Monday, 13 May 2024
การท่องเที่ยว

‘ประธานไมเนอร์’ มั่นใจ ท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มดี อานิสงส์ ‘ไทย-ซาอุฯ’ ฟื้น และ นทท.จีนเริ่มกลับมา

(13 ก.ย. 66) นายวิลเลียม ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดีอาระเบียและนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา

“เราเห็นการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียในไทย โดยปัจจุบันมีเที่ยวบินจากไทยมาไทยวันละ 2 เที่ยว” นายไฮเน็คกล่าวนอกรอบงานสัมมนา Forbes Global CEO Conference ณ ประเทศสิงคโปร์

“นักท่องเที่ยวจะมาเพิ่มอีกและจะมีอุปสงค์มหาศาล… ไทยกลายเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับคนจำนวนมากทั่วโลก ดังนั้นเราจึงมีมุมมองเชิงบวกอย่างมาก” นายไฮเน็คกล่าว พร้อมระบุเสริมว่ามีคนจากยุโรปตะวันออก รัสเซีย และยูเครนเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเพิ่มมากขึ้น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีไทยและเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียได้ลงนามฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว หลังมีปัญหากันนานถึง 30 ปี

กระทรวงการท่องเที่ยวไทยระบุว่า ยอดนักท่องเที่ยวจากรัสเซียทะลุ 800,000 รายในเดือน ม.ค. – ก.ค.ปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าจาก 77,935 รายในช่วงเดียวกันของปี 2565

เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจากยูเครนที่เพิ่มขึ้นแตะ 20,507 รายในเดือนม.ค. – ก.ค.ปีนี้ เทียบกับ 7,967 รายในช่วงเดียวกันของปี 2565

‘ธุรกิจท่องเที่ยว’ แห่ตั้งบริษัทใหม่ รวมมูลค่ากว่า 2.4 หมื่นล้าน ผุดบริการแลกเปลี่ยนเงินตราพุ่ง 1.89 เท่า รองรับตลาดฟื้นตัว

(22 ก.ย. 66) นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ยอดการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนสิงหาคม 2566 ทั่วประเทศรวม 7,424 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 24,905.75 ล้านบาท โดย 3 ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป 584 ราย รองลงมา คือ อสังหาริมทรัพย์ 482 ราย และภัตตาคาร/ร้านอาหาร 360 ราย โดยช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท สัดส่วนมากสุด 64.51% มีจำนวน 4,789 ราย คิดเป็น 64.51%

ขณะที่ธุรกิจเลิกกิจการเดือนสิงหาคม 2566 รวม 2,007 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 7,038.02 ล้านบาท และ 3 ประเภทธุรกิจเลิกกิจการสูงสุด ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป 172 ราย รองลงมา คือ อสังหาริมทรัพย์ 85 ราย และ ภัตตาคาร/ร้านอาหาร 49 ราย ซึ่งสัดส่วน 70.55% เป็นธุรกิจมีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ 31 สิงหาคม 2566 มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ 888,090 ราย มูลค่าทุน 21.51 ล้านล้านบาท มากสุดเป็นช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือจำนวน 518,247 ราย คิดเป็น 58.36%

“ธุรกิจตั้งใหม่เดือนสิงหาคมปีนี้ เทียบสิงหาคมปีก่อน เพิ่ม 0.08% และเทียบเดือนกรกฎาคม 2566 เพิ่ม 8.41% ขณะที่เลิกธุรกิจสิงหาคมปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.40% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7.50% จากเดือนกรกฎาคมปีนี้ ทำให้ 8 เดือนแรก 2566 จัดตั้งธุรกิจใหม่รวม 61,558 ราย เพิ่มขึ้น 14.90% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งยอดตั้งธุรกิจใหม่สิงหาคม 2566 เป็นจำนวนสูงสุดรอบ 10 ปีเทียบเฉพาะเดือนสิงหาคมด้วยกัน และสูงสุดในรอบ 10 ปี เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ส่งผลให้ 8 เดือนแรก2566 มีจำนวนจัดตั้งสูงสุดรอบ 10 ปีด้วย หรือตั้งแต่ปี 2557 – 2566” นายทศพล กล่าว

