมืองทุจริตด้วยการเก็บบัตรประชาชน ว่า ไม่ทราบว่าเป็นพรรคใด เพราะจากการที่ตนลงพื้นที่กับ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้สมัคร สส.ของพรรค พร้อมด้วยนายบัญญัติ บรรทัด สส.บัญชีรายชื่อ, นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคฯ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รักษาการรองหัวหน้าพรรคฯ เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ดี โปร่งใส ไม่มีทุจริตคอร์รัปชัน พรรคฯ ยึดมั่นในการหาเสียงชูนโยบายพรรคการเมือง เดินเคาะประตูบ้าน

เพราะฉะนั้น การกล่าวหาลอยๆ ว่ามีการเก็บบัตรประชาชนหรือการเลือกตั้งจะไม่โปร่งใส ก็ขอให้พรรคก้าวไกลระบุมาว่าเป็นใคร หากมั่นใจว่ามีหลักฐานพอ ขอให้ไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดระยอง (กกต.จังหวัด) อย่าพูดเพื่อหวังผลคะแนนเสียงในวันเลือกตั้งเช่นนี้

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ การพูดลักษณะนี้มีความตั้งใจพุ่งเป้ามายังพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า ต้องไปถามพรรคก้าวไกลว่าคิดอย่างไร การแข่งขันครั้งนี้แข่งกัน 3 พรรคการเมืองเราจะไปมองว่าพรรคที่ 3 ไม่ได้อยู่ในสนามแข่งขันไม่ได้ ทั้งนี้ หากพรรคก้าวไกลมีหลักฐานหรือคลิปวีดีโอก็ให้มาเปิดแล้วนำไปยื่นต่อ กกต.เลย ทางเรายินดีให้ตรวจสอบ และยืนยันว่าไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์แน่นอน
 

‘สรรเพชญ-ร่มธรรม’ ลุย ระยอง อ้อนชาวแกลงเลือกหมอบัญญัติ ลั่น!! ประสานคนทุกรุ่นฟื้นฟูพรรค-แก้ไขจุดบกพร่อง-รักษาสิ่งดีงาม

เมื่อวันที่ 8 ก.ย.66 สส.สรรเพชญ บุญญามณี จังหวัดสงขลา สส.ร่มธรรม ขำนุรักษ์ จังหวัดพัทลุง ร่วมปฏิบัติภารกิจดาวกระจายลงพื้นที่ ตำบลกระแสบน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคประชาธิปัตย์ “เลือกหมอบัญญัติ คนบ้านเรา”

โดยบรรยากาศการขอคะแนนเสียงเน้นการกระจายตัวไปทุกจุด เข้าถึงพูดคุย ให้เวลาและรบกวนช่วงเวลาทำงาน เวลาทำมาหากินของพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด เพื่อนำเสนอที่เป็นประโยชน์ให้เห็นว่า การทำหน้าที่ผู้แทนราษฏร นั้นต้องเลือกคนที่เข้าใจปัญหา ประสานแก้ไขปัญหาได้ทั้งในและนอกสภาฯ

โดย สส.สรรเพชญ กล่าวว่า วันนี้หลังภารกิจในสภาฯ เลือดใต้ใหม่ ปชป.ของสงขลาและพัทลุง ใจเกินร้อยตั้งใจมาช่วยที่หมอบัญญัติ เพราะในช่วงที่ผ่านมานั้น ตนได้ติดตามและชื่นชมการทำหน้าที่ สส.ของคุณหมอบัญญัติมาโดยตลอด ว่าเป็นอีก สส.อีกคนหนึ่งที่ขยัน และรับผิดชอบพื้นที่ เข้าถึงง่าย ทำให้พี่น้องประชาชนชาวระยองได้ประโยชน์จากการที่มีคุณหมอบัญญัติเป็นผู้แทนฯอย่างมาก และสภาฯ เองก็ได้ผู้แทนฯ ที่มีคุณภาพอีกด้วย โดยหากไม่ได้กลับไปทำหน้าที่ สส.ในครั้งนี้ ส่วนตัวก็รู้สึกเสียดาย วันนี้ตั้งใจเต็มที่มาขอคะแนนจากพี่น้องชาวระยอง ได้โปรดเลือกหมอบัญญัติ คนมีความรู้ มีประสบการณ์ กลับเข้าสภาฯ และชาวระยองเองก็จะได้ สส.ที่มีคุณภาพ

