‘พี่เต้’ ติง!! ‘เศรษฐา’ ลดแฟชันในเวทีโลก ยึดสากล เพื่อหน้าตาประเทศ พร้อมเผย!! โชคยังดี ‘น่านฟ้าเปิด’ เหตุ ‘อานิสงส์ลุงตู่ - เศรษฐาปรับตัว’

(22 ต.ค. 66) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ‘เต้’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้โพสต์คลิปวิดีโอถึงกรณี การแต่งกายของ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยระบุว่า…

“ตอนนี้มีข่าวที่ดีคือ พระมหากษัตริย์และเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ได้สั่งการให้ประเทศกลุ่มอาหรับ เปิดทางให้เครื่องบินทหารของไทย สามารถบินผ่านน่านฟ้าของกลุ่มประเทศอาหรับได้แล้ว เพื่อให้สามารถเดินทางไปรับพลเมืองชาวไทยจากประเทศอิสราเอล กลับมาสู่ประเทศไทยได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ไม่ต้องบินอ้อมไกล ช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางจาก 12-13 ชั่วโมง เหลือเพียงแค่ประมาณ 8 ชั่วโมง

นับเป็นการประสานงานการเจริญสัมพันธไมตรี สืบเนื่องจาก ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ที่ท่านได้เคยทำการเจรจา พูดคุยเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี”

“แต่เหตุที่ในช่วงแรก ยังไม่มีการประกาศให้ไทยได้ทำการบินผ่านน่านฟ้านั้น ก็เพราะเป็นการ ‘ตักเตือน’ ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับนายกคนใหม่คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นเดิมทีเป็นนักธุรกิจ ทำให้อาจจะยังไม่เข้าใจขนบธรรมเนียม ประเพณี ความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้หมายความว่า เขาแค่เตือนเฉยๆ แต่ยังไม่ได้ลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวคือ อาจจะลดจากเอกอัคราชทูต เหลือแค่ราชฑูต หรือลดในสถานะต่ำกว่านั้น เป็นการแนะนำให้นายกฯ เศรษฐาได้รับทราบ

ซึ่งนายกฯ เศรษฐา ก็มีได้เริ่มปรับตัวที่จะเรียนรู้ ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และไม่ได้ฝืนจนมากเกินไป ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้”

“เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์ที่มีสภาวะสงคราม ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะเรามีเป็นความเป็นความตายของพี่น้องประชาชนคนไทย ที่พำนักอยู่ในอิสราเอล เกือบ 30,000 คน เป็นที่ตั้ง

เพราะฉะนั้น ความสำคัญในการเป็นผู้นำประเทศ ในสภาวะเช่นนี้ย่อมต้องมีมากขึ้นตามไปด้วย การแสดงสัญลักษณ์ การพูดคุย หรือการแสดงท่าทาง อิริยาบถต่างๆ ล้วนถือเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เชิงทางการทูตทั้งสิ้น”

“ส่วนการแต่งตัวแบบแฟชัน ใส่ถุงเท้าสีชมพู สีแดง สวมเสื้อแจ็กเกต หรือเสื้อสูทที่มีความแฟชันมากกว่าทางการนั้น อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และบุคลิกของแต่ละบุคคล นายกรัฐมนตรีแต่ละประเทศจะมีบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน

แต่ในมุมของความเป็น ‘ทางการ’ นั้น ควรที่จะต้องใส่สูทแบบสากล ถุงเท้าควรเป็นสีดำ หรือสีเทาเรียบๆ เพื่อเป็นการเคารพผู้นำของแต่ละประเทศ เพราะผู้นำของแต่ละประเทศนั้น มิได้มีเพียงแค่คนที่เป็นสามัญชนทั่วไป ผู้นำประเทศที่เป็นกษัตริย์ เป็นมกุฎราชกุมาร เป็นองค์จักรพรรดิก็มี ฉะนั้น การนอบน้อมจึงถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะเมื่อเรามีความนอบน้อมแล้ว ในยามที่เราต้องการขอความช่วยเหลือ ต่างประเทศเขาก็จะเต็มใจ พร้อมใจกันให้ความช่วยเหลือ เป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน”

“ซึ่งผมเชื่อว่า หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว นายกฯ เศรษฐา น่าจะมีการปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เพราะถือเป็นบุคคลสำคัญในการเจรจา การขอบินผ่านน่านฟ้าของซาอุดีอาระเบียและประเทศอาหรับทั้งหมด

ในเรื่องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ผมต้องยกความดีความชอบให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเบอร์ 1 และเบอร์ 2 คือ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน

ส่วนเรื่องกาละเทศะนั้น คงต้องปรับปรุงตัวต่อไป เพื่อปกกันไม่ให้สื่อมวลชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ร่วมถึงประชาชนติติงเอาได้ และหากมีใครติติงมาก็ควรรับฟังไว้ และนำไปแก้ไข

เพราะตอนนี้คุณไม่ได้เป็นแค่นายเศรษฐา ทวีสิน แล้ว แต่คุณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นตัวแทนประเทศไทย เป็นตัวแทนของราชอาณาจักรไทย เพราะฉะนั้น จะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ รู้จักกาลเทศะ นี่คือสิ่งสำคัญในการเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทยครับ”