Tuesday, 14 May 2024
การท่องเที่ยว

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! อโกด้าจัด ‘ขอนแก่น’ น่าเที่ยวอันดับ 1 ในภูมิภาค ชี้ นทท.เพียบ สะท้อนท่องเที่ยวไทยดีทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง

(18 เม.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การประชุมวันนี้ถึงแม้ว่าจะมีวาระไม่มากนัก แต่ก็เป็นหน้าที่ของ ครม.และรัฐบาลที่ต้องดำเนินการทุกอย่างให้เกิดความต่อเนื่อง

โดยสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศอยู่ในเกณฑ์ มีศักยภาพทำให้ความเชื่อมั่นสูงขึ้น ทุกอย่างฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์การเงิน การคลังของเราอยู่เกณฑ์ดี ซึ่ง รมว.คลังได้ชี้แจงว่าหลายเวทีในต่างประเทศทุกคนยอมรับ และมีความเชื่อมั่นศักยภาพการเงินการคลังของเรา ขอให้ฟังรัฐบาลบ้าง ตนเข้าใจดีว่าทุกคนไม่ได้มองไกลขนาดนั้น ทุกคนมองแต่เศรษฐกิจภายในครอบครัวเป็นหลัก เป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องนึกถึงแต่ตัวเอง แต่ต้องนึกถึงภาพรวมด้วย เพราะจะต้องเติบโตไปด้วยกันทั้งหมด อะไรที่บกพร่องรัฐบาลพยายามแก้ไข และเดินหน้ายุทธศาสตร์ไปอย่างต่อเนื่อง

“การทำอะไรอย่างผลีผลาม ไม่มีข้อมูลอย่างแท้จริง ไม่ถ่องแท้ มันก็บริหารไม่ได้อย่างนี้หรอก อันนี้ขอให้เครดิตกับรัฐบาล และ ครม.ที่ทำให้สถานการณ์การเงิน การคลัง ยังแข็งแกร่งในปัจจุบัน ในมุมมองของต่างประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

บิ๊กตู่’ โชว์ผลงาน ‘การท่องเที่ยว-การเกษตร’ ฟื้นตัว ส่งผลเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง - ความเชื่อมั่นพุ่งสูง

(28 เม.ย.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตนมุ่งมั่นพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยจากวิกฤติการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควด-19 และผลกระทบจากสงครามในทวีปยุโรป ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุด รายงานสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน มี.ค.2566 เศรษฐกิจได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวและภาคการเกษตรที่ขยายตัวได้ดี อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง จากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 20.1% การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ลดลงจากเล็กน้อยช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -0.9% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.8 จากระดับ 52.6 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และสูงสุดในรอบ 37 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น รวมถึงความกังวลจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า โดยเฉพาะในช่วงเดือน มี.ค. 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวมจำนวน 2.22 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 953.0% ขณะที่ดัชนีเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนเมษายน 2566 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นใน 6 เดือนข้างหน้า ปรับตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาค โดยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้อยู่ที่ระดับ 83.5 ภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 82.3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 77.4 ภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 76.8 ภาคกลางอยู่ที่ระดับ 71.9 กทม. และปริมณฑลอยู่ที่ระดับ 60.9 

เวลาเปลี่ยน เมืองไทยเปลี่ยน: ถนนสายใหม่ เลี่ยง 'อช.น้ำหนาว'

รัฐบาลเห็นความสำคัญของสัตว์ป่า จึงสร้างถนนสายใหม่เลี่ยงเส้นทางอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เพื่อแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า เส้นทางใหม่นี้ใช้ทดแทนถนนสายหลัก 12 หล่มสัก-คอนสาร ระยะทางกว่า 110 กิโลเมตร พร้อมเปิดพื้นที่ใหม่ สร้างโอาสให้การท่องเที่ยว

‘รัฐบาล’ ชี้ การบริโภค-ท่องเที่ยว ช่วย ศก.ไทยฟื้นตัว เผย ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 66 เติบโตต่อเนื่อง

(10 พ.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาค เดือนมีนาคม 2566 เติบโตทั่วประเทศ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการณ์แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทย GDP ในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้มากกว่าครึ่งปีแรกที่มากกว่า 4% และทั้งปี 2566 GDP ไทยจะขยายตัวร้อยละ 3.6