นายสรรเพชญ ยังกล่าวอีกว่า หลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพรรคในช่วงที่ผ่านมา ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปด้วยความเชื่อมั่นที่แสดงให้เห็น ว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงเป็นประชาธิปัตย์ที่มีเอกลักษณ์ที่ดีงามเฉพาะตัว ทั้งความตั้งใจช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เรายังคงทำหน้าที่ที่ควรจะทำอย่างเสมอมา และแม้อดีต สส. อดีตรัฐมนตรี ของพรรคทุกคนก็ยังคงทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมอยู่ตลอด โดยไม่เกี่ยงว่าจะอยู่ในสถานะใด เราต้องการแสดงให้เห็นว่า จิตสาธารณะทางการเมืองยังคงเข้มข้นในเลือดของคนประชาธิปัตย์ การเดินทางมาในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน

นอกจากอยากให้คุณหมอบัญญัติได้กลับไปสิ่งดีๆ ในสภาฯ แล้ว การที่คน ปชป.ทุกภาคทุกพื้นที่ อดีตและปัจจุบันมาช่วยกันนั้น ถือเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ดีงามของพรรคฯ ที่ต้องธำรงไว้ วันนี้ตนและ สส.ร่มธรรมในฐานะคนรุ่นใหม่ เห็นตรงกันว่า เราต้องช่วยกันร่วมกับคนทุกรุ่นในพรรคช่วยกันฟื้นฟู โดยเริ่มจากการรักษาสิ่งดีงามที่มีอยู่ แก้ไขจุดบกพร่อง เพื่อนำประชาธิปัตย์ไปสู่ความหวังของประชาชนให้ได้โดยเร็ว และบทบาทหลังจากนี้ สส.ของพรรคทุกคน พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มข้น ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล เริ่มตั้งแต่วันแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี 11 ก.ย. นี้

‘สาธิต’ ชวน ‘ก้าวไกล’ ไม่สาดโคลน หาเสียงเลือกตั้งซ่อมระยอง หลังพบการปราศรัยบนเวที ‘ด่าเอามัน’ มากกว่า ‘มาหาเสียง’

(9 ก.ย. 66) นายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘สาธิต ปิตุเตชะ’ กรณีที่มี สส.พรรคก้าวไกล ปราศรัยบนเวที สาดโคลนใส่พรรคคู่แข่ง ในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 3 จังหวัดระยอง โดยระบุว่า…

มาหาเสียง หรือมาด่าเอามัน

คือแทนที่จะมานำเสนอคุณสมบัติผู้สมัครของตัวเอง ดี เด่น มีผลงานอะไรมา และมีความพร้อมที่จะมาเป็นผู้แทนคนระยอง เขต 3 อ.แกลง อ.เขาชะเมา และมีนโยบาย พัฒนา แก้ไขปัญหาอะไร อย่างไร ให้กับคนระยองเขต 3

แต่ขึ้นเวทีปราศรัย ด่าเอามันอย่างเดียว แขวะไปที่ท่านอนุทิน มท.1 บ้าง เล่นคำบอกว่าหมอบัญญัติ และร้านกาแฟ โรงเลื่อย ซื้อเสียง โดยพูดลอยๆ ไม่ได้มีหลักฐาน และไม่ยื่น กกต.บ้าง ด่ารัฐบาลที่จัดตั้งมีนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีไปแล้วบ้าง

พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่คนรุ่นใหม่ครับ เป็นแบบเก่าสุดๆ ครับ ถือว่ายังโชคดี ที่ไม่ได้ไปเป็นรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรีนะครับ ถ้าไปเป็นแล้ว เวลาไปเจรจาความเมืองระหว่างประเทศ กับบรรดามหาอำนาจ ผมไม่รู้ว่าประเทศไทยจะมีความเสี่ยงที่จะเสียหายมากน้อยแค่ไหน

‘ชวน-นิพนธ์’ มอบเงินช่วยเหลือ-ตามติดการเยียวยาชาวมูโนะ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้อง ช่วยเหลืออย่าง ‘เป็นธรรม-ทั่วถึง’

(17 ก.ย. 66) นายชวน หลีกภัย สส.พรรคประชาธิปัตย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรประชาธิปัตย์, นายก อบต.มูโนะ, กำนันตำบลมูโนะ, นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุโกดังพลุระเบิด และโรงเรียนบ้านมูโนะ ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาและเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบ

นายนิพนธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มาติดตามความคืบหน้าในการดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวมูโนะ และให้กำลังใจ หลังจากที่ได้ลงมาก่อนหน้านี้ พรรคประชาธิปัตย์ โดยมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้นำเงินมาเยียวยาและมอบผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ซึ่งบัดนี้ระยะเวลาผ่านไปพอสมควร และจากการสอบถามจากท่านนายก อบต. และท่านกำนัน ทราบว่าหลังจากนี้จะต้องมีการติดตามการดูแลเยียวยาให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม และดูแลเกณฑ์ที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะต้องเป็นอย่างรวดเร็ว

นายนิพนธ์ ยังกล่าวอีกว่า เราต้องมองวิกฤตเป็นโอกาส โดยการเปลี่ยนพื้นที่นี้ให้เป็นศูนย์กลางการค้าการขายของมูโนะ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ของมูโนะ จัดวางผังรองรับความเจริญ พร้อมทั้งการจัดการป้องกันน้ำท่วมไปด้วยในคราวเดียวกันเนื่องจากพื้นที่นี้เป็นพื้นที่น้ำท่วมทุกปี

ด้านนายชวน หลีกภัย ได้กล่าวถึงการช่วยเหลือตั้งแต่เกิดเหตุ ว่า ได้ติดตามและขอบคุณในการช่วยเหลือจากทุกระดับที่ลงมาในพื้นที่ทั้งท้องถิ่นและดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย

จากนั้น นายชวน หลีกภัย และคณะได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านโนะ ซึ่งได้รับผลกระทบจากพลุระเบิดเช่นเดียวกัน โดยได้มอบเงินจากมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ให้กับ ผอ.โรงเรียน จำนวน 20,000 บาท และมอบให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตซึ่งผู้เสียชีวิตนั้นเป็นอดีตกรรมการสาขาพรรคประชาธิปัตย์ อีก 20,000 บาท รวมจำนวนเงินที่มอบให้ทั้งสิ้น 230,000 บาท

‘สรรเพชญ’ หนุนญัตติ ศึกษา ส่งเสริม สร้างสันติภาพ-ดับไฟชายแดนใต้ พร้อมชูแผนพัฒนา ครอบคลุมทุกมิติ ย้ำ!! คำนึงถึงความรู้สึกคนในพื้นที่

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 66 ที่ห้องประชุมสุริยัน อาคารรัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายสนับสนุนญัตติ ‘ศึกษาติดตาม และส่งเสริม การสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้’ โดยกล่าวว่า ปัญหาเรื่องความขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่สะสมมายาว นานกว่า 20 ปี ซึ่งนับตั้งแต่กระสุนนัดแรกที่ลั่นออกมาเมื่อปี 2547 จวบจนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ยังไม่ทุเลาเบาบางลงแต่อย่างใด ซ้ำร้ายเหตุการณ์ล่าสุดที่พึ่งเกิดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย

นี่ยังไม่นับรวมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 19 ปี มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 7,520 คน (ข้อมูลจาก Deep South Watch เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566) ผู้สูญหาย บาดเจ็บ ล้มตายก็มีจำนวนมาก ท่ามกลางความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลยก็คือประชาชน ตนเห็นด้วยที่จะมีการศึกษาในเรื่องนี้ แต่ขออย่างเดียว คือ ขอให้การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาครั้งสุดท้าย ขอให้มีผลการศึกษาออกมาให้ชัด ศึกษาให้รอบด้าน และหวังว่าคงไม่ต้องมาศึกษากันเรื่องนี้อีก เพราะในอดีตที่ผ่านมา ตนเชื่อว่าสภาแห่งนี้ ก็เคยได้ศึกษากันมาหลายครั้ง และตนเชื่อว่าสภาที่มีมาชุดไหน ๆ ก็ต้องตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ ไม่จบ ไม่สิ้น และหลายหน่วยงานก็ทำการศึกษาเช่นเดียวกัน

นายสรรเพชญ ได้นำเสนอประเด็นการพัฒนาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยกัน 5 ประเด็น หลัก ๆ คือ ด้านการปกครอง ด้านการส่งเสริมการกระจายอำนาจ ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านงบประมาณ และด้านการศึกษา

โดยในประเด็นเรื่องของการปกครอง ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการให้มีการแบ่งแยกดินแดน เพราะประชาชนยังคงอยากเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย สิ่งนี้คณะกรรมาธิการฯ จะต้องตั้งหลักให้มั่น และชัดเจน ว่าจะไม่เสนอให้มีการแบ่งแยกดินแดน เพื่อขัดกับเจตนารมณ์ของประชาชน และสำคัญที่สุด คือ ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้

ประเด็นต่อมา ด้านการส่งเสริมการกระจายอำนาจ ตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าท้ายที่สุดแล้ว การกระจายอำนาจนี้ จะเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริงผ่านการตัดสินใจของประชาชน ในส่วนของด้านกระบวนการยุติธรรมนั้น ตนเห็นว่าความยุติธรรมที่ว่านี้ ไม่ใช่เฉพาะในมิติเรื่องกฎหมายเพียงเท่านั้น เพราะความยุติธรรมในทางกฎหมายเป็นบรรทัดฐานที่อารยประเทศพึงมี และกรณีการอุ้มฆ่าที่เคยมีเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว ถือได้ว่าที่ผ่านมาเราได้แก้เรื่องกฎหมายไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่นอกเหนือจากเรื่องของกฎหมายคือ การพัฒนาพื้นที่และกระจายทรัพยากรต่าง ๆ ที่ควรให้กับคนในสามจังหวัดได้เข้าถึง ไม่เป็นคนชายขอบในสังคม รวมถึงชายแดนห่างไกลของประเทศไทย เราควรที่จะให้ความสำคัญเท่าเทียมเหมือนคนกรุงเทพฯ

นายสรรเพชญ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของงบประมาณ วันนี้รายได้ต่อหัวของประชากรในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงต่ำอยู่ เฉลี่ยประมาณปีละ 60,000 บาท รัฐบาลจะต้องอัดฉีดงบประมาณลงไปในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ในสามจังหวัดชายแดนให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรที่ดินทำกิน ส่งเสริมการใช้พื้นที่นาร้างว่างเปล่าให้สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจ และส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางของความมั่นคงทางอาหารของโลก เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีอาชีพและรายได้เพิ่มมากขึ้น

ส่วนในด้านของการศึกษา วันนี้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมหาวิทยาลัยครบทั้งสามจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, ม.ราชภัฏยะลา, ม.นราธิวาสราชนครินทร์ ฯลฯ แต่เรายังคงต้องเร่งยกระดับคุณภาพการศึกษา ให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ เหมาะสมกับสายอาชีพที่ให้ผู้เรียนจบออกมาแล้วมีงานทำและทำงานในสายงานที่ตนเองถนัด หวังว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญที่กำลังจะแต่งตั้งขึ้น จะศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาในสามจังหวัดชายแดนใต้ ให้ครอบคลุมทุกมิติ และให้คำนึงถึง ‘ความรู้สึก’ ของคนในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การสร้างสันติภาพที่เป็นจริง

