Thursday, 3 July 2025
กัมพูชา

‘กัมพูชา’ เผชิญ 3 วิกฤตหลังปิดด่านประชดไทย โรคระบาด – พลังงาน - เสื่อมศรัทธาทางการทูต

(23 มิ.ย. 68) กัมพูชากำลังเข้าสู่ “สามวิกฤต” ซ้อน - สุขภาพ พลังงาน และศรัทธาระหว่างประเทศ หลังปิดด่านประชดไทย

ณ เวลานี้ กัมพูชากำลังเผชิญกับวิกฤตหลายด้านพร้อมกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จนอาจกล่าวได้ว่าประเทศกำลังก้าวเข้าสู่ “สามวิกฤตรุมเร้า” ซึ่งประกอบด้วยภัยสาธารณสุข ภัยเศรษฐกิจ และภัยทางการทูตอย่างรุนแรง

1. ไข้หวัดนกระบาดหนัก – ชายแดนไทย–กัมพูชาส่อปิดยาว
สถานการณ์ไข้หวัดนกในกัมพูชากำลังทวีความรุนแรง โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ติดต่อสู่คนได้ ทำให้อัตราการตายสูงเกิน 50% ในหลายกรณี (เช่น H5N1)มีความเป็นไปได้สูงครับว่า ภาครัฐของไทยมีแนวโน้มจะพิจารณาปิดด่านชายแดนเพื่อจำกัดการแพร่ระบาด ถ้าเกิดขึ้นไม่เพียงแต่กระทบแรงงานข้ามชาติ แต่ยังทำให้เศรษฐกิจชายแดนของกัมพูชาแทบหยุดชะงักไปยาวๆอีกสักพักนึงเลยครับ

2. วิกฤตน้ำมัน – ราคาพุ่งจากการปิดช่องแคบฮอร์มุซ
จากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทำให้ช่องแคบฮอร์มุซถูกปิด ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงแบบฉับพลัน กัมพูชาในฐานะประเทศที่พึ่งพาน้ำมันนำเข้าเกือบทั้งหมดต้องรับผลเต็ม ๆ โดยเฉพาะเมื่อชายแดนไทยที่เคยเป็นเส้นทางลำเลียงพลังงานทางบกกลับมีแนวโน้มจะปิดตามมาตรการสาธารณสุข วิกฤตพลังงานจึงกลายเป็นวิกฤตต้นทุนชีวิตของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้เนี่ยมือถือเป็นนโยบายที่ผิดพลาดโดยกัมพูชาโดยตรงเพราะว่าคนที่ออกนโยบายสกัดกั้นน้ำเป็นน้ำมันจากไทยนั้นก็ไม่ออกเลยรัฐบาลกัมพูชาซึ่งเพิ่งประกาศใช้ไปเมื่อวานนี้เอง

3. เสียหน้าในเวทีระหว่างประเทศ – พฤติกรรมทางการทูตสะท้อนความไม่เป็นมืออาชีพ
แม้รัฐบาลกัมพูชาจะพยายามใช้การเปิดคลิปเสียงโจมตีผู้นำไทยเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง แต่ผลที่ตามมากลับกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ตกต่ำในสายตานานาชาติ การนำข้อมูลลับทางการทูตออกมาเปิดเผยเพื่อหวังผลทางการเมืองภายใน ถือเป็นการทำลายความเชื่อถือของระบบการทูตระหว่างประเทศโดยตรง ประเทศใดที่ไม่เคารพหลักการพื้นฐานของการทูต ย่อมถูกมองว่า “ไม่สามารถไว้วางใจได้”

เรื่องนี้อย่าทำให้เห็นภาพชัดว่าฮุนเซนกำลังเผชิญกับการสูญเสียภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือโดยเฉพาะการทำลายมิตรภาพที่ยาวนานกว่าหลาย 10 ปีเพียงเพื่อการเอาชนะในสรภูมิการเมืองเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง

บทสรุป
ในขณะที่ประชาคมโลกเผชิญกับความผันผวนจากภูมิรัฐศาสตร์ กัมพูชากลับเผชิญ “ไฟสามด้าน” พร้อมกัน ทั้งโรคระบาด วิกฤตพลังงาน และความเสื่อมศรัทธาทางการทูต

คำถามสำคัญคือ—ผู้นำกัมพูชาจะรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้อย่างไร โดยไม่ยิ่งซ้ำเติมประชาชน และไม่พาประเทศให้ถลำลึกสู่ความโดดเดี่ยวทางการเมืองมากไปกว่านี้?