นายทศพล กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนการจดทะเบียนธุรกิจให้เติบโตสูงขึ้นยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว 8 เดือนแรก 2566 มีจำนวนตั้งเพิ่มถึง 60.66% โดยเฉพาะธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเติบโต 1.89 เท่า ตัวแทนธุรกิจการเดินทางเติบโต 1.41 เท่า ธุรกิจจัดนำเที่ยวเติบโต 1.03 เท่า ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารเติบโต 45.46% และ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุดเติบโต 42.86%) มีสัดส่วนคิดเป็น 7.94% ของจำนวนธุรกิจที่จัดตั้งทั้งหมดใน 8 เดือนแรก2566

นายทศพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจน่าจับตามองที่เติบโตกว่า 1 เท่า เทียบ 8 เดือนแรกปีก่อน ได้แก่ ธุรกิจขายส่งข้าวเปลือกและธัญพืชเติบโต 2.07 เท่า เพิ่มขึ้น 118 ราย จากนโยบายส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก

ธุรกิจบริการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้างเติบโต 1.70 เท่า เพิ่มขึ้น 311 ราย จากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว ทำให้มีธุรกิจที่รับบริหารจัดการเกี่ยวกับที่พักอาศัย โรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศเพิ่มมากขึ้น

ธุรกิจให้เช่าและให้เช่าแบบลิสซิ่งยานยนต์เติบโต 1.40 เท่า เพิ่มขึ้น 155 ราย จากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตและภาคธุรกิจที่นิยมการเช่ารถยนต์มากขึ้น และธุรกิจการปลูกพืชประเภทเครื่องเทศเครื่องหอมยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์เติบโต 1.12 เท่า เพิ่มขึ้น 201 ราย

“จากทิศทางที่ดีขึ้น กรมคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง 2566 อยู่ที่ 32,000 – 39,000 ราย ซึ่งทำให้ทั้งปี 2566 อยู่ที่ 79,000-86,000 ราย” นายทศพล กล่าว

นายทศพล กล่าวว่า การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวเดือนสิงหาคม 2566 มีการอนุญาต 58 ราย มีเม็ดเงินลงทุน 6,840 ล้านบาท เปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2566 จำนวนเพิ่มขึ้น 14% เงินลงทุนลดลง 32% นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น 15 ราย รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ทำให้ 8 เดือนแรก 2566 คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในไทย 435 ราย มีเงินลงทุน 65,790 ล้านบาท

‘ททท.’ จับมือพันธมิตร นำเสนอจุดเด่นการท่องเที่ยวภาคตะวันออก ผ่านซีรีส์วาย 6 เรื่อง หวังปลุกกระแสรับนทท.รุ่นใหม่ หนุนเที่ยวยั่งยืน

เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.66) นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ฮาล์ฟ โทสท์ จำกัด เปิดตัวโครงการ ‘Y JOURNEY (STAY LIKE A LOCAL)’ ยกคอนเซปต์ ‘Amazing 5F and More’ โดยเฉพาะ F-Food และ F-Film กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ Gen X Y และ Millennial และ SDGs ถ่ายทอดผ่านมินิซีรีส์ 6 เรื่อง นำแสดงโดย 12 นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังที่จะชวนทุกคนไปสัมผัสเสน่ห์และอัตลักษณ์ของการท่องเที่ยวภาคตะวันออกอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างแรงบันดาลใจสู่การท่องเที่ยวจริง

นายอัครวิชย์ กล่าวว่า เราจะนำเสนอจุดเด่นของการท่องเที่ยวภาคตะวันออก อาทิ แหล่งท่องเที่ยว อาหาร สินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยว ผนวกเข้ากับแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการออกเดินทางท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ตามรอยภาพยนตร์ สร้าง Meaningful Relationship รับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมาย และนำไปสู่การกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนต่อไป

นายอัครวิชย์ กล่าวว่า โครงการประชาสัมพันธ์ ‘Y JOURNEY (STAY LIKE A LOCAL)’ ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ฮาล์ฟ โทสท์ จำกัด เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานมินิซีรีส์ทั้ง 6 เรื่อง โดยมี 12 นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังร่วมถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดในภาคตะวันออก ทั้ง 6 จังหวัด โดยแต่ละเรื่องจะมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

