'พีระพันธุ์' หารือ 'ผู้ว่าฯ ยูนนาน' ยกระดับ 'ความสัมพันธ์-ร่วมมือ' ไปอีกขั้น เตรียมต่อยอด 'เศรษฐกิจ-พลังงานสะอาด-อุตสาหกรรมสีเขียว'

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 67) ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายหวัง หยู่โป (H.E. Mr. Wang Yubo) รองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิวนิสต์จีนประจำมณฑลยูนนาน ผู้ว่าการมณฑลยูนนาน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำรัฐบาลมณฑลยูนนาน เข้าเยี่ยมคารวะ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีฯ ยินดีที่ได้พบผู้ว่าการมณฑลฯ อีกครั้ง ขอบคุณมณฑลยูนนานในความร่วมมือระหว่างกันที่ดีมาตลอด ซึ่งตั้งแต่จีนกลับมาเปิดประเทศในปี 2566 ได้มีคณะผู้แทนระดับสูงของไทยเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และศึกษาดูงานที่มณฑลยูนนานอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่า หากทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกันในทุกด้าน ทั้งในเชิงภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน จะสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทวีความสัมพันธ์ระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้นต่อไป 

ด้านผู้ว่าการมณฑลฯ ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสเยือนไทย การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากไทย แสดงให้เห็นว่าไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างจีน-ไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างเคารพและไว้วางใจร่วมกัน เอื้อประโยชน์แก่กันในทางเศรษฐกิจ เข้าใจซึ่งกันและกันในทางวัฒนธรรม ดังนั้น จีนและไทยจึงเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน ที่ได้หยั่งรากลึกลงในหัวใจของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการเยือนไทยของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อปี 2565 ที่ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีความหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ สอดคล้องกับที่ได้ประกาศแถลงร่วมว่าด้วยการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันไทย-จีน เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ร่วมกัน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือต่าง ๆ ที่สำคัญ ดังนี้

ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เห็นพ้องส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันผ่านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจีนพร้อมให้การสนับสนุนไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน โดยจีนจะส่งเสริมแถบเส้นทาง R3A ไทย - ลาว - จีน ต่อเนื่อง ถือเป็นเส้นทางสำคัญในการนำเข้า - ส่งออกสินค้าระหว่างไทยและจีน ซึ่งผู้ว่าการมณฑลฯ ชื่นชมว่า หลังจากการเปิดแถบเส้นทาง R3A แล้ว ได้ประหยัดเวลาขนส่งสินค้าและลดต้นทุนทางธุรกิจได้มาก โดยเมื่อปี 2566 มีจำนวนการนำเข้าสินค้ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยพร้อมพัฒนา เส้นทางสายไหม (One Belt One Road) ให้ต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันส่งเสริมด้านการใช้พลังงานสะอาดในเส้นทางด้วย

ด้านการใช้พลังงานสะอาด เห็นพ้องที่จะผลักดันการใช้พลังงานสะอาด พลังงานสีเขียว ผ่านการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีของหน่วยงานที่ภาครัฐเกี่ยวข้องด้านพลังงาน โดยรองนายกรัฐมนตรีเห็นศักยภาพของมณฑลยูนนาน ที่มีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) จำนวนมาก ซึ่งผู้ว่าการมณฑลฯ เห็นพ้องที่จะนำศักยภาพด้านการใช้พลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ของมณฑลยูนนานมาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน

ด้านความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งสองพร้อมต่อยอดจากความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาของไทยและมณฑลยูนนาน โดยผู้ว่าการมณฑลฯ ยินดีกับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและทางวิชาการ ซึ่งปัจจุบันมีนักศึกษาชาวไทยจำนวนกว่า 1,000 คน ศึกษาอยู่ ณ มณฑลยูนนาน

ด้านการท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ ไปเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม 2567 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่าย มีการไปมาหาสู่กันเพิ่มขึ้น โดยรองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากมณฑลยูนนานและให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขณะที่ผู้ว่าการมณฑลฯ เชื่อมั่นว่า จะเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ขยายโอกาสและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว