Thursday, 9 May 2024
ทุนจีนสีเทา

‘ชูวิทย์’ ชื่นชม ‘บิ๊กตู่’ เป็นชายชาติทหาร หลังรับปากตรวจสอบ ปมหลานเอี่ยวทุจริต

‘ชูวิทย์’ ชื่นชม ‘บิ๊กตู่’ เป็นชายชาติทหาร หลังยอมพบถกปมหลานเอี่ยวทุนจีนสีเทา ยอมหยุดแฉตามที่นายกฯ ขอเพื่อตรวจสอบ ชี้นายกฯ รับปากพร้อมฟันหากผิดจริง บอกงานนี้มาไม่เสียเที่ยว

เมื่อวานนี้ (9 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 20.15 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายหลังร่วมกิจกรรมเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ห้องรับรองเป็นเวลา 10 นาที

จากนั้น นายชูวิทย์ได้เปิดเผยว่า เมื่อเข้าไปในห้อง นายกฯ ได้ทักทายและกล่าวว่า “ชูวิทย์ มีอะไรก็ว่ามา” “ชูวิทย์ พอแล้ว หยุดได้แล้ว อย่าไปพูดทําร้ายใคร ถ้ามีหลักฐานก็นํามาแสดง และถ้าเป็นจริง ก็พร้อมที่จะฟัน” 

ซึ่งนายกฯ ยืนยันแบบชายชาติทหารว่าจะจัดการกับปัญหานี้ แต่การดำเนินการต้องมีขั้นมีตอน โดยรอให้ฝ่ายจเรสรุปเรื่องก่อน โดยนายกฯ กล่าวว่าได้กำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แล้ว ตนก็รับฟัง ซึ่งตนก็ต้องยอมรับ ถ้านายกฯ พูดอย่างงี้ก็แสดงว่า ท่านมีความเอาใจใส่ ถ้านายกฯ พูดแบบนี้แสดงว่าใจถึง เมื่อนายกฯ ใจถึงยอมรับฟัง คนอย่างชูวิทย์ ซึ่งเป็นประชาชนคนเล็ก ๆ ก็ถือว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ รับฟังปัญหาของประชาชนคนหนึ่ง ตนก็ต้องให้เวลาจัดการปัญหาตามระบบราชการ

'ชูวิทย์' ลั่น!! เรื่องทุนจีนสีเทา อภิปรายเอามันส์อย่างเดียวไม่พอ ต้องแสดงข้อมูลชัด ยก 'รังสิมันต์ โรม' ไม่เลว!!

(10 ม.ค. 66) ที่โรงแรมเดวิส นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง แถลงข่าวพร้อมเปิดคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในผับจินหลิง เหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา และ สรุปผลพูดคุยกับนายกฯ วานนี้ 

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เปิดเผยข้อมูลเป็นคลิปวิดีโอซึ่งปรากฏภาพพนักงานไม่น้อยกว่า 10 คน และบุคคลอื่น ๆ เดินไปมาจำนวนมาก แต่ปัจจุบันปรากฏว่าจำนวนพยานในสำนวนคดี เหลือพนักงานเสริฟเพียง 2 คน ไม่มีพยานที่เป็นหญิงขายบริการ หรือบุคคลอื่น ๆ ในที่เกิดเหตุอีก

ส่วนอีกหนึ่งคลิป เป็นคลิปกล้องวงจรปิดบริเวณประตูทางเข้าออกผับจินหลิง มีพนักงานคอยตรวจค้นร่างกาย ซึ่งมีการละเว้นการค้นตัวของหลานชายตู้ห่าว และสิ่งที่นายชูวิทย์ตั้งข้อสงสัยว่าซองสีขาวในมือของหลานชายตู้ห่าวดังกล่าวเป็นซองที่บรรจุยาเสพติด 

ต่อมาชูวิทย์ เปิดแผนผังขบวนการผับจินหลิง ที่มีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าวเป็นหัวหน้าขบวนการ มีผู้ร่วมขบวนการรายสำคัญแยกย่อยออกมารวม 10 คน มีการแบ่งหน้าที่กันดูแลทั้งเรื่องเงิน และเรื่องยาเสพติด

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ได้กล่าวว่าย้อนกลับไปวันที่ได้ทานอาหารร่วมกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สอบถามว่า จากนี้จะดำเนินการกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองต่อไปอย่างไร กระบวนการจะมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมหรือไม่ รวมทั้งถามพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วยว่า จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาอย่างไร

“ในวันนี้ผมตั้งใจมาเปิดโปงเครือข่ายทุจริตคอร์รัปชันที่พบว่ามีกลุ่มทุน หน่วยงานรัฐ นักการเมืองคอยร่วมสนับสนุน ถ้าประชาชนสังเกตทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีการจับกุมผับจินหลิง ที่ผ่านมาตำรวจทำงานตามหลังที่ตนออกมาเคลื่อนไหวตลอด และปัจจุบันอัยการสูงสุด ยังไม่ได้สั่งให้คดีนี้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ตนจึงจำเป็นต้องทำบางสิ่งบางอย่าง เพื่อไปสู่เป้าหมาย หากใครจะโทษตนเองก็ยอมรับ” นายชูวิทย์กล่าว

ส่วนเรื่องของวานนี้ (9 ม.ค. 66) ที่ชูวิทย์ได้เข้าไปพูดคุยส่วนตัวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยหลังจบงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ส่งคำถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ด้านหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี 2 คำถามคือ พล.อ.ประยุทธ์ทราบหรือไม่ว่าหลานชายมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจบริษัททัวร์ของตู้ห่าว และถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงจะดำเนินการตรวจสอบอย่างไร

‘ชูวิทย์’ หอบหลักฐาน ‘ทุนจีนสีเทา’ ส่งต่อ ‘โรม’ ชี้!! เป็นข้อมูลชุดใหญ่ อาจโค่น ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ ได้

(11 ม.ค. 66) เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองไทย ยื่นข้อมูลการทุจริตกลุ่มธุรกิจสีเทาต่อนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อพิจารณาใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า มั่นใจว่ามีข้อมูลสำคัญ ไม่เคยเปิดเผยกับสื่อมาก่อน เป็นข้อมูลที่ตนคิดว่าควรที่จะนำมาพูดในสภา เพราะนายรังสิมันต์เป็นผู้แทนราษฎร ส่วนตนจะพูดอย่างไรก็ได้แค่นั้นเพราะตนพูดอยู่ข้างนอก จึงได้นำข้อมูลมาให้นายรังสิมันต์พิจารณาแต่จะรับหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ ซึ่งตนเป็นแค่ประชาชนเมื่อไม่มีใครติดต่อตน ตนก็มาที่นี่โดยตนเอง 

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์พูดเรื่องตำรวจ หรือเรื่องผิดปกติของสังคมไทย หนึ่งในนั้นตนแน่ใจว่าเป็นเรื่องนี้ จึงได้นำเรื่องนี้มาให้นายรังสิมันต์พิจารณา 

ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องชื่นชมนายชูวิทย์จริง ๆ ในการรวบรวมข้อมูลและเปิดโปงขบวนการทุนจีนสีเทา และต้องเรียนว่า พรรคก้าวไกลตั้งทีมศึกษาเรื่องนี้เพื่อที่จะเจาะลึกข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงต่าง ๆ จากแหล่งข่าวต่าง ๆ จากตำรวจน้ำดีที่ยังมีอยู่ในระบบ ยืนยันว่าพวกเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดในสภาฯ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนว่าจะอภิปรายมาตรา 152 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ 

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลเรามีความสนใจเป็นอย่างยิ่งในการที่จะนำไปศึกษา และหากมีข้อเท็จจริงที่หนักแน่นเพียงพอ เราก็พร้อมที่จะอภิปรายในสภาฯ ต่อไป ย้ำว่าเราจะทำหน้าที่อย่างหนักแน่นและจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เราต้องอาศัยพลเมืองดีแบบนี้ในการที่จะนำข้อมูลมาให้กับพวกเรา เพราะลำพังพวกเราที่ทำหน้าที่อยู่ในสภาฯ ไม่มีทางที่เราจะรู้เนื้อหาสาระ ความอัปลักษณ์ การทุจริตคอร์รัปชัน ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมากเท่ากับคนที่อยู่ในระบบแน่นอน 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่านายชูวิทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย และเชื่อว่าการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เราคงจะได้เห็นการพูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่ พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ ที่จะหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาพูด รวมถึงมีหลักฐานต่าง ๆ ที่เพียงพอจะสาวไปถึงคนในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และขอฝากถึงประธาน และรองประธานฯ ที่จะควบคุมการประชุมว่า เรื่องนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 บ้าง แต่จะพยายามให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หากท้ายสุดจะมีการฟ้องร้องก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อภิปรายต่อในศาล เพราะก่อนที่จะอภิปราย ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลมาอยู่แล้ว จึงอยากให้ประธานสภาฯ และรองประธานฯ เข้าใจในการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ

ผบ.ตร.เซ็นส่งสำนวนคดีนายตู้ห่าวกับพวก ให้อัยการสูงสุดพิจารณา มั่นใจพยานหลักฐานแน่นหนา เอาผิดเครือข่ายทุนจีนสีเทาได้

(13 ม.ค. 66) เวลา 9.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน สำนวนคดีนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก เดินทางไปส่งสำนวนคดี 'ตู้ห่าว' ให้อัยการสูงสุด ณ สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารแจ้งวัฒนะศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ

ผบ.ตร.กล่าวว่า "คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่ บช.น. นำกำลังเข้าตรวจค้นผับจินหลิง พบและยึดยาเสพติด พร้อมอุปกรณ์การเสพหลายรายการเป็นของกลางพร้อมจับกุมตัวผู้ต้องหาที่มั่วสุมเสพยา และจำหน่ายยาเสพติด นำสง พงส. สน.ยานนาวา ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาศาลได้ออกหมายจับนายตู้ห่าวกับพวก ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดและสมคบ และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมทั้งขยายผลสืบสวนจับกุมบุคคลผู้เกี่ยวข้อง

คดีนี้เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้กับตน เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบร่วมกันทำการสอบสวนกับ พงส. ในสังกัด 4 กองบัญชาการประกอบด้วย บช.น. บช.ก. บช.สอท. บช.ปส. และร่วมกับพนักงานอัยการทำการสอบสวนคดีนี้ บัดนี้การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ทางคดีมีการสอบสวนพยานบุคคล 444 ปาก สืบพยานล่วงหน้า 20 ปาก ตรวจยึดทรัพย์สิน 5,345 ล้านบาท มีพยานเอกสาร พยานนิติวิทยาศาสตร์ และอื่นๆกว่า 67 แฟ้ม จำนวน 26,892 แผ่น  สอบสวนผู้ต้องหา ทั้งหมด 43 คน แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 38 คน นิติบุคคล 5 ราย 

ในส่วนของบุคคลธรรมดา 38 คน จับกุมดำเนินคดีแล้ว 20 คน ยังหลบหนี 18 คน ได้สั่งการให้เร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคลอีกจำนวน 5 บริษัทแจ้งข้อหาดำเนินคดีแล้วเช่นกัน

‘ชูวิทย์’ แฉ!! ผู้มีอิทธิพล ‘ข่มขู่-ปิดปาก’ พยาน ยัน!! แม้กฎหมายล่าช้า แต่จะสู้จนวันสุดท้าย

(20 ม.ค. 66) เวลา 15.00 น. ณ โรงแรมเดอะเดวิสบางกอก กรุงเทพฯ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้แถลงข่าวเปิดเผยถึง timeline ในประเด็นสำคัญ คดีทุนจีนสีเทา ที่เริ่มแฉตั้งแต่ ต.ค., พ.ย., ธ.ค. 65 ถึง ม.ค. 66 นายชูวิทย์กล่าวว่าเป็นการแฉเพื่อส่วนรวม ณ วันนี้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติแล้วทำให้อัยการเข้ามาสอบสวนแทนตำรวจได้ 

ต่อมานายชูวิทย์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับพยานสำคัญ โดยพยานระบุว่า “มีผู้ติดต่อมาแล้วนำเสนอผลประโยชน์ให้ถอนตัว หรือกลับคำให้การ” 

ซึ่งบรรดาพยานล้วนเกรงกลัวผู้มีอิทธิพล จึงขอไม่เปิดเผยชื่อ และอธิบายต่อว่าตู้ห่าว เติบโตมาอย่างไร ซึ่งไม่สามารถดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวได้ ต้องมีผู้สนับสนุน และเกิดคำถามว่าใช่ ตม. สน. กรมการปกครอง ที่ละเลยใช่หรือไม่ และกระบวนการการสอบสวนของตำรวจ ใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ยาวนานไปหรือไม่ ซึ่งตู้ห่าวโดนข้อหาฟอกเงินเป็นคนสุดท้าย แต่ลูกน้องโดนข้อหาก่อน กระบวนการยุติธรรมเกิดอะไรขึ้น ประเทศไทยจึงกลายเป็นดินแดนสวรรค์ของอาชญากรข้ามชาติ โดยเฉพาะที่พัทยา และภูเก็ต ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าการตรวจค้นไม่เจอเงินที่บ้านตู้ห่าว แต่หน่วยงานไม่ออกหมายจับข้อหาฟอกเงิน ซึ่งมีความเคลื่อนไหวล่าช้ามาก ซึ่งความล่าช้าของคดีทำให้เกิดความอยุติธรรมได้

'ชูวิทย์' ถล่มซ้ำ ปมตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน ชี้!! ต้องหากินแบบเทาๆ เพราะแค่เงินเดือนไม่พอให้เมีย

(22 ม.ค. 66) จากกรณี คลิปฉาวของนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนที่โพสต์เรื่องราวบอกเล่าความประทับใจ มาเที่ยวกรุงเทพฯ กับแม่แล้วได้รับการบริการระดับ VVIP โดยจ่ายเงินค่าบริการไปถึง 7,000 บาท เพื่อแลกกับประสบการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับไปขึ้นรถออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาใด ๆ ทั้งสิ้น 

.

ภายหลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง จนทำให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการด่วน โดยให้จเรตำรวจตรวจสอบนายตำรวจที่เกี่ยวข้องในคลิป 3 นาย ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริงก็จะดำเนินการทางวินัยเฉียบขาดตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

.

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของกลุ่มจีนเทาและเว็บพนันออกไลน์ ซึ่งได้มีข้อความในตอนหนึ่งที่ระบุถึงเรื่องที่ กลุ่มตำรวจที่ไปรับนักท่องเที่ยวในสนามบินว่า 

'จิรายุ' โวย 'บิ๊กตู่' ชิ่งตอบกระทู้สด 'ทุนจีนสีเทา' ลั่น!! วันนี้ไม่มา วีกหน้าก็จะถามอีก ขออย่ายุบสภาหนีก่อน

‘จิรายุ’ จวก ‘บิ๊กตู่’ หลังชิ่งไม่มาตอบกระทู้สด 'ทุนจีนสีเทา-ตั๋วนำเที่ยววีไอพี' ยันไม่มาวันนี้ สัปดาห์หน้าก็จะถามอีก ดักคอ อย่ายุบสภาหนีก่อนซักฟอก 152 ลั่น ถ้าจะยุบก็รีบยุบเสาร์ อาทิตย์ นี้เลย!

(26 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาในวันนี้ (26 ม.ค.) ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้รับหน้าที่ให้ถามกระทู้สด 2 กระทู้ และมีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ด้วย 1 กระทู้ โดยตนและพรรคก้าวไกล จะถามกระทู้เรื่องทุนจีนสีเทาในกรณีที่เข้ามาก่ออาชญากรรมและมีการข่มขู่พยาน รวมถึงตั๋ววีไอพีของนักท่องเที่ยวจีนที่มีการใช้บริการเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการขายบัตรอิดิสการ์ด ซึ่งเป็นบัตรวีไอพีให้กับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ราคา 5 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาท ปรากฏว่าผู้ที่ขายคือกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้ขายให้กลุ่มทุนจีนสีเทาหลายคน ที่นักท่องเที่ยวหลายคนใช้สิทธิพิเศษนี้ผ่านตม.เข้ามา และซื้ออสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นมา จึงได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีและรมว.ท่องเที่ยวฯ แต่ทั้ง 2 ท่านปฏิเสธและบอกว่าติดภารกิจ ซึ่งเป็นคำยอดฮิต แต่ในรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่าคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต้องมาตอบชี้แจงกระทู้ถามสดของที่ประชุมสภาฯ

