Tuesday, 14 May 2024
ท่องเที่ยว

เที่ยวทุ่งบัวตองหน้าฝน ชมทิวทัศน์แนวเขา ความเขียวขจี ที่โอบล้อมไปด้วย พืชพรรณธรรมชาติ

ช่วงฤดูฝนเป็นเวลาที่สภาพธรรมชาติ มีการฟื้นตัวจากช่วงฤดูแล้ง กลับมามีความสวยงามของพืชพรรณ มีความชุ่มชื้น อากาศเย็นสบาย เป็นฤดูกาลที่ธรรมชาติงดงามมาก โดยเฉพาะทะเลหมอก บางครั้งเมื่อมองชมทิวทัศน์ตามแนวทิวเขา ก็จะเห็นหมอกเคลื่อนตัวคล้ายกับน้ำตกที่ไหลเคลื่อนตัวช้า ๆ ผ่านยอดเขาต่าง ๆ อีกทั้งสภาพอากาศก็เย็นสบายตลอดทั้งวัน

ที่ทุ่งบัวตอง ณ วนอุทยานดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นอีกพื้นที่หนึ่ง ที่ประชาชนมักจะนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ตุลาคม - ธันวาคม เนื่องจากมีทุ่งดอกไม้สีทองบานอร่ามเต็มท้องทุ่งตามเนินเขาสุดสายตา แต่ในช่วงฤดูฝน ทุ่งดอกบัวตองแห่งนี้ ก็ได้นำส่งประสบการณ์ในอีกมุมหนึ่ง นั่นคือทุ่งบัวตอง ที่ยังไม่ออกดอก นั้นเป็นสีเขียวเต็มท้องทุ่ง สร้างความประทับใจและอิ่มเอมกับความสวยงามของธรรมชาติในอีกบรรยากาศ ประกอบกับในปีนี้ ทาง วนอุทยานดอยแม่อูคอ ร่วมกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวม และ อบต.แม่อูคอ ได้ดำเนินการแผ้วถาง กำจัดวัชรพืชชนิดอื่น รวมทั้งจัดเก็บขยะ จัดระเบียบ ปรับแต่งภูมิทัศน์ของพื้นที่ให้สวยงามมากยิ่งยึ้น ทำให้ทุ่งบัวตองสีเขียว ในวันนี้ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ฤดูฝน ไปจนถึงฤดูหนาวที่จะมีดอกบัวตองบานต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยดอกไม้สีทองเต็มพื้นที่อีกครั้ง

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ทุกวัน ที่นี่มีจุดกางเต๊นท์ รวมทั้งเต๊นท์ พร้อมเครื่องนอน โดยสามารถติดต่อได้ที่ วนอุทยานทุ่งดอกบัวตอง นอกจากนี้ยังมีบริการโฮมสเตย์จากชุมชนใกล้เคียง วนอุทยาน ตลอดจนมีบริการอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ในวันและเวลาราชการได้ที่ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน เลขที่ 4 ถนนราชธรรมพิทักษ์ ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58000 
โทรศัพท์ 0 5361 2982 - 3 
โทรสาร 0 5361 2984 
อีเมล์ [email protected] 
Facebook (Page) ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน

‘กรมทางหลวง’ ชวนเที่ยว 'ทุ่งดอกกระเจียว' ชมวิวแนวหน้าผา สัมผัสโขดหินแสนแปลกตา

(24 ก.ค. 66) กรมทางหลวง (ทล.)ดำเนินการบูรณะ ทล.2354 ตอน เทพสถิต – ซับใหญ่ ตอน 2 (ช่วงทางแยกที่จะไปทุ่งดอกกระเจียว) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยว ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ชมทุ่งดอกกระเจียว ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ชมดอกไม้ที่มีชื่อเสียงของไทย ที่ออกดอกในฤดูฝนของทุกปีให้ชื่นชมปีละครั้งเท่านั้น พร้อมทั้งดำเนินการเตรียมความพร้อมปรับปรุงทางหลวงให้สวยงาม ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งเน้นการกำกับดูแลการพัฒนาระบบคมนาคมให้มีความสะดวก ปลอดภัย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้โดยแขวงทางหลวงชัยภูมิ ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง โดยดำเนินการบูรณะทางหลวงขนาด 2 ช่องจราจร และมีบางช่วงขนาด 4 ช่องจราจร ที่ได้รับความเสียหาย โดยทำการปูผิวทางชนิดแอสฟัลต์คอนกรีตหนา 10 ซม. พร้อมทั้งตีเส้นและเครื่องหมายจราจร ช่วง กม.15+864 – กม.18+025 นอกจากนี้หมวดทางหลวงในพื้นที่ยังได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์สองข้างทาง โดยได้ ดำเนินการตัดหญ้าข้างทาง, ปรับพื้นที่ในช่วงบริเวณทางโค้ง, ทำความสะอาดแบริเออร์ รวมถึงทำความสะอาดเกาะกลางถนน สะพาน และผิวทาง 

