3 แบงก์ใหญ่ เงินไหลออก กว่า 2 ล้านล้านบาท  สวนทาง Apple เสนอเงินฝากดอกเบี้ย 4.15%

ถึงยุคที่ธนาคารทั่วโลกกำลังจะถูก Disrupt แล้วหรือไม่ ?!? เพราะหลังจากเกิดวิกฤต Bank Run ขึ้นมา Apple บริษัท Smartphone ยักษ์ใหญ่ของโลกก็ได้ประกาศเสนอบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงถึง 4.15% ซึ่งผู้บริโภคสามารถฝากเงินผ่าน Saving Account ของบริษัทได้ทันทีเพียงแค่เป็นลูกค้าของ Apple เท่านั้น !!! (ตอนนี้ยังเปิดใช้แค่ลูกค้าที่มีบัตร Apple Card ในสหรัฐฯ)

(18 เม.ย.66) World Maker เผยว่า บัญชีดังกล่าวเป็นการร่วมมือกับ Big Bank แห่ง Wall Street อย่าง Goldman Sachs โดยไม่มีการกำหนดเงินฝากขั้นต่ำ แต่มีการกำหนดเงินฝากสูงสุดที่ 250,000 ดอลลาร์ซึ่งหมายความว่าจะได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่จาก Federal Deposit Insurance Corp. อีกด้วย !!

ระดับดอกเบี้ยที่ 4.15% นั้นถือว่าสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารขนาดเล็ก-กลางหลายแห่งในตอนนี้เลยทีเดียว ! ซึ่งแน่นอนว่าหากธนาคารใหญ่เริ่มจับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่มากขึ้นเช่นนี้ จะถือเป็นการ Disrupt โดยตรงต่อธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่สามารถเสนอดอกเบี้ยได้สูงในระดับนี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการบริหารงบไม่ดี

มีรายงานว่าแม้แต่ธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่งคือ Charles Schwab, State Street และ M&T ก็ได้เผชิญเงินไหลออกสูงถึง -6 หมื่นล้านดอลลาร์หรือกว่า -2 ล้านล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และแนวโน้มดังกล่าวอาจดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ สำหรับธนาคารหลายแห่ง หากพวกเขายังไม่ยอมขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากให้กับผู้บริโภค

นอกจากบัญชีดอกเบี้ย 4.15% แล้ว นักลงทุนและผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังถอนเงินออกจากธนาคารหลายแห่งเพื่อไปพักเงินใน Money Market Funds แทน เนื่องจากกองทุนเหล่านี้ให้ดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ประมาณ 4.65% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับดอกเบี้ยของ FED ในปัจจุบัน ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าแรงกดดันต่อธนาคารที่เสนอดอกเบี้ยต่ำจะมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ดอกเบี้ยหลัก ๆ ในตลาดการเงินยังคงสูงเช่นนี้

มีเพียงธนาคารยักษ์ใหญ่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังสามารถแข่งขันในตลาดได้ ซึ่งนอกจาก Goldman Sachs แล้วก็จะมี Big Bank อย่างเช่น JPMorgan, Wells Fargo, Morgan Stanley, Citigroup และ Bank of America ที่ถือเป็นเสาหลักอยู่ในตอนนี้ แต่ทั้ง 6 ยักษ์ใหญ่ต่างก็ต้องแข่งขันกันเองด้วย ดังนั้นจะเสนอดอกเบี้ยต่ำกว่ากันมากนักไม่ได้

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของ Apple ถือเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์แปลง iPhone ให้กลายเป็น “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าทุกคนสามารถเชื่อมโยงการเงินของตัวเองและวิถีชีวิตประจำต่าง ๆ ได้ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว (ซึ่งในอนาคตอาจไม่ใช่แค่ iphone แต่ยังรวมถึง Product ใหม่ ๆ ด้วย)

แม้ว่าจะไม่สามารถใช้เงินในบัญชีออมทรัพย์ได้โดยตรง แต่ลูกค้า Apple Card จะสามารถโอนเงินจากบัญชีดังกล่าวมายังบัญชีกระแสเงินสด Apple Cash ก่อนจะใช้งานได้ตลอดเวลา ซึ่งก็แทบไม่ต่างกัน !

ที่น่าสนใจมาก ๆ คือความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่เท่าที่เราเห็น แต่อาจเป็นการเตรียมยกระดับระบบต่าง ๆ ไปสู่ดิจิทัลมากขึ้นเพื่อก้าวสู่โลกอนาคต เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ทาง Apple ยังได้ร่วมมือกับบางรัฐในสหรัฐฯ เพื่อให้บริการออกใบขับขี่เวอร์ชั่นดิจิทัล ขณะเดียวกันก็มีการเจรจากับ Alphabet เพื่อที่จะใช้ Google เป็น Browser เริ่มต้นของ Safari ใน iPhone

อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า Apple จะไม่มีคู่แข่ง เพราะปัจจุบันธนาคารบางแห่งก็เสนอดอกเบี้ยเงินฝากออนไลน์มากถึง 5% แต่ถึงกระนั้นก็เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าภาคธนาคารกำลังถูก Disrupt ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่บริหารงบไม่ดี ไม่มีความสามารถในการทำกำไร และไม่สามารถเสนอดอกเบี้ยที่สูงตามอัตราหลักของตลาดได้

ดังนั้นแล้ว ภาพฉายในอนาคตอาจเป็นตามที่ปู่ Warren Buffett กล่าวเอาไว้ว่า ธนาคารหรือสถาบันการเงินใดที่บริหารไม่ได้เรื่องก็มีแนวโน้มจะได้เห็นการล้มละลายไปอีกไม่จบง่าย ๆ แค่นี้ เนื่องจากวิกฤต Bank Run ที่เกิดขึ้นกับ SVB ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สหรัฐฯ จะยกระดับกฏหมายดูแลที่ผ่อนคลายลงไปในยุคของรัฐบาลทรัมป์  (ซึ่งมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัสเซีย) เพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบธนาคารขนาดเล็ก-กลางอย่างเข้มงวดเหมือนกับแบงก์ใหญ่ ๆ และเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตขึ้นมา

ซึ่งก็ทำให้น่าจับตามองว่าระบบการเงินของสหรัฐฯ จะถูกยกระดับขึ้นไปอย่างไรบ้างในการเข้าสู่ยุค Digital Economy เนื่องจากทาง FED เองก็มีการออกโครงการใหม่ ๆ (เช่นตอนนี้คือ FEDNow) รวมถึงอาจมีการออก CBDC (Digital Dollar) มาใช้งานด้วยในอนาคต และหากใครติดตามข่าวมาตลอดก็คงพอจะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินนั้นจะเกี่ยวข้องกับบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างมีนัยสำคัญ

อนึ่ง วิกฤตธนาคารในครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลต่อตลาดหุ้นมากนัก (หรืออาจจะยังไม่ถึงจุด ?) แม้ว่าหลายคนจะกลัวพร้อมกับมีการกระหน่ำข่าวโจมตีจากฝั่งศัตรูของสหรัฐฯ ว่าวิกฤตครั้งนี้จะกลายเป็นหายนะของตลาด แต่ในความเป็นจริงพบว่าหุ้นหลายตัวดีดขึ้นมาสวนทางข่าวร้ายด้วยซ้ำ


เรื่อง: World Maker
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02sPVJvGLc1BNmMEsASTfTML45oFmuHpuKENdn1V9kaGxRGHVumYvLDG7HqUtEfdcAl&id=100057372132574&mibextid=Nif5oz