วิเคราะห์ความเป็นจริง 'อนาคตไทย-เยาวชนไทย' สาละวันเตี้ยลง พ่ายแพ้เยาวชนเวียดนาม ยับ!!

บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2564 เวียดนาม ประเทศสังคมนิยม เคยทำสงครามกับสหรัฐฯ วันนี้ เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และ กำลังก้าวขึ้นเป็น 'จีน 2' ในเอเชีย 

ทำไมเวียดนาม ถึงก้าวกระโดด? (ข้ามประเทศไทย) เพราะเขามีปัจจัยหลัก ดังนี้...

1. มีปริมาณ 'กำลังคน' ประชากรมีมากกว่าไทย มีคน 100 ล้าน และ ไม่ใช่แค่คนระดับใช้แรงงานเท่านั้น แต่ยังมีคนระดับชั้นมันสมองเพิ่มมากขึ้น จากการพัฒนาการศึกษา 'เชิงคุณภาพ' ต่อเนื่อง อย่างจริงจัง ขณะที่ไทย...สาละวันเตี้ยลง ต่ำลง

ลองพิสูจน์จากเด็กเวียดนาม ที่ได้รับทุน (ของไทย) มาเรียนปริญญาโท-เอก ที่คณะวิศวะลาดกระบัง ทุกคนทั้งเก่งคณิตศาสตร์ (มากกว่าเด็กไทย) ภาษาอังกฤษก็เข้มแข็งกว่า และ ยังขยันสุด ๆ น่ากลัวมาก อาจารย์ไทยชอบมาก เพราะทำงานวิจัยได้ยอด รับผิดชอบสูง น่าประทับใจ

นี่แค่ เด็กเวียดนามระดับกลาง ๆ เพราะระดับตัวท็อป จะไปเรียนต่อที่อเมริกา ซึ่งวันนี้ มีมากกว่า 24,000 คน!!! ซึ่งเน้นด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีขั้นสูง ขณะที่มีเด็กไทยเรียนอยู่ในอเมริกาเพียง 6,000 คน น้อยกว่าเวียดนาม 4 เท่า!!!! 

หมายความว่า เวียดนามกำลังมี 'คนระดับมันสมอง' โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งคือ รากฐานของการยกระดับประเทศ มากกว่าไทย (หลายเท่า) 

2. มีเงิน มีงบประมาณ เพราะเศรษฐกิจเวียดนาม ในปีที่ผ่านมา เติบโตที่สุดของโลก! ขณะที่ประเทศอื่น รวมทั้งไทย ติดลบ! และ เพียงแค่ครึ่งปีที่แล้วนี้ โตไปมากกว่า 5% แล้ว และจะร้อนแรงยิ่งขึ้น...

เพราะเกิดการลงทุน จากต่างประเทศมหาศาล (มากกว่าลงทุนในไทยไปนานหลายปีแล้ว) เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก มีบริษัทเกาหลี มาลงทุน 4,000 กว่าบริษัท ขณะที่มาไทยเพียง 400 บริษัท และ มีบริษัทชั้นนำของโลกทุกแขนง กำลังมุ่งสู่เวียดนาม

ทำให้เกิดการส่งออกสินค้า มูลค่าเพิ่มมหาศาล ซึ่งตอนนี้เวียดนามส่งออกมากกว่าไทยไปแล้วครับ และ กำลังจะทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ หากเราไม่คิดสู้!!

3. มีความรักชาติ เป็นชาตินิยมสูง ถือเป็นจุดแข็งของเวียดนาม เด็กเวียดนามทุกคนเรียนรู้ 'ประวัติศาสตร์ชาติ' รู้จัก 'การต่อสู้ของลุงโฮ' ท่านโฮจิมินห์ บิดาของชาติ รู้เรื่องราว การต่อสู้ ด้วยความทรหด อดทน ไม่ยอมแพ้ ให้ทั้งชีวิตเพื่อสร้างชาติ 

(ส่วนเยาวชนไทยจำนวนไม่น้อย ถูกอาจารย์ในมหาลัย ปลูกฝังความรู้สึกชังชาติ มีการยกเลิกการเรียนประวัติศาสตร์ชาติไทย ฯลฯ อนาคตมีแต่ จะพาชาติตกต่ำ)

เวียดนาม ปลูกฝังค่านิยม การรักการอ่าน การขยันเรียนแบบสุดๆ โรงเรียนในเวียดนาม แม้ไม่ใหญ่ ไม่สวย เหมือนโรงเรียนไทย แต่คุณภาพไม่แพ้ใครในโลก ลองดูคะแนนมาตรฐาน PISA Score เด็กเวียดนามทำได้คะแนนสูงสุดในอาเซียน เกือบเท่าเด็กสิงคโปร์!!