สำหรับเส้นทางดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้อีกด้วย สำหรับการเดินทางไปอุทยานแห่งชาติป่าหินงามนั้น จากกรุงเทพฯ ใช้ ทล.1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านจังหวัดสระบุรี มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา ไปตามเส้นทางอำเภอด่านขุนทด ใช้ ทล.201 ถึงแยกหนองบัวโคก เลี้ยวซ้ายไป ทล.205 มุ่งสู่อำเภอบำเหน็จณรงค์ ถึงอำเภอเทพสถิต ตัดเข้าใช้ ทล.2354  ระยะทางประมาณ 17 กม. ถึงบริเวณทางแยก แล้วเดินทางต่ออีกประมาณ 13 กม. ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาในเขตตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ 

อย่างไรก็ตามโดยจะเปิดอุทยานให้ท่องเที่ยวในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม มีจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม ได้แก่ ทุ่งดอกกระเจียว เป็นพืชล้มลุกประเภทหัวที่ผลิดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งในช่วงต้นฤดูฝน ได้รับฉายาว่าเป็น 'ราชินีแห่งป่าฝน'  นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวลานหินงาม เป็นบริเวณลานหินที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตา กระจายอยู่ในพื้นที่ และจุดชมวิวผาสุดแผ่นดิน เป็นจุดชมวิวที่มีแนวหน้าผาและชะง่อนหิน ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหยซึ่งมีความสูง 846 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง  

ทั้งนี้กรมทางหลวงขอความร่วมมือประชาชน โปรดขับรถด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุขภายใต้วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ “ท่องเที่ยวสุขใจ ห่างไกลโควิด – 19” สวมหน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง หากประชาชนต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)

รู้จัก 'มาคาเลียส' แพลตฟอร์ม E-Voucher สัญชาติไทย  เสิร์ฟโปรดักส์โดนใจ ตอบโจทย์สายวางแผนเที่ยวเอง

ไม่นานมานี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยรายได้ภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย ในช่วงเกือบ 7 เดือนของปี 2566 พบตัวเลขทะลุ 1 ล้านล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นรายได้จากต่างชาติกว่า 6 แสนล้านบาท และไทยเที่ยวไทย 4 แสนล้านบาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวโดยเฉพาะแพลตฟอร์มการจองที่พัก, ร้านอาหาร และกิจกรรมในการท่องเที่ยวต่าง ๆ เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ด้าน บริษัท มาคาเลียส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์สัญชาติไทย แหล่งรวม E-Voucher ด้านที่พัก, ร้านอาหาร, สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีความครบครันในสินค้าเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวแบบครบจบ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจไทยที่กำลังผงาดจากแรงขับเคลื่อนของตัวเลขภาคท่องเที่ยวไทยที่โดดเด่น

คุณณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการ บริษัท มาคาเลียส (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า "มาคาเลียส เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจจำหน่าย Voucher ท่องเที่ยว ทั้งที่กินที่พักและกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวครบวงจร โดยจำหน่ายในรูปแบบ E-Voucher ส่วนคำว่า 'มาคาเลียส' เป็นภาษาลิทัวเนีย"

สำหรับความเป็นมาก่อนมาเปิดบริษัทฯ นี้ คุณณีรนุช เล่าว่า เธอเคยเป็นนักข่าว และเป็นบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยว และครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปพบเจอบล็อกเกอร์ชาวลิทัวเนีย ที่มีแนวคิดอยากพาคนลิทัวเนียมาเที่ยวเมืองไทย ก็เลยจับมือกันพานักท่องเที่ยวชาวลิทัวเนียมาเที่ยวเมืองไทย โดยเริ่มจำหน่าย Voucher ในรูปแบบของกระดาษก่อน จากนั้นกค่อย ๆ พัฒนาลงทุนด้านไอที จนปัจจุบันกลายเป็น E-Voucher ที่ถูกจับตามอง

นอกจากนี้ มาคาเลียส ยังมีจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ลูกค้าติดใจ 3 เรื่อง ได้แก่...