“ท่านจะอธิบายว่าไม่ทราบล่วงหน้าไม่ได้ เพราะท่านนายกฯจะต้องเตรียมสแตนบายเพื่อที่จะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาตอบแทน ฉะนั้น วันนี้ (26 ม.ค.) แม้ว่าท่านจะไม่มาตอบ แต่ผมก็จะขอถามทิพย์ ถามไปอย่างนั้น ถามท่านประธานไป แม้ท่านประธานจะตอบได้หรือไม่ได้ ก็คงไม่ตอบอยู่แล้ว เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าปลายเทอมของรัฐบาลชุดนี้ ผมไม่เคยเห็นนายกฯมาตอบกระทู้เลย ครั้งที่แล้วมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯมาตอบ ก็ตอบไม่ชัดเจน ผมคิดว่าหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ทักท้วงก็รีบ ๆ ยุบสภาไปเลย เสียเวลาประเทศชาติและประชาชน ”นายจิรายุ กล่าว

เมื่อถามว่า แม้ไม่ได้ตั้งกระทู้ถามวันนี้ (26 ม.ค.) ฝ่ายค้านจะพิจารณานำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 หรือไม่ นายจิรายุ กล่าวว่า เราเอาเวลาอันใกล้ก่อน ในเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในรัฐธรรมนูญเขียนว่ากระทู้สดต้องรีบถาม ถ้าไม่ถามก็จะเกิดปัญหา การอภิปรายมาตรา 152 หลังวันที่ 15 ก.พ. คิดว่าช้าไป ฉะนั้น สัปดาห์หน้าตนจะยื่นถามอีก

‘เพื่อไทย’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ใช้อำนาจเล่นงานเยาวชน แต่กลับไม่ตรวจสอบ ‘ทุนจีนสีเทา’ บ่อนทำลายชาติ

(30 ม.ค. 66) นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่านายทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย สร้างความเสียหายทั้งสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง แต่น่าประหลาดใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กลับไม่ให้ความสำคัญ ไม่เคยสั่งการให้ดำเนินการกับกลุ่มทุนผิดกฎหมายอย่างจริงใจ ทั้ง ๆ ที่กลุ่มทุนนอกกฎหมายกลุ่มนี้ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายประเทศชาติ ทำลายเกียรติภูมิประเทศชาติมาก เพราะกลุ่มทุนนี้ขนเงินผิดกฎหมายมาฟอกขาวในประเทศไทย ผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว รถทัวร์ 

นอกจากนี้ที่น่าเป็นห่วงคือมีเว็บไซต์ในประเทศจีน ลงเกี่ยวกับการเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทย หากต้องการความสะดวก ได้สิทธิพิเศษ ต้องติดต่อผ่านช่องทางไหน แต่พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าส่วนราชการ สามารถที่จะหยุดยั้งความเสียหายได้ แต่เลือกที่จะเพิกเฉยกับกรณีดังกล่าว

'โรม' แฉ!! 'ขบวนการไทยเทา' อยู่เบื้องหลังทุนจีนสีเทา เตรียมส่งเรื่องยื่น ป.ป.ช. เตือน 'บิ๊กตู่' อย่าลอยตัวเหนือปัญหา

(16 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ว่า เป็นการอภิปรายที่เดือดมาก และมีข้อมูลหลายอย่าง ประชาชนหลายคน และพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้เห็นความจริงมากขึ้น พวกเขาเข้ามาชื่นชมในเรื่องของการอภิปราย ซึ่งนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ชื่นชมตนในเฟซบุ๊ก สิ่งที่ตนอภิปรายทุกคนเห็นและช่วยกันยืนยันว่าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนขอเรียกว่า 'ไทยเทา' กำลังเป็นปัญหาของประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มเมียนมาและทุนจีนสีเทา ซึ่งพยายามเข้ามาในประเทศ และยังมีกลุ่มทุนจีนบางกลุ่มมาในรัฐสภา มาเยี่ยมกรรมาธิการคาสิโน และอาจเกี่ยวข้องกับการค้าอวัยวะเถื่อน

