Thursday, 23 May 2024
พรรคก้าวไกล

‘ปิยบุตร’ ชำแหละ ‘ก้าวไกล’ ไร้เงา 112 ส่งสัญญาณ ‘หมอบ’ ก่อน 31 มกราคม

(27 ม.ค. 67) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล’ ในหัวข้อ ‘กรณีก้าวไกลกับการแก้ 112’ โดยระบุว่า…

ผมมีส่วนร่วมในการตั้งพรรคอนาคตใหม่มา ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมา ยืนยันว่า การเมืองต้องผสมผสานอุดมคติของเรากับสภาพความเป็นจริงทางการเมือง มีรุก มีถอย ตามการประเมินสถานการณ์

ผมเอง ก็เคยถอย มาหลายครั้ง เพื่อองค์กร เพื่อการเดินหน้าตามสถานการณ์ เรื่องพรรค์นี้ คือ การประเมิน ไม่มีอะไรถูกร้อย ไม่มีอะไรผิดร้อย

ดังนั้น การวิจารณ์จังหวะก้าวของพรรคการเมือง จึงอาจมีผู้เห็นด้วย มีผู้เห็นต่าง คนทำพรรค อาจไม่เห็นด้วยกับข้อวิจารณ์ นับเป็นเรื่องปกติ

ผมไม่เห็นด้วยกับการแถลงการณ์แผนการพรรคก้าวไกลในปี 2567

ผมเข้าใจดีว่า ทีมงานของพรรคต้องการจัดแถลงการณ์นี้ขึ้นมา เพื่อต้อนรับการกลับมาของพิธา แต่เมื่อผมเห็นเนื้อหาทั้งหมดแล้ว ผมเห็นว่า… ผิดพลาด โดยเฉพาะ แผนเสนอร่าง พ.ร.บ.47 ฉบับ โดยไม่มีร่างแก้ไข 112

พรรคอาจไม่ได้คิดว่าต้องพูดเรื่องนี้ แต่สื่อเขาคิด และสื่อถาม จี้ ขยายผลว่า สรุป 47 ฉบับในปี 67 ไม่มีแก้ 112 ใช่มั้ย?

กรณีนี้ ส่งผลอย่างไร?

1.) ย้ำความคิดว่า เราต้องยอมรับให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาอยู่เหนือฝ่ายนิติบัญญัติ การเสนอร่างกฎหมาย ต้องฟังว่าศาลรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร?

2.) การไม่เสนอ และพูดว่าไม่เสนอ เพราะ รอศาลรัฐธรรมนูญ เสมือนกับส่งสัญญาณ ‘หมอบ’ ก่อนคำวินิจฉัยในวันที่ 31 นี้

3.) หากพรรคก้าวไกลคิดแบบเฉลียวเจ้าเล่ห์ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องแถลงในวันนี้เลย อดใจรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 31 ม.ค. นี้ก่อนก็ได้ เผื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะหา ‘ทางลง’ ให้พรรคก้าวไกล ด้วยการตีกรอบการแก้ 112 ไว้

ต่อไป พรรคก้าวไกลก็พูดตอบประชาชนโหวตเตอร์ได้ว่า แก้ 112 ไม่ได้ เพราะแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญบอกไว้

ผมไม่ได้ไร้เดียงสา ถึงขนาดว่าจะต้องแก้ 112 ให้ได้ จะต้องทำเรื่องนี้อย่างเดียว โดยไม่ต้องทำเรื่องอื่น

ผมตระหนักดีถึงการรุก/รอ/ถอย แต่ผมเห็นว่า การเคลื่อนตลอดสัปดาห์นี้ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.ที่ศาลจะตัดสิน ที่ทำๆกันนั้น ไม่ได้คิดประเมิน รุก ถอย บริหารจัดการความคาดหวังคนเลือก แต่มุ่งไปในทิศทาง ‘หมอบ’ เสียมากกว่า ด้วยคิดว่าจะช่วยทำให้รักษาพรรคได้

แล้วพอเป็นแบบนี้ ก็เข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่เขารอ ‘เอาคืน’ จากการที่พวกเขาถูกหาว่า ‘ตระบัดสัตย์’

ผมคาดเดาไว้แล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแบบใด…

ผมได้แต่หวังว่า คณะผู้นำพรรคก้าวไกลทั้งหมด จะประเมินเรื่องทั้งหมดให้รอบด้าน โดยมิได้ตั้งเป้ารักษาพรรค และกรรมการบริหารพรรค จนถึงขนาดต้องแลกกับทุกอย่าง