1.การทำตลาด Voucher มีความยืดหยุ่นให้กับลูกค้ามากกว่าจะใช้เลยก็ได้หรือจะใช้ในอนาคตก็ได้ โดยการันตีราคาเท่าเดิมในวันที่ลูกค้าซื้อวันแรก แต่ถ้าเป็น OTAs (Online Travel Agency หมายถึง ผู้ให้บริการด้านการจองที่พักโรงแรมรวมถึงบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการให้บริการให้สมาชิก) จะมีการปรับขึ้นปรับลงตามช่วงเวลา 

2.เน้นสร้างความคุ้มค่า โดย Voucher จะมีที่พักพร้อมอาหารและกิจกรรมเพิ่มเติมให้กับลูกค้า

3.มีช่องทางให้ลูกค้าที่ซื้อ Voucher ติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลาสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้า

เมื่อถามถึงเทรนด์การท่องเที่ยวหลังโควิด-19 จะมีการเปลี่ยนแปลงไป คุณณีรนุช เผยว่า "ลูกค้าส่วนใหญ่มีการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ลดน้อยลง โดยลูกค้าวางแผนการท่องเที่ยวเองมากขึ้น มีอิสระมากขึ้น เที่ยวเองได้ ไม่จำเป็นต้องตื่นพร้อมกันเที่ยวพร้อมกัน คนอยากเที่ยวแบบมีการวางแผนล่วงหน้าและจะใช้วันหยุดให้คุ้มค่ามากที่สุด

"อย่างกลุ่มลูกค้าของมาคาเลียสส่วนใหญ่ ก็จะเป็นกลุ่มคนทำงานและอาศัยในกรุงเทพฯ เป็นหลัก ซึ่งเป้าหมายการเดินทางท่องเที่ยวจะไปจังหวัดใกล้ ๆ กรุงเทพฯ และเที่ยวบ่อยมากขึ้น ในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยการจอง Voucher ที่พัก อันดับหนึ่งคือ พัทยา, ชลบุรี ส่วนบุฟเฟต์ อันดับหนึ่ง คือ บุฟเฟต์ซีฟู้ดปู, อาหารทะเล และรองลงมาคือ บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น"

เมื่อถามถึงกลยุทธ์สำคัญของมาคาเลียส คุณณีรนุช เผยว่า "เราใช้หลัก Customer Centric ในการยึดโยงลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง, การบริหาร, การพัฒนาแพ็กเกจ, ผลิตภัณฑ์, การบริการ เพื่อที่จะทำอย่างไรให้ถูกใจลูกค้าได้มากที่สุด

"ยิ่งไปกว่านั้น ในปัจจุบันมาคาเลียสได้พยายามเฟ้นหาและขยายพาร์ตเนอร์อย่างต่อเนื่อง เรามีพันธมิตรทางธุรกิจจากกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารมากกว่า 300 ผู้ประกอบการ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ลูกค้าต่อหนึ่งคนที่มีความหลากหลายในไลฟ์สไตล์ได้ครบจบ ขณะเดียวกันยังสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเที่ยวกับเพื่อน, เที่ยวกับครอบครัว, เที่ยวแบบคู่รัก โดยมีรูปแบบของ Voucher ที่สะท้อนต่อความต้องการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่มีความแตกต่างกันไป (ระยะเวลาการเปิดให้ใช้ Voucher ส่วนใหญ่จะมีเวลาให้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน)

ทั้งนี้ในส่วนเป้าหมายรายได้ทางธุรกิจของมาคาเลียส ในปี 2566 ตั้งเป้าอยู่ที่ 120 ล้านบาท ภายใต้โอกาสและความท้าทายของตลาดท่องเที่ยวที่กำลังบูม

ผู้สนใจแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของคนไทย ที่รู้ใจคนไทยรายนี้ สามารถเข้าไปคลิกดูรายละเอียดได้ที่ www.makalius.co.th  

เตือน!! อย่าคาดหวัง นทท. จีน อย่างเดียว ควรกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนอื่นเพิ่ม

