ย้อนประวัติโหด 2 คู่หูนักปล้น ในเขต North Hollywood สู่การยิงปะทะกับตำรวจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

สวัสดีนักอ่านทุกท่านครับ วันนี้ผมหยิบยกเรื่องราวการยิงปะทะกันระหว่างคนร้ายและตำรวจสหรัฐฯ มาเล่าสู่กันฟังครับ หลายๆ ท่านคงคุ้นชินกับเรื่องการพกพาปืนของชาวสหรัฐฯ กันมาพอสมควร เนื่องด้วยมักจะมีข่าวออกมาบ่อยๆ ว่าเกิดเหตุกราดยิงระทึกขวัญตามสถานที่ต่างๆ สุดท้ายมักจบลงด้วยคราบน้ำตาของผู้สูญเสีย ทว่า ปัญหากราดยิงของสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขจนเป็นที่น่าพอใจของคนในประเทศ

เรื่องที่ผมยกมาเล่านี้ ต้องกล่าวย้อนกลับไปเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 เกิดเหตุการปล้นในนครลอสแองเจลลิส และต่อมาก็กลายเป็นการยิงปะทะกันต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างตำรวจกับผู้ร้าย และถือเป็นการยิงปะทะที่ดุเดือดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของกรมตำรวจแห่งนครลอสแองเจลลิส (LAPD)

เหตุการณ์ครั้งนั้น ทั้งสองฝ่ายสาดกระสุนใส่กันเกือบสองพันนัด โดยฝ่ายตำรวจยิงไปราว 650 นัด และคนร้ายยิงอีกราว 1,100 นัด มีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นคนร้ายทั้งคู่ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 20 คน

นับเป็นเหตุการณ์อีกครั้งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจการยิงที่ด้อยกว่าคนร้าย

คนร้ายทั้งสองคือ Larry Eugene Phillips Jr. และ Ștefan Emilian ‘Emil’ Mătăsăreanu (เกิดที่ประเทศโรมาเนีย) พบกันครั้งแรกที่โรงยิม Gold เมืองเวนิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ. 1989 พวกเขามีความสนใจร่วมกันในเรื่องการยกน้ำหนัก การเพาะกาย และอาวุธปืน

แต่ก่อนรู้จักกัน ‘Phillips’ เป็นผู้ที่พฤติกรรมเป็นคนร้ายเกี่ยวข้องกับการต้มตุ๋นด้านอสังหาริมทรัพย์ และการโจรกรรมในร้านค้า ส่วน Emil เป็นวิศวกรไฟฟ้าและทำธุรกิจซ่อมคอมพิวเตอร์ที่ค่อนข้างจะไม่ประสบความสำเร็จ

20 กรกฎาคม ค.ศ. 1993 Phillips และ Emil ได้ปล้นรถหุ้มเกราะซึ่งจอดอยู่นอกธนาคาร First Bank ในเมือง Littleton มลรัฐโคโลราโด

วันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1993 ทั้งสองถูกจับที่เมือง Glendale ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครลอสแองเจลิสในข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด จากการค้นรถ หลังจากที่ Phillips ยอมจำนนพร้อมอาวุธปืนที่พกติดตัว ตำรวจพบปืน AK-47 กึ่งอัตโนมัติ 2 กระบอก, ปืนพก 2 กระบอก, กระสุนปืนขนาด 7.62 × 39 มม. มากกว่า 1,600 นัด, กระสุนขนาด 9 × 19 มม. และ .45 ACP อีก 1,200 นัด, วิทยุรับฟังความถี่ตำรวจ, ระเบิดควัน, อุปกรณ์ประกอบระเบิด, เสื้อเกราะ, และป้ายทะเบียนของรัฐแคลิฟอร์เนีย 3 แผ่นที่เลขแตกต่างกัน

ในขั้นต้นทั้งสองถูกข้อหาสมรู้ร่วมคิดที่จะก่อการปล้น ทั้งสองติดคุก 100 วัน และถูกคุมประพฤติ 3 ปี หลังจากได้รับการปล่อยตัวทั้งสองได้รับคืนทรัพย์สินส่วนใหญ่ ยกเว้นอาวุธปืนและวัตถุระเบิด