จับตา!! ‘ประชาธิปัตย์’ นัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3 บ่ายวันนี้ เคาะวันเลือกหัวหน้าพรรค-คกก.บริหารชุดใหม่ หวังสยบความขัดแย้ง

(14 พ.ย. 66) เวลา 14.00 น.วันนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดรักษาการ เพื่อกำหนดวัน-สถานที่จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แทนชุดของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งได้ สส.มาเพียง 25 คนเท่านั้นเอง จากในทีแรกที่ตั้งเป้าไว้ 60 คน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหาร และหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประสบปัญหา ‘องค์ประชุมล่ม’ ถึง 2 ครั้ง จากปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคของ 2 ขั้วกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ที่มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และนายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรค เป็นแกนนำกลุ่ม มี สส.ในมือ 22 คน ชูนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค

กลุ่มผู้อาวุโสของพรรคที่มี สส. 3 เสียง ซึ่งให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคให้กลับมานำพรรคอีกครั้ง ซึ่งไม่มีการเจรจารอมชอมกันภายในพรรค จึงทำให้ไม่สามารถเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้และหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้

จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า ในการนัดวันประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3 นี้ ปัญหาดังกล่าวจะยุติลงและได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ที่สมาชิกพรรคทั่วประเทศให้การยอมรับหรือไม่ หรือจะมีการตบเท้าลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพิ่มความขัดแย้งในพรรคเพิ่มขึ้นอีก 

การทอดเวลาในการประชุมใหญ่วิสามัญมานานถึง 2 เดือน ทราบว่า มีความพยายามในการเจรจากัน เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง และเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ พรรคจะได้เดินหน้าต่อไปได้

การเจรจาต่อรองน่าจะนำผลการสอบสวนเรื่องการโหวตสวนมติพรรคของกลุ่ม สส.ในสายของนายเฉลิมชัยมาพิจารณาด้วย โดยมติของคณะกรรมการสอบสวน น่าจะพบว่า สส.ที่โหวตสวนมติพรรคมีความผิด และจะเสนอบทลงโทษออกเป็น 3 แนวทาง ตามฐานความผิด คือ 1.) ลงโทษขับพ้นพรรค (บางคน) 2.) ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมกำหนดเงื่อนไข (บางคน) และ 3.) ตักเตือนด้วยวาจา พร้อมกำหนดเงื่อนไข (บางคน) โดยข้อสรุปนี้ จะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารด้วยเพื่อลงมติ

‘มาดามเดียร์’ เปิดตัวชิง ‘หัวหน้าพรรคปชป.’  กาง 3 แนวทางกู้ศรัทธาฟื้นความเชื่อมั่น

(29 พ.ย. 66) ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ มาดามเดียร์ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมายังพรรค ถือฤกษ์เวลา 09.29 น. นำพวงมาลัยไหว้สักการะพระแม่ธรณีมวยผม ก่อนแถลงเปิดตัวลงสมัครลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โดย น.ส.วทันยา กล่าวว่า มาแถลงเพื่ออยากบอกถึงตั้งใจของตัวเองผ่านไปพี่ ๆ สื่อมวลชนผ่านไปยังสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ประชาชนที่ยังคงรักในพรรคประชาธิปัตย์ และประชาชนทั่วไปว่า ตนตั้งใจขอเสนอตัวเองเป็นหนึ่งทางเลือกในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ซึ่งการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตนยังเชื่อมั่นและเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์มี ความเป็นประชาธิปไตย เสรีภาพ และการเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง เราจะเริ่มต้นด้วยการทำการเมืองใหม่ที่ซื่อตรงและจริงใจ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับมาได้รับความไว้วางใจ ให้กลับมาเป็นความหวัง เพื่อยืนยันในพลังประชาธิปไตย และเพื่อเสนออนาคตให้กับทุกคนในวันข้างหน้า