นายอนุชา กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาค เดือนมีนาคม 2566 โดยเศรษฐกิจภูมิภาคส่วนใหญ่ ล้วนได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นทุกภาค รวมถึงเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ของภาคเหนือขยายตัวร้อยละ 8.5 ต่อปี ภาคใต้ขยายตัวร้อยละ 23.7 ต่อปี

ด้าน กทม.และปริมณฑลขยายตัวร้อยละ 4.7 ต่อปี ภาคตะวันตกขยายตัวร้อยละ 20.0 ต่อปี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขยายตัวร้อยละ 2.9 ต่อปี ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออก ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน รวมถึงรายได้เกษตรกรมีการขยายตัว

นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2566 จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้น จากปัจจัยด้านการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการส่งออกไทยจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2566 โดยการส่งออกผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าคาดว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ทำให้การส่งออกขยายตัวดีขึ้น รวมทั้ง GDP ในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้มากกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งครึ่งปีแรกจะขยายตัวร้อยละ 2.9-3 และในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 4 ส่งผลให้ปี 2566 GDP ของไทยจะขยายตัวร้อยละ 3.6 สำหรับสถานการณ์เงินเฟ้อ ในช่วงครึ่งปีแรกยังสูงที่ร้อยละ 3.3 แต่ในช่วงครึ่งหลังเงินเฟ้อทั่วไปจะต่ำกว่ากรอบอยู่ที่ร้อยละ 2.5 โดยยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกในเวลานี้ที่ยังมีความไม่แน่นอน

“เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ในภาพรวมยังเป็นไปในเชิงบวก ซึ่งการบริโภคและการท่องเที่ยว จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง รัฐบาลยังคงติดตามสภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือและดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งเพิ่มศักยภาพเพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวอย่างยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว

‘กระแสร์’ ว่าที่ ส.ส.พปชร. เร่งยกระดับการท่องเที่ยวแบบครบวงจร หวังสร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมดันรัฐสวัสดิการเพื่อคนไทยอย่างทั่วถึง

วันที่ (12 มิ.ย. 66) นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ ว่าที่ ส.ส. จังหวัดหนองคาย เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ๆ ตนดูแลอยู่เป็นลักษณะเขตเมือง ได้รับประโยชน์จากโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทำให้เกิดบรรยากาศความคึกคักของพื้นที่ มีประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพื่อเดินทางต่อไปยัง สปป. ลาว ตนมองว่าต้องเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัด ทั้งทางวัฒนธรรม ศาสนา ซึ่งมีวัดหลวงพ่อพระใส ที่เป็นนับถือของคนทั้งฝั่งไทยลาว ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้เพิ่มขึ้น จึงต้องเตรียมความพร้อม โดยการประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคายมากขึ้น

“ในส่วนของการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนนั้น ส่วนใหญ่อยากให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวหนองคายให้ดีขึ้น ผมก็จะดำเนินการตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ได้หาเสียงไว้ ไม่ว่าพรรคเราจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ผมจะผลักดันเพื่อให้เกิดรัฐสวัสดิการที่ดูแลคนไทยทุกคนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรมให้ได้ และที่สำคัญ เราจะร่วมกันพัฒนาจังหวัดหนองคาย เพราะจังหวัดหนองคายคือบ้านของเรา” นายกระแสร์ กล่าว

นายกระแสร์ ยังกล่าวถึงเกษตรกร จ.หนองคายว่า ถือว่าเป็นโชคดี ที่พื้นที่เกษตรกรตั้งอยู่ติดกับลำน้ำโขง ทำให้ไม่ต้องเผชิญปัญหาภัยแล้ง สามารถทำนาปี และนาปรังได้ตลอดทั้งปี แต่ปัญหาเรื่องของน้ำฤดูมรสุมที่จะมีปริมาณน้ำมาก ทำให้บางพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ต้องรอการระบายน้ำ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ เรื่องนี้คงต้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ และประสานเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเป็นการเฉพาะหน้า

‘นายกสมาคมโรงแรมไทย’ เผย อัตราเข้าพักพุ่ง 85-90% อานิสงส์หยุดยาว หนุนท่องเที่ยว-เศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง

(29 ก.ค. 66) นายสรรเพ็ชร ศุภบวรเสถียร นายกสมาคมโรงแรมไทย ภาคตะวันออก เปิดเผยว่า การมีวันหยุดยาวต่อเนื่องถึง 6 วัน ถือเป็นส่วนช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ดีมาก เนื่องจากจะมีวันเที่ยวมากกว่าเดิม และยังแบ่งวันพักผ่อนได้ด้วย โดยแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวระยะใกล้กรุงเทพฯ ถือว่าได้รับอานิสงส์เชิงบวกสูงกว่าในภาพรวม อาทิ พัทยา ที่มียอดจองเข้ามาหนาตามากในวันที่ 28-29 กรกฎาคมนี้ ส่วนวันที่เหลือก็เป็นการจองด่วนที่ปรับขึ้นได้ดี คือ เป็นการเข้าพักวันนี้และจองวันนี้ทันที ไม่ได้เป็นการจองล่วงหน้าเหมือนเดิมแล้ว สาเหตุก็เป็นเพราะการประกาศวันหยุดที่มีเวลาเตรียมตัวไม่นาน ทำให้ประชาชนที่ต้องการเที่ยวต้องตัดสินใจแบบเร่งด่วนกว่าเดิม

“เดิมช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นวันหยุดยาวอยู่แล้ว แต่พอมีการประกาศวันหยุดเพิ่มเป็นวันที่ 31 กรกฎาคมเข้ามา ก็ทำให้มีวันหยุดยาวมากขึ้นไปอีก จากที่อัตราการเข้าพักก็วิ่งกันอยู่ประมาณ 60-70% พอมีวันหยุดเพิ่มก็ดันอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นถึง 85-90% แต่วันที่ 30 กรกฎาคม ก็จะปรับลดลงบ้าง เพราะมีการทยอยกลับในกลุ่มที่บริษัทไม่ได้นับวันที่ 31 กรกฎาคม เป็นวันหยุดพิเศษเพิ่มให้ โดยในกลุ่มจังหวัดระยะใกล้ก็ได้อานิสงส์มากขึ้นกว่าภาพรวม เพราะใกล้กรุงเทพฯ พฤติกรรมของคนในจังหวัดนี้จะตัดสินใจเร็ว อย่างตอนเช้าอยากเที่ยว ก็ออกเดินทางทันที” นายสรรเพ็ชร กล่าว

นายสรรเพ็ชร กล่าวว่า ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลซ์ซีซัน) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน อัตราการเข้าพักวิ่งอยู่ประมาณ 40-50% แต่ก็มีบางโรงแรมที่มีฐานลูกค้าเฉพาะตัว อาทิ นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีงานเลี้ยง หรือเป็นลูกค้าหน่วยงานรัฐ ก็จะมีอัตราการเข้าพักวิ่งได้ดีกว่า ซึ่งหากประเมินในภาพรวมก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบมากมายนัก ทั้งนี้ ยืนยันว่าราคาห้องพักในโรงแรมยังไม่มีการปรับตัวขึ้น เพราะไม่ใช่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยมากๆ มีความต้องการ (ดีมานด์) ฟื้นตัวแบบชัดเจน จึงยังไม่ได้ขายในราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นมาเหมือนช่วงหน้าหนาว ราคายังสามารถจับต้องได้อยู่

นายสรรเพ็ชร กล่าวว่า แนวโน้มตั้งแต่เดือนสิงหาคม เป็นต้นไป คาดการณ์อัตราการเข้าพักจะดีขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาเที่ยวไทย ปะปนกับไทยเที่ยวไทยได้มากปกติ รวมถึงเป็นช่วงปิดภาคเรียนของหลายประเทศทั่วโลก และปิดงบหน่วยงานของรัฐ จึงจะมีฐานลูกค้าเหล่านี้เข้ามาท่องเที่ยวและใช้บริการโรงแรมในภาคตะวันออกได้มากกว่าเดิม อาทิ พัทยา หัวหิน โดยประเมินสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมากกว่าคนไทยในช่วงสิ้นปี 2566 ที่เป็นไฮซีซันของต่างชาติเที่ยวไทยแบบชัดเจน

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! ‘กรุงเทพ’ ครองอันดับ 1 ปี 2023 เมืองที่ ‘นทท.ต่างชาติ’ มาเยือนมากที่สุดในโลก