“ในบันทึกชวเลขที่ได้มาจากสภาฯ มีความพยายามเซ็นเซอร์ชื่อของผู้เข้าร่วมประชุม แต่พรรคเข้าก้าวไกลมี ส.ส. ในกรรมาธิการชุดนี้ จึงได้ข้อมูล ตนเห็นทุนสีเทาที่นำโดยไทยเทาพาเข้ามาเกี่ยวกับรัฐสภา เกี่ยวกับอำนาจที่ประชาชนเลือกเข้ามา ความเกี่ยวพันชัดเจนว่าเราไม่สามารถกำจัดได้ เพราะมีผู้มีอำนาจ แม้ตำรวจนครบาลทำหน้าที่ได้ดี สุดท้ายโดนย้าย” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่การเปิดโปงและอยากจะสดุดีพลเมืองดีอย่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ที่พยายามปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน หากเราไม่มีนายชูวิทย์ หรือตำรวจน้ำดี ที่พยายามนำข้อมูลต่าง ๆ มาให้ เราไม่สามารถอธิบายได้ และการเปิดโปงครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้น ตนจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ จะนำข้อมูลทั้งหมดไปยื่นต่อ ป.ป.ช. และสำนักงานอัยการสูงสุด

'ชูวิทย์' เร่งเดินหน้าปิดเกม 'สารวัตรซัว' แฉ!! ไม่เคยทำงาน แต่เบิกเบี้ยเลี้ยง-โอที

(22 ก.พ. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน ซึ่งเป็นผู้ออกมาเปิดโปงเกี่ยวกับ 'ทุนจีนสีเทา' และเว็บพนันออนไลน์จนแตกกระเจิง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' มีเนื้อหาดังนี้...

แนวรับพนันออนไลน์

หลังจากผมจัดลำดับประเภท 'พนันออนไลน์' โดยจำแนกเงินทุนหมุนเวียนของแต่ละเจ้า เกิดอาการวงแตกกระเจิงคนละทิศคนละทาง บรรดาโปรแกรมเมอร์ไปพักร้อนต่างประเทศกันเป็นแถว ต้องขออภัย ผมไม่ได้ 'ตีกิน' ระดับผมไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินพนันยังชีพ

แต่หากใครจะกิน 'ตามน้ำ' ผมก็รู้ว่ามันเป็น 'ธรรมเนียม' ไทย ๆ จะให้จัดการทีเดียวคงยาก เช่น ของไอ้ซัว ทำทั้งเว็บพนัน สล็อต คอลเซ็นเตอร์ มีในเครือข่ายประมาณ 300 เว็บ เอากันง่าย ๆ จ่ายเว็บละ 30,000-50,000 บาท แล้วแต่เว็บไหนเป็นที่นิยม เดือนนึงตกประมาณ 10 กว่าล้าน

ค่าธรรมเนียมนี้จ่ายถึงใคร แผนกใด แม้ไม่มีใบกำกับภาษีมาแสดง แต่รู้อยู่ว่าแบ่งกันอย่างไร ใครรับ? ซัวดูแลทุกเดือน จะยอมละชามข้าวเดือนละ 10 ล้านไหวหรือ?

“เดี๋ยวชูวิทย์ก็หมดแรงไปเอง”

นี่ไม่ใช่คำพูดที่ผมไปเสกสรรปั้นแต่ง แต่เป็นคำพูดของซัวส่งไลน์ผ่านคนใกล้ชิด ได้เห็นได้อ่านกับตา รู้ซึ้งว่าเกมนี้ไม่ธรรมดา แม้ผมจะเข้าวัยเลยเกษียณ แต่ยังมีเขี้ยวเล็บ แต่ก่อนสังคมไม่เคยได้ยินชื่อ 'สารวัตรซัว' ผมจี้เอามันมาขึ้นเขียงว่าเป็น 'นายตำรวจ' และเป็น 'นายบ่อน' ด้วย ควบสองตำแหน่งอย่างนี้ไม่ไหว จนท่าน ผบ.ตร. เด่นเห็นด้วยกับผม จัดการฟันให้ออกจากราชการทันที

ผมเพิ่งมารู้เอาทีหลังว่า 'ซัว' ไม่เคยไปทำงานตำรวจ แต่ยังเสือกเบิกเบี้ยเลี้ยงโอทีอีกต่างหาก จะไปยกให้ใครไม่ทราบได้ แต่เป็นภาษีของประชาชนอย่างผมแน่นอน ที่ผมพูดเพราะไม่มีใครพูด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top