‘กองทัพบก’ แจงปมนักปั่นเที่ยว ‘ปราสาทตาเมือนธม’ ยันไทยมีอธิปไตยเหนือพื้นที่เข้าชมได้เสรีไม่จำกัดเวลา

(23 มิ.ย. 68) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงกรณีคณะนักปั่นจักรยานชาวไทยเข้าเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม หลังโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยยืนยันว่า ไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมมาโดยตลอด ตามหลักฐานภูมิศาสตร์และการบริหารของราชการไทย

กองทัพบกยังยืนยันว่า ไทยเคารพข้อตกลงและความร่วมมือเสมอมา และพร้อมแก้ไขปัญหาผ่านกลไกหารือร่วมกัน แม้ระยะหลังกัมพูชาจะลดท่าทีความร่วมมือลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังยืนยันว่า ได้แจ้งข้อมูลต่อชุดประสานงานของกัมพูชาล่วงหน้า ก่อนนำคณะนักปั่นเข้าพื้นที่ และการเข้าชมของคนไทยสามารถทำได้โดยเสรี ไม่จำกัดเวลา ซึ่งข้อจำกัดเวลา 09.00-15.00 น. นั้น ใช้กับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่ไทยอนุโลมให้เข้าชมเท่านั้น

โฆษกกองทัพบกย้ำว่า การสื่อสารเป็นไปตามข้อเท็จจริง และกองทัพบกจะปกป้องอธิปไตยไทยอย่างดีที่สุด ภายใต้รัฐธรรมนูญและกลไกรัฐบาล พร้อมยึดหลักสันติวิธี เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพชายแดนร่วมกันอย่างยั่งยืน 

‘แม่ทัพภาค 2’ ลั่น หากกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน พร้อมตอบโต้ จะไม่พูดคุยแม้แต่คำเดียว ยัน เราจะไม่ยิงก่อน ชี้ ไม่มีแผ่นดิน ประเทศชาติอยู่ไม่ได้

เมื่อวันที่ (24 มิ.ย. 68) ที่สโมสรร่วมเริงชัย กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมารับมอบเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง และผักสด จากกลุ่มองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ชาวจังหวัดนครราชสีมา เพื่อนำไปมอบให้เป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น

พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่ร่วมกันมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคในครั้งนี้ โดยได้กล่าวว่า ตนได้ไปต้อนรับ ผบ.ทบ. และได้ไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่แนวชายแดน ได้เจอพี่น้องชาวบ้านในพื้นที่มาต้อนรับก็รู้สึกดีใจ และเป็นกำลังใจ ทั้งเด็กเล็ก น้อง ๆ เยาวชน โรงเรียน เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ ประเทศชาติแผ่นดินนี้ต้องการ พี่น้องประชาชนมีความเป็นหนึ่งเดียวกันในเวลานี้ เราไม่ได้สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น สนใจแต่ว่าแผ่นดินต้องเป็นของเรา แผ่นดินนี้ต้องไม่สูญไปไหน เราต้องรักษาไว้ให้ลูกหลานของเรา ตนเข้าใจทุกคน ที่มายืนพูดที่นี่ พูดได้ไม่นาน พูดไปมันเหมือนกับน้ำตาจะร่วงอะไรสักอย่างนึง ตนเข้าใจ ที่ตนพูดได้เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ ตนชินกับความรู้สึกนี้แล้ว ชินกับน้ำจิตน้ำใจ ตนอยู่กับประเทศชาติอยู่กับแผ่นดิน ตนจะพูดคำว่าแผ่นดินบ่อยมาก ประเทศชาติยังสู้แผ่นดินไม่ได้ ถ้าไม่มีแผ่นดิน ประเทศชาติก็อยู่ไม่ได้

พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า สิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหมดที่นำมามอบให้ ตนจะนำไปมอบให้น้อง ๆ ทหารแนวหน้าด้วยมือของตนเอง ตนยืนยันทหารที่อยู่กับตนปลอดภัยแน่นอน ถ้ายิงก่อน ตนจะไม่พูดไม่คุยแม้แต่คำเดียว แต่เราก็จะไม่ยิงก่อนเหมือนกัน แต่ถ้ายิงก่อน คุณต้องทำใจ ทุกอย่างเตรียมไว้หมด พร้อมหมดแล้ว ฉะนั้นให้มั่นใจว่า ตนจะพาน้อง ๆ ทหารทุกคนทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด แล้วก็สัญญาว่าแผ่นดินนี้ก็ไม่มีไปไหน อยู่กับพวกเราไปตลอดชั่วลูกชั่วหลาน

‘กัมพูชา’ เมื่อเกมการเมืองกลายเป็นการทำร้ายตัวเอง ผยองตัดไฟฟ้าประชดไทยสุดท้ายเศรษฐกิจชายแดนเจ๊ง

จากที่เฝ้าติดตามมาตลอดตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงปัจจุบัน จะเห็นว่ากัมพูชาเดินเกมทางการเมืองเหมือนจะดูดุดันนะครับ แต่จริง ๆ แล้วกลับออกแนว 'ร้อน' เหมือนคนแก่เล่น Facebook อารมณ์ไม่นิ่ง เดี๋ยวดิ้น เดี๋ยววีน แล้วก็พลาดซ้ำซาก ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังครับ

เริ่มกันที่กรณี 'ตัดไฟฟ้าประชดไทย' ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และตอนนี้กำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองอย่างชัดเจน

การที่กัมพูชาตัดไฟในเขตปอยเปตนั้น แม้จะดูเหมือนเป็นมาตรการตอบโต้ทางการเมืองที่แข็งกร้าว แต่เบื้องหลังก็เต็มไปด้วยการประเมินสถานการณ์ผิดพลาดซ้ำซ้อน และความพยายามเล่นเกมทูตแบบย้อนแย้งไร้แผนรองรับ

ต้องย้อนกลับไปดูช่วงแรกของวิกฤตชายแดน กัมพูชามีท่าที 'ชะล่าใจ' ค่อนข้างมาก ขุดคูเลตทหาร โชว์กำลัง กดดันไทยว่าเขามีสิทธิ์ในพื้นที่ โดยเชื่อว่าไทยจะไม่กล้าตอบโต้แรง เพราะตอนนั้นรัฐบาล โดยเฉพาะคุณแพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ยังนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่แสดงท่าทีแข็งกร้าวใด ๆ ทำให้ฝั่งเขาเชื่อไปว่าไทยไม่กล้าปิดด่านจริงจัง

ในทางกลับกัน ฝ่ายทหารและความมั่นคงของไทยกลับแสดงท่าทีขึงขัง ชัดเจนว่า “อธิปไตยไทยไม่ใช่ของเล่น” มีการใช้มาตรการเบื้องต้น เช่น ปรับเวลาเข้า–ออกด่าน และเตือนว่า “หากกัมพูชายังคุกคาม จะตัดไฟ”

แต่ฝั่งกัมพูชากลับคิดว่าไทยไม่กล้า ด้วยความมั่นใจที่อาจมาจากความสัมพันธ์ทางเครือญาติ จึงตัดสินใจบลัฟกลับ โดยอ้างว่าไทยเป็นฝ่ายจะปิดด่านก่อน แล้วก็เลยตัดไฟฟ้าเอง เป็นการ “ประชดกลับ” แบบไม่คิดหน้าคิดหลัง

แต่การ “อ่านเกมผิด” ครั้งนี้ ทำให้พังทั้งกระดาน

แม้รัฐบาลไทยจะลังเลในตอนแรก แต่เมื่อแรงกดดันจากสังคมและภาครัฐเพิ่มขึ้น การปิดด่านก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในคืนวันที่ 23 มิ.ย. 68

สิ่งที่ตามมาคือ “ภาวะช็อก” ของผู้นำกัมพูชา ที่ประเมินผิดทุกจุด

แก๊งพนันออนไลน์ในปอยเปตเริ่มอพยพออกจำนวนมาก ระบบเศรษฐกิจชายแดนกลายเป็นอัมพาตทันที

