Thursday, 2 May 2024
ปตท

‘ปตท.’ ผนึก ‘สทน.’ หนุนโครงการวิจัย-พัฒนา ‘พลาสมา-เทคโนโลยีฟิวชัน’  ตั้งเป้ายกระดับไทย สู่ ‘ศูนย์กลางของอาเซียน’ ภายในปี 2570

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ ดร.หาญณรงค์ ฉ่ำทรัพย์ รองผู้อำนวยการ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านพลาสมาและเทคโนโลยีฟิวชัน ระหว่าง ปตท. และ สทน. โดยมีผู้บริหารของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน 

‘ปตท.’ ช่วยเหลือประชาชน ฝ่าปัญหาภัยแล้ง ผ่านโครงการ ‘ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง’ ปี 2566

วันนี้ (17 มีนาคม 2566) –  พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก นายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียม ขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทน ปตท. พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ จากกรมทรัพยากร น้ำบาดาล การประปาส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมเปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2566 ณ กองบัญชาการกองทัพบก โดยในปีนี้ ปตท. ร่วมสนับสนุนความช่วยเหลือรวมมูลค่ากว่า 2,900,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้งจากการขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะเขตทุรกันดารและพื้นที่ห่างไกล 

สำหรับการสนับสนุนในปี 2566 ปตท. สนับสนุนผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง บัตรเติมน้ำมัน PTT Privilege Card มูลค่า 2,100,000 บาท ถังบรรจุน้ำสะอาด Innoplus ซึ่งผลิตโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ที่มีความคงทนแข็งแรง น้ำหนักเบา ทนแรงกระแทกสูงเมื่อเทียบกับพลาสติกทั่วไป ทนทานต่อสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศได้ดี ขนาด 1,500 ลิตร จำนวน 100 ถัง มูลค่า 500,000 บาท รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์และดำเนินงานโครงการฯ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2542 กลุ่ม ปตท. ได้สนับสนุนโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ช่วยผู้ประสบภัยแล้งทั่วประเทศมากว่า 24 ปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 96 ล้านบาท

ปตท. ผนึกภาครัฐ-ภาคีเครือข่าย เร่งปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ มุ่งบรรลุเป้า Net Zero Emissions ปี 2050

เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.66) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการปลูกป่า 2 ล้านไร่ ระหว่าง กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับ กลุ่ม ปตท. จำนวน 3 ฉบับ โดยมี นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. รวมทั้งผู้บริหาร กลุ่ม ปตท. อีก 7 บริษัท ร่วมลงนาม ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. พร้อมบริษัทในกลุ่ม ประกอบด้วย บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที 
โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ได้ลงนาม MOU จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่ปลูก บำรุงรักษา และระบบนิเวศป่าไม้ กับ กรมป่าไม้ โครงการพัฒนาพื้นที่ปลูก บำรุงรักษา และระบบนิเวศป่าไม้ กับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และโครงการปลูกและบำรุงรักษาป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต กับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 

ซึ่งเป็นการผนึกกำลังของภาคีภาครัฐและเอกชนทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น การสนับสนุนงานวิจัยและแบ่งปันข้อมูลเชิงวิชาการ การปลูกป่าใหม่และฟื้นฟูบำรุงป่าเก่า ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าชุมชน และป่าชายเลน เพื่อเพิ่มพื้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแหล่งกักเก็บคาร์บอน จำนวน 2 ล้านไร่ ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมไปถึงสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2065 ตามที่ประเทศได้กำหนดไว้

ทันตะ จุฬาฯ จับมือ ปตท. ต่อยอดเทคโนโลยีด้านทันตกรรม มุ่งยกระดับมาตรฐานการแพทย์ไทย

เมื่อวันที่ (21 มี.ค.66) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ทพ.ดร.พรชัย จันศิษยานนท์ คณบดี คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุชั้นสูงและการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ และการแพทย์ทางไกลในด้านการดูแลสุขภาพสำหรับสุขภาพช่องปากและการรักษาทางทันตกรรม ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปตท. คว้า 7 รางวัล รัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม-ดีเด่น ประจำปี 2565 สะท้อนศักยภาพการดำเนินงานที่เป็นเลิศในทุกมิติ

เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2565 (SOE Award) ให้แก่ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) โดย ปตท. รับรางวัลรวม 7 รางวัล

ประกอบด้วย รางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น (เกียรติยศ) รางวัลการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น

ปตท.กางแผนลงทุน 5 ปี 4 แสนล้านบาท ลุ้น!! เจรจา 5 ดีลธุรกิจใหม่ เน้นร่วมทุนในปีนี้

