รัฐบาลทหาร 3 ชาติ ผุดไอเดียตั้ง ‘NATO แอฟริกา’ ผนึกกำลัง เสริมความมั่นคง ต้านทัพชาติตะวันตก

‘รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย’ น่าจะเป็นสุภาษิตที่ใช้ได้ทุกยุค ทุกสมัย ทุกสถานการณ์ และทุกประเทศจริงๆ เพราะมนุษย์เราไม่สามารถทำทุกอย่างคนเดียวได้ แม้แต่ชาติมหาอำนาจที่สุดของโลก ก็ยังต้องพึ่งพาประเทศอื่นๆ เพื่อเสริมพลังให้แก่ตน ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง

เช่นเดียวกับประเทศที่กำลังมีปัญหาทางการเมืองอย่าง ‘ไนเจอร์’ ที่ตอนนี้ทั่วโลกกำลังจับตาถึงความมั่นคงของรัฐบาลทหาร ที่เพิ่งผ่านการยึดอำนาจมาหมาดๆ และกำลังถูกกดดันจากกองกำลังของ Economic Community of West African States (ECOWAS) พันธมิตรประเทศแอฟริกาอื่นๆที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก ขู่ว่าจะยกกองกำลังเข้า (รุกราน) แทรกแซงการเมืองในไนเจอร์

ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวด้วยโมเดล ‘โลกล้อมไนเจอร์’ ผ่านการใช้กองกำลังจากพันธมิตรหลายชาติในกาฬทวีป คู่ขนานไปกับการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ที่ดูยังไง ไนเจอร์หัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีทางเอาชนะได้เลย

แต่ทว่าวันนี้ เราก็ได้เห็นการตอบโต้ที่น่าสนใจของกลุ่มประเทศในแถบซาเฮล ซึ่งตอนนี้กลายเป็น ‘แถบรัฐประหาร’ เนื่องจากมีการยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนหลายครั้ง จนเป็นโดมิโนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่เพิ่งจะฟอร์มพันธมิตร 3 ชาติ ‘ไนเจอร์-มาลี-บูร์กินา ฟาโซ’ ก่อตั้งเป็น ‘Alliance of Sahel States’ พันธมิตรแห่งสหรัฐซาเฮล เป็นการรวมตัวกันของรัฐบาลทหาร 3 ชาติ ที่ล้วนแต่ก่อตั้งผ่านกระบวนการรัฐประหารมาเหมือนกัน ในช่วงเวลาไล่เรี่ยกัน อันประกอบด้วย

- พลเอก อับดุลราห์มาน ทะเชียนิ ผู้นำคณะทหารรัฐบาลของประเทศไนเจอร์ 
- พันเอก อัสซิมี โกยตา หัวหน้าคณะรัฐประหารของประเทศมาลี
- ร้อยเอก อิบราฮิม ทราโอเร หัวหน้าคณะรัฐประหาร และผู้นำเฉพาะกาลของประเทศบูร์กีนา ฟาโซ

โดยผู้นำทหารของทั้ง 3 ประเทศ ก็เห็นชอบที่จะจับมือกัน เพราะไหนๆ พวกเราก็เป็นพวกที่ใครๆ มองว่า ‘ฝนตก ขี้หมูไหล’ แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเสีย ซึ่งความเก๋ของพันธมิตร 3 ประสานแห่งซาเฮลนี้ มีการร่างข้อตกลงทางทหารร่วมกัน โดยการยกเอาโมเดลสนธิสัญญาของ ‘NATO’ มาแทบทั้งดุ้น

โดยเฉพาะข้อความในมาตรา 5 ของสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ที่ระบุว่า “หากมีการโจมตีชาติสมาชิกชาติใดก็ตาม ถือเป็นการโจมตีประเทศสมาชิกทั้งหมด ก็ปรากฏในมาตรา 6 ของข้อตกลงพันธมิตรสหรัฐซาเฮลเช่นกัน และรูปแบบการป้องกันแบบองค์รวม การจัดตั้งกองกำลังทางทหารร่วมกัน ก็คล้ายกับกองกำลัง NATO ที่ชาติสมาชิก สามารถยกกองทัพมาช่วยกันรบ หากมีการโจมตีดินแดนของชาติสมาชิก จะแตกต่างกันก็แค่ตอนนี้ NATO แห่งแอฟริกา ยังมีแค่ 3 ประเทศ”

ในตอนนี้การเคลื่อนไหวของทีมรัฐบาลทหาร 3 ชาติของภูมิภาคซาเฮล เป็นเรื่องที่น่าจับตาห่างๆ อย่างห่วงๆ เพราะจากปรากฏการณ์การเมืองโลกในยุคสมัยใหม่ หากประเทศใดมีการล้มล้างรัฐบาลพลเรือนด้วยการรัฐประหาร ประเทศนั้นมักถูกโดดเดี่ยวจากเวทีโลก จนกว่าจะเปลี่ยนผ่านสู่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยอีกครั้ง

แต่สำหรับการฟอร์มพันธมิตรทีมรัฐประหารซาเฮลครั้งนี้ จะเรียกได้ว่าเป็นการ ‘เปิดหน้ารัฐบาลทหาร’ แบบไม่ต้องกระมิด กระเมี้ยนกันอีกแล้ว ที่ทำให้สถานภาพของรัฐบาลรักษาการณ์มีความมั่นคงขึ้น โดยเฉพาะศักยภาพในการต่อกรกับกองกำลังต่างชาติ ที่ต้องการเข้าแทรกแซงการเมืองในประเทศ

และหากโมเดล ‘NATO แห่งแอฟริกา’ สามารถรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลทหารของ 3 พันธมิตรได้จริง และอาจลากเอาชาติอื่นๆใน ‘แถบรัฐประหาร’ ทั้งหมดมารวมกลุ่มได้อีก กลายเป็นกองกำลังที่เป็นปึกแผ่น แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่งในภูมิภาคนี้ก็เป็นไปได้ และเท่ากับดับฝันฝรั่งเศสที่อาจต้องสูญเสียอิทธิพลในดินแดนแถบนี้ไปตลอดกาลด้วย

แต่จุดที่น่าเป็นห่วงคือ การตั้งอยู่ได้ของ NATO แอฟริกา อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการรัฐประหารในทวีปนี้ให้ขยายวงกว้างออกไปได้เรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของประเทศในแอฟริกาทั้งหมด

อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย ในประเทศที่สูญเสียรัฐบาลพลเรือนจากการยึดอำนาจได้ สิ่งที่จะตามมาคือ กลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นชอบกับรัฐบาลทหาร จะถูกกวาดล้าง บีบให้พวกเขาต้องลงใต้ดิน และกลายเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลด้วยความรุนแรงเช่นกัน และมีแนวโน้มจะยกระดับเป็นกลุ่มก่อการร้าย ที่เป็นปัญหาใหญ่ในภูมิภาคแถบนี้ ให้เลวร้ายลงไปอีกนั่นเอง 
ถึงจะดูเป็นการมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย ก็ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ในซาเฮลยังน่าเป็นห่วง และคาดเดาอนาคตได้ยาก กับดินแดนคืบก็ทะเลทราย ศอกก็ทะเลทราย พอลองได้หลงแล้ว หาทางออกลำบากจริงๆ