มินิซีรีส์ 1 เรื่อง ‘เพื่อนรักแอบรักเพื่อน’ นำแสดงโดย ‘แฟรงค์-ธนัตถ์ศรันย์ ซําทองไหล’ และ ‘หล่งซื่อ ลี’ ถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวสายมู เส้นทางแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ วัดหงษ์ทอง วัดอโศกการาม วัดจีนประชาสโมสร ตลาดบ้านใหม่ ผสมผสานกับวัฒนธรรมอาหารถิ่น เช่น ข้าวห่อใบบัว ขนมเกสรลำเจียก ขนมเปี๊ยะสดนายเล้ง ผัดไทนายแกละ ออกอากาศเป็นตอนแรกในวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 2 เรื่อง ‘คำสารภาพ’ นำแสดงโดย ‘เน็ต-สิรภพ มานิธิคุณ’ และ ‘เจมส์-ศุภมงคล วงศ์วิสุทธิ์’ ถ่ายทอดเรื่องราวการลดขยะอาหาร Zero Food Waste ด้วยการแปรรูป ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี ชุมชนตลาดเก่าริมน้ำจันทบูร น้ำตกพลิ้ว ศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ย และเพ็ญทิวาทุเรียนทอด และอาหารท้องถิ่น เช่น ยำมังคุดกุ้งสด กวยจั๊บป้าไหม แกงหมูใบชะมวง ไอติมจรวด แกงมัสมั่นทุเรียน ออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 3  เรื่อง ‘เฮียไม่ปลื้ม’ นำแสดงโดย ‘ฟลุ้ค-ณธัช ศิริพงษ์ธร’ และ ‘ยูโด-ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์’ ถ่ายทอดเนื้อหาวิถีชีวิตและการจ้างงานชุมชนท้องถิ่น ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดตราด ชุมชนท่าระแนะ ประภาคารแหลมงอบ หาดตาลคู่ สะพานวัดใจ พร้อมสอดแทรกอาหารท้องถิ่น เช่น ข้าวผัดพริกเกลือ อาหารซีฟู้ด ปลาโคกหว่น ปลาทราย-ปลาซิวทอด  เป็นต้น ออกอากาศในวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 4 เรื่อง ‘คู่กัดออกทริป’ นำแสดงโดย ‘แม้ก-กรธัสส์ รุจีรัตนาวรพันธุ์’ และ ‘ณฐ-ณฐสิชณ์ เอื้อเอกสิชฌ์’ ถ่ายทอดเนื้อหาการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ผ่านเรื่องราวของเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดนครนายก อ่างเก็บน้ำทรายทอง-เขาช่องลม และจังหวัดปราจีนบุรี น้ำตกเขาอีโต้-วัดพระใหญ่-ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าปราจีนบุรี ผสมผสานอาหารท้องถิ่น ได้แก่ ไผ่ตงหวาน ต้มหน่อไม้ ส้มตำไผ่บงหวาน ออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 5 เรื่อง ‘สมมติว่าเป็นแฟน’ นำแสดงโดย ‘มอส-ภาณุวัฒน์ โสประดิษฐ’ และ ‘แบงค์-มณฑป เหมตาล’ ถ่ายทอดเนื้อหาของการรีไซเคิลพลาสติกที่มาจากทะเล ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดระยอง เขาแหลมหญ้า สะพานคู่หาดแม่รำพึง วิสาหกิจชุมชนแยกขยะวัดชากลูกหญ้า และอาหารท้องถิ่น เช่น ยำผักกระชับ แกงส้มปู แกงคั่วเล เส้นหมี่น้ำแดงโบราณ ต้มหมูชะมวง เป็นต้น  ออกอากาศในวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566

มินิซีรีส์ 6 เรื่อง ‘ตามหาความทรงจำ’ นำแสดงโดย ‘ยุ่น-ภูษณุ วงศาวณิชชากร’ และ ‘ดิว-นิติกร ปานคร้าม’ ถ่ายทอดเนื้อหาการใช้พลังงานทดแทน ผ่านเรื่องราวจังหวัดชลบุรี ในแหล่งท่องเที่ยวสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ม.บูรพา หาดบางแสน อ่างเก็บน้ำบางพระ แกรนด์แคนยอนชลบุรี และอาหารถิ่น เช่น ข้าวหลามหนองมน ข้าวเกรียบอ่อน ไก่ย่างบางแสน เป็นต้น ออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566