ผมคาดหวังว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาแล้ว จะได้ยินเสียงการวิจารณ์จากพรรคก้าวไกลบ้าง หากพรรคก้าวไกลไม่วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญเลย ผมจะออกมาวิจารณ์พรรคก้าวไกลเป็นคนแรกๆ แน่นอน

และผมจะวิจารณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ตามปกติครรลองของกระบวนวิชาการตามที่ผมฝึกฝนมา

ปล. ดักคอกองเชียร์พรรคก้าวไกลไว้ก่อน ที่จะมาด่าว่า ทำไมผมไม่ไปบอกก่อน ไม่คุยภายใน ผมไม่รู้เรื่องที่พวกเขาทำกัน ผมเป็นคนนอก รู้เรื่องก็จากการอ่านข่าว รู้พร้อมๆ กับประชาชนคนทั่วไปที่ดูจากสื่อนั่นแหละ

‘สส.ก้าวไกล’ แฉ!! รถเมล์เถื่อน-ไม่มีเลข ถามเงินเข้ากระเป๋าใคร? เจอชาวเน็ตงัดหลักฐานฟาด แท้จริงคือ ‘รถเมล์ฟรี’ จาก ‘ทอ.’

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 67 นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล เขต 4 (อ.แปลงยาว อ.บ้านโพธิ์ และ อ.บางปะกง) จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านทาง X กรณีรถเมล์ไม่มีป้ายทะเบียน โดยระบุว่า…

“แล้วรถเมล์เถื่อนไม่มีหมายเลขแบบนี้ ท่าน รมต.เอาไงครับ? ปล.ไม่ไช่รถเอกชนนะนี่เงินภาษี”

ต่อมา เจ้าตัวได้ทวิตข้อความเพิ่มเติมว่า “ไม่ได้ขึ้นกับ ขสมก.มาวิ่งแบบนี้ เลขรถไม่มี ใช้เงินภาษี ปชช.ไปซื้อมาวิ่งหารายได้เงินเข้ากระเป๋าใครไม่รู้ แบบนี้ผมเรียกเถื่อนครับ

“ไม่ได้ขึ้นกับมาตรฐานของ ขสมก.เลขรถก็ไม่มี ใช้เงินภาษีซื้อมาวิ่งบริการรายได้เข้ากระเป๋าใคร? ผมตั้งคำถามเพื่อประโยชน์สาธารณะครับ ไม่ได้มั่วๆ อยาก พิมพ์อะไรก็พิมพ์ครับ วิ่งมาเป็น 10 ปีไม่เคยส่งรายได้เข้าแผ่นดิน แล้วเงินเข้า กระเป๋าใคร?”

ล่าสุด ได้มีผู้ใช้งาน X ท่านหนึ่งเผยหลักฐาน แท้จริงแล้วไม่ใช่รถเมล์เถื่อนแต่อย่างใด แต่เป็น ‘รถเมล์สวัสดิการ’ จาก ‘กองทัพอากาศ’ ที่วิ่งให้บริการ ‘ฟรี’ แก่ประชาชน เพื่อเชื่อมการเดินทางจากโรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) กรมแพทย์ทหารอากาศ สู่สถานีรถไฟฟ้า สถานีรถไฟ และวิ่งผ่านกรมขนส่งทหารอากาศ แฟลต จนถึงโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ไป-กลับเป็นรอบๆ ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน โดยผู้ใช้ดังกล่าวระบุว่า…

“ท่าน สส.ต้องเช็กข้อมูลดีๆ ก่อนครับ อันนี้เป็นรถฟรีที่กองทัพอากาศจัดไว้บริการประชาชน”

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังไม่ได้ให้คำตอบหรือทำการลบภาพและข้อความดังกล่าวแต่อย่างใด

‘วิโรจน์’ ซัด!! ‘ก๊วนทะลุวัง’ ปมบีบแตรใส่-รบกวน ‘ขบวนเสด็จฯ’ เตือน!! ป่วนมาตรการอารักขาบุคคลสำคัญ เป็นเรื่องไม่ควรกระทำ

(10 ก.พ. 67) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า…

“กรณี การบีบแตรใส่ และกระทำในลักษณะรบกวน #ขบวนเสด็จ ผมขออนุญาตให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความปรารถนาดี ดังนี้