(3 ส.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นอันดับ 1 ในปี 2023 จากเว็บไซต์ travelness มีชาวต่างชาติเดินทางมาทั้งสิ้น 22.78 ล้านคน โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 - 24 ก.ค. 66 สร้างรายได้รวม 1,125,072.88 ล้านบาท เฉพาะช่วง 24 - 30 กรกฎาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 563,882 คน คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 80,555 คน

รวมทั้งยังมีผลสำรวจของ The Pew Research Center ของสหรัฐอเมริกา เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เผยว่าอาหารไทย ได้รับการโหวตเป็นอาหารยอดฮิตอันดับ 3 อาหารเอเชียที่ขายดีในอเมริกา ด้วยสัดส่วนร้อยละ 11 เป็นรองเพียงอาหารจีนและอาหารญี่ปุ่น

ทั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ในการส่งเสริมเมืองท่องเที่ยวของไทยให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย พร้อมชูซอฟพาวเวอร์ ‘อาหารไทย’ ด้วยการท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือ ‘Gastronomy Tourism’ ให้อยู่ในกระแสนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานความคืบหน้า การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย ตามยุทธศาสตร์ชาติ และ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) สู่การท่องเที่ยวคุณภาพสูง และให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียนว่า กรมฯ ได้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมมลพิษ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงแรมไทย เป็นต้น

เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ ขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและองค์กรปกครองท้องถิ่นในการบริหารจัดการเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย สอดคล้องมาตรฐานเมืองท่องเที่ยวของอาเซียน เช่น มาตรฐานโรงแรมสีเขียว (ASEAN Green Hotel Standard) มาตรฐานเมืองท่องเที่ยวสะอาด (ASEAN Clean Tourist City Standard) ซึ่งผู้ประกอบการโรงแรมในไทยให้ความสนใจ โดยปี 2566 นี้ มีผู้ประกอบการโรงแรมที่พักที่ผ่านเกณฑ์เบื้องต้นในการขอรับการตรวจประเมินมาตรฐานโรงแรมสีเขียวอาเซียน ถึง 27 แห่งจากทั่วประเทศ

"ประเทศไทยยังคงเป็นปลายทางการท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวยังคงให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อน เชื่อว่าปี 2566 ทั้งปี การท่องเที่ยวไทยจะสามารถสร้างรายได้ราว 2.38 ล้านล้านบาท และมีสิทธิลุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทยไม่น้อยกว่า 25 ล้านคนตามเป้าหมาย" น.ส.รัชดากล่าว

เตรียมพร้อมรับ Digital Nomad นักท่องเที่ยว สายทำงาน เลือก 3 พิกัดในไทยเป็นหมุดหมายในการมาใช้ชีวิต

หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับการพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้ไลฟ์สไตล์ในการทำงานของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomad ทั่วโลก เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 15.2 ล้านคน ในปี 2562 เป็น 35 ล้านคนในปี 2565 หรือเติบโตขึ้นกว่า 130% และมีโอกาสแตะระดับ 60 ล้านคน ในปี 2573

จุดเด่นของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomad คือ การมีระยะเวลาพำนักเฉลี่ยสูงถึง 6 เดือน ส่งผลให้มีการใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวโดยทั่วไปกว่า 56% และไม่ได้มีฤดูกาลท่องเที่ยวที่ชัดเจนแบบนักท่องเที่ยวกลุ่ม Mass ทำให้สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว โปรไฟล์ของกลุ่ม Digital Nomad จะเป็นชาวอเมริกันเป็นหลักโดยมีสัดส่วนสูงถึง 48% ของกลุ่ม Digital Nomad ทั้งหมด รองลงมาได้แก่ สหราชอาณาจักร (7%) รัสเซีย (5%) แคนาดา (4%) และเยอรมัน (4%)

และส่วนใหญ่จะเป็นชาวมิลเลนเนียล (Millennials) หรือกลุ่ม Gen Y โดยกว่า 83% จะประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งอาชีพที่พบได้มากที่สุด คือ งานด้านคอมพิวเตอร์/ไอที นักการตลาด งานออกแบบ นักเขียน และงานด้าน E-Commerce

โดยสถานที่ที่นิยมใช้เป็นที่ทำงานแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