ทั้งนี้ มินิซีรีส์ดังกล่าว มีกำหนดเผยแพร่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 17.00 น. เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 ผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน AIS PLAY, YouTube ของ AIS และ YouTube Channel : Amazing Thailand

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคบริการ ในพื้นที่อีสานพุ่ง อานิสงส์จากรัฐ-เอกชน ส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อเนื่อง

จากบทความก่อนหน้านี้ ที่กล่าวถึง ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจกระทรวงการคลัง ได้ให้ความเห็นไว้ว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนสิงหาคม 2566 สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจใน 6 เดือนข้างหน้าที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากเกิดจากปัจจัยสนับสนุนในภาคบริการเป็นสำคัญ” 

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคเกษตร อยู่ที่ระดับ 76.4 
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 75.9 
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคบริการ อยู่ที่ระดับ 83.5 
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคการจ้างงาน อยู่ที่ระดับ 74.5
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคการลงทุน อยู่ที่ระดับ 74.8

แน่นอนว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สาเหตุสำคัญมาจากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในภาคบริการ เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในหลายจังหวัดของพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจหลักที่จะได้รับอานิสงจากความเชื่อมั่นนี้ คงไม่พ้นกลุ่มธุรกิจโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ที่เริ่มฟื้นตัวหลังสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) ซึ่งจากข้อมูลกองสถิติเศรษฐกิจ (สศ.) มีจำนวนของสถานประกอบการที่พักแรม ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 4,977 แห่ง น่าจะช่วยให้การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจของธุรกิจภาคบริการ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

รวมถึงการได้รัฐบาลใหม่ มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง ของกระทรวงต่าง ๆ พร้อมประกาศนโยบายสำคัญ ‘พักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี’ ย่อมส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ การอุปโภค บริโภค การจับจ่ายใช้สอย ที่จะถูกกระตุ้นมากยิ่งขึ้น และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พื้นที่ที่ได้รับอานิสงจากโครงการนี้ค่อนข้างมาก ย่อมเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร เป็นจำนวนมาก
แต่ก็ยังมีความกังวล ต่อการเกิดหนี้สาธารณะ ที่อาจเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการอนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 เฉพาะในส่วนที่ ครม. ได้มีมติอนุมัติแล้ว ประกอบด้วย 

แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม 194,434.53 ล้านบาท 
แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงินรวม 1,621,135.22 ล้านบาท
แผนการชำระหนี้ วงเงินรวม 390,538.63 ล้านบาท

ซึ่งแน่นอนว่า การดำเนินโครงการ พักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี ย่อมจะต้องตั้งงบประมาณ เพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เจ้าภาพหลักของโครงการ

บทความหน้า กับมุมมองเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่ามีธุรกิจอะไรที่น่าสนใจ ประเด็นสำคัญจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ จะส่งผลอย่างไร กับ พื้นที่นี้ รอติดตามมุมมอง จาก ‘The PALM - คนตัวเล็ก’ กันนะครับ

‘มาคาเลียส’ อัดแคมเปญใหญ่ ‘Makalius Super Bonus’ ลุยตลาดท่องเที่ยวช่วงปลายปี 66 ส่วนลด-ดีลเด็ดเพียบ

(25 ต.ค. 66) มาคาเลียส แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย ชี้สิ้นปีนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยเกินกว่า 50% ยังคงท่องเที่ยวในประเทศ สาเหตุจากสถานการณ์ความรุนแรงของหลายประเทศที่เกิดขึ้น เตรียมเดินหน้าผนึกกำลังพันธมิตรโรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว จัดแคมเปญใหญ่ ‘Makalius Super Bonus’ (มาคาเลียส ซูเปอร์ โบนัส) มอบเป็นโบนัสพิเศษให้นักท่องเที่ยวชาวไทยส่งท้ายปี

นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด (Makalius) แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย กล่าวว่า “มาคาเลียส คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ตลาดการท่องเที่ยวในประเทศจะคึกคักอีกครั้ง และคาดว่าในช่วงสิ้นปีนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยเกินกว่า 50% จะยังคงเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว”