1.) ยังไม่ต้องคำนึงถึงว่าการเดินทางดังกล่าวเป็นขบวนเสด็จ หรือไม่ก็ได้ แต่โดยปกติแล้วทุกประเทศ ย่อมต้องมีมาตรการในการอารักขาบุคคลสำคัญระหว่างการเดินทาง

บุคคลสำคัญ อาจจะเป็นผู้แทนจากต่างประเทศ หรือพระราชอาคันตุกะ ก็ได้ ซึ่งรัฐฯ จะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ระหว่างเดินทางมิได้

2.) ดังนั้น การที่มีใครเข้าไปรบกวน กระบวนการในการอารักขาบุคคลสำคัญ ที่ดำเนินการตามมาตรการของรัฐฯ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

ผมเข้าใจดีว่า ความคิดเห็นของผมบางท่านก็อาจจะไม่เห็นด้วย ซึ่งก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ผมได้

แต่ในฐานที่ผมมีความปรารถนาดีหากจำเป็นต้องสะท้อนถึงสิ่งที่ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง ผมก็ต้องกล้าที่จะสะท้อนแบบตรงๆ แม้ว่าจะทราบดีว่าอาจจะเป็นความเห็นที่ไม่อยากฟัง ก็ตาม

ผมเชื่อว่า หลายท่านจะเข้าใจความปรารถนาดีของผมจริงๆ ความปรารถนาดี ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับทุกเรื่อง

ในบางเรื่องที่เห็นต่าง ก็ควรจะต้องบอกกันอย่างตรงไปตรงมา ถึงจะเป็นความปรารถนาดีที่แท้จริง”

‘ก้าวไกล’ แจง!! พิธา’ ไม่ได้เป็นนายประกันของ ‘ตะวัน ทะลุวัง’ แล้ว หลังเจ้าตัวยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวเอง เมื่อต้นปี 66 ที่ผ่านมา

(10 ก.พ. 67) พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความใน X ถึงกรณีที่มีการสอบถามถึงสถานะของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะนายประกันของ ‘ทานตะวัน ตัวตุลานนท์’ หรือ ‘ตะวัน ทะลุวัง’ ว่า ขอชี้แจงว่าแม้ปัจจุบัน ในแง่กฎหมาย พิธาไม่ได้เป็นนายประกันของคุณทานตะวัน เนื่องจากคุณทานตะวันยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวเองเมื่อต้นปี 2566 แต่พรรคก้าวไกลและพิธา ในฐานะนักการเมืองและในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่มีความห่วงใยบ้านเมืองและอนาคตของคนรุ่นใหม่ รู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พรรคก้าวไกลทราบว่า การแสดงออกของคุณทานตะวัน อาจสร้างความไม่สบายใจต่อประชาชนจำนวนไม่น้อย รวมถึงทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับขอบเขตของการแสดงออก และเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวิธีการต่างๆ ในการเพิ่มแนวร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องมองเรื่องนี้โดยไม่แยกขาดจากภาพใหญ่ด้วยเช่นกัน นั่นคือความขัดแย้งทางการเมือง และความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนที่ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งต้องอาศัยการพิจารณาร่วมกันของทุกภาคส่วนในสังคม ถึงต้นตอของปัญหาและการสร้างพื้นที่สำหรับทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกอย่างมีวุฒิภาวะและคลี่คลายความขัดแย้งในปัจจุบัน ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศไทยให้เท่าทันโลก

‘เพจดัง’ ประณาม!! ‘กลุ่มทะลุวัง’ ใช้ความรุนแรง หลังปะทะ ‘ศปปส.’ ฟาด!! ‘ก้าวไกล’ เคยออกหน้าหนุน พอเกิดเรื่องกลับปัดปัญหาพ้นตัว

เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 67 แนวร่วมเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ ได้โพสต์แถลงการณ์แนวร่วมเพจเฟสบุ๊ก เรื่อง ประณามความรุนแรงและการย่ำยีหัวใจคนไทย โดยกลุ่มทะลุวังและพรรคก้าวไกล หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่าง ‘กลุ่มทะลุวัง’ และ ‘ศปปส.’ ที่บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม เนื่องจาก ศปปส. ไม่เห็นที่กลุ่มทะลุวัง จัดทำโพล ‘ขบวนเสด็จฯ’ ซึ่งสืบเนื่องจากกรณี ‘ตะวัน ทะลุงวัง และเพื่อน’ ทำการบีบแตรใส่และรบกวนขบวนเสด็จฯ โดยระบุว่า…