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่พูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ประจำวันที่ 6 ส.ค.66 ในประเด็นวิกฤตเศรษฐกิจกับการท่องเที่ยวไทย โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

วิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ใหญ่บ้างเล็กบ้าง จำกัดอยู่ในระดับประเทศบ้าง ระดับภูมิภาคบ้าง หรือเป็นวิกฤตระดับโลกบ้าง บางวิกฤตมีต้นเหตุมาจากภาคการเงินการธนาคาร ภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคสาธารณสุข หรือจากการก่อการร้ายและสงคราม 

แต่ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ภาคเศรษฐกิจจะเกิดการหดตัว การว่างงานพุ่งสูงขึ้น ภาคการเงินจะเกิดหนี้เสียสูงขึ้นมาก เป็นเหตุให้เศรษฐกิจภาพรวมฟื้นตัวได้ช้า และภาคธุรกิจแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดก็คืออุตสาหกรรมท่องเที่ยว

นับตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อกว่า 25 ปีที่แล้ว ภาคการเงินการธนาคารไทยมีความเข้มแข็งและทนทานขึ้นมาก เมื่อเศรษฐกิจไทยหดตัวจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระบบการเงินจึงไม่ได้รับความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญ และไม่เกิดปัญหาหนี้เสียคงค้าง (Debt Overhang) เหมือนวิกฤตเศรษฐกิจครั้งก่อน ๆ จึงเชื่อกันว่าเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้น ขณะที่ไทยก็น่าจะกลับมาเติบโตได้รวดเร็ว

ยิ่งเมื่อจีนเริ่มเปิดประเทศเมื่อต้นปีนี้ จึงมีความคาดหวังสูงว่าไทยจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะจีนส่งนักท่องเที่ยวมาไทยมากที่สุด ถึงปีละประมาณ 10 ล้านคนก่อนโควิด-19 

แต่เหตุการณ์ต่อไป อาจหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวแรงแค่ไตรมาสแรกไตรมาสเดียว พอเข้าไตรมาสที่สองก็เริ่มชะลอตัวลงอีก จากภาระหนี้สินคงค้างในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังกลายเป็นตัวถ่วงการฟื้นตัวของการบริโภค 

สังเกตได้ว่านักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยเริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้เกิดความไม่แน่ใจว่าการท่องเที่ยวในปี 2566 จะเป็นไปตามเป้าที่ทางการกำหนดไว้ที่ 28.5 ล้านคนหรือไม่ ภายใต้การคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนกำลังเตรียมการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Fiscal Stimulus) เร็ว ๆ นี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจจีนไม่ให้ชะลอตัวไปกว่านี้ 

"ไทยไม่ควรฝากความหวังไว้ที่การท่องเที่ยวจากจีนเพียงอย่างเดียว ควรจะกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดในภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย และอาจเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดไม่ใหญ่นักที่มุ่งสนับสนุนการบริโภคการลงทุนในประเทศ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้า" อ.พงษ์ภาณุ ฝากให้คิด

รูปปั้น ‘พญาครุฑน้อย’ ทำท่า ‘มินิฮาร์ท’ โดนใจนักท่องเที่ยว แม้แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็ยังอดใจไว้ไม่ไหว ต้องขอเข้าไป เซลฟี่

วันนี้ (4 ส.ค.66) ที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ยังคงมีบรรยากาศงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประชาชนและนักท่องเที่ยว เดินทางมาชมขบวนต้นเทียนพรรษา จาก 6 คุ้มวัด ที่จอดไว้บริเวณถนนหน้าเทศบาลตำบลประโคนชัย เพื่อให้ได้ชมความสวยงามและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซึ่งส่วนใหญ่ก็จะแกะสลักเป็นตัวละครในพุทธประวัติอย่างงดงาม 

แต่ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจและพากันแห่ไปถ่ายรูป เซลฟี่ไม่ขาดสาย ก็คือต้นเทียนที่แกะสลักเป็นรูปปั้น 'พญาครุฑน้อย' จำลองทำท่า 'มินิฮาร์ท' พร้อมข้อความด้านล่างว่า “น่ารักอ่ะ” เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งก็มีวัยรุ่นหนุ่มสาวไปยืนทำท่ามินิฮาร์ท ถ่ายรูปคู่กับพญาครุฑน้อยกันอย่างต่อเนื่อง

