‘สามารถ’ นับถือใจ ‘เฉลิมชัย’ รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป. ขออย่ามองเป็นการตระบัดสัตย์ พร้อมยกประวัติศาสตร์เป็นตัวอย่าง

(10 ธ.ค. 66) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘สามารถ เจนชัยจิตรวนิช’ ระบุว่า…

‘สามารถ’ นับถือใจ ‘เฉลิมชัย’ รับตำแหน่ง หน.ปชป. อย่ามองเป็นตระบัดสัตย์ หยิบยกประวัติศาสตร์มีให้เห็นในอดีต ยกย่องยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แสดงความยินดีกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ภายหลังที่ประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ มีมติเห็นชอบให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค และอดีต สส. จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 4 สมัย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค คนที่ 9 ด้วยคะแนน 88.5% จากองค์ประชุมทั้งหมด โดยนายสามารถ กล่าวว่า…

“เมื่อเช้าได้เอาพวงมาลัยไปกราบ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เนื่องในโอกาสคล้ายวันพ่อที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 5 ที่ผมทำติดต่อกัน พอช่วงเที่ยงจึงมีโอกาสได้ร่วมรับประทานอาหาร กับเพื่อน สส. ที่โรงแรมมิราเคิล รวมทั้งนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ลูกชายของนายนริศ ขำนุรักษ์, นายปรพล อดิเรกสาร และนายสมเกียรติ กอไพศาล เลขาส่วนตัวของนายเฉลิมชัย ซึ่งต่างก็ดีใจอย่างล้นหลามกับการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ฉะนั้น ผมว่าทุกคนควรนับถือน้ำใจของนายเฉลิมชัย ที่เอาปัญหาและภาระของส่วนรวมมาไว้ที่ตัวเอง เพราะแม้เจ้าตัวเคยประกาศจะไม่รับตำแหน่ง หากพรรคประชาธิปัตย์ได้ไม่ถึง 50 เสียงแล้วในครั้งนั้น แต่จากการประชุมของพรรค ที่องค์ประชุมไม่ครบ ทำให้ต้องล่มมาตลอด 2ครั้งก่อนหน้านี้”

หากครั้งนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ไม่รับตำแหน่ง พรรคประชาธิปัตย์อาจถูกยื่นยุบพรรคอย่างแน่นอน เนื่องจากจัดประชุมพรรคไม่ได้ภายใน 1 ปีตามกฏหมาย

อีกทั้ง 4 ปีที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ถือว่าเป็นปูชนียบุคคล ที่ทำงานหนักในตำแหน่งเลขาธิการพรรคและรักษาการเลขาพรรคมาโดยตลอด ดังนั้น ไม่ควรมองว่าเป็นการ ‘ตระบัดสัตย์’ แต่ให้มองว่าทำเพื่อส่วนรวม ซึ่งในอดีตก็เคยเกิด ย้อนไปสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่พระเจ้าเอกทัศน์ ไปขอให้น้องชายพระเจ้าอุทุมพรที่ยอมสละตำแหน่งออกบวชเป็นพระ แล้วให้มาช่วยเป็นกษัตริย์ออกรบ พระเจ้าอุทุมพรก็ยังยอมลาสิขาเพื่อมาเป็นแม่ทัพขับไล่พม่าเพื่อประชาชน นับประสาอะไรกับนายเฉลิมชัยคนธรรมดา หากไม่รับตำแหน่ง ไม่ใช่แค่พรรคที่จะถูกยุบ รวมไปถึงไม่ใช่แค่สมาชิกพรรคเท่านั้นที่จะลาออก แต่จะมี สส.ออกจากพรรค และพรรคจะถูกยุบอย่างแน่นอน

ดังนั้น ผมจึงเทียบเคียงกับกรณี พระเจ้าเอกทัศน์ไปขอให้น้องชายมาช่วยเป็นกษัตริย์ น้องชายที่เคยสละราชสมบัติไปแล้ว ลาทางโลกไปแล้วทั้งยังบวชเป็นพระ แต่ยังต้องยอมลาสิกขา มาเป็นกษัตริย์เป็นคนนำทัพไล่พม่าให้พ้นขอบขัณฑสีมา ในเมื่อขนาดมีวลีว่า กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ แต่ถ้ากษัตริย์ต้องทำเพื่อไพร่ฟ้าประชาชน ณ เวลานั้น ก็ยอม นับประสาอะไร กับพี่ต่อเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่เป็นประชาชนคนธรรมดา วันนี้ถ้าท่านไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคแตก แตกคือ ส.ส. ไม่ใช่แค่ สมาชิกพรรคที่เดินออกแต่ จะเป็น ส.ส.ที่เดินออกจากพรรค แล้วนายเฉลิมชัย จะปล่อยให้พรรคถูกยุบ ก็เปรียบเสมือนให้บ้านที่อยู่อาศัยถูกไฟไหม้ได้อย่างไร สมมุติถ้าวันนี้ประชุมไม่ได้ แล้วมีคนไปร้องยุบพรรค พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเลยน่ะครับ ฉะนั้น ที่มีคนเคยบอกว่าพรรค ปชป. มีประวัติศาตร์ยาวนาน 70 กว่าปี มันก็จะเหลือศูนย์ในทันที” นายสามารถ กล่าว

นายสามารถ กล่าวด้วยว่า ตนพูดในฐานะที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยชื่นชอบการอภิปราย สส.หลายคนในอดีต และคาดหวังในอนาคตทางการเมืองของพรรค ปชป. เมื่อมีนายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าแล้ว ก็คงต้องเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ในวันนี้ยังไม่ได้ร่วมรัฐบาล ก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง เหมือนอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดถือมาหลายสิบปี และหากมองภาพเปรียบเทียบแล้วอดีตพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เคยทำได้ถึง 18 ล้านกว่าคะแนน มากกว่าพรรคก้าวไกลที่ทำได้เพียง 14 ล้านคะแนน หากพรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการ สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง ตนมั่นใจว่า 18 ล้านคะแนนนั้นจะกลับมาอย่างแน่นอน

“ขอให้คนที่แพ้เปิดใจให้กว้าง ถ้าไม่ชอบใจก็ย้ายพรรค การเมืองไม่มีอะไรซับซ้อน ดังเช่น ต้นไม้จะเติบโตอย่างเต็มที่ ถ้าอยู่ในที่ที่ดี ทั้งนี้ ขอแสดงความยินดีกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ตลอดจนกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทุกคน” นายสามารถ กล่าวทิ้งท้าย