คนอเมริกัน เชื้อสายเวียดนามในสหรัฐฯ ก็เรียนเก่ง (ที่ MIT ก็มีเด็กอเมริกันเวียดนามเยอะมาก) ประสบความสำเร็จสูงมาก แม้แต่คุณหมอ พญ. ดร. พริสซิลลา ชาน ภรรยาคนสวยของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ก็เป็นคนเชื้อสายเวียดนาม คนเหล่านี้ยังสนับสนุนประเทศเวียดนามทุกรูปแบบ เต็มที่

ไม่อยากให้คนไทยมองข้ามเรื่องนี้ รุ่นพ่อแม่เราเกิดมา ก็ไม่แพ้เกาหลี วันนี้เกาหลีเป็นประเทศชั้นนำของโลกไปแล้ว พวกเราหลายคนเกิดมาก็ไม่แพ้สิงคโปร์ ไม่แพ้มาเลเซีย แต่วันนี้เขากระโดดไปไกลแล้ว 

และวันนี้ พวกเราหลายคนยอมรับว่า "ทำใจไม่ได้" ที่เรากำลังเป็นรองเวียดนาม 

แม้เราไม่ได้อิจฉาเวียดนาม และ ก็ไม่ได้ชื่นชมว่า เวียดนามจะดีเก่งกว่าไทยไปซะทุกเรื่อง เพียงแต่อยากให้ คนไทยเรียนรู้ข้อเท็จจริง เพื่อนำมาวางแผนสู้ พัฒนาชาติไทย ต้องไม่ยอมแพ้!!!

ปกติ #คนไทยไม่แพ้ใครในโลก และ # ถ้าจะทำ ก็ทำได้ 

ขอเป็นกำลังใจ ให้คนไทยทุกคนสู้ๆ 

ขอเสริมจุดที่สำคัญจุดอื่น ที่คนไทยหลายส่วน อาจจะไม่รู้ หรือ ลืมไป คือ...

1) เมื่อตอนไซ่ง่อนแตก คนเวียดอพยพไปสู่ 2 แหล่งสำคัญ คือ สายฝรั่งเศสและ สายอเมริกา 

2) สายฝรั่งเศส คือ กลุ่ม Elite พวกนายพลฝ่ายขวา ที่ยังพอหอบเงินไปตั้งตัวพอให้อยู่ได้บ้าง ส่วนสายที่ไปอเมริกานั้น เป็นคนจนล้วนๆ คือพวกไม่มีค่าเครื่องบินเลยหนีไม่ทันนั่นแหล่ะ

3) เมื่อทั้ง 2 สายไปถึงประเทศปลายทาง ทุกคนก็ต้องทำงานหนัก เพราะรัฐไม่ให้ใครอยู่เฉยๆ Elite ต้องหางานทำ มีตังหน่อย ก็เปิดร้านอาหารเล็กๆ อภิสิทธิ์เดิม ที่เคยได้จากระบบหมดสิ้น กลายเป็นผู้อพยพพลเมืองใหม่ ของประเทศ ทุกชนชั้นเลยต้อง Set zero คนเวียดนาม เรียกเวียดโพ้นทะเลว่า 'เวียดกิ่ว'

4) เวียดกิ่ว เมื่อจำเป็นต้องทำงาน รัฐก็ส่งไปเรียนหลากหลายอาชีพ เวียดกิ่ว เลยอยู่ในทุกวงการ  ไม่ใช่เน้นจับธุรกิจร้านอาหารอย่างเดียว เหมือนคนไทย

5)  เมื่อเด็กๆ เห็นพ่อแม่ลำบาก ก็เลยต้องตั้งใจเรียน  ยิ่งไปเป็นพลเมืองอพยพ ต้องเก่งกว่าคนในประเทศเป็น 2 เท่า เด็กเวียดกิ่ว เลยขยันเรียนหนังสือมากเป็นที่ 1 ของห้องเป็นส่วนใหญ่