เมื่อถามถึงคะแนนเสียงสนับสนุนและทีมงานนั้น น.ส.วทันยา กล่าวอีกว่า วันนี้ก่อนที่ตนจะมาแถลงข่าว ตนได้มีโอกาสไปกราบเรียนผู้ใหญ่ภายในพรรค และได้พูดคุยกับสมาชิกพรรคบางคน แต่วันนี้ตนยังไม่ได้มีข้อสรุปในเรื่องของทีมงาน เพราะจุดเริ่มต้นวันนี้เป็นการเสนอตัวของตนเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับสมาชิกพรรค ซึ่งตนเชื่อว่าการจะฟื้นฟูพรรคนั้นจะต้องเลือกคนจากความสามารถเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เลือกเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือระบบอุปถัมภ์ เพราะตนต้องการให้ก้าวข้ามในเรื่องของเพศ และวัย และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ตนอยากนำพรรคประชาธิปัตย์ไปข้างหน้า ด้วยการที่เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และเชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนจะเปิดโอกาสพิจารณาให้กับบุคลากรที่เหมาะสม ทั้งนี้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ตนก็พร้อมน้อมรับ

ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น น.ส.วทันยา ระบุว่า ตนยังไม่ได้มีในใจ แต่คิดว่าต้องเป็นคนที่มีความเหมาะสม โดยต้องเริ่มต้นจากบุคลากรภายในพรรคก่อน ซึ่งตนพร้อมที่จะทำงานกับทุกคน ทุกฝ่ายในพรรค ไม่ได้เลือกตัวบุคคล โดยวันนี้ตนขอเสนอตัวเองก่อน แล้วจะค่อยไปพูดคุยในเรื่องทีมงานต่อไป รวมถึงคนที่จะมาเป็นเลขาธิการพรรคนั้นอาจจะมีในใจตนฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับบุคคลคนนั้นว่าพร้อมที่จะมาทำงานกับตนด้วยหรือไม่

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเลขาธิการพรรคจะเป็นนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช นั้น น.ส.วทันยา บอกว่า ตนต้องให้เกียรติกับนายชัยชนะ ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไรในการเข้ามาทำงานกับตนในฐานะเลขาธิการพรรค และเรื่องนี้ขอให้นายชัยชนะเป็นคนตอบคำถามนี้เอง ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสพูดคุยกับนายชัยชนะ เพียงว่าตนตัดสินใจลงสมัครหัวหน้าพรรค เพราะตนคิดว่าวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ถ้าวันนี้ตนยังไม่กล้าตัดสินใจลงมาสู้ก็ไม่ต้องพูดถึงการเมืองในอนาคต ทั้งการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ

น.ส.วทันยา ยังกล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้ตนได้กราบเรียนผู้ใหญ่ภายในพรรค ทั้ง นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน โดยผู้ใหญ่ทุกคนได้อวยพรและให้คำแนะนำว่าทำให้ดีที่สุด ซึ่งที่ตนไปกราบเรียนก็ด้วยความตั้งใจ และเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่มีการเจรจาใด ๆ รวมถึง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ตนก็ได้กราบเรียนเป็นคนแรก ว่าตนตัดสินใจลงสมัคร อยากให้นายเฉลิมชัย ช่วยสนับสนุน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ตนพร้อมน้อมรับ

น.ส.วทันยา ยังได้แสดงถึงจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด โดยไม่ได้คิดจะไปหาผลประโยชน์กับทางรัฐบาล ส่วนการฟื้นฟูพรรคให้กลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้งนั้น ตนมี 3 แนวทาง คือ 

1.อุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งตั้งแต่วันก่อตั้งพรรคได้เขียนไว้ชัดเจน แต่ในช่วง 77 ปีที่ผ่านมาการเดินทางอาจจะทำให้เลือนลางไปบ้าง การฟื้นฟูจึงต้องทำอุดมการณ์ให้ชัดเจน 