ทางด้านมาคาเลียสเตรียมเดินหน้าผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งโรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว อาทิ Eco Cozy Beachfront Resort, Taris river cottage, Golden Tulip Pattaya Beach Resort, Movenpick Resort Khao Yai, Centara Azure, Hotel Kuretakeso, Cross Vibe Pattaya Seaphere, Prima Hotel, Kooncharaburi Resort, Baiyoke Buffet, Sanay Rooftop Bar, ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา  เป็นต้น จัดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี ‘Makalius Super Bonus’ (มาคาเลียส ซูเปอร์ โบนัส) อัดแน่นโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อมอบเป็นโบนัสให้นักท่องเที่ยวชาวไทยส่งท้ายปี 

ไม่ว่าจะเป็น Double Date Promotion 11.11 | 12.12 รวมถึง Signature Promotion อย่าง Makalius WoW deal และ Seasonal Promotion ต่าง ๆ อีกมากมาย โดยความพิเศษคือ ดีลพิเศษมากกว่า 15 ดีล กับส่วนลดสูงสุดกว่า 70% ทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมการเพิ่มประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่เหนือระดับด้วยความพิเศษที่มาคาเลียสมอบให้ อาทิ ฟรีดินเนอร์ ฟรีดริ้งค์ ฟรีบัตรกำนันสถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึง มกราคม 2567

นางสาวณีรนุช กล่าวต่อว่า “ภาพรวมของตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทยปีนี้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐ วิถีการทำงานแบบไฮบริดของคนออฟฟิศที่ทลายข้อจำกัดเรื่องวันการท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวหันมาให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยจากปัจจัยดังกล่าวและการปรับแผนการตลาดช่วงโค้งสุดท้ายของมาคาเลียส คาดว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าที่วางไว้คือ 120 ล้านบาท”

‘จีน’ ผุดมาตรการ ‘กระตุ้นการท่องเที่ยว’ ภายในประเทศ ชู ‘ของดีท้องถิ่น’ หลากหลาย สร้างประสบการณ์ใหม่ไม่รู้ลืม

เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ออกแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่หลากหลายยิ่งขึ้น

แผนการระบุว่า ควรมีการเปิดตัวโครงการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษาและผู้สูงอายุ รวมถึงจัดการท่องเที่ยวน้ำแข็ง-หิมะ การท่องเที่ยวทางทะเล การล่องเรือ การผจญภัย การชมดาว และการเดินชมเมืองมากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น แผนการข้างต้นมุ่งปรับปรุงประสบการณ์การบริโภคระหว่างการท่องเที่ยว ให้บริการสาธารณะที่ดีขึ้น จัดทัวร์พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง และเสริมสร้างข้อบังคับของตลาด

อนึ่ง จีนรายงานปริมาณการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศกว่า 2.38 พันล้านครั้ง ช่วงครึ่งแรกของปี 2023 (มกราคม-มิถุนายน) ซึ่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2.3 ล้านล้านหยวน (ราว 11.36 ล้านล้านบาท)

อย่าตื่นตูม!! ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนหด 'ไม่มีใครผิด-ไม่ใช่แค่ที่ไทย' เหตุภาวะศก.ไม่เป็นใจ แม้แต่คนจีนยังเน้นท่องเที่ยวในประเทศตัวเอง

(27 พ.ย.66) จากเพจ 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' ได้โพสต์ข้อมูลที่สะท้อนถึงการท่องเที่ยวในต่างแดนของคนจีนที่เริ่มเบาบางลงในช่วงนี้ โดยระบุว่า...

จีน 🇨🇳 : จีนยกเลิกเที่ยวบิน 
เข้าไทย เดือน ธันวาคม - มกราคม ปี 2024 ประมาณ 39% ใน 10 สายการบิน

#สถิติ (ข้อมูลฐานเศรษฐกิจ)
**เดือนธันวาคม 2023
ยื่นขอทำการบิน 10,939 เที่ยวบิน ยืนยันบินจริง 5,858 เที่ยวบิน หายไป 5,081 เที่ยวบิน หรือ 46%