6) เมื่อเด็กพวกนี้ สอบมหาวิทยาลัยในระดับกะทิได้  ก็มีหน้าที่การงานที่ดีตามมา ทั้งฝั่งอเมริกา และ ฝรั่งเศส ได้เป็นหมอ อจ.มหาลัย นักกฎหมาย นักวิทยาศาสตร์ พวกนี้ มักได้กลายเป็นมือขวาของนายฝรั่ง

7) ถึงแม้จะเป็นผู้อพยพ แต่ความคิดถึงแผ่นดินแม่  ยังคงแรง ยิ่งพวก Elite ที่ได้ไปรับรู้รสชาติชีวิต คนธรรมดา เลยทำให้เข้าใจว่า พวกตนเคยได้อภิสิทธิ์อะไรมา ส่วนคนจนลำบากยังไง เริ่มมีการกลับไปทำงานสังคม สร้างมูลนิธิ ช่วยคนยากจน สมาคมทันตแพทย์ในฝรั่งเศส ระดมหมอฟันเวียดกิ่วอาสา  400 กว่าคน บินมาลงพื้นที่ทำฟันให้ชาวบ้านฟรี ทุกปี หมอจ่ายค่าเดินทาง กินอยู่เอง

8) เมื่อรุ่นที่ 2 ทั้งเก่ง ทั้งแข็งแรง เริ่มอยากช่วยบ้านเกิด จึงเริ่มมาเปิดธุรกิจเอาไว้ พร้อมทั้ง เอาความสามารถของตัวเองมาลง Set up บริษัทในเวียดนาม  ศักยภาพของเวียดนาม เลยโตแบบก้าวกระโดด

9) คิดภาพนะ คนเวียดนาม มืออาชีพ ทำงานระบบฝรั่ง ทั้งชีวิตจากทั้ง 2 ฝั่งโลก รวมหลายแสนคนเดินทาง มาพัฒนาบ้านเค้า เทียบกับคนไทยไปเรียนเก๋ๆ กอดปริญญาสวยๆ จบก็กลับบ้าน ไม่เคยทำงานจริง ลองเทียบคุณภาพฝีมือกันดู (จะต่างชั้นกันมาก)

10) ถ้าวันนี้ เวียดนามจะไปไกลมาก ไม่ใช่เพราะแค่ฝรั่ง เห็นวัยรุ่นเยอะเลยจะมาใช้แรงงาน แต่เพราะมีคนเวียดนาม ระดับมือพระกาฬบินมาลงมือเองด้วย  ขนความรู้ระดับสูงจากทั้ง 2 ฝั่งโลก มาเทลงในประเทศเดียว เวียดกิ่ว USA ยังมีเขม่น กับเวียดกิ่ว France อยู่พอสมควร แต่เขาแข่งกันสร้างของดี ความดี...

11) ยังไม่รวม สายสัมพันธ์ที่คนเวียดกิ่ว จากทั้งอเมริกาและฝรั่งเศส มีกับรัฐบาลตัวเอง จะขออะไรก็ได้หมด แต่แน่นอน คนเวียดกิ่วไม่เอาจีน

12) 5 ปีที่แล้ว เด็กที่มาจากเวียดนาม สร้างปรากฏการณ์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ คณะทันตของฝรั่งเศส จากคะแนนสูงสุด 10 คน มี 7 คนมาจากเวียดนาม

ทุกวันนี้คนไทยหลายคน ยังหัวเราะเยาะ ดูถูกคนเวียดนาม (มองเพียงระดับคนขายแรงงานเท่านั้น)

มองอนาคตจากปัจจุบัน จะเห็นได้ชัดว่า เยาวชนไทย แพ้เยาวชนเวียดนาม แบบเกือบหมดทางสู้ในด้านการพัฒนาประเทศ


อ้างอิง: (ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 'ดร.เอ้' รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'เอ้ สุชัชวีร์' เมื่อ 30 ส.ค.64)

ที่มา :
https://www.facebook.com/share/p/NY5JhCbFCukzvcaV/?mibextid=oFDknk