2.ทำให้พรรคประชาธิปัตย์สมกับการเป็นพรรคการเมืองที่เป็นของประขาชนอย่างแท้จริง ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด 

และ 3.การดำเนินการทางอุดมการณ์เศรษฐกิจ ที่สนับสนุนเสรีนิยม แต่ก็เชื่อเรื่องการทำงานภาครัฐที่ต้องมีระบบรัฐสวัสดิการ และจะต้องมีการกระจายอำนาจ

ศึก ปชป. 'มาดามเดียร์' & 'ชัยชนะ เดชเดโช' ตัวแปรล้มสูตรเต็ง 'นราพัฒน์-เดชอิศม์'

อ่านข่าวของ THE STATES TIMES วันที่ 2 ธ.ค.2566 ซึ่งย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว 2 ธ.ค.2551 ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 3 พรรคการเมือง คือ พลังประชาชน, มัชฌิมาธิปไตย และชาติไทย อันเนื่องจากปมทุจริตแล้วก็อยากจะขอต่อยอดสักเล็กน้อยว่า...

ทันทีที่มีการยุบ 3 พรรคการเมืองส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ จากพรรคพลังประชาชนหลุดจากเก้าอี้ ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมกันหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขับไล่นายสมชายยุติการชุมนุมลงในวันรุ่งขึ้นคือ 3 ธ.ค.

หลังจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลุ่มเนวิน ชิดชอบ ประกาศ 'มันจบแล้วครับนาย' แยกทางกับทักษิณไปร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ ได้เก้าอี้ รมว.มหาดไทยและคมนาคม ใหญ่คับประเทศ...

ส่วนฝ่ายมิตรฯ ทั้งแกนนำฯ แกนตาม 98 คนถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้าย-กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจรฯ วันที่ 18 ธ.ค.2566 นี้ศาลจะตัดสินคดีชุดแรก 31 คน  นำโดย 'สนธิ-จำลอง' และใครต่อใครหน้าเดิมๆ ทั้งที่ติดคุกคดีชุมนุมคดีอื่นมาแล้วและจ่อจะติดคุกติดตะรางกันอีกหลายคน...

แต่พื้นที่ที่เหลือ...จากนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' จะขอไฮไลต์ศึกชิงเจ้าสำนักพระแม่ธรณี...หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ในวันที่ 9 ธ.ค. หลังจากล่มมาแล้วสองครั้งเมื่อเดือน ก.ค. และ ส.ค. สาเหตุหลักคือความขัดแย้งทำให้องค์ประชุมไม่ครบ...

ทำให้ที่ประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรควันก่อนจึงมีมติแก้ข้อบังคับให้ตั้ง สมาชิกองค์ประชุมสำรอง 150 คน จาก 5ภาคๆ ละ 30 คน...องค์ประชุมขาดเท่าไหร่ก็จะใช้องค์ประชุมสำรองเติมเข้าไป รับรองไม่ล่มแน่...

ส่วนกติกาการโหวตเลือกอื่นๆ ก็เหมือนเดิม ประการสำคัญคือใช้ระบบ 70:30 หมายถึงน้ำหนักโหวตของสส.25 คนจะคิดเป็น 70% โหวตเตอร์ที่เหลืออีก 200 กว่าคน น้ำหนัก 30% เทียบบัญญัติไตรยางศ์ดูแล้ว 1 โหวตของ สส.จะเท่ากับ 25โหวตของคนอื่นๆ...

ชัดเจนว่า...ใครคุมเสียง สส.มากกว่าก็ชนะ...ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า กลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง คุมอยู่ 21 เสียง อีกฝั่งหนึ่ง 'ชวน-จุรินทร์' คุมอยู่ 4 เสียงเท่านั้น...

เช่นนั้นแล้ว...ทำไม 'มาดามเดียร์' วทันยา บุนนาค เธอจึงกล้าออกมาแข่งขันชิงชัย...แน่นอนข่าวยืนยันว่า 4 เสียงของผู้อาวุโส คือ ชวน หลีกภัย, บัญญัติ  บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, สรรเพชร์ บุญญามณี ต่างหนุนมาดามเดียร์...