-กลุ่มที่ต้องการเสียงและบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ เพื่อให้มีสมาธิในการทำงาน จะเลือกทำงานใน Co-working Space เป็นหลัก

-กลุ่มที่ต้องการความเงียบสงบในการทำงานจะเลือกทำงานในที่พักอาศัยเป็นหลัก

ส่วนด้านค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตของกลุ่ม Digital Nomad จะมีงบประมาณในการใช้จ่ายเฉลี่ย 1,875 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือราว 62,000 บาทต่อเดือน โดยมีระยะเวลาพำนักเฉลี่ยประมาณ 6 เดือน ก่อนจะย้ายเมืองหรือประเทศที่ใช้เป็นสถานที่ทำงานใหม่ต่อไป

สำหรับประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomad เป็นอย่างมาก เพราะว่า 5 ปัจจัยหลักในการเลือกจุดหมายปลายทางของกลุ่ม Digital Nomad คือ ค่าครองชีพต่ำและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ความปลอดภัย แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ วีซ่าที่เหมาะสม ร้านกาแฟ/Co-working Space โดยเรื่องค่าครองชีพและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุด เนื่องจากมีผลต่อกำลังซื้อและประสิทธิภาพในการทำงานโดยตรง ขณะที่เรื่องความปลอดภัย ทั้งความปลอดภัยด้านอาชญากรรมและสภาพแวดล้อมมีความสำคัญรองลงมา

ซึ่ง ประเทศไทยติดอันดับ Top 10 ถึง 3 แห่ง ได้แก่ 1. เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี (อันดับ 1) 2. กรุงเทพฯ (อันดับ 2) 3. จ.เชียงใหม่ (อันดับ 9) 

ด้วยศักยภาพและของ กลุ่ม Digital Nomad ด้าน Krungthai COMPASS ประเมินว่า การเติบโตของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomad จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจหลัก คือ

-ธุรกิจที่พักแรม และร้านอาหาร เช่น ธุรกิจ Co-Living Space, Service Apartment, Hostel, โรงแรม และ ธุรกิจ Co-working Space

-ธุรกิจบริการเช่ารถจักรยานยนต์ เนื่องจากเป็นวิธีการเดินทางหลักของ Digital Nomad

-ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง Community เช่น การจัดกรุ๊ปทัวร์ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เดินป่า ปีนเขา ดำน้ำ รวมถึงคลาสออกกำลังกาย เช่น โยคะ มวยไทย เป็นต้น

-ธุรกิจโทรคมนาคม เนื่องจากระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและมีประสิทธิภาพมีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้

นอกจากนี้ ธุรกิจต่อเนื่องหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องทางอ้อมก็มีโอกาสได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ทั้งในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า / ธุรกิจสถานบันเทิง / ธุรกิจการแพทย์

‘บิ๊กป้อม’ ย้ำ ‘ทส.’ ดูแล-ปกป้องสิ่งแวดล้อม คืนอากาศบริสุทธิ์ หนุนยกระดับท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

(9 ส.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้มีการพิจารณา เห็นชอบประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม 3 พื้นที่ (จ.กระบี่, จ.พังงา และ จ.สุราษฎร์ธานี) เพื่อควบคุมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม และให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างเท่าเทียม และได้เห็นชอบรายงาน EIA งานก่อสร้างระบบจำหน่ายไฟฟ้า จ.กาญจนบุรี ตามโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้า เพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 2 รวมทั้งงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้ารองรับนิคมอุตสาหกรรม จ.กาญจนบุรี และเห็นชอบ EIA โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ปาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ลำปาง เพื่อจัดหาแหล่งน้ำให้กับราษฎร บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตร และอุปโภคบริโภค

นอกจากนั้น ยังได้เห็นชอบ (ร่าง) มาตรการเฝ้าระวังป้องกัน และแก้ไขปัญหามลพิษอันเกิดจาก พีเอ็ม 2.5 ตั้งแต่ระยะเตรียมการ ระยะเผชิญเหตุ และระยะบรรเทา รวมถึงมาตรการตลอดทั้งปี เพื่อให้ทุกหน่วยงานบูรณาการแก้ปัญหาพีเอ็ม 2.5 ในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพในปีต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ ทส.และผู้เกี่ยวข้อง กำกับ ติดตามการดำเนินงานของเจ้าของโครงการที่ผ่านความเห็นชอบรายงาน EIA แล้ว โดยให้มีการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด พร้อมได้กล่าวชื่นชม ทส.และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้ทุ่มเท เสียสละการทำงานอย่างเต็มที่ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล มีธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากมลพิษที่เป็นภัยต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้เดินทางมายังประเทศไทยซึ่งมีจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ จากรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมากในขณะนี้