**มกราคม 2567 ขอทำการบิน 10,984 เที่ยวบิน ยืนยันทำการบิน 7,420 เที่ยวบิน หายไป 3,564 เที่ยวบิน หรือ 32%

**รวม 2 เดือนขอทำการบิน 21,923 เที่ยว ยืนยันการบิน 13,279 เที่ยวบิน หายไป 39% หรือกว่า 8,648 เที่ยวบิน 

>> เหตุผลการยกเลิก: เนื่องจากไม่มีดีมานด์จำนวนนักท่องเที่ยวมากพอ

**ในส่วนการบินสัญชาติไทย ยังบินเข้าจีน อาทิ...
- แอร์เอเชีย 74 เที่ยวบิน/สัปดาห์ 
- การบินไทย 56 เที่ยวบิน/สัปดาห์ 

#สถิติการเยือนนักท่องเทียวจีน
ขอเทียบปีสูงสุด เทียบปีปัจจุบัน

2018 หรือ 19 เทียบ 2023
🇯🇵 ญี่ปุ่น 9.5 ล้าน >> 1.2 ล้าน /8 เดือน
🇸🇬 สิงคโปร์ 3.6 ล้าน >> 1.005 ล้าน /9 เดือน
🇹🇭 ไทย 10.06 ล้าน >> 2.7 ล้าน /10 เดือน
 *ณ 22/10/2023

**จะเห็นได้ว่า เมืองสำคัญที่จีนนิยมเดินทางเข้า ญี่ปุ่น, ไทย ตัวเลขลดลงเกินครึ่ง ส่วนสิงคโปร์ เป็นฮับบินภูมิภาค มีเครื่องบินพร้อมตัวเลขก็ตกลงเช่นกัน จากสื่อสิงค์โปร์ แจ้งว่าต้องใช้เวลาพอสมควรในการฟื้นฟูการบินเข้าจีน

✍️ส่วนข่าวในจีนตอนนี้  
*มุมมองจากภายนอกมองว่าจีนมีปัญหาเศรษฐกิจภายในจีน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ กำลังมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ เป็นวงกว้าง เจ้าใหญ่ ๆ ของประเทศ จากข่าวเอเวอร์แกรนด์ มาต่อด้วยคันทรี่การ์เด้น และล่าสุด จงจื่อธนาคารเงาของจีน 

**เอเวอร์แกรนด์
เวอร์แกรนด์มีหนี้สินประมาณ 305,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 10.7 ล้านล้านบาท

**คันทรี่การ์เด้น
มีหนี้สินอยู่ประมาณ 186,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.74 ล้านล้านบาท) 

**ข่าวใน 2-3 วันนี้ 
รัฐบาลจีนเริ่มสอบสวน จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ Zhongzhi Enterprise Group ยักษ์ใหญ่ธนาคารเงาอันดับต้นของจีน เสี่ยงล้มละลาย มีหนี้สินประมาณ 5.87 หมื่นล้านดอลลาร์ /2.2 ล้านล้านบาท

#การท่องเที่ยวในจีน 
รัฐบาลจีนได้อนุมัติมาตรการทดลองวีซ่าฟรี เข้าประเทศ 15 วัน ให้กับพลเมือง 6 ประเทศ ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, สเปน และมาเลเซียเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศจีน

#ภาพสถานะบิน สนามบินจีน  
ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, เซินเจิ้น เวลาประมาณ 10.00 น.  27/11/2023 จะเห็นได้ว่า การบินออกสถานะบินน้อยมาก เมื่อเทียบในภูมิภาค 

จีนเน้นบิน ท่องเที่ยวในประเทศ

‘อ.พงษ์ภาณุ’ แนะ!! หวังสร้างท่องเที่ยวฯ ยั่งยืน ความปลอดภัยในไทยต้องยกเป็นวาระอันดับ 1

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่พูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'ผลักดันท่องเที่ยวไทย ความปลอดภัยต้องมาอันดับ 1’ การกลับมาทวงบัลลังก์สู้ศึกเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ของ ทรัมป์' เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 66 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

อย่าหวังการท่องเที่ยวจะกลับมาเหมือนเดิม หากไม่ปรับปรุงภาพลักษณ์ด้านความสะดวก ความสะอาด และความปลอดภัย 

ควรดูญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง!!