#ทุกคนคะ
แถลงการณ์แนวรวมเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร

เรื่อง ประณามความรุนแรงและการย่ำยีหัวใจคนไทย โดยกลุ่มทะลุวัง และพรรคก้าวไกล

ในวันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2567) ณ ลานน้ำพุ พารากอน กลุ่มทะลุวัง จัดทำโพล ‘ขบวนเสด็จฯ’ โดยอ้างว่า เป็นกิจกรรมตามสิทธิ์และเสรีภาพ แต่กิจกรรมลักษณะนี้ ผิดต่อคำสั่งศาลที่ให้ประกันตัว เป็นการย่ำยีหัวใจคนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน เป็นการตอกย้ำให้คนในสังคมแตกแยกมากยิ่งขึ้น และครั้งนี้ไม่ได้แค่ทำโพล แต่เตรียมชายฉกรรจ์และอาวุธมาด้วย จนเกิดเหตุการณ์นองเลือดในที่สุด

ในส่วนพรรคก้าวไกล ถูกตัดสินเป็นพรรคการเมืองที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพรรคก้าวไกลมีส่วนร่วมกับกลุ่มทะลุวัง ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งเรื่องช่วยการประกันตัว ม.112  กิจกรรมยืนหยุดขัง กดดันศาล รวมถึงนำเรื่องกลุ่มทะลุวังไปอภิปรายในสภา สร้างภาพให้กลุ่มทะลุวัง คือ ‘ฮีโร่’ ของคนรุ่นใหม่ ทั้งที่ความจริงคือการรวมตัวของกลุ่มลูซเซอร์

แต่เมื่อกลุ่มทะลุวังมีเรื่องเสียหาย พรรคก้าวไกลกับแสดงท่าทีไม่รู้จัก ไม่สนิทสนมกัน เล่นละครออกอากาศ โกหกรายวัน เป็นการกระทำอันน่ารังเกียจ ขาดจริยธรรมของนักการเมือง และหากใครเห็นต่างจะถูกด้อยค่าว่าเป็นไอโอ ถูกจ้างมา เห็นประชาชนไม่เท่ากัน ดูถูกประชาชน 

ดังนั้น หากพรรคก้าวไกลและกลุ่มทะลุวัง ยังร่วมกันจัดกิจกรรมที่ย่ำยีหัวใจประชาชนคนไทยอีก ทางแนวร่วมเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร จะใช้สิทธิและเสรีภาพทางรัฐธรรมนูญ ปกป้องสถาบันจนถึงที่สุด พวกเราไม่จำเป็นต้องทนต่อพฤติกรรมเหล่านี้ แต่เราควรจัดการปัญหาให้เด็ดขาด ไม่ให้สังคมต้องแตกแยกอีกต่อไป

แนวร่วมเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร

‘ชัยธวัช’ ไม่เห็นด้วย ‘ศปปส.’ ใช้ความรุนแรง หลังปะทะ ‘กลุ่มทะลุวัง’ ชี้!! เห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดา แนะเจรจาเพื่อลดช่องว่าง ขจัดความขัดแย้ง

(11 ก.พ.67) นายชัยธวัช ตุลาธน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีเหตุปะทะกันระหว่าง ‘กลุ่มทะลุวัง’ และ ‘ศปปส.’ ที่บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา เนื่องจาก ศปปส. ไม่เห็นที่กลุ่มทะลุวัง จัดทำโพล ‘ขบวนเสด็จฯ’ โดยระบุว่า…

จากกรณีที่หลายฝ่ายมีความเห็นในหลากหลายทิศทาง ต่อการแสดงออกทางการเมืองของกลุ่มกิจกรรมทะลุวัง ที่กำลังเป็นประเด็นขณะนี้ ผมมีความเห็นว่า อันดับแรก เราต้องหันกลับมาทบทวนหลักการสำคัญของสังคมประชาธิปไตย นั่นคือธรรมชาติของทุกสังคม ย่อมมีความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเรื่องความเห็นต่อบ้านเมือง แต่ความเห็นที่แตกต่างกันเหล่านั้น ต้องไม่ถูกจัดการด้วยการใช้กำลัง การล่าแม่มด หรือการผลักไสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกไป ซึ่งจะยิ่งเพิ่มช่องว่างระหว่างผู้มีความคิดความเชื่อต่างกันให้มากขึ้น แต่ต้องใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย เพื่อลดช่องว่างทางความเข้าใจโดยไม่ใช้ความรุนแรง