แม้กัมพูชาจะพยายามปล่อยข่าวว่าตัวเองมีไฟฟ้าใช้ได้ตามปกติ แต่ข้อเท็จจริงคือ ไฟฟ้าในประเทศมีไม่เพียงพอ (ไฟฟ้าส่วนใหญ่ของประเทศถูกนำเข้ามาจากประเทศไทย  การตัดไฟที่โชว์ไปแต่แรกก็เป็นเพียงแค่การบลัฟ เพียงเล็กน้อย เพราะยังซื้อไฟฟ้าจากประเทศไทยอยู่อีกหลายจุดแต่ไม่ปรากฏเป็นข่าว) และการจะหันไปซื้อไฟจากเวียดนามก็เป็นไปไม่ได้ ทั้งจากข้อจำกัดเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและปริมาณกำลังผลิต

การบลัฟว่ามีไฟสำรองจ่ายนั้น หลอกได้แค่คนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะ…
1. ไฟฟ้าในเวียดนามผลิตได้พอใช้แค่ภายในประเทศ
2. ไม่มีเส้นทางส่งไฟฟ้าจากเวียดนามมายังฝั่งตะวันตกของกัมพูชา
3. หากจะสร้างโครงข่ายสายส่งใหม่ ต้องใช้เวลาหลายปีและเงินมหาศาล
และที่พังยิ่งกว่าคือ การกระทำของกัมพูชา กลับไปกระทบเวียดนามอย่างจัง

ข้อมูลบางส่วนระบุว่า กัมพูชาอาจปิดด่านล่วงหน้าโดยหวังโยนความผิดให้ไทย แล้วหวังว่าไทยจะเปิดก่อน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ตัวเองในสายตาต่างประเทศ

แต่กลายเป็นว่า “ไทยไม่เดือดร้อน” กลับเป็น “เวียดนามซวยแทน”

เพราะเส้นทางนำเข้าสินค้าจากไทยไปเวียดนามจำนวนมากต้องผ่านกัมพูชา เมื่อด่านปิด เวียดนามก็ถูกตัดเส้นทางทันที ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

อีกด้านหนึ่ง กัมพูชาก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าไทยลังเลจะปิดด่าน จึงรีบ “แสดงบทแข็ง” หวังจะชิงพื้นที่สื่อและปลุกกระแสภายในประเทศ เพื่อเอาใจฐานเสียงเดิมและฟื้นภาพลักษณ์ของตระกูลฮุน

แต่ผลที่ได้ คือ คนเวียดนามและไทย “พร้อมใจกันไม่ประทับใจ”

สิ่งที่สำคัญคือ การปิดด่านนี้ทำลายเศรษฐกิจของกัมพูชาเองอย่างจัง เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของฝั่งปอยเปต มาจากระบบเศรษฐกิจ “สีเทา” ไม่ว่าจะเป็นบ่อนพนันออนไลน์, call center, hacker ฯลฯ ซึ่งเมื่อช่องทางเข้า–ออกถูกตัด รายได้พวกนี้ก็เหือดหายไปทันที และหากปิดยาว ก็ยิ่งเจ็บลึก

ขณะที่การคว่ำบาตรไม่ซื้อน้ำมันจากไทยก็เป็นอีกการตัดสินใจที่ย้อนแย้ง เพราะน้ำมันไม่ใช่สินค้าที่สั่งวันนี้ได้พรุ่งนี้

ในตลาดโลกตอนนี้ ประเทศต่าง ๆ เริ่มอั้นน้ำมันเพื่อใช้ภายใน การจะหาน้ำมันจากแหล่งอื่นต้องใช้เวลา 3–6 เดือน เพราะเป็นระบบสัญญาล่วงหน้า ราคาก็สูงกว่าไทยอย่างเห็นได้ชัด

แม้จะหันไปสิงคโปร์ ก็ยังต้องรอขนส่งอีกหลายเดือน ขณะที่กัมพูชาไม่มีระบบน้ำมันสำรองเหมือนไทย จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นคนเขมรแห่กักตุนจากประเทศเพื่อนบ้านอยู่เรื่อย ๆ

