‘รมว.แรงงาน’ เข้าหารือหน่วยงานรัฐของ ‘อิสราเอล’ ดัน!! เพิ่มโควตาการจ้างงาน-ดึงแรงงานเก่ากลับไปทำงาน

(29 พ.ค. 67) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดเผยถึงการหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท แห่งรัฐอิสราเอล ที่กรุงเทลอาวีฟ รัฐอิสราเอล เมื่อวันที่28พ.ค.ที่ผ่านมาว่า จากความต้องการเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลของแรงงานไทย และความต้องการแรงงานไทยของนายจ้างรัฐอิสราเอล ทำให้กระทรวงแรงงานมุ่งมั่นขยายตลาดแรงงานไทย ทั้งการเพิ่มโควตาจัดส่งแรงงาน การเพิ่มประเภทงานที่จัดส่ง และการเพิ่มระยะเวลาการทำงานในรัฐอิสราเอล ตลอดจนเพิ่มการคุ้มครองดูแลแรงงานในด้านสวัสดิการมาโดยตลอด การมาเยือนครั้งนี้ได้มีโอกาสเข้าพบเพื่อหารือร่วมกับ นายโมเช่ อาร์เบล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายยูอาฟ เบน เซอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายอาวี ดิชเตอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท แห่งรัฐอิสราเอล ซึ่งรัฐมนตรีทั้ง 3 ท่านมีทัศนคติที่ดีต่อแรงงานไทยอย่างมาก และยอมรับว่านายจ้างในรัฐอิสราเอล มีความผูกพันที่ดีและต้องพึ่งพาแรงงานไทย

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในการนี้ฝ่ายไทย ได้เสนอประเด็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 3 ประเด็นคือ 1.เพิ่มโควตาจ้างแรงงานภาคเกษตร จากปีละ 6,000 คน เป็น 20,000 คน 2.ขอแรงงานไทยที่ทำงานครบ 5 ปี 3 เดือน กลับมาทำงานอิสราเอลได้อีก 3.เพิ่มการจัดส่งแรงงานภาคก่อสร้าง แบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีทุกประเด็น พร้อมแจ้งว่าอิสราเอลมีความต้องการจ้างแรงงานภาคก่อสร้างถึง 25,000 อัตรา ในส่วนการหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ได้ขอความร่วมมือช่วยเน้นย้ำนายจ้างให้ดูแลความปลอดภัยแรงงานไทยให้ทำงานในพื้นที่สีเขียวเท่านั้น ไม่อนุญาตแรงงานไทยเปลี่ยนนายจ้าง/สถานที่ทำงาน ไปทำงานในพื้นที่สีเหลือง หรือสีแดง รวมถึงให้นายจ้างจัดทำที่หลบภัยที่แข็งแรงและปลอดภัยอย่างเพียงพอ เนื่องจากรัฐบาลไทยตระหนักถึงความปลอดภัยของแรงงานไทยเป็นสำคัญ นอกจากนี้จากการหารือยังขอเสนอให้พิจารณารับนักศึกษาจากประเทศไทยเข้ามาฝึกงาน แบบรับค่าจ้าง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน โดยทางการอิสราเอลจะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจนสำเร็จต่อไป

‘ยืนยันว่านายจ้างอิสราเอลดูแลแรงงานไทยเปรียบเสมือนเป็นคนอิสราเอลด้วยกัน นอกจากนี้ผมยังได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐอิสราเอล เพื่อเจรจาขยายสาขาการจัดส่งแรงงานไทยในสาขางานอื่นๆ โดยเฉพาะภาคบริการ พนักงานร้านอาหาร โรงแรม และการบริบาลซึ่งเป็นสาขาที่คนไทยมีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพโดดเด่น” นายพิพัฒน์ กล่าว

ด้าน นายวิชิต อินทรเจริญ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการจัดส่งแรงงานเข้ามาทำงานในอิสราเอลยาวนานมากกว่า 20 ปี พี่น้องแรงงานไทยสามารถทำงานอยู่ในอิสราเอลได้อย่างมีความสุข เพราะนายจ้างมีความเข้าใจวัฒนธรรมของคนไทยอย่างลึกซึ้ง การเยือนอิสราเอลครั้งนี้ฝ่ายไทยได้รับคำยืนยันจากรัฐมนตรีทั้ง 3 กระทรวงว่า “พร้อมดูแลและให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในทุกด้านอย่างเต็มที่เนื่องจากแรงงานไทยมีความขยันขันแข็งและเป็นที่ชื่นชอบของนายจ้างอิสราเอลเป็นอย่างมาก’ ทำให้การหารือร่วมกันตลอดการเยือนรัฐอิสราเอลเป็นไปด้วยความราบรื่น มีไมตรีจิต เพิ่มความเชื่อมั่นด้านความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งนี้ สำหรับแรงงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอล สามารถติดตามข่าวสารของกรมการจัดหางาน ผ่านเว็บไซต์ doe.go.th หรือทางเพจ Facebook : กรมการจัดหางาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694


ที่มา: khaosod