ในกรณีกลุ่มทะลุวัง ผมเข้าใจดีถึงความคับข้องใจที่พวกเขาแสดงออก แต่ขณะเดียวกัน ผมเชื่อว่าพวกเราทราบดี ว่าเนื้อหาสาระกับวิธีการแสดงออก เป็นสองสิ่งที่สำคัญควบคู่กัน การเลือกวิธีแสดงออกแบบใดแบบหนึ่ง ย่อมมีทั้งฝ่ายที่พอใจ/ไม่พอใจ เข้าใจ/ไม่เข้าใจ จึงพึงพิจารณาว่าการแสดงออกทางการเมืองเช่นนั้น สามารถถ่ายทอดความรู้สึกและเหตุผลภายในใจไปยังประชาชนกลุ่มอื่นในสังคม ให้รับรู้และเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงของผู้แสดงออกได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวิธีการที่แต่ละคนแต่ละฝ่ายเลือกใช้คืออะไร เส้นที่เรา ‘ต้อง’ ไม่ข้ามไป คือการใช้ความรุนแรงตอบโต้ หรือเจตนาทำลายล้างคนที่คิดไม่เหมือนตนให้หมดไปจากสังคม การกระทำของกลุ่ม ศปปส. ที่สยามพารากอนในวันนี้ จึงเป็นสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

ผมเห็นว่าสังคมไทยทุกฝ่ายต้องเรียนรู้จากความรุนแรงทางการเมืองในอดีต การปลุกระดมสร้างความเกลียดชังจนนำมาสู่การใช้ความรุนแรง ไม่อาจคลี่คลายความขัดแย้งได้อย่างยั่งยืน มีแต่จะยิ่งเพิ่มช่องว่างระหว่างผู้มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันในสังคม ให้ยากจะหันหน้ามาคุยกันได้ เวลานี้เป็นเวลาที่ต้องใช้เหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ การมีกระบวนการที่โอบรับทุกฝ่ายให้หันหน้าเข้าหากัน เพื่อพูดคุยและพร้อมรับฟังกันและกันอย่างเปิดใจ คือหนทางเดียวที่จะพาสังคมไทยออกจากความขัดแย้งนี้

ผมเชื่อว่าเรายังพอมีความหวัง สัญญาณของการพาสังคมออกจากความขัดแย้งยังไม่หมดไปเสียทีเดียว เพราะในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างน้อยผมเห็นความพยายามจากหลายฝ่ายในการพูดถึงกระบวนการที่จะนำไปสู่การนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในหนทางเพียงไม่กี่อย่าง ที่จะสร้างพื้นที่ให้เราหันหน้ามาคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ รับฟังกันอย่างมีเหตุผลและอย่างจริงใจ ผมเชื่อว่าการนิรโทษกรรมจะเป็นการ ‘เจาะหนอง’ ระบายความขัดแย้งทางการเมืองที่เรื้อรัง ให้ทุกฝ่ายเย็นลงมากพอที่จะมานั่งคุยกัน หาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมายาวนาน

ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ที่ลานประชาชนรัฐสภา เครือข่าย #นิรโทษกรรมประชาชน จะมีการจัดพื้นที่พูดคุยเพื่อนำไปสู่การลดความขัดแย้งของสังคม ผมจะเข้าร่วมกิจกรรมด้วย จึงอยากเชิญชวนให้ทุกฝ่ายลองเริ่มต้นมาพูดคุย เปิดใจรับฟังเสียงของกันและกันครับ

‘ธนกร’ จี้!! ‘พิธา-ชัยธวัช’ เตือนกลุ่มทะลุวัง หยุดก้าวล่วงสถาบันฯ แนะ ‘ก้าวไกล’ กลับไปทบทวนนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งดูใหม่