สุดท้าย ท่าทีของกัมพูชาที่ดึงดันเดินเกมนี้นานขึ้น ยิ่งทำให้เพื่อนบ้านในภูมิภาคหมดความอดทน โดยเฉพาะเวียดนามและลาว

การกระทำของกัมพูชาจึงไม่ใช่แค่พลาดทางยุทธศาสตร์ แต่กำลังเร่งให้ภูมิภาคหมดความเกรงใจในตัวเขา

สุดท้ายแล้ว คนที่ควรได้รับผลกระทบจากเรื่องทั้งหมดนี้ ไม่ควรเป็นแค่ประชาชนตาดำ ๆ ที่หาเช้ากินค่ำ จำเป็นต้องเดินทางข้ามแดนไทย–กัมพูชาเพื่อเอาตัวรอด แต่กลับต้องกลายเป็นผู้รับกรรมในเกมการเมืองที่ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย

ไม่ใช่พวกชนชั้นนำหรือครอบครัวตระกูลฮุนหรอกครับที่จะลำบากอะไร
พวกเขายังอยู่ในคฤหาสน์ มีไฟฟ้าใช้ มีรถกันกระสุน มีน้ำมันเติม

แต่ชาวบ้าน? ต้องอยู่กับความเสี่ยง ไฟดับ น้ำไม่ไหล น้ำมันแพง และข้าวของขึ้นราคาแบบทวีคูณ
ทั้งหมดนี้เพียงเพราะ 'อีโก้' ของผู้นำประเทศ ที่อยากเอาชนะให้ได้ในเกมที่ตัวเองเป็นคนเริ่ม

และหากพูดถึงเรื่อง 'ดินแดน' — ถ้าไทยยืนยันหนักแน่นว่านั่นคือแผ่นดินไทย กัมพูชาก็ไม่มีวันได้อยู่ดี ต่อให้กดดันแค่ไหน ก็เท่ากับทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่านั้นเอง

‘ฮุน เซน’ นั่งฮ. ลงพื้นที่ชายแดนกัมพูชา ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจหลังไทยยกระดับเข้มเปิด-ปิดด่าน

(26 มิ.ย. 68) ฮุน เซน ลงพื้นที่ชายแดนกัมพูชา ตรวจเยี่ยมกองทัพ หลังไทยยกระดับเข้มเปิด-ปิดด่าน

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน กระทรวงประชาสัมพันธ์กัมพูชา รายงานว่า สมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นั่งเฮลิคอปเตอร์ ลงพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย หรือ อุดดอร์เมียนเจ็ย ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกองทัพและพบปะประชาชน

ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia ของ "สมเด็จฮุน เซน" ซึ่งได้กลับมาเปิดให้คนไทยมองเห็นอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปิดกั้นไอพีประเทศไทยไว้ ทำให้คนไทยไม่สามารถมองเห็นเนื้อหาและได้เข้าโพสต์ในเฟซบุ๊กดังกล่าวได้

โดย "สมเด็จฮุน เซน" ได้เผยแพร่คลิปเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมกองทัพและประชาชนที่จังหวัดชายแดนกัมพูชา-ไทย ซึ่งพบว่ามีคนไทยเข้าไปคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

‘ก.พลังงานฯ กัมพูชา’ ออกแถลงการณ์ ยัน!! ไม่ได้นำเข้าไฟฟ้าจากไทยแล้ว

(28 มิ.ย. 68) กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานที่ระบุว่า กัมพูชายังคงซื้อไฟฟ้าจากประเทศไทยผ่านจุดเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้า 6 จุด

แถลงการณ์ระบุว่า เพื่อชี้แจงสถานการณ์ กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานขอยืนยันว่า กัมพูชาไม่ได้มีการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศไทยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ กัมพูชาได้ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าจากฝั่งไทยตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.