แม้แต่นายกิติพัฒน์ กะวัง นายอำเภอประโคนชัย พร้อมนายกเทศมนตรีตำบลประโคนชัย  หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ ที่เดินเยี่ยมชมให้กำลังใจตามขบวนแห่ต่าง ๆ เมื่อเดินไปเห็นรูปปั้นพญาครุฑน้อยทำท่ามินิฮาร์ทสุดน่ารัก ก็อดใจไม่ไหวที่จะไปยืนทำท่ามินิฮาร์ทถ่ายรูปกับรูปปั้นพญาครุฑน้อยดังกล่าวด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าโดนใจกันทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่เลยทีเดียว 

YONA Beach Club โอเอซิสสุดสวย กลางทะเลภูเก็ต  เปิดให้บริการแล้ว ราคาเริ่มต้นท่านละ 3,000 บาท

YONA Beach Club เรือหรูสุดสวย ยกระดับการท่องเที่ยวของคุณให้ชิลไปอีกขั้น สุดปังด้วยมุมถ่ายภาพสวยๆ ที่มีอยู่ทั่วเรือ พร้อมทั้งสระว่ายน้ำให้ได้ผ่อนคลายกัน ที่ตรงกลางของเรือ พร้อมห้องอาหารที่พร้อมบริการให้แก่นักท่องเที่ยวทุกท่าน จะเลือกมาพักผ่อน หรือจะมารับประทานอาหาร บนเรือสุดสวยลำนี้ ที่มีวิวทะเลปังๆ รอบด้านแบบ 360 องศา ก็รับรองว่าเพลิดเพลินกันอย่างแน่นอน

Yona Beach Club เปิดให้บริการในวันนี้ ( 8 สิงหาคม 2566) เป็นวันแรก โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน อังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 12.00 - 19.00 น. จุดขึ้นเรืออยู่ที่ท่าเรือรอยัล ภูเก็ต มารีน่า มีเรือรับส่งให้บริการทุก ๆ 20 นาทีเพื่อพานักท่องเที่ยวไปยังโยน่า บีช คลับ ใครอยากมาเที่ยวเช็คอิน มาสัมผัสประสบการณ์สุดปังแบบนี้ รีบสำรองที่นั่งกันได้เลย

สำหรับราคาในการซื้อทริป YONA Beach Club มีดังนี้
• ราคาเริ่มต้น Day Pass เพียงท่านละ 3,000 บาท
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 1,500 บาท สำหรับทานอาหาร เครื่องดื่ม บนเรือ
• ที่นั่งแบบ Sea Bed 12,000 บาท สำหรับ 3 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 7,500 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ
• ที่นั่งแบบ Pool Bed 13,500 บาท สำหรับ 3 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 9,000 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ
• ที่นั่งแบบ Small Cabana 16,000 บาท สำหรับ 4 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 10,000 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ
• ที่นั่งแบบ Medium Cabana 24,000 บาท สำหรับ 6 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 15,000 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ
• ที่นั่งแบบ Maxi Cabana 32,000 บาท สำหรับ 8 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 20,000 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ สำรองที่นั่ง สามารถติดต่อได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Facebook Messenger : m.me/THESEANERY
Line Official : https://lin.ee/WKzbilW
Whatsapps : https://wa.me/66924796565

‘รัฐบาล’ ประกาศลดขั้นตอนวีซ่า อำนวยความสะดวก แก่ นทท. หลังยอด นทท.6 เดือนแรกพุ่ง โกยรายได้กว่า 6 แสนล้านบาท

(10 ส.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทยมีมากต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว 31 ก.ค.- 6 ส.ค. เฉลี่ยวันละ กว่า 8 หมื่นคน

โดยยอดนักท่องเที่ยวสะสมแตะ 16 ล้านคนแล้ว พบ 5 ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยจำนวนสูงสุด ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานสนับสนุนนโยบาย อำนวยความสะดวก กระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา เกิดการสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 663,862 ล้านบาทโดย นักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 2,513,520 คน จีน 1,935,241 คน เกาหลีใต้ 945,217 คน อินเดีย 913,479 คน และรัสเซีย 869,998 คน

สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากจีน เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด จำนวน 95,581 คน รองลงมา ได้แก่ มาเลเซีย 73,810 คน เกาหลีใต้ 37,754 คน อินเดีย 27,707 คน และเวียดนาม 25,717 คน สะท้อนให้เห็นว่าไทยยังคงเป็นจุดหมายสำคัญที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน โดยกระทรวงการต่างประเทศได้เพิ่มความสะดวกในการขอรับการตรวจลงตรา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการลดขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว โดยได้ปรับลดเอกสารประกอบการยื่นขอรับการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวพร้อมกับลดระยะเวลาการพิจารณาการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่

1.) ลดเอกสารประกอบการยื่นขอรับการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวเหลือเพียง 6 รายการ ประกอบด้วย หน้าหนังสือเดินทาง, รูปถ่าย, บัตรโดยสารเครื่องบิน, ที่พัก, เอกสารยืนยันที่อยู่ และหลักฐานทางการเงิน 

2.) ลดระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติการตรวจลงตราจาก 14 วันทำการเหลือ 7 วันทำการ

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำระบบเชื่อมโยงข้อมูลตรวจสอบเอกสารประกอบการขอรับการตรวจลงตรา ซึ่งจะช่วยให้การตรวจสอบและการพิจารณาอนุมัติการตรวจลงตรามีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างดี จนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น เป็นไปตามคาดการณ์ และแม้ในช่วงนอกฤดูกาล ก็ยังมีตัวเลขนักท่องเที่ยวที่น่าพอใจ จากการดำเนินนโยบายการจัดกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยว ที่สอดรับกับความสนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

รวมถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการนำเสนอความงดงามของประเทศ และไมตรีภาพที่มีต่อผู้มาเยือน ซึ่งจากผลการสำรวจของเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวชั้นนำ ประเทศไทยอยู่ในความสนใจอันดับต้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง” น.ส.รัชดา กล่าว

‘Klook’ ประกาศยุติขายบัตรท่องเที่ยวที่ ‘ทารุณสัตว์’ ในไทย จนกว่าผู้ประกอบการจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบดำเนินงาน

(26 ก.ย. 66) Klook แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวระดับโลก ประกาศการตัดสินใจในการยุติการขายบัตรท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับการขายโปรแกรมสถานที่ท่องเที่ยวหรือประสบการณ์ที่แสวงประโยชน์จากสัตว์ในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก นับเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ Klook ในการกำหนดนโยบายใหม่ด้านสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) เลิกขายการแสดงโชว์ที่เกี่ยวข้องกับ ช้าง โลมา และเสือ จนกว่าผู้ประกอบการจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงาน นโยบายนี้จะมีกำหนดบังคับใช้ภายในสิ้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566

นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์ม Klook จะไม่สามารถพบตัวเลือกในการซื้อบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เหล่านี้ในประเทศไทยอีกต่อไป โดยตอบสนองกระแสการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม ไม่สนับสนุนการใช้สัตว์เพื่อสร้างความบันเทิงโดยได้ยุติการขายบัตรโชว์การแสดงที่ทำกำไรจากการทรมานสัตว์ อีกกว่า 130 แห่งทั่วโลก

ซูซาน มิลธอร์ป หัวหน้าฝ่ายรณรงค์สัตว์ป่า องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า “เรายินดีกับความก้าวหน้าของ Klook และจัดว่าเป็นก้าวแรกในการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ เราหวังอย่างยิ่งที่จะเห็น Klook มุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หยุดขายแหล่งท่องเที่ยวที่ใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่า สนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบที่แท้จริง เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเมื่อจองกิจกรรมการท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์ม เราสนับสนุนให้ Klook เดินหน้ายกเลิกกิจกรรมที่มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับช้างต่อไป เช่น การอาบน้ำและการให้อาหารช้าง และจะกลายมาเป็นบริษัทท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสัตว์ป่าอย่างแท้จริง”

“การยกเลิกกิจกรรมท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากสัตว์ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความรู้สึกนึกคิดของนักท่องเที่ยวที่ไปในทิศทางเดียวกัน กับกระแสการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงปกป้องสวัสดิภาพสัตว์ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยในประเทศไทยจากข้อมูลผลสำรวจสวนดุสิตโพลในปี พ.ศ. 2565 พบว่า 76 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าการแสดงโชว์ช้างเป็นการทารุณกรรมสัตว์” หทัย ลิ้มประยูรยงค์ ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์สัตว์ป่า องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวเสริม

การจัดการนโยบายด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่เอาจริงเอาจังของบริษัทท่องเที่ยวอย่าง Klook และแพลตฟอร์มออนไลน์ท่องเที่ยวอื่นๆ จะช่วยตัดเม็ดเงินที่จะไปสนับสนุนต่อยอดการทำธุรกิจที่ใช้สัตว์ป่าเพื่อสร้างความบันเทิง ซึ่งเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับการนำสัตว์มาฝึกด้วยวิธีการโหดร้ายทารุณเพื่อให้แสดงพฤติกรรมที่ผิดไปจากธรรมชาติ นอกจากนี้ บริษัทท่องเที่ยวจะต้องให้ความรู้ และส่งเสริมให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสัตว์ป่า ผ่านการเพิ่มตัวเลือกของสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสัตว์ป่าแทน

‘การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ’ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งหมายถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจสถานบริการ บริษัทท่องเที่ยว แพลตฟอร์มออนไลน์และนักท่องเที่ยว จะต้องมีความรับผิดชอบต่อกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวของตัวเองความโปร่งใสระหว่างบริษัทฯ และลูกค้าจะช่วยให้เกิดความเชื่อมั่น การแสดงจุดยืนในการต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์ ผ่านการแสวงหาผลประโยชน์จากสัตว์ป่า ในทางหนึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ มีสถานะทางการตลาดที่มั่นคงและช่วยสร้างแบรนด์ของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำด้านการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ

มุกดาหาร-YEC หอการค้าไทย พบ YEC เวียดนาม ดูท่องเที่ยว-โรงเบียร์ดังท้องถิ่น-เครื่องดื่มชูพลัง รับขนส่งระบบราง เชื่อม EWEC

มุกดาหาร YEC ประเทศไทย จากหอการค้าไทย (YEC CONNECT INTERNATIONAL THAILAND) ร่วมกับหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร โดยนายกานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒธ์ ประธานหอการค้าฯ นำคณะเดินทางโดยรถยนต์ดูการขนส่งสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 มุกดาหาร – สะหวันนะเขต ตามสาย EWEC เส้นทางตะวันออกสู่ตะวันตก พบ 2 กลุ่ม YEC ประเทศเวียดนาม ศึกษาเส้นทางการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวยอดฮิต ดูงานอุตสาหกรรมท้องถิ่น ประกอบด้วย เบียร์ดัง CAMEL BEER โรงงานผลิตรั้ว ประตูอัลลอยด์ โรงงานเครื่องดื่มเสริมพลังซุปเปอร์ฮอต ที่ยืนสู้แบนด์ดังระดับประเทศ ชมเขตเศรษฐกิจพิเศษลาวบาว 

นายกานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒธ์ ประธานหอการค้ามุกดาหาร เปิดเผยว่า หอการค้ามุกดาหาร ในฐานะเมืองชายแดนประตูทิศตะวันออกของประเทศไทย บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจสายตะวันออก-ตะวันตก EWEC นำคณะ ผู้ประกอบการ YEC ประเทศไทย จากหอการค้าไทย (YEC CONNECT INTERNATIONAL THAILAND) ร่วมกับหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร เดินทางไปเยือนเมืองเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยว เวียดนามกลาง ผ่านสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 มุกดาหาร - สะหวันนะเขต ช่วงเดือนตุลาคม 2566 ศึกษาดูงานผ่านกิจกรรมด้านการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยว ตามรอยเส้นทางเศรษฐกิจด้านทิศตะวันออก EWEC ประชุมร่วมกับ 2 YEC จังหวัดกวางตรี และนครดานัง ประเทศเวียดนาม ศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวกระเช้าลอยฟ้าบานาฮิลล์ เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นดัง โรงงานเบียร์คาเมล (CAMEL BEER) เยี่ยมชมโรงงานผลิตเครื่องดื่ม ซุปเปอร์ฮอส์ ของนักลงทุนไทยจังหวัดมุกดาหาร วางจำหน่ายคู่แบนด์ดังระดับประเทศเวียดนาม ที่เมืองดงฮา และเขตเศรษฐกิจพิเศษลาวบาว จังหวัดกวางตรี 