น่าเสียดายที่ช่วงโควิด 3 ปี รัฐบาลชุดก่อนไม่ใช้โอกาสในการปรับปรุงด้านอุปทาน (Supply Side) ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในด้านภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นข้อด้อยของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก 

จากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของ World Economic Forum (WEF) ซึ่งจัดอันดับความปลอดภัยของไทยไว้ท้ายๆ ตารางเสมอมา และเป็นอันดับที่ต่ำกว่าประเทศในอาเซียนแทบทุกประเทศ รวมทั้งพม่าและลาว

วันนี้ต้องยอมรับว่าโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 ล้านคนในปี 2566 มีน้อยเต็มที การคาดการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้อยู่ที่เพียง 20 ล้านคน แม้จะมีการออกมาตรการฟรีวีซ่ามา ซึ่งทำให้สูญเสียรายได้ไปมากพอควร โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่ก่อนโควิดเคยมีจำนวนสูงถึง 10 ล้านคนในปี 2562 อย่างเก่งปีนี้น่าจะทำได้แค่ 3 ล้านคน 

หากจำกันได้ ตอนนั้นจีนมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่มาเสียชีวิตในไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากการจมน้ำตาย และรัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่ได้พยายามแก้ปัญหาและสื่อสารภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิผล 

มาวันนี้ยังมีปัญหาจีนเทา ยาเสพติด และอาวุธปืนผิดกฎหมายเข้ามาเพิ่ม ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสื่อมทรามลง และส่งผลให้มีการยกเลิกทริปมาไทยเป็นจำนวนมาก

ประเทศที่แย่งซีนไทยไปและสมควรยึดถือเป็นตัวอย่างคือ ญี่ปุ่น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการพัฒนาการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จากระดับที่แทบไม่มีความสำคัญเลย จนวันนี้ถือได้ว่าแซงหน้าไทยไปแล้ว 

มาตรการสำคัญ ได้แก่ ฟรีวีซ่า การคืนภาษีที่สะดวกรวดเร็ว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวระดับท้องถิ่น ตลอดจนภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลสมควรจะนำมาเป็นบทเรียนในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยในระยะต่อไป

โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ควรจะมุ่งเน้นตลาดจีนเป็นหลัก เพราะรัฐบาลจีนมีความวิตกกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนหนึ่งในสี่ของของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทย 

ดังนั้นภาครัฐควรกระตุ้นบทบาทในชี้นำภาคการท่องเที่ยว ผ่านกลไกของคณะกรรมการร่วมด้านการท่องเที่ยวไทย-จีน ซึ่งมีอยู่แล้ว และมีปลัดกระทรวงท่องเที่ยวของสองประเทศเป็นประธานร่วมกัน เป็นกลไกหลักในการปรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยในตลาดจีนต่อไป

‘สนค.’ เผย ภาคเหนือครองใจประชาชน อันดับ 1 หลังคนไทยแห่เที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น 30.28%

(13 ธ.ค. 66) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเดือนพฤศจิกายน 2566 ทุกอำเภอทั่วประเทศ เกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวในประเทศช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวและเทศกาลเฉลิมฉลอง และเป็นการสำรวจต่อเนื่องจากเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยพบว่า ประชาชนมีแผนท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ภาคเหนือยังเป็นจุดหมายที่ครองใจประชาชนอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ภาคกลาง และภาคใต้ และคาดว่าจะใช้จ่าย 5,001-10,000 บาท/คน/ทริป เพื่อเป็นค่าเดินทาง อาหาร และที่พัก

อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านภาระทางการเงิน ระดับราคาสินค้าและบริการ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ระมัดระวังการใช้จ่ายและยังไม่มีแผนการท่องเที่ยว

โดยแผนการท่องเที่ยวในภาพรวม พบว่ามีผู้ตอบ 32.19% ที่มีแผนการท่องเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2566 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการสำรวจในปี 2565 (30.28%) ซึ่งผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เป็นพนักงานของรัฐ 43.10% พนักงานบริษัท 41.85% นักศึกษา 40.25% โดยมีรายได้ 30,000 บาท/เดือนขึ้นไป

นอกจากนี้ พบว่า กลุ่มผู้อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแผนท่องเที่ยวในสัดส่วนที่มากกว่าครึ่ง คือ 52.91% ส่วนหนึ่งคาดว่าอาจเป็นเพราะกำลังซื้อที่สูงตามระดับรายได้ของครัวเรือนที่สูงกว่าภาคอื่นๆ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ที่ไม่มีแผนท่องเที่ยวยังคงมีความกังวลใน 3 เรื่องหลักเช่นเดียวกับปี 2565 คือ ภาระทางการเงิน ระดับราคาสินค้าและบริการ และไม่ชอบการเดินทาง อย่างไรก็ดี มีผู้ตอบบางส่วน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ พนักงานของรัฐฯ และมีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาท/เดือนขึ้นไป ให้เหตุผลว่าจะมีแผนท่องเที่ยวหลังจากนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวไทยในปี 2567