14 มิถุนายน ค.ศ. 1995 ทั้งคู่ได้ปล้นรถหุ้มเกราะของบริษัท Brinks ในเมือง Winnetka มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยได้สังหาร Herman Cook พนักงานรักษาความปลอดภัย และพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกคนถูกยิงบาดเจ็บสาหัส

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1996 ได้ปล้นธนาคารแห่งอเมริกา 2 สาขาในพื้นที่ San Fernando Valley ในนครลอสแองเจลิสได้เงินไปประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Phillips และ Emil ถูกขนานนามว่าเป็น ‘จอมโจรอุบัติการณ์สูง (High Incident Bandits)’ โดยเจ้าหน้าที่สอบสวน จากอาวุธที่ใช้ในการปล้น 3 ครั้งก่อนที่จะเกิดเหตุการยิงกันที่เขต North Hollywood

วันเกิดเหตุ Phillips และ Emil ขับรถ Chevrolet Celebrity สีขาว ปี ค.ศ.1987 มาถึงธนาคารแห่งอเมริกาสาขาแยกถนน Laurel Canyon และถนน Archwood ในเขต North Hollywood ราว 09.17 น. และได้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้แปดนาที เป็นการประมาณเวลาที่ตำรวจจะมาถึงหลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุ

ในช่วงเวลานี้ Phillips ใช้วิทยุรับฟังความถี่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของตำรวจก่อนการปล้น ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปยังธนาคารก็ถูกพบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ LAPD 2 นาย Loren Farrell และ Martin Perello ที่กำลังขับรถสายตรวจเพื่อตรวจตราตามถนน Laurel Canyon เจ้าหน้าที่ Perello แจ้งวิทยุขอความช่วยเหลือ ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุ 211 ที่ธนาคารแห่งอเมริกา ‘211’ คือรหัสแจ้งว่ามีการปล้น

ขณะที่ Phillips และ Emil เข้าไปในธนาคาร พวกเขาอาวุธประกอบด้วย ปืนไรเฟิล Norinco Type 56 S-1 Phillips และ Emil สั่งให้ลูกค้าออกจากโถงที่มี ATM ใกล้กับทางเข้าธนาคารและนอนลงกับพื้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว และเห็นโจร 2 คนพร้อมอาวุธหนัก จึงวิทยุเพื่อนร่วมงานซึ่งอยู่ที่ลานจอดรถให้เรียกตำรวจ แต่ไม่มีการตอบรับ

Phillips ตะโกนว่า "ชูมือขึ้น! ก่อนที่จะเปิดฉากยิงเพดานเพื่อข่มขู่พนักงานธนาคารและลูกค้าประมาณ 30 คน เพื่อไม่ให้ขัดขืน Phillips ยิงเพื่อเปิดประตูกันกระสุน (ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันกระสุนความเร็วต่ำเท่านั้น) และสามารถเข้าถึงเคาเตอร์และตู้นิรภัย ได้บังคับให้ John Villigrana ผู้ช่วยผู้จัดการ เปิดตู้นิรภัย Villigrana จึงจำเป็นต้องเปิดและเริ่มนำเงินใส่ถุงเงิน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลารับมอบของธนาคารห้องนิรภัยจึงมีเงินน้อยกว่า 750,000 ดอลลาร์ตามที่ Phillips และ Emil คาดเอาไว้ ทำให้ Phillips โกรธจนเกิดการโต้เถียงกับ Villigrana และเรียกให้ Villigrana หาเงินให้มากขึ้น และแสดงความหงุดหงิดที่ชัดเจนด้วยการยิงปืนเข้าไปในตู้เซฟของธนาคารถึง 75 นัด ทำลายเงินที่เหลืออยู่ 

Phillips พยายามที่จะเปิดตู้ ATM ของธนาคาร แต่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายผู้จัดการสาขาไม่สามารถเข้าถึงเงิน ATM ได้อีก

ก่อนจะหนี Phillips และ Emil ได้ขังตัวประกันในห้องนิรภัยของธนาคาร ท้ายที่สุดทั้งสองก็เหลือเงินสด 303,305 ดอลลาร์ ซึ่งมีสีระเบิดสามซองซึ่งต่อมาก็เกิดระเบิดทำให้เกิดตำหนิบนเงินที่พึ่งปล้นมาทั้งหมด

ด้านนอกเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดแรกได้ยินเสียงปืนจากธนาคาร และวิทยุเรียกกำลังเสริม ก่อนที่จะหลบเข้าหลังรถสายตรวจเล็งปืนไปยังประตูธนาคาร ในขณะที่โจรยังคงอยู่ข้างใน ตำรวจสายตรวจและสายสืบมาถึง และเข้าประจำตำแหน่งกำบังที่เหมาะสมทั้งสี่มุมรอบ ๆ ธนาคารอย่างมีประสิทธิภาพ

เวลาประมาณ 9:24 น. Phillips เดินออกทางประตูทางเหนือ และพบกับตำรวจห่างราว 200 ฟุต (60 ม.) จึงเปิดฉากยิงเป็นเวลาหลายนาที ทำให้ตำรวจบาดเจ็บ 7 นาย และพลเรือนอีก 3 คน

นอกจากนี้ Phillips ยังยิงเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์ตำรวจซึ่งบินตรวจการณ์ด้านบน จนต้องบินห่างออกมาในระยะปลอดภัย Phillips ถอยกลับเข้ามาข้างในสักพัก ก่อนโผล่ออกทางประตูด้านเหนือ ขณะที่ Emil เดินออกจากประตูทางทิศใต้

Phillips และ Emil เริ่มยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ โดยยิงไปยังรถสายตรวจที่จอดอยู่ตามถนน Laurel Canyon หน้าธนาคาร เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอาวุธปืนมาตรฐาน ได้แก่ ปืนพกแบบ Beretta 92F/FS ขนาด 9 มม. ปืนพกลูกโม่ S&W Model 15 ขนาด .38 และปืนลูกซอง Ithaca แบบโยนลำ (Pump action) Model 37 ขนาด 12 ทันทีที่เจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้กระสุนของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเจาะผ่านชุดเกราะที่ Phillips และ Emil สวมใส่ได้ ด้วยปืนพกของเจ้าหน้าที่ LAPD ส่วนใหญ่ไม่มีอานุภาพเพียงพอ และในระยะไกลมีความแม่นยำต่ำ มีเสียงตำรวจ LAPD เตือนเจ้าหน้าที่คนอื่นว่า "อย่าหยุดยานพาหนะหลบหนี เพราะพวกเขามีอาวุธปืนอัตโนมัติ ไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้" 

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังถูกตรึงไว้ด้วยห่ากระสุนจาก Phillips และ Emil ทำให้ยากต่อการพยายามยิงตรงศีรษะ (ซึ่งไม่มีเกราะป้องกัน) เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายจึงได้ไปขอยืมปืน AR-15 จำนวน 5 กระบอกจากร้านขายปืนใกล้เคียงเพื่อนำมาใช้ยิงต่อสู้กับ Phillips และ Emil

มีสองตำแหน่งที่อยู่ติดกับลานจอดรถด้านทิศเหนือที่เหมาะจะกำบังเจ้าหน้าที่ และสามารถยิง Phillips ด้วยปืนพก ขณะที่ Phillips กำลังยิง และหลบใกล้กับรถ 4 คันที่จอดอยู่ติดกับกำแพงด้านเหนือของธนาคาร และสถานที่แห่งหนึ่งที่ เจ้าหน้าที่ Zielenski กองตำรวจจราจร Valley ใช้เป็นที่กำบังคือ ร้านอาหาร Del Taco สาขา West wall ห่างจาก Phillips ราว 351 ฟุต เจ้าหน้าที่ Zielenski ยิง Phillips ไป 86 นัด และอาจยิงถูกอย่างน้อยหนึ่งนัด ตำแหน่งอื่นที่เป็นประโยชน์เจ้าหน้าที่ LAPD คือสนามหลังบ้านเลขที่ 6641 ถนน Agnes ผนังบล็อกช่วยกำบังเจ้าหน้าที่ที่ทำการยิงต่อสู้ และอาจยิงถูก Phillips ด้วยกระสุน 9 มม. จากปืนพกของนักสืบ Bancroft ซึ่งยิงไป 17 นัด และนักสืบ Harley ยิงไปอีกราว 15 ถึง 24 นัด ถูก Phillips ในระยะประมาณ 55 ฟุต