‘เศรษฐา’ เรียก 8 สายการบิน ร่วมถกรับมือไฮซีซันไตรมาส 4 ปลื้ม!! สายการบินตอบรับฟรีวีซ่า เพิ่ม นทท.-กระตุ้นเศรษฐกิจ

(28 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นประธานการประชุมร่วมกับ 8 สายการบิน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และหาแนวทางแก้ไขด้านการบิน เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว โดยมีตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ได้แก่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานด้านนโยบาย, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล สส.บัญชีรายชื่อ, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่

ด้านตัวแทนของสายการบิน ได้แก่ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผอ.ใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน), นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผอ.สํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย, นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท การบินไทย จํากัด (มหาชน), นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท, นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย, นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์, นายชัยยง รัตนาไพศาลสุข รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จํากัด, นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จํากัด (มหาชน), นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ และนายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สายการบินนกแอร์ จํากัด (มหาชน)

สำหรับปัญหาที่ผู้ประกอบการสะท้อนมายังนายกฯ และพรรคเพื่อไทย เช่น
1.) การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้ทันกับฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างน้อย 20%
2. การเพิ่มศักยภาพเครื่องบินให้ทันกับการปรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น
3.) การเพิ่มโอกาสผลักดันนักท่องเที่ยวในตลาดขนาดใหญ่ เช่น จีน อินเดียให้มากขึ้น
4.) การเพิ่มจำนวนเครื่องบินให้มีความเหมาะสมกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล

นายเศรษฐา กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอบคุณที่ทุกคนสละเวลามาพบกัน ซึ่งเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่สำคัญที่สุดของรัฐบาล วันนี้พรรค พท. เรามาพร้อมกับว่าที่รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ว่าที่ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ว่าที่เลขานายกฯ ว่าที่ รมว.คมนาคม และว่าที่ รมช.คลัง วันนี้เราพร้อมมาฟังความคิดเห็นจากสายการบินทั้งหมดว่ามีอะไรให้เราช่วยเหลือบ้าง เมื่อถวายสัตย์ฯแล้วจะดำเนินการทันที ซึ่งรัฐบาลพรรค พท.มีความร้อนใจว่าไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว ถ้าเราเริ่มทำงานได้ก่อนจะเป็นการแสดงความได้เปรียบ เพื่อให้ภาคเอกชนมีความพร้อมที่จะรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยว

นายเศรษฐา กล่าวว่า และขอขอบคุณ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการช่วยกันส่งเสริมการทำงานกับรัฐบาล พท.ในการเตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมรายได้เข้าประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการภายในสนามบิน การเพิ่มเที่ยวบิน การเพิ่มหรือขยายรันเวย์ เป็นต้น

ส่วนข้อเสนอของสายการบินต่างๆ ถือว่าเป็นความร่วมมือที่ดีในการร่วมกันส่งเสริม และสร้างรายได้เข้าประเทศ เป็นเรื่องดีที่ทุกสายการบินให้การตอบรับนโยบาย Free visa ในบางประเทศที่มีศักยภาพ เช่น จีน ซึ่งคาดว่าทุกสายการบินมีความต้องการขยายจำนวนเที่ยวบินรับนักท่องเที่ยว ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและต่างประเทศ รัฐบาลที่นำโดยพรรค พท.มีแผนที่จะไปโปรโมทการท่องเที่ยวไทยในต่างประเทศในปีหน้าในเที่ยวบินที่มีความพร้อม ซึ่งแต่ละสายการบินมีสัญญาณที่ดีว่า หากรัฐบาลสามารถเพิ่มความต้องการนักท่องเที่ยวไทยได้ สายการบินจะมีการแข่งขันกันโปรโมทการท่องเที่ยวร่วมกัน ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงตั๋วโดยสารได้ในราคาที่เหมาะสม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top