กลุ่ม ปตท.ได้ปรับเปลี่ยนบทบาททางธุรกิจสำคัญจากบริษัทน้ำมันและก๊าซไปสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดยที่ผ่านมามีทั้งการลงทุนเอง การเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุน และในปี 2566 กลุ่ม ปตท.ยังคงเดินหน้าการลงทุนในธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ปตท.อยู่ระหว่างเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสความร่วมมือด้านการลงทุนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่พลังงานแห่งอนาคตที่เป็นเป้าหมายดำเนินงานของ ปตท. โดยคาดว่าในปีนี้จะทำสัญญาร่วมลงทุนแล้วเสร็จไม่ต่ำกว่า 5 โครงการ ขณะเดียวกันในปี 2566 ปตท.ยังมีแผนลงทุนต่อเนื่องในวงเงินประมาณ 33,344 ล้านบาท

“ดีลที่เรากำลังเจรจาอยู่ก็มีทั้งในและต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นต่างประเทศที่กำลังคุยอยู่ โดยมีหลายรูปแบบทั้งเข้าไปซื้อหุ้น การควบรวมและการซื้อกิจการ (M&A) และ Joint Venture หรืออาจจะเป็นความร่วมมือในรูปแบบที่ไม่ต้องใช้งบประมาณ ซึ่งจะปิดดีลปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ดีล ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจใหม่ที่เรากำลังสนใจทำ” นายอรรถพล กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ปตท.ได้ลงทุนในธุรกิจใหม่และมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็น 4 ธุรกิจ ประกอบด้วย

1.Mobility& Lifestyle ซึ่งเป็นการสร้างการขนส่งแบบไร้รอยต่อและเป็นการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ ปตท.จากธุรกิจน้ำมันและแก๊สไปสู่ธุรกิจ Energy Solution ประกอบด้วย

- การตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท Phnom Penh Aviation Fuel Service จำกัด โดยบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพื่อบริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ

- Otteri โดยบริษัทลูกของ OR เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน ของบริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบอุตสาหกรรม รวมถึงประกอบกิจการร้านสะดวกซักภายใต้แบรนด์ Otteri เงินลงทุนขั้นต้น 1,105 ล้านบาท

- ดุสิตฟู้ด โดยบริษัทย่อยของ OR ลงทุนถือหุ้นสัดส่วน 25% ในดุสิตฟู้ดส์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอาหาร ด้วยการผสานจุดแข็งของกลุ่มดุสิตธานีที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำถึงปลายน้ำ

- การตั้งบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มบุญรอด โดยบริษัทย่อยของ OR เข้าไปถือหุ้นร่วมกับบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ในสัดส่วนฝ่ายละ 50% เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมบริโภค (RTD)

- Traveloka โดย OR เข้าลงทุนใน Traveloka แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านการจองบริการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

- Café Amazon โดย OR เข้าไปเปิดสาขาแรกในซาอุดีอาระเบีย สาขา InterHealth Hospital หรือ IHH ที่กรุงริยาด โดยได้ประเมินศักยภาพตลาดค้าปลีกในซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดร้านกาแฟพรีเมียม

รวมทั้งมีการร่วมลงทุนในสตาร์ทอัป ประกอบด้วย Pomelo แพลตฟอร์มและแบรนด์ Fast Fasion , GoWabi แพลตฟอร์มบริการความงามและสุขภาพ , Freshket แพลตฟอร์มจำหน่ายวัตถุดิบอาหารครบวงจร , Carsome แพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์มือ 2 ออนไลน์

Protomate ผู้นำฮาร์ดแวร์และ AI สัญชาติไทย , Hangry สตาร์ทอัปด้านอาหาร พัฒนา Clound Kitchen

>>ต่อยอดไฮแวลู-โลจิสติกส์

2.High Value Business โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ กัด (มหาชน) หรือ GC ได้เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น Vencorex เป็น 100% ซึ่งจะเป็นการต่อยอดการสร้าง Synergy ร่วมกับ Allnex หลังจากที่บริษัทย่อยของ GC เข้าไปซื้อหุ้นของ Allnex รวมมูลค่า 148,000 ล้านบาท ซึ่งผลิต Coating Resins และสาร Additives ที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรมอุตสาหกรรม

3.Logistic & Infrastructure ได้มีการตั้งบริษัท Global Multimodal Logistics (GML) เชื่อมเครือข่ายขนส่งในประเทศและระหว่างประเทศ โดย GML ร่วมมือกับกลุ่มมิตรผล ขนส่งน้ำตาลทรายทางระบบราง 10,000 ตู้ จากขอนแก่นไปชลบุรี 

รวมทั้งมีการศึกษากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) พัฒนาธุรกิจห้องเย็นสำหรับสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าไปตลาดต่างประเทศ ร่วมกับผู้ประกอบการคลังห้องเย็นให้บริการแช่แข็งและจัดส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ นำร่องโดยทุเรียนแช่แข็งเพื่อรองรับนโยบายระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC)