หลังจากที่ Emil เคลื่อนรถ Chevrolet Celebrity ออกจากพื้นที่จอดรถคนพิการในลานจอดรถทางตอนเหนือ Phillips อาจถูกยิงที่มือซ้าย (อ้างอิงจากภาพข่าวเฮลิคอปเตอร์ที่แสดงให้เห็นว่า เขามีอาการบาดเจ็บ) ในเวลาเดียวกันกระสุนปืนจากเจ้าหน้าที่ LAPD ยิงถูกปืน H&K 91 ที่ Phillips ใช้ยิงจนขัดข้องและใช้งานไม่ได้ เจ้าหน้าที่ LAPD ยิง Phillips บาดเจ็บจากสองจุดกำบังและป้องกันไม่ให้ Phillips สามารถหลบหนีได้ง่าย ๆ

หลังจากเจ้าหน้าที่วิทยุ LAPD ได้รับแจ้งจากตำรวจในที่เกิดเหตุว่า มีตำรวจถูกยิง ทีม SWAT ของ LAPD ก็ไปถึงภายใน 18 นาทีหลังจากการยิงเริ่มขึ้น ทีม SWAT พร้อมด้วยปืน AR-15 และสวมรองเท้าวิ่ง และกางเกงขาสั้น สวมเกราะ เนื่องจากได้รับแจ้งขนาดวิ่งออกกำลัง

เมื่อมาถึงจึงให้รถหุ้มเกราะที่ใช้ขนเงินขนย้ายพลเรือนและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุ ขณะที่ยังอยู่ในลานจอดรถ Emil ถูกยิง 2 นัด ที่สะโพกขวาและแขนซ้าย ทำให้ต้องทิ้งกระเป๋าใส่เงิน และเข้าไปในรถเพื่อหลบหนี

ขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ Phillips ดึงปืนยาวกึ่งอัตโนมัติ HK-91 ออกมาจากกระเป๋า และเริ่มยิงเจ้าหน้าที่ต่อในขณะที่เดินข้างรถเพื่อใช้เป็นที่กำบัง เมื่อ Phillips เดินเข้าด้านข้างของรถที่ใช้หลบหนี จึงถูกยิงเข้าที่ไหล่ และปืนถูกยิงที่โครงปืนและซองกระสุน หลังจากยิงต่ออีก 2-3 นัดด้วยแขนข้างเดียว Phillips ก็ทิ้งปืน HK-91 และดึงปืนยาว Norinco Type 56 ก่อนออกจากลานจอดรถ และถอยกลับไปยังถนน ขณะที่ Emil ขับรถไปตามถนน

เวลา 9:52 น. Phillips มุ่งไปทางตะวันออกบนถนน Archwood และกำบังตัวด้วยรถบรรทุกที่จอดไว้ โดยยังคงยิงเจ้าหน้าตำรวจต่อจนกระทั่งปืนยาว Norinco Type 56 ของเขาขัดลำ และไม่สามารถแก้ไขได้ เขาจึงวางปืนยาว และดึงปืนพก Beretta 92FS ออกมาเริ่มยิงจากนั้นเขาก็ถูกยิงที่มือขวาทำให้เขาวางปืนลง ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงยิงร่างของ Phillips อีกหลายนัด ขณะที่เขาอยู่นอนบนพื้นดิน

หลังจากหยุดยิงแล้วเจ้าหน้าที่เข้าล้อมรอบตัวของ Phillips เพื่อใส่กุญแจมือ และถอดหน้ากากสกีออก รถของ Emil ใช้งานไม่ได้หลังจากที่ยางรถถูกยิง และกระจกหน้ารถเต็มไปด้วยรูกระสุน

เวลา 9:56 น. เขายังพยายามจี้รถจี๊ป Gladiator สีเหลือง ปี ค.ศ.1963 บนถนน Archwood โดยยิงใส่คนขับที่หนีไปสามช่วงตึกทางตะวันออกจากจุดที่ Phillips เสียชีวิต เขาย้ายอาวุธปืนและกระสุนทั้งหมดออกจากรถอย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถใช้รถจี๊ปได้เนื่องจากเจ้าของรถกดสวิตช์ปิดระบบไฟฟ้าก่อนที่จะหนีไป

ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์ของ KCBS และ KCAL บินวนอยู่เหนือศีรษะ รถของหน่วย SWAT มาถึงอย่างรวดเร็ว และหยุดบริเวณฝั่งตรงข้าม Emil ยิงต่อสู้แทบจะไม่ชะงักหยุดราวสองนาทีครึ่ง เกราะหน้าอกของ Emil ถูกเจ้าหน้าที่ SWAT ซึ่งยิงแบบสองนัดซ้อน (Double tap) ถูก Emil ซึ่งเขาไปครู่เดียวก่อนที่จะยิงต่อ ในที่สุดเจ้าหน้าที่หน่วย SWAT ก็ยิง AR-15 ของเขาจากใต้ท้องรถถูก Emil ที่ขาจนบาดเจ็บ เพราะไม่มีเกราะป้องกัน และไม่สามารถขยับตัวได้ จึงยกมือขึ้นเพื่อแสดงการยอมแพ้ แต่แล้วในที่สุด Emil ก็เสียชีวิตก่อนที่รถพยาบาลจะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงที่เกิดเหตุเกือบ 70 นาทีต่อมา

.

รายงานระบุว่า Emil ถูกยิงที่ขาถึง 20 นัดและเสียชีวิตจากการเสียเลือดมากจากบาดแผลกระสุนปืน 2 นัดที่ต้นขาซ้าย

เหตุการณ์ส่วนใหญ่รวมถึงการเสียชีวิตของ Phillips และการยอมจำนนของ Emil ถูกถ่ายทอดสดโดยเฮลิคอปเตอร์ของสำนักข่าวซึ่งบินวนอยู่เหนือที่เกิดเหตุ และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเหตุการณ์นี้มีเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกว่า 300 นายจากหน่วยต่าง ๆ สนธิกำลังตอบสนองการแจ้งเตือนของ LAPD

เมื่อหยุดยิงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า Phillips และ Emil ยิงปืนไปประมาณ 1,100 นัด หรือประมาณ 1 นัดในทุกสองวินาที อาวุธปืนที่ Phillips และ Emil ครอบครอง ประกอบด้วย

(1) ปืนยาว Bushmaster XM-15 ดัดแปลงผิดกฎหมายให้ยิงอัตโนมัติได้ พร้อมด้วยซองกระสุนแบบจาน Beta บรรจุ 100 นัดสองอัน

(2) ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ Heckler & Koch HK-91 พร้อมซองกระสุน 30 นัดหลายอัน

(3) Beretta 92FS Inox (สแตนเลส) พร้อมซองกระสุนหลายอัน

(4) ปืนยาวแบบ AK-47 รุ่นพลเรือน 3 กระบอก ดัดแปลงผิดกฎหมายให้ยิงอัตโนมัติ พร้อมด้วยซองกระสุนแบบจานบรรจุ 75-100 นัดหลายอัน รวมถึงซองกระสุน 30 นัดจำนวนหนึ่ง

มีการคาดเดาว่า Phillips ซื้อ AK-47s สองรุ่นอย่างถูกกฎหมาย แล้วแปลงให้เป็นอัตโนมัติเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม Phillips เคยถูกศาลตัดสินว่า กระทำความผิด จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะซื้ออาวุธปืนอย่างถูกกฎหมาย

ทั้งสองคนได้ยิงปืนไปประมาณ 1,100 นัดในขณะที่ตำรวจยิงไปประมาณ 650 นัด หลังจากการฝึกซ้อมเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนฝึกตอบโต้ด้วยการยิงที่ "ศูนย์กลางของลำตัว" ของ Phillips และ Emil แต่ชุดเกราะอะรามิดที่ทั้งคู่สวมใส่นั้นหุ้มเกือบทั้งตัว (ยกเว้นส่วนหัว) และสามารถกันกระสุนดีกว่าเกราะเคฟล่าร์รุ่นมาตรฐานของตำรวจ ช่วยซับแรงปะทะของกระสุนปืนพกและปืนลูกซอง แผ่นโลหะ (Truma plate) สามารถกันกระสุนจาก AR-15 ของเจ้าหน้าที่ SWAT ทำให้ปืนพกประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้นั้นมีอานุภาพไม่เพียงพอ ทั้งยังมีความแม่นยำค่อนข้างต่ำ