‘สม รังสี’ เผย!! ‘ฮุน เซน’ โกรธไทย ไม่ใช่เพราะรักชาติ ชี้!! กลัวการปกครองล่มสลาย เพราะไทยปราบ ‘มาเฟียจีน’

(28 มิ.ย. 68) ‘สม รังสี’ อดีตผู้นำฝ่ายค้านของปร้ะทศกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

ฮุน เซน โกรธ ประเทศไทย ที่ทําให้ ตั๋ว ต๋องสับสน ไม่ใช่เพราะรักชาติ แต่เพราะกลัวการปกครองล่มสลาย ซึ่งอาศัยเงินนับพันล้านดอลลาร์จากกลุ่มอาชญากรรมระหว่างประเทศ นําโดยโจรมาเฟียจีนที่ดําเนินการตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย

ทางการไทยตัดสินใจที่จะปราบโจรมาเฟียที่ป้อนระบอบฮุนเซน นี่คือเรื่องราวที่ทําให้ฮุนเซนเป็นห่วงและโกรธจนสับสนกับไทย

คนทรยศฮุนเซนไม่เคยคิดถึงชาติ เขาทําได้ทุกอย่างถ้าเขายังมีพลัง เขาตัดดินแดนเขมรตะวันออกของเราไปยังต่างประเทศ ซึ่งทําให้เขาเป็นผู้นํา ถ้าคุณรักชาติของคุณจริง คุณต้องรักทั้งตะวันตกและตะวันออก อย่าลืมตาข้างเดียว มองไปทางตะวันตกเท่านั้น ต้องเปิดตาข้างหนึ่ง มองไปทิศตะวันออก

วิเคราะห์!! ‘ฮุนเซน’ เพลี่ยงพล้ำ หรือ ตามบท เกิดอะไรขึ้น!! ทำไม?? ถึงทำแบบนี้

(29 มิ.ย. 68) ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา หลายๆคนจะได้เห็นข่าวในสื่อออนไลน์ที่ฮุนเซนออกมา Live รัวๆต่อว่าตระกูลชินวัตรและนายทักษิณต่างๆนานา  วันนี้เอย่าจะมานั่งวิเคราะห์กันชอตต่อชอตถึงสิ่งที่ฮุนเซนทำนั้น  เกิดอะไรขึ้นทำไมฮุนเซนถึงทำแบบนี้

ย้อนรอยกันก่อนว่าเรื่องราวทั้งหมดระหว่างกัมพูชากับไทยเริ่มตั้งแต่คุณแพรทองธารเข้ามาเก้าอี้นายกรัฐมนตรี  ฝั่งกัมพูชาก็เริ่มมีการส่งคนมาที่ปราสามตาเมือนธม และ ปราสาทตาควาย

จนกระทั่งกองทัพกัมพูชาเอากองทัพมาขุดสนามเพาะและนั่นคือจุดที่กองทัพสุดจะทนเพราะรุกล้ำอธิปไตยจนเกินเหตุ  จากนั้นเหตุการณ์เป็นเช่นไรก็อย่างืฝที่ทุกคนได้ตามข่าวมานั่นแล

แต่ที่น่าสงสารคืออาทิตย์ที่ผ่านมานี้ฮุนเซนเปลี่ยนบทออกมา Live  ต่อว่าผู้นำรัฐบาลและครอบครัวอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนจนเหมือนลืมไปว่าเฮ้ยนี่ญาติแกนะ

เอย่าในฐานะที่คลุกคลีตีโมงกับเรื่องพรรค์นี้มาพอสมควรวันนี้ก็จะมาวิเคราะห์ให้อ่านกันนะคะ

เริ่มว่าถ้าหากทะเลาะกันจริงเหตุผลก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับธุรกิจสีเทาหรือคาสิโนตามริมชายแดน อย่าลืมนะคะว่าฮุนเซนเก็บค่าเช่าที่ อารมณ์เหมือนเจ้าของตึกแถวบรรทัดทองนั่นละคะ ขายดีไหมไม่ใช่ปัญหาของเจ้าของตึกเพราะงั้นเรื่องนี้ที่มีคนบางคนวิเคราะห์ออกมาตีตกไปได้เลย  ส่วนข้ออื่นที่จะทะเลาะกันเอย่าพยายามคิดแล้วคิดอีกก็ยังหาไม่เจอ  ยกเว้นเสียแต่รู้ว่าครอบครัวฝั่งไทยกำลังเพลี่ยงพล้ำแล้วเลยเล่นบทตัดญาติเสียเลย