นอกจากนี้ OR ได้ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และ JR Freight ทดสอบส่ง LNG ด้วยถัง ISO Container Tank รวมทั้งมีการขนส่งเม็ดพลาสติกทางรถไฟเส้นทางไทย-ลาว-จีน เที่ยวปฐมฤกษ์ จำนวน 25 ตู้ น้ำหนัก 620 ตัน

>>เร่งแผนธุรกิจ‘เอไอ-หุ่นยนต์’

4.AI,Robotics & Digitization ได้ตั้ง T-ECOSYS พัฒนา Industrial Digital Platform , ตั้ง P-DICTOR ดำเนินธุรกิจ AI หุ่นยนต์ ดิจิทัล 

รวมทั้งปรับโครงสร้างการถือหุ้นและเพิ่มทุน Mekha Tech และเปลี่ยนชื่อเป็น Mekha V เพื่อเป็นเรือธงในธุรกิจ AI&Robotics

นอกจากนี้ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ทดสอบระบบ National Corporate Identification (NCID) อละได้ร่วมกับ Kongsberg Ferrotech พัฒนา Nautilus เทคโนโลยีหุ่นยนต์สำรวจและซ่อมบำรุงท่อปิโตรเลียมใต้ทะเลแบบครบวงจรครั้งแรกของโลก

รวมทั้งได้ลงนามกับ HMC Polymers เพื่อใช้เทคโนโลยี UAV และ Digital Platform เพื่อตรวจสอบ Flare และ Confined Space ในการผลิตเม็ดพลาสติก และร่วมมือกับ ปตท.พัฒนาเทคโนโลยีประเมิน Carbon stock สำหรับภาคป่าไม้ และลงนามกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ บริการเครื่องมือคัดกรองสุขภาพและเก็บรวบรวมในรูปแบบดิจิทัล

>> ลุยแผนลงทุน 5 ปี 4 แสนล้านบาท

ส่วนแผนลงทุนระยะ 5 ปี (2566-2570) ปตท.คาดการณ์ใช้งบภายใต้วงเงินรวม 4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินลงทุนในโครงการที่มีความชัดเจนและได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท.แล้ว 100,227 ล้านบาท แบ่งเป็น 

1.การลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 36,322 ล้านบาท 
2.การลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% มูลค่า 32,773 ล้านบาท 
3.การลงทุนในธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 18,988 ล้านบาท 
4.การลงทุนในธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ 8,828 ล้านบาท 
5.การลงทุนธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและปิโตรเลียมขั้นปลาย 3,316 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนที่มีความชัดเจนแล้ว จะมีโครงการหลัก อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7, โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8, โครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้, โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5, ลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า, ขยายธุรกิจของกลุ่ม บริษัท Innobic (Asia), พัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3

ขณะที่โครงการลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ปตท.ประเมินงบลงทุนอยู่ที่ 302,168 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นลงทุนโครงการตามวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond

ปตท. รับรางวัล ‘องค์กรโปร่งใส’ 5 ปีซ้อน  ตอกย้ำการบริหารจัดการองค์กรบนหลักธรรมาภิบาล

เมื่อไม่นานมานี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) รับรางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส ครั้งที่ 11 (NACC Integrity Awards) ประจำปี 2565 จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สะท้อนการเป็นองค์กรที่บริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล และมีจริยธรรม เพื่อยกระดับความโปร่งใสของประเทศไทยให้เป็นแบบอย่างตามมาตรฐานสากล

ทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต  นวัตกรรมใหม่ตลาดทุนไทย ตอบโจทย์องค์กรปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.66) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ บริษัท PTT International Trading Pte Ltd ประเทศสิงคโปร์ (PTTT ถือหุ้น 100% โดย ปตท.) ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Credit Linked Derivatives ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมใหม่ของตลาดทุนไทย ที่ธนาคารได้ออกแบบและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของ ปตท. รวมถึงเป็นการส่งเสริมเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งสองบริษัท 

นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างองค์กรในประเทศ โดย PTTT ประเทศสิงคโปร์ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานให้เพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่างๆ ในอนาคต นอกจากนี้ ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ของ ปตท. 