และนอกจากนี้แล้วเจ้าหน้าที่ยังถูกยิงตรึงด้วยอำนาจการยิงที่เหนือกว่าของผู้ร้ายทำให้ยากที่จะยิงตรงส่วนหัวของ Phillips และ Emil ได้ โดยทั้งสองคนแต่ละคนถูกยิงอย่างน้อย คนละไม่ต่ำกว่า 10 นัด แต่ทั้งคู่ก็ยังสามารถยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปได้

North Hollywood shootout มีส่วนสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ LAPD และเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศสหรัฐฯ เลือกใช้อาวุธปืนไรเฟิลแบบกึ่งและอัตโนมัติใหม่จากบทเรียนความไม่ได้ผลของปืนพกตำรวจและปืนลูกซองมาตรฐานที่ไม่สามารถเจาะเกราะที่ผู้ร้ายใช้ นำไปสู่แนวโน้มในสหรัฐอเมริกาต่อการเลือกอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่เฉพาะแค่หน่วย SWAT ที่จะใช้อาวุธหนักเช่น ปืนกึ่งอัตโนมัติ AR-15 ซึ่งทีม SWAT ยังมีอาวุธปืนต่อสู้ในระยะประชิดอันมักประกอบด้วยปืนกลมือ Heckler & Koch MP5 เริ่มเสริมด้วยปืน Carbines แบบ AR-15 เจ็ดเดือนหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้มอบปืน M16s ส่วนเกินของกองทัพจำนวน 600 กระบอกให้กับ LAPD

ซึ่ง LAPD ได้รับมอบรถลาดตระเวน LAPD พร้อมทั้งปรับปรุงประตูรถโดยบุด้วยเคฟล่า อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์นี้ LAPD อนุญาตให้เจ้าหน้าที่พกปืนพกแบบกึ่งอัตโนมัติขนาด .45 ACP ในหน้าที่โดยเฉพาะรุ่น Smith & Wesson 4506 และ 4566 ก่อนปี ค.ศ.1997 LAPD SWAT ใช้ปืนพก ขนาด.45 เท่านั้น เฉพาะรุ่น M1911A1 ขนาด .45 ACP

หนึ่งปีหลังจาก North Hollywood shootout เจ้าหน้าที่ตำรวจ LAPD 18 นายได้รับเหรียญกล้าหาญจากกรมฯ และได้เข้าพบประธานาธิบดี Bill Clinton ปี ค.ศ. 2003 มีการผลิตภาพยนตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ชื่อ 44 Minutes: The North Hollywood Shoot-Out ปี ค.ศ. 2004 พิพิธภัณฑ์ตำรวจลอสแองเจลิสใน Highland Park มีนิทรรศการเรื่อง สองชีวิต แสดงภาพ Phillips และ Emil อาวุธปืน เสื้อเกราะ และเสื้อผ้า    ของพวกเขา

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงรถหลบหนีของ Phillips และ Emil และรถลาดตระเวน LAPD ของ เจ้าหน้าที่ Martin Whitfield ด้วย

อำนาจการยิง (Fire power) ถือเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายพึงระลึกเสมอ อย่างเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในบ้านเราที่โคราชและหนองบัวลำภู สมัยก่อนตำรวจไทยมักพกแต่ปืนลูกโม่แบบ Smith & Wesson M-10 ขนาด .38 กระสุนสำรองมีบ้างไม่มีบ้าง ที่มีก็เก่าด้วยตากแดดตากฝนไม่รู้กี่ปีกี่เดือนแล้ว แต่ในปัจจุบันแทบไม่ปรากฏพบเห็นอีกเลย ด้วยตำรวจไทยเกือบทั้งหมดพกปืนพกกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อต่าง ๆ ที่ทันสมัยพร้อมซองกระสุนสำรอง ความสำคัญของเรื่องอาวุธปืนเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติจะประมาทไม่ได้เลย เพราะหมายถึง การบาดเจ็บและเสียชีวิต ของตัวเจ้าหน้าที่ทั้งหลายเอง


เรื่อง: ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล

ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโทและเอก นักเล่าเรื่องมากมายในหลากหลายมิติ เป็นผู้ที่ชื่นชมสนใจในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