“การท่องเที่ยวในประเทศช่วง 2 เดือนสุดท้ายปี 2566 มีแนวโน้มคึกคัก โดยเฉพาะในภาคเหนือ และการท่องเที่ยวภายในภูมิลำเนา ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้น หน่วยงานและสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องควรเตรียมความพร้อมในทุกด้าน เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนประชาชนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน” นายพูนพงษ์ กล่าว

‘นายกฯ’ เผย อินโดฯ สั่งข้าวไทย 2 ล้านตัน เชื่อ ช่วยดันราคาสูงขึ้น พร้อมหารือ ‘ผู้นำ 3 ชาติ’ เล็งจัดเส้นทางท่องเที่ยว 4 ประเทศ

(17 ธ.ค. 66) ที่โรงแรมโอกุระ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษฯ ว่า ระหว่างการประชุมได้หารือพูดคุยส่วนตัวกับผู้นำประเทศในอาเซียน อาทิ ประเทศกัมพูชา, ประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย สำหรับการพูดคุยกับ ‘นายฮุน มาเนต’ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มีความสนิทสนมกัน และพบเจอกันในหลายวงประชุมแล้ว ก็ได้หารือกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานกงศุลที่กรุงเสียมเรียบซึ่งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังคือนครวัด และมีนักท่องเที่ยวเยอะ โดยทางนายฮุน ยืนยันจะสนับสนุนเต็มที่ รวมถึงขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดำเนินการให้คนกัมพูชาเข้าไทยได้โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ต และทำให้ภาคแรงงานทำให้ขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่การหารือร่วมกับ ‘นายหวอ วัน เถือง’ ประธานาธิบดีเวียดนาม ก็จะมีการรื้อฟื้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมสองประเทศ โดยทางเวียดนามเสนอให้จัดช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2567 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ ในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก ก็น่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องราคาข้าว เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น

รวมถึงทางเวียดนามเสนอให้ประเทศไทยในฐานะที่มีประสบการณ์สูงในเรื่องการท่องเที่ยว และนโยบายก้าวหน้า รวมถึงมีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดในภูมิภาคนี้ ทางเวียดนามก็ได้เสนอว่า ให้ไทย เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา มาพูดคุยกันเพื่อร่วมเป็นคณะกรรมการโปรโมทการท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงกัน เพราะเวลานักท่องเที่ยวมาภูมิภาคนี้ก็จะได้มาทั้งหมด นำจุดแข็งของแต่ละประเทศมาใช้ ซึ่งตนได้เสนอว่าการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีระหว่างเวียดนามและไทยช่วงเดือนพฤษภาคม เราจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวทั้ง 4 ประเทศ เพื่อทำการบ้านไปก่อนคลอดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของทุกประเทศที่จะดำเนินการต่อไป อีกทั้งแนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ที่ดีมากของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการพูดคุยกับ ‘นายโจโก วีโดโด’ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ดำรงตำแหน่งมา 8 ปีแล้ว และปัจจุบันเป็นประธานอาเซียน ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีบารมี และทุกคนให้ความเคารพ ตนได้เจอท่าน 3-4 ครั้ง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านส่งนักธุรกิจมาคุยเรื่องการค้าข้าวมาพูดคุยก่อนแล้ว และการพบกันวันนี้ประธานาธิบดียืนยันว่าจะซื้อข้าวไทยจำนวน 1 ล้านตันภายในปีนี้ แต่เมื่อระยะเวลาเหลือเพียง 20 วัน ประธานาธิบดียืนยันจะสั่งข้าวไทยเป็น 2 ล้านตัน โดยจะส่งคนมาพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วงต้นปี 2567 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ราคาข้าวไทยมีราคาและความต้องการสูงขึ้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ยังมีความสนใจในเรื่องแลนด์บริดจ์ด้วย เพราะมีนักลงทุนอินโดนีเซียสนใจมาลงทุน โดยจะมีการนัดมาหารือต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top