การเยือนเวียดนามตามรอยเส้นทางเศรษฐกิจ EWEC เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจสายตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) เชื่อม 2 มหาสมุทรจีน - อินเดีย ระยะทางประมาณ 1,450 กม. อยู่ในไทยประมาณ 734 กม. จากมุกดาหารผ่านกาฬสินธุ์ ขอนแก่น เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย และจังหวัดตาก ทำให้ประชาชนบนเส้นทางสายนี้เกิดความเคลื่อนไหวในการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวมากขึ้น เส้นทาง EWEC ตัดผ่าน 4 ประเทศ ตามตอนกลางแผนที่ประเทศพม่า ไทย ลาว เวียดนาม เชื่อมการขนส่งเดินทางสู่จีนตอนไต้ (ระยะทางจากไทยผ่านมุกดาหารประมาณ 1,345 กม.-มีตู้คอนเทนเนอร์ผ่านด่านมุกดาหารทุกวัน) มุกดาหารเป็นประตูด้านทิศตะวันออกเชื่อมแขวงสะหวันนะเขต ลาว เวียดนาม ตอนกลางของ 3 ประเทศ ระยะทางจากมุกดาหารถึงชายแดนเวียดนาม ประมาณ 245 กม. แขวงสะหวันนะเขต ยังมีเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน – เซโน มีโรงานนานาชาติที่มีผลประกอบการสูง เส้นทางสายนี้จึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวทางบกอย่างมาก 

นายกานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒธ์ ประธานหอการค้ามุกดาหาร กล่าวปิดท้ายว่า การเปิดตลาดความสัมพันธ์ของ YEC หอการค้าไทย กับ YEC เวียดนาม ครั้งนี้ นับว่าประสบผลตามวัตถุประสงค์ด้วยดี เป็นก้าวสำคัญของ YEC ประเทศไทย ในการเชื่อมความสัมพันธ์ร่วมมือกับ YEC ประเทศคู่ค้าไทย-เวียดนาม เป็นการสานต่อด้านการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวบนเส้นทาง EWEC ทั้งยังเตรียมรับการขนส่งระบบรางในอนาคตที่จะผ่านเข้ามาในภูมิภาคนี้อีกด้วย

รองผู้ว่ากระบี่เปิดงานโครงการ Roadshow and Consumer Fair Andaman สินค้าชุมชนและบริการท่องเที่ยวของเครือข่ายการท่องเที่ยวระดับประเทศ

วันที่ 20 ตุลาคม 2566 เวลา 18.00 น.ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ Roadshow and Consumer Fair Andaman สินค้าชุมชนและบริการท่องเที่ยวของเครือข่ายการท่องเที่ยวระดับประเทศ (ภูเก็ต ระนอง กระบี่ พังงา ตรัง และสตูล) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 2 โดยมี ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา พร้อมด้วย ดร.วนิดา พันธ์สะอาด รองอธิบดีกรมพลศึกษา ,นายจรูญ แก้วมุกดากุล รองอธิบดีกรมพลศึกษา และคณะผู้บริหาร พร้อมทั้งนายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ และยังได้รับเกียรติจาก นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางปุณณานันท์ ทองหยู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล นางณัฏฐิรา แพงคุณท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนนทบุรี , ผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหาร และผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ร่วมในพิธี

สำหรับกิจกรรมในวันนี้นับว่าเป็นการจัดงานครั้งที่ 2 ที่มุ่งหมายประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และเปิดตลาดสินค้าด้านการท่องเที่ยว สินค้าชุมชนของกลุ่มจังหวัดอันดามันสู่สายตาประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคกลาง โดยผลการจัดงานครั้งแรกในพื้นที่ภาคเหนือ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 - 8 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี มียอดผู้เข้าร่วมงานทั้ง 4 วัน มากถึง 35,362 คน และยอดการจำหน่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน จำนวน 2,214,874 บาท นับเป็นความสำเร็จที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้เติบโตและยั่งยืน  และนำนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคต่าง ๆ เดินทางมาท่องเที่ยวสู่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ต่อยอดการสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ทั้งนี้งานมหกรรม "Roadshow and Consumer Fair Andaman สินค้าชุมชนและบริการท่องเที่ยวของเครือข่ายการท่องเที่ยวระดับประเทศ" ครั้งถัดไปจะถูกจัดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 9 - 12 พฤศจิกายน 2566 ณ เซ็นทรัลอุดร จังหวัดอุดรธานี และภาคใต้ ระหว่างวันที่ 23 - 26 พฤศจิกายน 2566 ณ เซ็นทรัลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตามลำดับ ต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top