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของ United Nations Development Programme (UNDP) โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทิศทางที่ผู้บริโภค และธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยล่าสุดธนาคารลงนามบันทึกข้อตกลงกับ ปตท. และ บริษัท PTTT ประเทศสิงคโปร์ ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน (Derivatives) ที่เชื่อมโยงกับคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Linked Derivatives) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาและการเป็นผู้นำตลาด ESG Financial Solution ของธนาคาร ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

'กรมการขนส่งทางบก - ปตท.' ลงนามความร่วมมือ โครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV ยกระดับมาตรฐานการตรวจ-ทดสอบที่สถานีบริการ ปตท. ทั่วไทย

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม อาคาร 10 ชั้น 3 กรมการขนส่งทางบก 
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และ นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารจากกรมขนส่งทางบกและ ปตท. ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV 

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกมุ่งมั่นในการรณรงค์และเสริมสร้างทัศนคติการตระหนักถึงความปลอดภัย รวมถึงยกระดับมาตรฐานในการตรวจสอบการใช้งานรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิง (NGV) เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ตามนโยบายของ รัฐบาล กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบกได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในโครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV กับ ปตท. เพื่อบูรณาการร่วมกันในการเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจและทดสอบรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิง (NGV) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และข้อมูลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมการขนส่งทางบก โดยการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้ในการตรวจสอบรถ NGV ที่เข้ามารับบริการเติมก๊าซ NGV ในสถานีบริการ NGV ของ ปตท. ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบความปลอดภัยของผู้ใช้รถก๊าซ NGV

พัฒนา ‘ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ระยอง’  เดินหน้าธุรกิจโรงแรมรับ นักลงทุน-ท่องเที่ยวฟื้น

‘วัน ออริจิ้น’ ต่อยอดแผนเติบโต Origin Infinity จับมือพันธมิตรทางธุรกิจกับ ‘เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์’ หรือ เอนโก้ (EnCo) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ลุยพัฒนาโปรเจกต์โรงแรม ‘ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ระยอง’ รับกระแสนักลงทุนต่างประเทศ-นักท่องเที่ยวคัมแบ็ก พร้อมเสริมศักยภาพทำเล ผลักดันให้เป็น New CBD ของระยอง และจุดนัดพบอันทันสมัยแห่งใหม่ใน EEC คาดเปิดให้บริการในไตรมาส 2/2566 นี้

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า จากแผนการเติบโตไม่สิ้นสุด หรือ แผน Origin Infinity ที่เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ประกาศไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงเร่งเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนตามแผนงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือ บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) บริษัทพัฒนาและบริหารจัดการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในกลุ่ม ปตท. ร่วมทุนกันใน บริษัท วันดิสทริคท์ ระยอง 2 จำกัด สัดส่วนฝั่งละ 50% เพื่อร่วมกันก่อสร้างและดำเนินโครงการโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ระยอง (Holiday Inn Express Rayong) เป็นโรงแรมสูง 8 ชั้น จำนวนห้องพัก 204 ห้อง บริเวณแยกเนินสำลี ในพื้นที่โครงการระดับเมกะโปรเจกต์ ออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง (Origin Smart City Rayong)

นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ Origin Smart City Rayong เฟสแรกไปแล้ว ตอนนี้ วัน ออริจิ้น จึงมาสานต่อการเนรมิตเฟสถัดไป ให้ Smart City ขนาด 24 ไร่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยการนำเชนโรงแรมระดับโลกอย่าง Holiday Inn Express ในเครือ Intercontinental Hotels Group (IHG) มาให้บริการ พร้อมทั้งจับมือกับ EnCo เครือ ปตท. ซึ่งเป็นเครือธุรกิจขนาดใหญ่ที่ปักหลักดำเนินธุรกิจในระยองมาอย่างยาวนาน มีความเข้าใจความต้องการในพื้นที่เป็นอย่างดี มาร่วมกันเนรมิตโรงแรมแห่งนี้ให้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งภาคธุรกิจและภาคการท่องเที่ยว และพลิกโฉมแยกเนินสำลีให้กลายเป็น New CBD ของระยอง ที่ผ่านมา จังหวัดระยองถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนภาคอุตสาหกรรม และเป็นหนึ่งในจังหวัดสำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาโรงแรมแห่งใหม่ในจังหวัดระยองที่เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงในระดับสากล จึงถือเป็นการรองรับความต้องการของนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรองรับภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID-19 และกลายเป็นจุดนัดพบสมัยใหม่แห่ง EEC คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 2/2566 นี้

นายชาญศักดิ์ ชื่นชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่วิศวกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) เปิดเผยว่า ปตท. มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่การเติบโตในธุรกิจพลังงานอนาคต และธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ตามวิสัยทัศน์ ‘Powering Life with Future Energy and Beyond’ เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลง และกระแสของโลกในอนาคต การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการการขนส่ง หรือ Logistics ของประเทศเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่สำคัญ โดย ปตท. ได้เล็งเห็นโอกาสในการใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมเพื่อบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ต่อยอดสินทรัพย์ของ ปตท. ที่มีอยู่ อาทิ ที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อการดำเนินธุรกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ EnCo บริษัทในกลุ่ม ปตท. กับ วัน ออริจิ้น ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวหนึ่ง ในการต่อยอดศักยภาพทางธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของ EnCo เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตของลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้อย่างครอบคลุม พร้อมทั้งรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top