แต่อย่าลืมนะคะจนถึงวันนี้ฮุนเซนยังไม่ได้พูดอะไรที่คนไทยไม่รู้เลยออกมา  สิ่งที่ออกจากปากฮุนเซนวันนี้คือทุกเรื่องที่คนไทยทราบมาก่อนแล้ว  แต่เขาเอาทาพูดอีกทีในมุมเขาเองก็แค่นั้น  เพราะฉะนั้นเอย่ามองว่าฮุนเซนกำลังเพลี่ยงพล้ำไหม ไม่ใช่เลยแต่น่าจะเป็นสคริปต์ที่เตี๊ยมกันไว้แล้วกับฝั่งไทยเสียมากกว่า

มา ณ วันนี้เอย่าอยากให้ผู้อ่านลองมองนะคะ  เขาพยายามแซงชั่นไทยทุกอย่าง  แต่อย่าลืมว่าเขาอาจจะมีดีลประเทศอื่น supply ไว้และตระกูลฮุนได้ประโยชน์อยู่แล้วก็เป็นได้  นี่จึงเป็นแค่สถานการณ์เตะหมูเข้าปากหมาแบบเสียมิได้เสียด้วย

ในวันนี้เรื่องที่น่าจับตาก็คือ ผู้ที่พยายามสร้างบทเด่นขึ้นมาในช่วงนี้มากกว่าจนหลายคนอดสงสัยว่ารับงานใครมาหรือเปล่า  เพราะขนาดสงครามอิหร่าน อิสราเอล และอเมริกา ยังกลายเป็นปาหี่กองใหญ่ได้ ไฉนเลยงานนี้อาจจะมีมวยล้มต้มคนดูให้เคลิ้มไปกับสถานการณ์ก็เป็นได้เพราะดูเหมือนพยายามสร้างเงื่อนไขให้กองทัพยึดอำนาจเสียเหลือเกิน

แต่ไม่ต้องห่วงคะจากที่เอย่านำเสนอไปกองทัพก็รับรู้เช่นกันและยังยืนยันคำเดิมว่า

"คนไทยควรได้เรียนรู้และรับผลจากสิ่งที่คุณเลือกมา  เวลานี้ทหารขอทำงานตามขอบเขตของตนพอแล้ว ไม่ขอก้าวก่ายการเมืองอีก"

‘ฮุน เซน’ ขอทวง ‘ตาเมือนธม’ จากไทย อ้าง!! ประวัติศาสตร์ เคยเป็นของกัมพูชา

(29 มิ.ย. 68) ฮุน เซนอ้างขอทวง “ตาเมือนธม” จากไทย โดยใช้ประวัติศาสตร์เป็นข้ออ้างว่าเคยเป็นของกัมพูชา

ถ้าจะเปิดช่องให้ “อดีต” กลายเป็นเหตุผลในการอ้างสิทธิ์

ไทยก็มีสิทธิเช่นกันที่จะพูดถึง “มณฑลบูรพา” ที่เราเคยเสียให้ฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2449 

ฝากไว้ให้คิด

นายกฯ เชิญ ‘ประธานาธิบดี มาครง’ เยือนไทย ย้ำชัดพร้อมหารือกัมพูชาแก้ปมชายแดนด้วยสันติวิธี

นายกฯ เผยเชิญ ‘มาครง’ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เยือนไทย ย้ำพร้อมหารือกัมพูชา แก้ปมชายแดนสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคีของสองประเทศ 

(30 มิ.ย. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก 'Ing Shinawatra' ระบุว่า “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือทางโทรศัพท์กับท่านเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงการสานต่อ และกระชับความร่วมมือทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอวกาศ กลาโหม และพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-ฝรั่งเศสไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต่างยึดมั่นในคุณค่าร่วมกันในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศ และระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกติการะหว่างประเทศ” 

“ดิฉันได้เน้นย้ำบทบาทเชิงรุกของไทย ในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะหารือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อหาทางออกของปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งประธานาธิบดีมาครงแสดงความเข้าใจในท่าทีดังกล่าวของไทย และพร้อมให้การสนับสนุน” 

“ดิฉันยังได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวแก่ทั้งสองฝ่าย และดิฉันได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีมาครงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยประธานาธิบดีมาครงก็ได้เชิญดิฉันเยือนฝรั่งเศสเช่นกันค่ะ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top