แต่ที่มากกว่าที่นึก ลึกกว่าที่คิดก็คือ...ฝั่งนี้ได้ทาบทาม 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ให้มาร่วมทัพ ถ้ามาดามเดียร์ชนะก็รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคไปครอง...ซึ่งสูตรนี้ ทำให้ ชัยชนะ หวั่นไหวไม่น้อยทีเดียว...

'เดอะแทน' มีสส.ในมือที่นครศรีธรรมราช 6 คน หาเพิ่มอีก 2-3 คน ไปรวมกับ 4 เสียง ก็จะกลายเป็น 12-13 เสียงสูสีดู๋ดี๋กับฝั่งเฉลิมชัยที่ชูสูตร หัวหน้า-นราพัฒน์ แก้วทอง & เลขา-เดชอิศม์ ขาวทอง

อย่างไรก็ตาม...ด่านแรกของมาดามเดียร์ที่จะต้องฝ่าข้ามคือ ปัญหาคุณสมบัติที่เธอเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ถึง 5 ปีลงสมัครไม่ได้ ยกเว้นขอให้ที่ประชุมยอมงดใช้ข้อบังคับ...ถ้าที่ประชุมไม่ยอมก็จบข่าว..ถ้ายอมเธอก็ได้สู้ แต่ถ้าจะให้ได้ลุ้นก็อยู่ที่ 'เดอะแทน' ยอมที่จะแหกก๊วน 'เฉลิมชัย-เดชอิศม์' ออกมาหรือไม่..

ส่วนสูตรที่ยุให้ 'เฉลิมชัย' กลับคำพูดมารับตำแหน่งเสียเองกอบกู้พรรค เขาบอกว่ายาก แต่ก็ห้ามกะพริบตา!!

‘มาดามเดียร์’ ปลื้ม!! ผลสำรวจนิด้าโพล ชี้!! เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป

‘มาดามเดียร์’ ร่วมเป็นกรรมการตัดสินประกวด ‘Policy Hackathon’ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมพบตัวแทนสาขาพรรคฯ เน้นย้ำความตั้งใจลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่ออนาคตของพรรคและประเทศ ขอบคุณหลังผลนิด้าโพลประชาชนยกให้เหมาะสมเป็นหัวหน้าคนต่อไป

(3 ธ.ค. 66) ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางร่วมกิจกรรมเป็นกรรมการตัดสินกิจกรรม การประกวดนโยบาย Policy Hackathon ในงาน ‘มหกรรมสิงห์วิชาการ ครั้งที่ 9’ ซึ่งจัดโดยสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ในโอกาสนี้ น.ส.วทันยา ยังได้พบปะตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ประจำจังหวัด และสมาชิก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากหลายจังหวัด เพื่ออธิบายถึงความตั้งใจในการประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 และแนวทางในการทำงานเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์และความศรัทธาของพรรค ให้ได้รับการยอมรับและเป็นที่ไว้ใจให้กับประชาชนอีกครั้ง รวมถึงยังได้มีการแลกเปลี่ยนรับฟังถึงปัญหาและความต้องการจากตัวแทนสาขาพรรค เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมต่อไป

โดยในการพูดคุยตัวแทนสาขาพรรค มีความเห็นพ้องร่วมกันว่าอยากให้ น.ส.วทันยา ได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทั้งด้านธุรกิจและด้านการเมือง จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถฟื้นฟูและนำพาพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้อีกครั้ง

ขณะที่ น.ส.วทันยา ได้กล่าวย้ำถึงความตั้งใจที่เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ และชวนทุกคนมาร่วมสร้างพรรคการเมืองให้เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมในทุกมิติของพรรค

นอกจากนี้ น.ส.วทันยา ยังได้กล่าวถึงผลสำรวจของนิด้าโพล ที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าตนมีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพความตั้งใจของตน ที่ได้เสนอตัวต่อพี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top