(11 ก.พ. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มทะลุวัง กับกลุ่มศูนย์รวมประชาชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม ว่า ตนเข้าใจถึงความไม่พอใจของกลุ่มศปปส.ที่ไม่เห็นด้วยกับการขับรถ บีบแตร รบกวน ขบวนเสด็จฯ และประเทศกิจกรรมทำโพลในเรื่องดังกล่าว โดยเชื่อว่าคนไทยทั้ง รวมถึงตนเองนั้น ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่การใช้ความรุนแรไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี จึงขอให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความขัดแย้ง ทำร้ายร่างกายถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และแย้ง และไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คนไทยด้วยกันต้องรักกันสามัคคีกัน ส่วนกลุ่มทะลุวังออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าว ทุกคนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้กระทำ ตามกระบวนการกฎหมายซึ่งคดีความอยู่ในชั้นศาลหลายคดีอยู่แล้ว

นายธนกร กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลและนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดูเหมือนไม่ได้ออกมาตักเตือนกลุ่มทะลุวัง แต่ยังมองว่าควรเปิดพื้นที่ให้เยาวชนแสดงความเห็นและโยงไปถึงการเสนอนิรโทษกรรมคดีด้วยนั้น แม้ว่านายพิธาจะเคยเป็นนายประกันให้ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ‘ตะวัน’ ในคดีทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และปัจจุบันจะถอนจากการเป็นนายประกันก็ตาม ทั้งนายพิธาและนายชัยธวัช ควรตักเตือนกลุ่มดังกล่าวให้หยุดก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจใหม่ ให้มีการแสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์และถูกต้องตามกฎหมายจะดีกว่า

หากจะดีกว่านั้น ควรพูดคุยกับเครือข่ายเยาวชน ให้หันมาช่วยกันพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมจะดีกว่า พื้นที่พูดคุยสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศมีอยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่เรื่องที่กลุ่มทะลุวังเคลื่อนไหวอยู่

“การที่นายชัยธวัชและนายพิธา ไม่ได้ตักเตือนกลุ่มเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวในทางที่ผิด และยังมองว่าเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง ควรเปิดพื้นที่ให้แสดงออกนั้น น่าจะมาจากความเข้าใจที่ผิดตั้งแต่ต้น เพราะสถาบันฯ ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ที่สำคัญเป็นการทำผิดคดีอาญาที่ร้ายแรง ไม่ควรเหมารวมว่าเป็นคดีทางการเมือง ที่จะเสนอสภาฯ ให้มีการนิรโทษกรรมได้ ขอให้พรรคก้าวไกล ทบทวนเรื่องนี้โดยด่วน ควรกลับไปพูดคุยกับเครือข่ายให้หยุดก้าวล่วงสถาบันฯ และหันมาช่วยกันพัฒนาประเทศในด้านที่เป็นประโยชน์จะดีกว่า เพราะผมเชื่อว่าองค์ความรู้ที่ทันโลกของคนรุ่นใหม่ จะช่วยพัฒนาประเทศได้ จะมายุ่งกับสถาบันฯ อันเป็นที่รักและศรัทธาของคนไทยทำไม” นายธนกร กล่าว

‘อุ๊ หฤทัย’ โพสต์ ‘ทฤษฎีสมคบคิด’ ก๊วนสามกีบ โบ้ย!! ‘ตะวัน’ รับเงินเผด็จการมาทำลาย ‘ก้าวไกล’

(17 ก.พ.67) ‘อุ๊-หฤทัย ม่วงบุญศรี’ นักร้องชื่อดัง แนวร่วมกลุ่มปกป้องสถาบัน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

“สามกีบ ตั้งข้อสังเกตว่า ‘ตะวัน’ เป็นคนของหน่วยงานความมั่นคงนะ” พร้อมทั้งโพสต์ภาพที่ระบุข้อความอ้างอิง ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้…

“บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า การกระทำของตะวัน ถ้าฝ่ายเผด็จการยืมมือ ตะวัน เพื่อทำลาย ก้าวไกล มันได้ผลมากเลยทีเดียว คนที่คิดเล่นเกมนี้ถือว่าสุดยอด เพราะมวลชนด้อมส้มผิดหวังกับเรื่องนี้มาก แต่ถ้าเกิดจากความเลินเล่อ หรือเจตนารมณ์ของตะวันกับพวกเอง ถือว่าก้าวพลาดอย่างแรง ผมเลยภาวนาว่าขอให้เป็นจริงอย่างข้อแรกที่ผมตั้งข้อสังเกต… ตะวันเป็นคนของใคร? รับเงินมาเท่าไหร่? อันนี้อย่าได้มองข้ามช็อตไป เพราะพวกเขาเล่นวิธีสกปรกได้ทุกรูปแบบอย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว”

นอกจากนี้ อุ๊ หฤทัย ยังได้โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า “ยุให้เด็กทำชั่วแล้วไม่ได้ผล ก็ถีบหัวส่ง”

‘ก้าวไกล’ ประกาศจุดยืนปม ‘ทักษิณพักโทษ’ ส่งเสริมอภิสิทธิ์ชนหรือไม่ หลังขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วย ยัน!! ต้องไม่ตอกย้ำสองมาตรฐาน

(18 ก.พ. 67) เพจพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางออกจาก รพ.ตำรวจ กลับไปยังบ้านพักจันทร์ส่องหล้า เพื่อเข้ารับการพักโทษตามเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์ หลังถูกจองจำนอกเรือนจำครบ 180 วัน เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา โดยระบุว่า…

จุดยืนพรรคก้าวไกล ต่อกรณีคุณทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษ

แม้รัฐบาลและนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มักย้ำในหลายเวทีถึงความสำคัญของการสร้างหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคุณทักษิณ ชินวัตร ตลอด 180 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะการได้รับสิทธิรักษาตัวนอกโรงพยาบาลที่เรือนจำเป็นกรณีพิเศษโดยขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วยของคุณทักษิณ ต่อเนื่องมาจนได้รับสิทธิพักโทษเพื่อปล่อยตัวกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนั้น กลับเพิ่มคำถามที่มีในใจของประชาชนจำนวนมาก ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน สอดคล้องกับหลักการบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่

แน่นอนว่าหากมองไปที่อดีต ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกรัฐประหาร ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางวิถีประชาธิปไตย จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมของคดีความ กระบวนการทางกฎหมาย และบทลงโทษที่มีต่อคุณทักษิณ

แต่หากมองมาที่ปัจจุบัน เมื่อคุณทักษิณตัดสินใจนำตนเองกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คำชี้แจงของรัฐบาลต่อคำถามสำคัญทั้งเรื่องสุขภาพของคุณทักษิณที่ผ่านมา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุมัติให้คุณทักษิณได้รับการพักโทษ ไม่สามารถทำให้สังคมหยุดตั้งคำถามได้ถึงความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติเมื่อเปรียบเทียบกับนักโทษและผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองคนอื่นๆ

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า สังคมไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน ปราศจากระบบสองมาตรฐานหรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน

ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่คุณทักษิณ ในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง หรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง แนวทางในการดำเนินการ ต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรม ให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน

‘ดร.นิว’ เฮ!! ผลหยั่งเสียงเลือกอธิการบดี มธ. ‘ปริญญา’ ได้ที่โหล่ อาจปิดช่องประชาคมธรรมศาสตร์ ต่อท่อกับพรรคก้าวไกลเสียที

(24 ก.พ. 67) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ‘ดร.นิว’ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

“โชคดีของประชาคมธรรมศาสตร์ที่นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ได้รับการเสนอชื่อเป็นอธิการบดีในอันดับท้ายสุด มิฉะนั้นไม่รู้ว่าธรรมศาสตร์จะไปทางไหน เพราะนายปริญญาปล่อยให้ม็อบสามนิ้วใช้ธรรมศาสตร์ปราศรัยล้มล้างการปกครอง ใช้วิชา TU100 ต่อท่อกับพรรคก้าวไกล ดังนั้น #ให้ปริญญาจบที่รุ่นเรา ก็ดีแล้ว”

สำหรับการหยั่งเสียงเพื่อเลือกอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนใหม่ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 3 ราย คือ ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ คณะรัฐศาสตร์, รศ.ดร.พิภพ อุดร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์

ผลการนับคะแนนเบื้องต้นปรากฏว่า ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 26 ส่วนงาน, รองลงมาคือ รศ.ดร.พิภพ ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 12 ส่วนงาน และ ผศ.ดร.ปริญญา ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 5 ส่วนงาน

ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาฯ จะได้จัดประชุมในวันที่ 28 ก.พ. เพื่อรายงานสรุปความคิดเห็น เสนอต่อสภามหาวิทยาลัยทราบ พร้อมทั้งทาบทามบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสัมภาษณ์ และแถลงแนวทางการบริหารมหาวิทยาลัยต่อคณะกรรมการสรรหาฯ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย นักศึกษา และศิษย์เก่า เข้ารับฟังการแถลงแนวทางการบริหารในวันที่ 19 เม.ย. ต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top